ตับอ่อนเป็นอวัยวะที่อยู่ด้านหลังกระเพาะอาหารใกล้กับลำไส้เล็กส่วนต้น มีหน้าที่ช่วยย่อยอาหารและคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด ซึ่งหนึ่งในโรคเกี่ยวกับตับอ่อนที่เปรียบเสมือนภัยเงียบรอวันแสดงอาการ แต่หลายคนอาจไม่เคยรู้คือ ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน โดยพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงและมีความรุนแรงแตกต่างกันออกไป สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่การรักษาโดยเร็วที่สุดและดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากโรค Show รู้จักตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute Pancreatitis) คือ ภาวะที่ตับอ่อนเกิดการอักเสบรุนแรงเฉียบพลัน โดยเป็นการอักเสบที่บริเวณเซลล์ของตับอ่อน เกิดขึ้นจากการที่น้ำย่อยในตับอ่อนไหลผ่านท่อของตับอ่อนไม่ได้ ทำให้น้ำย่อยย่อยเนื้อเยื่อตับอ่อนแทนจึงทำให้เกิดการอักเสบขึ้น โดยจะเป็นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ปกติอาการจะดีขึ้นหลังเข้ารับการรักษากับแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญใน 1 – 2 สัปดาห์ แต่ในกรณีที่รุนแรงอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาได้ อาการบอกโรคอาการที่บ่งบอกว่าเป็นตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ได้แก่
ตัวการของโรคสาเหตุหลักของโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ได้แก่
ประเภทตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ตับอ่อนอักเสบบวมน้ำ (Interstitial Edematous Pancreatitis) พบมากในผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เป็นโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันมักมีความรุนแรงเล็กน้อยจึงมักหายได้หลังการรักษากับแพทย์เฉพาะทางภายใน 1 – 2 สัปดาห์ มีเพียงส่วนน้อยที่อยู่ในระดับที่รุนแรงปานกลางและรุนแรงมาก ซึ่งแพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาตามความเหมาะสม โรคกระเพาะอาหารอักเสบ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า โรคกระเพาะ เป็นโรคที่เกิดในระบบทางเดินอาหารที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมที่เร่งรีบของคนในยุคนี้ ทำให้มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ โดยพบว่ามีผู้ป่วยโรคนี้ส่วนใหญ่มักมีอาการเป็นๆ หายๆ มากถึง 80% แม้ว่าโรคกระเพาะอาหารอักเสบจะไม่ใช่โรคที่รุนแรง แต่ผู้ป่วยก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะว่าหากปล่อยไว้เรื้อรังอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร หรือมีเลือดไหลในกระเพาะอาหาร จนเกิดภาวะแทรกซ้อน อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้อีกด้วย!!! สาเหตุของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ สาเหตุการเกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบยังไม่ทราบได้อย่างชัดเจน แต่พบว่าส่วนใหญ่มักมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค ดังนี้
นอกจากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวแล้ว ยังพบว่าพฤติกรรมต่างๆ ในการใช้ชีวิตก็มีส่วนกระตุ้นให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบมากขึ้น เช่น การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา การรับประทานอาหารอย่างเร่งรีบ ภาวะความเครียด ความวิตกกังวล การรับประทานอาหารที่ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะและลำไส้ อาการโรคกระเพาะอาหารอักเสบ อาการแสดงของผู้ป่วยแต่ละรายอาจแตกต่างกัน แม้ว่าจะมีอาการไม่ร้ายแรง แต่หากเกิดขึ้นนานเป็นสัปดาห์หรือมากกว่านั้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
การรักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคกระเพาะอาหารอักเสบสามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการดูแลรักษาที่ดี และผู้ป่วยมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตนเอง แต่หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติท เช่น การตรวจโดยการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร (Gastroscope: EGD) เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกวิธี อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ผู้ป่วยควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของตนเอง ดังนี้ ปวดศีรษะไมเกรน (Migraine headache) เป็นการปวดศีรษะที่รบกวนชีวิตประจำวัน โดยมีลักษณะการปวดแบบตุบๆ เป็นจังหวะ มักจะเกิดข้างเดียวของศีรษะ แต่ก็สามารถเป็นทั้งสองข้างได้ โดยอาการปวดในช่วงแรกมักมีความรุนแรงเพียงเล็กน้อย และจะค่อยๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้น ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง และไวต่อแสง เสียง หรือกลิ่นมากขึ้น อาการปวดศีรษะไมเกรนเป็นอย่างไร สาเหตุของการปวดศีรษะไมเกรนคืออะไรปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการปวดศีรษะไมเกรนเกิดจากอะไร แต่ปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรนมีหลายประการ ได้แก่
