ก น อาหาร เสร ม เยอะ อ นตราย ไหม

"วิตามิน" มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ให้เป็นไปตามปกติ ซึ่งแหล่งที่มาของวิตามินโดยทั่วไป คือ อาหาร และจากกระบวนการผลิตภายในร่างกาย ในทางตรงกันข้าม หากร่างกายได้รับวิตามินบางชนิดไม่เพียงพอ ก็อาจส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยได้ ทำให้บางคนพยายามหลีกเลี่ยงอาการเจ็บป่วยนั้นด้วยการเพิ่มแหล่งวิตามินให้กับร่างกาย เช่น การรับประทานอาหารเสริม รวมถึงวิตามินแบบอัดเม็ด อย่างไรก็ตาม หากร่างกายได้รับวิตามินมากเกินไปหรือใช้ผิดวิธี ก็อาจส่งผลเสียได้มากมายเช่นกัน

สมุนไพร-วิตามิน กินมาก-กินนาน ไม่ระวังเสี่ยงตับอักเสบอันตรายถึงชีวิต

กลุ่มสารอาหาร-วิตามิน แก้ “ภาวะสมองล้า” ลดเสี่ยงอัลไซเมอร์

ก น อาหาร เสร ม เยอะ อ นตราย ไหม

รู้จักวิตามินทั้งประโยชน์และโทษ

  • วิตามิน เอ

เป็นวิตามินที่ละลายในไขมันและสามารถสะสมไว้ในร่างกายเพื่อเก็บไว้ใช้งาน แต่ถ้าได้รับในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น หรือรับเป็นระยะเวลานานเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ผมร่วง ตับอักเสบ โดยเฉพาะในหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้

ปริมาณ วิตามิน เอ ที่เหมาะสมต่อวัน สำหรับผู้ใหญ่คือ 200 - 400 IU หรือ 5 - 10 ไมโครกรัม ซึ่งวิตามินดีที่เป็นอาหารเสริมแบบแคปซูล มักขนาดประมาณ 400 IU

  • วิตามิน ซี

เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ร่างกายไม่สามารถเก็บสะสมได้ การรับประทานวิตามินซีมากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะอึดอัดแน่นท้อง ท้องเสีย รวมถึงระคายเคืองกระเพาะอาหาร หรือถ้าหากกินวิตามินซีติดต่อกันนานเกินไป ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นนิ่วในไตได้

ปริมาณวิตามินซีที่เหมาะสมต่อวัน

ร่างกายต้องการวิตามินอยู่ที่ 1,000 – 3,000 มิลลิกรัมต่อวัน ผลการวิจัยศึกษาเรื่องการดูดซึมวิตามินซี บ่งชี้ว่า ร่างกายจะดูดซึมวิตามินซีได้เฉลี่ยประมาณ 200-400 มิลลิกรัมต่อครั้งเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ต่อให้เราทานวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม ร่างกายก็ดูดซึมได้เพียงแค่ 400 มิลลิกรัมต่อครั้งเท่านั้น

  • วิตามิน ดี

เป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถสร้างได้เองจากผิวหนังเมื่อสัมผัสกับแสงแดด มีประโยชน์ในการยับยั้งการเกิดโรคกระดูกพรุนและลดการแตกหักของกระดูก รวมทั้งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย แต่ถ้าได้รับในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นนิ่วในไตได้เช่นกัน วิตามิน อี เป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน ใช้ในการรักษาภาวะไขมันพอกตับ แต่ถ้าได้รับมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกผิดปกติได้

ปริมาณวิตามินดีที่เหมาะสมต่อวัน

  • ทารก 6-11 เดือน 250-600 ไมโครกรัมต่อวัน
  • เด็ก1-3 ปี 300-800ไมโครกรัมต่อวัน
  • 4-5 ปี 350-1,100 ไมโครกรัมต่อวัน
  • หญิงตั้งครรภ์ 3 เดือแรก ควรได้รับ 700- 3,000 ไมโครกรัมต่อวัน
  • หญิงให้นมบุตร - 1,300 3,000 ไมโครกรัมต่อวัน

สังกะสี ช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายและป้องกันเชื้อโรค และสามารถขับออกทางอุจจาระได้ ถ้าร่างกายดูดซึมได้ไม่หมด แต่ถ้าได้รับมากเกินไป อาจทำให้ท้องเสีย คลื่นไส้ เวียนศีรษะ และระบบทางเดินอาหารทำงานผิดปกติ

ก น อาหาร เสร ม เยอะ อ นตราย ไหม

ปริมาณสังกะสีที่เหมาะสมต่อวัน ไม่เกิน 40 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับปริมาณที่เหมาะสมของแต่ละเพศและช่วงวัยมีดังนี้

