ประว ต ต ศาสน ม สย ดตะโละมาเนาะภาษาอ งกฤษ

50 ศาสนสถานส�ำ คญั ค่แู ผน่ ดนิ

วดั นเิ วศธรรมประวตั ิ ราชวรวหิ าร พระอุโบสถ

ตง้ั อยทู่ ี่ ตำ� บลบา้ นเลน อำ� เภอบางปะอนิ จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา

ประวตั คิ วามเปน็ มา

เป็นพระอารามหลวงช้ันเอก ชนิดราชวรวิหาร วา่ ศาสนาไมไ่ ดอ้ ยทู่ อ่ี ฐิ ปนู การสรา้ งวดั ในพระพทุ ธศาสนาก็ ในสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย มีเน้ือท่ี ๓๘ ไร่ ๒ งาน ไม่มขี อ้ บงั คับว่าจะต้องสร้างเป็นรูปแบบใด จึงโปรดให้สร้าง ๔๙ ตารางวา เป็นวัดไทยศิลปะแบบยุโรปแห่งเดียวใน ตามพระราชอัธยาศยั โดยทรงอปุ มาการสรา้ งวัดว่า เหมอื น ประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เก็บดอกไม้มาบูชา ถึงจะเป็นดอกไม้หลายอย่างต่างพรรณ มีพระราชประสงค์ให้สร้างวัดนิเวศธรรมประวัติ เม่ือ ถา้ ถวายโดยเจตนาบชู าแลว้ กเ็ ปน็ พทุ ธบชู านนั่ เอง ใชจ่ ะนยิ ม พทุ ธศกั ราช ๒๔๑๙ เพือ่ สะดวกในการบ�ำเพญ็ พระราชกุศล ยนิ ดีในลัทธิศาสนาอ่นื นอกจากพระพทุ ธศาสนาน้นั หามิได้ ใกล้พระราชฐาน เม่ือเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับ ณ พระราชวงั บางปะอนิ การกอ่ สรา้ งวดั แลว้ เสรจ็ ในพทุ ธศกั ราช สงิ่ ส�ำคญั ภายในวดั

๒๔๒๑ ความโดดเดน่ พเิ ศษของวดั คอื รปู แบบสถาปตั ยกรรม พระอโุ บสถ เปน็ อาคารทรงสเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ มยี อดโดม ส่ิงก่อสร้างและการประดับตกแต่งภายในวัด เลียนแบบ ปลายแหลมเหมือนโบสถ์ในคริสต์ศาสนา ชัดเจนสะดุดตา สถาปตั ยกรรมตะวนั ตก ศลิ ปะโกธกิ (Gothic) ซง่ึ เปน็ ศลิ ปะ นบั เปน็ จดุ เดน่ ของวดั น้ี ภายในพระอโุ บสถมเี พดานสงู ชอ่ ง สมยั กลางของยโุ รป หนา้ ตา่ งสงู มซี มุ้ ยอดแหลม บานประตแู ละบานหนา้ ตา่ งทกุ บาน สมเด็จฯ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ทรงเล่าถึง เป็นกระจกสลับสีเหมือนวัดในคริสต์ศาสนา เหนือประตู วัดนี้ว่า ใครเห็นแต่ไกล มักส�ำคัญว่าเป็นวัดศาสนาคริสต์ พระอุโบสถมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เพราะสร้างตามแบบช่างโกธิก ตามแบบของโบสถ์คริสต์ เจ้าอยู่หัวทรงเคร่ืองต้น ท�ำด้วยกระจกสีสวยงามมากจาก พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชด�ำริ ประเทศฝรง่ั เศส