เราสามารถจัดการกับการปวดศีรษะไมเกรนได้อย่างไรปัจจุบันการปวดศีรษะไมเกรนยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การรักษาจึงเน้นไปที่การบรรเทาอาการและป้องกันการปวดศีรษะไมเกรน การใช้ยาบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรนการรับประทานยาทันทีเมื่อมีอาการปวดศีรษะไมเกรน จะช่วยให้ผลของยาในการบรรเทาอาการปวดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยาบรรเทาปวด สำหรับการปวดแบบไม่รุนแรง ยาสามัญประจำบ้าน ได้แก่ Paracetamol ยาลดการอักเสบที่ไม่ไช่สเตียรอด์ (NSAIDs) ได้แก่ Ibuprofen, Naproxen, Celecoxib, Etoricoxib ยาบรรเทาปวด สำหรับการปวดที่รุนแรงมากขึ้น (จำเพาะเจาะจงกับการปวดศีรษะไมเกรน) ยากลุ่ม Triptans ได้แก่ Sumatriptan, Eletriptan ยาที่มีส่วนผสมของ Ergotamine ได้แก่ Ergotamine + Caffeine ยาบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน ได้แก่ Metoclopramide, Domperidone การใช้ยาป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรน ยาที่สามารถใช้ป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรน ได้แก่ กลุ่มยาลดความดัน Propranolol, Metoprolol tartrate, Verapamil กลุ่มยาต้านอาการซึมเศร้า Amitriptyline กลุ่มยากันชัก Valproate, Topiramate กลุ่มยา Calcitonin gene-related peptide (CGRP) monoclonal antibodies Erenumab เป็นยากลุ่มใหม่ที่ใช้ป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรนทั้งแบบที่มีอาการนำ (aura) หรือไม่มีอาการนำ สามารถลดจำนวนวันที่ปวดศีรษะไมเกรนลงจากเดิมได้อย่างมีนัยสำคัญ สามารถบริหารยาเองได้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง เดือนละ 1 ครั้ง วิธีอื่นๆ ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการและป้องกันการปวดศีรษะไมเกรน
อาการปวดศีรษะไมเกรนสามารถบรรเทาและป้องกันได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา อย่างไรก็ดี การเริ่มรับประทานยาบรรเทาปวดทันทีหลังจากที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรน จะช่วยให้ผลของยาในการบรรเทาอาการปวดมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการใช้ยานั้นควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกร เนื่องจากปัจจัยที่แตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย เช่น อายุ โรคประจำตัว และความรุนแรงของโรค จะส่งผลต่อการเลือกใช้ยาและขนาดยาที่ควรได้รับนั่นเอง หากท่านต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ข้อมูลยาโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ตลอด 24 ชั่วโมง แผลในกระเพาะอาหาร หายเองได้ไหมภาวะแทรกซ้อนโรคแผลในกระเพาะอาหาร โดยทั่วไปพบว่าผู้ป่วยอาการจะค่อยๆ ทุเลาและหายไปเองโดยไม่ต้องรับการรักษา แต่โอกาสที่จะกลับมาเป็นอีกมีอัตราสูงถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษาดีเพียงใดก็ตาม และที่สำคัญโรคแผลในกระเพาะอาหาร หากปล่อยไว้แล้วไม่ได้รับการรักษาจะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น และเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา ได้แก่ กินอะไรช่วยลดแก๊สในกระเพาะมีอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงแล้ว มาดูอาหารแก้ท้องอืดกันบ้าง ท้องอืดกินอะไรดี เพื่อแก้อาการอาหารไม่ย่อย น้ำมะนาว : กรดมะนาวจะช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดีขึ้น มะละกอสุก : ในมะละกอมีน้ำย่อยที่ช่วยย่อยอาหารและโปรตีน บรรเทาอาการแน่นท้องได้ น้ำขิง : ให้กินขิงสดหรือดื่มน้ำขิงก่อนนอนจะช่วยบรรเทาอาการท้องอืด นวดตรงไหนแก้ท้องอืดวิธีนวดทำได้โดยนวดถูเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกาบริเวณหน้าท้อง เริ่มจากวางมือบริเวณด้านขวาล่างใกล้กับกระดูกเชิงกราน ค่อย ๆ นวดถูเป็นวงกลมขึ้นไปจนถึงบริเวณใต้ซี่โครง จากนั้นนวดไปทางซ้ายและลงมาที่ด้านซ้ายล่างบริเวณเหนือสะโพก แล้วนวดวนไปทางสะดือ ทำซ้ำขั้นตอนต่าง ๆ ประมาณ 10 นาที อาจช่วยให้อาการท้องอืดหรือมีลมในท้องดีขึ้น ทำยังไงให้แก๊สในกระเพาะหายท้องอืดและแก๊ส : เราจะหยุดมันได้อย่างไร. 1. กินอาหารแบบ Low FODMAPS. ... . 2. เคี้ยวอาหารอย่างละเอียด และไม่ควรรีบกลืนลงไป ... . 3. หลีกเลี่ยง การเคี้ยวหมากฝรั่ง การสูบบุหรี่ และการดื่มน้ำผ่านหลอด ... . 4. ควรกินอาหารที่มีไฟเบอร์ ... . 5. ดื่มน้ำเป็นประจำ ... . 6. ออกกำลังกาย ... . 7. การบริโภคยาที่เหมาะสม ... . 8. การพบแพทย์. |