  • ทารกอายุไม่เกิน 2 ปี ควรได้รับวันละ 2-3 มิลลิกรัม
  • เด็กอายุ 6-8 ปี ควรได้รับวันละ 4 มิลลิกรัม
  • เด็กอายุ 9-12 ปี ควรได้รับวันละ 5 มิลลิกรัม
  • เด็กอายุ 13-15 ปี หากเป็นเพศชายควรได้รับวันละ 8 มิลลิกรัม และเพศหญิงควรได้รับวันละ 7 มิลลิกรัม
  • เด็กอายุ 16-18 ปี หากเป็นเพศชายควรได้รับวันละ 9 มิลลิกรัม และเพศหญิงควรได้รับวันละ 7 มิลลิกรัม
  • ผู้ใหญ่เพศหญิง ควรได้รับวันละ 12 มิลลิกรัม
  • ผู้ใหญ่เพศชาย ควรได้รับวันละ 15 มิลลิกรัม
  • หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรได้รับสังกะสีมากขึ้นกว่าปริมาณปกติประมาณ 2 มิลลิกรัม และ 1 มิลลิกรัม ตามลำดับ

ความลับวิตามิน B เสริมสร้างภูมิต้านทานบำรุงประสาทและสมอง

ก น อาหาร เสร ม เยอะ อ นตราย ไหม

  • ธาตุเหล็ก

เป็นส่วนประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดง ช่วยลำเลียงออกซิเจนจากปอดไปสู่เซลล์ทั่วร่างกาย แต่ถ้าได้รับมากเกินไป อาจทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย และเกิดการเป็นพิษต่อเซลล์ ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะสำคัญในร่างกาย เช่น ตับ หัวใจ ไต ปอด ซึ่งอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

ปริมาณธตุเหล็กที่เหมาะสมต่อวัน

  • อายุ4-9 ปี วันละ 10 มิลลิกรัม
  • ชายอายุ 10-15 ปี วันละ 12 มิลลิกรัม
  • หญิงอายุ 10-50 ปี วันละ 15 มิลลิกรัม
  • หญิงหากมีอายุ 50 ปีขึ้น วันละ 10 มิลลิกรัม

โดยเพศหญิงที่มีประจำเดือนเสี่ยงเสียธาตุเหล็กจากการเลือกในส่วนนี้ประมาณ 15-30 มิลลิกรัมต่อเดือน โดยเฉพาะสาว ๆ ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ หรือในหญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร ร่างกายก็ต้องการธาตุเหล็กเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างเม็ดเลือดแดงด้วย

อย่างไรก็ตามการหลีกเลี่ยงขาดวิตามินคือการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละมื้อ เพราะวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นเหล่านี้จะซ่อนอยู่ในผักผลไม้และเนื้อสัตว์ที่หลากหลาย รวมทั้งหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมก็นับว่าเพียงพอที่จะทำให้ลดภาวะการขาดวิตามินได้และไม่ควรกินยาสมุนไพรหรือวิตามินเสริมเกินความจำเป็นหรือไม่ได้อยู่ในการดูแลของแพทย์เพราะอาจส่งผลเสียระยะยาวต่อระบบภายใน รวมทั้งการเลือกกินวิตามินควรผลิตมาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ สะอาด ปลอดภัย ที่สำคัญการตรวจสุขภาพประจำปีก็สำคัญเช่นกัน

อาหารเสริม กิน ได้ นาน แค่ ไหน

มั่นใจผลิตภัณฑ์ เราควรทานอาหารเสริมนานเท่าไหร่? บ่อยครั้งที่ลูกค้ามีคำถามว่า เขาควรจะทานอาหารเสริมไปถึงเมื่อไหร่ แน่นอนว่า การจะทานอาหารเสริมให้เห็นผลนั้น ต้องทานเป็นประจำ สม่ำเสมอทุกวัน และ หลังจากทานครบ 6 เดือน คุณหมอได้แนะนำให้หยุดทานสัก 2 อาทิตย์ เพื่อที่ว่าร่างกายของเราจะไม่พึ่งพาอาหารเสริมมากจนเกินไป

กินอาหารเสริมเยอะเป็นไตไหม

ถามว่าจะทําให้ไตวายหรือเปล่า. หมอมองว่าถ้าเกิดเรากินสิ่งที่เป็นอาหารเสริมจัดเป็นอาหาร. เช่นเรากินวิตามินซี. วิตามินซี. หรือเรากินแร่ธาตุต่าง ๆ. ซิงค์ พิชออยล์. เป็นสิ่งที่มันมีในอาหาร ด้วยฟอร์มวิตามินที่เหมาะสม. ด้วยขนาดที่เหมาะสม. ไม่ทําให้เกิดไตวายนะครับ.

อาหารเสริมกินหลายตัวได้ไหม

ข้อแนะนำจากแพทย์สำหรับการทานวิตามินและอาหารเสริมหลายตัวการกินวิตามินหรืออาหารเสริมเยอะ ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัย แต่กลับมีอันตรายต่อร่างกายด้วยเหมือนกัน เพราะมันสามารถไปตกค้างสะสมในร่างกายได้ หากเราต้องการจะกินวิตามิน แนะนำว่าให้ตรวจหาระดับวิตามินในร่างกายเสียก่อน

อาหารเสริมมีผลต่อตับไหม

การรับประทานสมุนไพรและวิตามินต่างๆ ถึงแม้จะช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ดี แต่จริงๆ แล้วการบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปหรือต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลเสียให้กับตับได้