พระพุทธศาสนา 51

หอพระคนั ธารราษฎร์

พระพทุ ธนฤมลธรรโมภาส พระพทุ ธรปู ประทบั ขดั สมาธเิ พชร ทำ� ดว้ ยกะไหลท่ องทงั้ องค์ หนา้ ตกั กวา้ ง ๒๒.๕ นิ้ว สงู ๓๖.๕ นิ้ว ประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ (ฝีพระหตั ถพ์ ระองคเ์ จ้าประดิษฐวรการ ทรงมีฝีมือเป็นเลิศในการปัน้ พระพทุ ธรปู มาต้งั แตส่ มยั รชั กาลท่ี ๔) มีพระอรหันตสาวก คือ พระโมคคลั ลานะ อยทู่ างซา้ ย พระสารบี ตุ รอยทู่ างขวา เบอื้ งหนา้ ประดษิ ฐานพระนริ นั ตราย ดา้ นหลงั พระพทุ ธรปู มจี ารกึ หนิ ออ่ น ภาษาบาลีกลา่ วสรรเสริญคณุ ของพระพุทธเจา้ รวมทงั้ อธบิ ายความหมายของโอวาทปาติโมกข์ หอพระคนั ธารราษฎร์ ประดษิ ฐานอยบู่ นซมุ้ กำ� แพงแกว้ หนา้ พระอโุ บสถ เปน็ พระคนั ธารราษฎร์ ประทบั ยนื ปางขอฝน พระพทุ ธรปู ปางนาคปรก เปน็ พระพทุ ธรปู ศลิ ปะสมยั ลพบรุ ี พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงอญั เชิญมาจากวดั มหาธาตุ จงั หวดั ลพบุรี ประดิษฐาน ณ ซมุ้ ข้างพระอุโบสถ ด้านตะวันตก หอพระไตรปฎิ ก เปน็ หอเกบ็ คมั ภรี ์ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้สรา้ งพระคมั ภรี ์ รวม ๑๑๙ คัมภีร์ เม่ือพทุ ธศกั ราช ๒๔๒๑ ภายในเปน็ ตู้พระไตรปฎิ กหกเหลี่ยม บรรจุพระ คมั ภรี ์ทั้งสนิ้ หอระฆงั ยอดโดมอยเู่ บอ้ื งหนา้ พระอโุ บสถ ลกั ษณะรปู กรวยแหลมสงู ๓ ชนั้ แตล่ ะชน้ั เจาะชอ่ งหนา้ ตา่ ง เปน็ อาร์คแบบโคง้ บนสุดของยอดทำ� เป็นโดมปลายแหลม บนหอระฆังมีพระเจดยี ์สำ� ริด ปิดทอง ภายในบรรจุ พระบรมสารรี กิ ธาตุ พระต�ำหนักสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ เป็นพระต�ำหนักที่ประทับ จ�ำพรรษาเมื่อทรงผนวช สร้างขึ้นตามพระราชประสงค์ของรัชกาลท่ี ๕ ที่มีพระราชประสงค์จะให้มีเจ้านาย มาประทับท่ีวัดนิเวศธรรมประวัติ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนพระองค์ของพระโอรส พระธิดา ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำ� รงราชานุภาพ

52 ศาสนสถานส�ำ คัญคูแ่ ผ่นดิน

(ภาพบน) พระประธาน ภายในพระอโุ บสถ (ภาพลา่ ง) พระบรมรูปพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อย่หู ัวทรงเคร่อื งต้น ท�ำด้วยกระจกสี อยูเ่ หนือซุ้มประตูพระอโุ บสถ

พระพทุ ธศาสนา 53

54 ศาสนสถานส�ำ คญั ค่แู ผน่ ดนิ

วดั พระธาตพุ นม วรมหาวหิ าร องคพ์ ระธาตุพนม

ประวตั คิ วามเปน็ มา ตัง้ อย่ทู ี่ ถนนชยางกูร ต�ำบลพระธาตุพนม อำ� เภอพระธาตพุ นม จงั หวัดนครพนม

เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ลา้ นชา้ ง ทรงเพรยี วสงู ประดบั ดว้ ยปนู ปน้ั ปดิ ทองเปน็ ลายกา้ น เป็นวัดส�ำคัญของภาคอีสาน ตั้งอยู่บริเวณภูก�ำพร้า เป็น ตอ่ ดอก พระธาตพุ นมเปน็ เจดยี ์ ๑ ใน ๘ แหง่ ทส่ี มเดจ็ พระเจา้ ท่ีประดิษฐานพระธาตุพนม ซ่ึงเป็นที่เคารพสักการะของ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำ� รงราชานภุ าพทรงกำ� หนดวา่ เปน็ พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะพุทธศาสนิกชนสอง ปชู นยี สถานสำ� คญั เรยี กวา่ จอมเจดยี ์ ทรงใหเ้ ขยี นคำ� บรรยาย ฝั่งแม่น�้ำโขง กรมศิลปากรได้ประกาศข้ึนทะเบียน องค์ ใต้ภาพที่ฝาผนังพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระธาตุพนม เป็นโบราณวัตถุสถานส�ำคัญของชาติ กรงุ เทพมหานคร เพ่อื อธบิ ายความสำ� คญั ของพระธาตุพนม เม่ือวนั ท่ี ๘ มีนาคม พทุ ธศักราช ๒๔๗๘ ว่า พระธาตพุ นมที่เมืองนครพนม เก่ากอ่ นพระเจดีย์องค์อ่นื องค์พระธาตุพนม หรือเรียกตามแผ่นทองจารึก หมดในแว่นแควน้ อสี าน ว่า ธาตุปะนม ลักษณะเป็นเจดีย์แบบล้านช้างรูปสี่เหลี่ยม ต�ำนานอุรังคธาตุหรืออุรังคนิทาน เล่าถึงต�ำนาน ก่อสร้างด้วยอิฐ กว้างด้านละ ๑๖ เมตร จากฐานไปถึง พระธาตุพนมว่า ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าได้เสด็จมา บัวถลาหรือบัวฝาละมี ประดับลายขุดจ�ำหลักบนแผ่นอิฐ ประทับที่ดอยกัปปนคีรี หรือภูก�ำพร้า อันเป็นที่ตั้งของ ท้งั ๔ ดา้ น สงู ๕๓ เมตร ฉัตรทองค�ำสงู ๔.๕๐ เมตร รวม พระธาตพุ นมในปจั จบุ นั พระพทุ ธเจา้ ไดต้ รสั กบั พระอานนท์ ความสงู ๕๗.๕๐ เมตร รปู แบบศลิ ปะ แบง่ ออกเปน็ สองสว่ น ทรงทำ� นายอนาคตของพญาศรโี คตรบรู ซงึ่ ไดน้ มิ นตพ์ ระพทุ ธ คือ ส่วนล่างซึ่งเคยเป็นปราสาทก่ออิฐในศิลปะจาม หรือ องค์ไปบิณฑบาตในเมืองว่า พญาศรีโคตรบูรจะได้เป็น เขมรกอ่ นเมอื งพระนคร มลี วดลายสลกั อฐิ ประดบั บนเสาตดิ ผสู้ ถาปนาพระอรุ งั คธาตุ(กระดกู บรเิ วณหนา้ อก)ไวท้ ภี่ กู ำ� พรา้ ผนังทีม่ ุมทัง้ สี่ ซุม้ ประตูเป็นซ้มุ คดโคง้ มีใบระกาแหลมขนาด จากนั้นเสด็จไปยังภูอีกแห่งหน่ึงแล้วเรียกพระมหากัสสปะ ใหญ่ เหนือขึ้นไปคอื เรอื นธาตจุ ำ� ลองหน่ึงชัน้ ต่อด้วยฐานบวั จากเมอื งราชคฤหม์ าสง่ั ความวา่ เมอ่ื พระองคเ์ สดจ็ ปรนิ พิ พาน ลูกแก้วอกไก่ และส่วนบนเป็นยอดทรงบัวเหลี่ยมในศิลปะ แลว้ ใหน้ ำ� พระอรุ งั คธาตมุ าประดษิ ฐานไวท้ ภ่ี กู ำ� พรา้ หลงั จาก

