จุดหมาย – ได้รับพระราชกรุณาโปรดเกล้าฯให้เข้าเฝ้า ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา เพื่อรับพระราชทานปริญญาบัตร ประกาศนียบัตร เข็มวิทยฐานะ ประจำปี2562 จำนวนรถโค้ช 18 คัน
Thanatwitบริการให้เช่ารถตู้ รถบัส รถทัวร์ รถโค้ชปรับอากาศ ขนาด 30-40-50 ที่นั่ง ประเภทชั้นเดียวและสองชั้น ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน สำหรับการเดินทางท่องเที่ยว รถใหม่ มีประสิทธิภาพ ได้มาตรฐาน ระบบความปลอดภัยสูง รถสีขาวประกอบลวดลายกราฟฟิค ภายในตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ. เป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงของประเทศ ขึ้นตรงกับสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม มีหน้าที่จัดการศึกษาหลักสูตรเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติและการป้องกันราชอาณาจักร ให้แก่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน พนักงานองค์การของรัฐ รัฐวิสาหกิจ รวมทั้งเอกชน โดยฝึกปฏิบัติการวางแผนและนโยบายระดับชาติ การพัฒนายุทธศาสตร์ชาติ ผู้อำนวยการได้แก่ พลโท สมยศ ฉันทวรลักษณ์ รองผู้อำนวยการได้แก่ พลตรี ทักษิณ สิริสิงห ประวัติ[แก้]วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ก่อตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 โดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยเปิดการศึกษาเฉพาะผู้บริหารชั้นสูงของฝ่ายทหารและพลเรือนเท่านั้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2532 จึงเปิด หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน หรือ ปรอ. ขึ้นมาอีกหลักสูตรหนึ่ง เพื่อให้นักธุรกิจระดับเจ้าของกิจการหรือผู้บริหารได้เข้ารับการศึกษาร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐ ในปี พ.ศ. 2546 เปิด หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐ เอกชน และการเมือง หรือ วปม. โดยรับนักการเมืองเพิ่มเข้ามา ปัจจุบันหลักสูตร วปม. ไม่เปิดการศึกษา คงเหลือแต่หลักสูตร วปอ. และ ปรอ. นักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรเป็นผู้บริหารระดับสูง โดยมีข้อกำหนดของผู้ที่จะได้รับการพิจารณาให้เข้าศึกษานี้ว่า
เข็มรัฎฐาภิรักษ์[แก้]เข็มวปอ.เข็มรัฎฐาภิรักษ์ หรือ เข็มวปอ.(ภาษาพูด) เป็นเครื่องหมายวิทยฐานะ สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เริ่มใช้ตั้งแต่การศึกษารุ่นแรก(ประจำปี พ.ศ. 2498 – 2499) เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบเป็นเข็มรัฎฐาภิรักษ์มีดังนี้
การวิพากษ์วิจารณ์[แก้]ผลงานวิจัย “เครือข่ายผู้บริหารระดับสูงผ่านเครือข่ายทางการศึกษา” ของนวลน้อย ตรีรัตน์ ใน พ.ศ. 2555 รายงานว่าหลักสูตร วปอ. และหลักสูตรอื่นที่คล้ายกันเป็นที่แบ่งอำนาจระหว่างชนชั้นนำภายใต้ความสัมพันธ์แบบ “พรรคพวกเพื่อนฝูง” และเป็นช่องทางลัดให้คนกลุ่มใหม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นนำ อ้างอิง[แก้]
|