อ.ศิริจันทร์ อุปาละประธานหลักสูตร ความเชี่ยวชาญ การพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม, การจัดการกระบวนผลิตเครื่องนุ่งห่ม, การพัฒนางานหัตถกรรมเย็บ ปัก ถัก ร้อย วัสดุสิ่งทอ ผศ.จินตนา อินภักดีผู้รับผิดชอบหลักสูตร ความเชี่ยวชาญ การพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอ, การออกแบบและการตัดเย็บ, มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) อ.ดร.ธัญนันท์ ฤทธิ์มณีผู้รับผิดชอบหลักสูตร ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยีการแปรรูปอาหารจากผลิตผลทางการเกษตร, การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร, การถนอมอาหารและการแปรรูปอาหาร, ระบบมาตรฐานการผลิตอาหารที่ดี อ.มยุรี ชมภูงามผู้รับผิดชอบหลักสูตร ความเชี่ยวชาญ การประกอบอาหารไทย และอาหารพื้นบ้าน, การประกอบขนมอบและการแต่งหน้าเค้ก, การประกอบขนมไทย และอาหารว่าง,การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและแปรรูปอาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่น อ.สิขเรศ คงแก้วผู้รับผิดชอบหลักสูตร ความเชี่ยวชาญ ศาสตร์ของโภชนาการ, การประกอบอาหารไทยและขนมไทย, การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาจากวัตถุดิบท้องถิ่น อ.จิราพร ชุมชิตผู้รับผิดชอบหลักสูตร ความเชี่ยวชาญ การฟอก ย้อม และพิมพ์สิ่งทอ, การย้อมและพิมพ์สิ่งทอด้วยสีธรรมชาติ, การพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, การพัฒนากระดาษและบรรจุภัณฑ์จากวัสดุเหลือทิ้ง สาขาปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ปี 2566 สาขาปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียงสาขาปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียงนายเมธี บุญรักษ์อายุ 63 ปีการศึกษา ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ช่างยนต์)สถานภาพ สมรสที่อยู่ บ้านเลขที่ 98/87 บ้านซรายอ หมู่ที่ 1 ตำบลปาเสมัสอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาสโทรศัพท์ 087 968 2944อาชีพ เกษตรกรรมคุณลักษณะส่วนบุคคล นายเมธี บุญรักษ์ มีประสบการณ์ในการทำงานภาคการเกษตร 36 ปี เป็นผู้ดำเนินชีวิตตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นระยะเวลา 26 ปี และสามารถเป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่นได้ 26 ปี เกษตรกรผู้มีภูมิปัญญาสร้างสรรค์และพัฒนาเป็นต้นแบบรูปธรรมในการใช้เศรษฐกิจพอเพียงภาคการเกษตร เป็นที่ประจักษ์ได้รับการยอมรับและนำไปเผยแพร่ สื่อสาร ขยายผลจนเกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อภาคการเกษตรไทยอย่างโดดเด่นระดับประเทศ ทั้งเป็นผู้มีชีวประวัติและวิถีชีวิตที่พอเพียง และมีคุณธรรม มีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลสังคม เดิมนายเมธี บุญรักษ์ ทำงานเป็นนายช่างยนต์ที่ประเทศมาเลเซีย เนื่องจากห่างไกลและต้องการให้เวลากับครอบครัว จึงเริ่มวางแผนทำการเกษตรในเวลาที่หยุดกลับมาพักผ่อนที่บ้าน โดยทำการเกษตรบนพื้นที่ที่เป็นมรดกของพ่อและแม่ จำนวน 10 ไร่ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากไม่มีความรู้ทางการเกษตรเพราะจบการศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพสาขาช่างยนต์ ประกอบกับดินมีสภาพปนทราย จึงเดินทางไปศึกษาศาสตร์พระราชาจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในการพัฒนาพื้นที่ แล้วนำความรู้ที่ได้มาปรับใช้ ด้วยการปลูกหญ้าแฝกเพื่อปรับโครงสร้างดิน ลดการพังทลายของหน้าดิน เป็นวัสดุคลุมดินเพื่อรักษาความชุ่มชื้น จนดินมีความอุดมสมบูรณ์ ต่อมาในปี 2546 จึงได้ลาออกกลับมาทำการเกษตรอย่างเต็มตัว เริ่มจากการปรับรูปแบบการผลิตจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่เน้นเฉพาะไม้ผล เป็นรูปแบบการทำเกษตรกรรมยั่งยืน หลีกเลี่ยงการใช้ปัจจัยการผลิตจากภายนอก ใช้ทรัพยากรหมุนเวียนภายในแปลง ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนการผลิต โดยเริ่มจากการทำเกษตรธรรมชาติ วนเกษตร เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน และเกษตรอินทรีย์ ตามลำดับ จนได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ (ORGANIC THAILAND) และได้รับการรับรองการผลิตสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ลองกอง GI ตันหยงมัส เป็นการยกระดับสินค้าเกษตรอย่างมีคุณภาพและมีมาตรฐานรับรองส่งผลให้ผลผลิตมีมูลค่าสูงขึ้น และสามารถกำหนดราคาเองได้
|