พระพทุ ธศาสนา 55

ซุ้มประตูทางเขา้ วดั พระอโุ บสถ

พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว ๘ ปี พระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ และเจ้าผู้ครองนครในแคว้น ต่างๆ ไดแ้ ก่ พญานนั ทแสนเมืองศรโี คตรบรู พญาจุลนพี รหมทตั พญาอนิ ทรปตั นคร และพญาคำ� แดงเมืองหนองหานน้อย ไดร้ ่วมกันก่อสร้างอบู มงุ ประดษิ ฐานพระอรุ ังคธาตแุ ละบริจาควัตถุมคี ่าบูชาพระธาตุ ต่อมาพญาสมุ ิตรธรรมวงศาแห่งเมอื ง มรกุ ขนคร จึงได้บรรจพุ ระธาตไุ วภ้ ายในแล้วกอ่ อฐิ ปิดตาย ท�ำให้ไม่สามารถน�ำพระธาตอุ อกมาบูชาได้ พระธาตุพนมผ่านการบูรณะมาหลายคร้ังและพังทลายลงท้ังองค์เม่ือพุทธศักราช ๒๕๑๘ กรมศิลปากรได้บูรณะ แล้วเสร็จ เม่ือเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๒ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชด�ำเนินมาทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เมอ่ื วันที่ ๒๓ มีนาคม พุทธศกั ราช ๒๕๒๒ และพระราชทานเทยี นพรรษา ตน้ ไม้เงิน ตน้ ไมท้ อง บชู าองคพ์ ระธาตพุ นมทกุ ปี และในวันเพญ็ เดือน ๓ ของทุกปี จะมีงานนมัสการพระธาตุพนม จดั เป็นประเพณขี องจังหวดั สืบตอ่ กันจนปัจจบุ ัน

สง่ิ ส�ำคญั ภายในวดั

พระธาตุพนม เป็นหน่ึงในพระมหาเจดีย์สถานส�ำหรับตั้งพิธีเสกท�ำน�้ำพระพุทธมนต์ศักด์ิสิทธิ์ ส�ำหรับสรง พระมรุ ธาภเิ ษกในการพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก เสาหลักศิลา เสาหลกั ศลิ าเสมา เสาอนิ ทขิล เสาหลกั เมือง เป็นแบบทวารวดี หินทรายทรงแปดเหล่ียม พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ อยู่ทางด้านทิศเหนือ นอกเขตพุทธวาส ใกล้สระน�้ำศักดิ์สิทธิ์ ภายในประดิษฐาน พระพุทธไสยาสน์ และพระพุทธบาทจ�ำลอง กล่าวกันว่า ก่อนท่ีจะน�ำพระอุรังคธาตุเข้าประดิษฐานในอูบมุงภูก�ำพร้านั้น บริเวณนี้เคยเปน็ ทป่ี ระดิษฐานของพระธาตมุ ากอ่ น

56 ศาสนสถานส�ำ คัญคู่แผน่ ดิน

พระพุทธศาสนา 57

58 ศาสนสถานส�ำ คญั ค่แู ผน่ ดนิ

วดั พระมหาธาตุ วรมหาวหิ าร พระอโุ บสถและพระบรมธาตเุ จดีย์

ต้ังอยู่ที่ ถนนราชด�ำเนิน ต�ำบลในเมือง อำ� เภอเมอื งนครศรธี รรมราช จงั หวดั นครศรธี รรมราช

ประวตั คิ วามเปน็ มา

ชาวนครศรธี รรมราช เรยี กวา่ วดั พระบรมธาตุ หรอื ทนทบุรี หลบหนศี กึ สงครามน�ำพระทันตธาตุออกจากเมือง วดั พระธาตุ เป็นพระอารามหลวงช้ันเอก ชนิดวรมหาวหิ าร ไปยังเมืองลังกา และซ่อนพระทันตธาตุไว้ระหว่างทางตรง โบราณสถานศักดิ์สิทธ์ิคู่บ้านคู่เมือง มีความส�ำคัญทาง บริเวณหาดทรายแก้ว ภายหลังมีพระอรหันต์ ช่ือมหาเถร พระพุทธศาสนาและเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน พรหมเทพเหาะมานมัสการพระทันตธาตุและท�ำนายว่า ภาคใต้มายาวนาน ผู้คนจากท่ัวทุกสารทิศรวมถึงชาวต่าง ภายหน้าบริเวณน้ี พญาศรีธรรมาโศกราชจะมาตั้งเมือง ประเทศหลั่งไหลมาสักการะและเย่ียมชม กรมศิลปากร ใหญ่ช่ือว่า นครศรีธรรมราช ฝ่ายสองพี่น้องเม่ือเดินทางไป ประกาศข้ึนทะเบียนเป็นโบราณสถานส�ำคัญของชาติ ถึงยงั เมืองลังกา เจ้าเมอื งลังการับและสมโภชพระทนั ตธาตุ เมือ่ วันที่ ๒๗ กนั ยายน พทุ ธศักราช ๒๔๗๙ แล้วมอบให้พราหมณ์ ๔ คน อัญเชิญพระบรมธาตุ ๑ ทะนาน เดินทางไปกับเจ้าสองพี่น้องเพื่อกลับเมืองทนทบุรี สงิ่ ส�ำคญั ภายในวดั เมื่อถึงยังหาดทรายแก้วท่ีซ่อนพระธาตุไว้ ก็แบ่งพระธาตุ

พระบรมธาตุเจดีย์ ต�ำนานพระบรมธาตุ ออกเปน็ สองส่วน สว่ นหนง่ึ บรรจุผอบแก้วใส่ขันทองฝังไว้ที่ นครศรีธรรมราช สรุปความเป็นมาว่า ทนทกุมารและนาง เดมิ แลว้ ก่อพระเจดีย์สวมไว้ ส่วนพระบรมธาตอุ ีกสว่ นหนึ่ง เหมชาลา พระโอรสและพระธิดาของท้าวโกสีหราชแห่ง อญั เชญิ กลบั ไปยงั เมอื งทนทบรุ ี ตอ่ มาพญาศรธี รรมาโศกราช

พระพทุ ธศาสนา 59

ไดส้ รา้ งเมอื งนครศรธี รรมราชขนึ้ เมอ่ื พทุ ธศกั ราช ๑๗๑๙ และสร้างพระสถูปครอบองค์พระบรม ธาตุ คร้ันเมื่อกาลเวลาล่วงไป มีการซ่อมและ บรู ณะองคพ์ ระบรมธาตเุ จดยี แ์ ละสง่ิ กอ่ สรา้ งอน่ื ๆ หลายครง้ั ในสมยั รชั กาลท่ี ๖ เสดจ็ ประพาสเมอื ง นคร และโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดว่า “วดั มหาธาตุ วรมหาวิหาร” พระบรมธาตเุ จดยี ์ นครศรธี รรมราชถอื เปน็ ๑ ใน ๘ จอมเจดยี ส์ ำ� คญั ของประเทศไทย ซ่ึงปรากฏในจิตรกรรมฝาผนัง ภายในพระอโุ บสถวดั เบญจมบพติ รดสุ ติ วนาราม มีค�ำบรรยายก�ำกับภาพไว้ว่า “พระมหาธาตุ เมอื งนครศรธี รรมราช สรา้ งเมอ่ื พระพทุ ธศาสนา ลังกาวงศ์แรกมาถงึ เมืองไทย” องค์พระบรมธาตุเจดีย์ เป็นเจดีย์ สถาปัตยกรรมทรงระฆังคว�่ำ ที่มีอิทธิพลศิลปะ ลงั กา คอื มฐี านประทกั ษณิ ยกสงู ชดุ ฐานบวั เตย้ี ๆ รองรับระฆังขนาดใหญ่ทรงโอคว�่ำ บัลลังก์ในผัง ส่ีเหลี่ยมมีเสาติดประดับ เหนือข้ึนไป คือ แกน ปล้องไฉนมีเสาหาน ซ่ึงปรากฏรูปพระสาวก เดินประทักษิณติดอยู่ เรียกในภาษาท้องถ่ินว่า พระเวียน จากนนั้ จงึ เปน็ ปลอ้ งไฉนทรงสูง และ ปลียอดท่ีหุ้มด้วยทองค�ำ จากรูปแบบดังกล่าว จึงอาจก�ำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ มีจุดเด่นอยู่ที่ยอดเจดีย์ ซ่ึงหุ้มด้วยทองค�ำแท้ องค์พระธาตุประกอบด้วยทองรูปพรรณ และ ของมีค่ามากมายจดปลายเจดีย์ ซึ่งของมีค่า เหล่าน้ี พุทธศาสนิกชนน�ำมาถวายพระพุทธเจ้า โดยความเชอ่ื ทวี่ า่ จะไดเ้ ขา้ ถงึ นพิ พาน นอกจากน้ี ยังมีเจดีย์องค์เลก็ รายล้อมองคพ์ ระธาตุ เรียกว่า เจดีย์บริวาร มีจ�ำนวน ๑๔๙ องค์ เป็นเจดีย์ท่ี พระบรมธาตเุ จดยี ์และเจดยี บ์ รวิ าร ลูกหลานสร้างให้แก่บรรพบุรุษ เพื่อบรรจุอัฐิ ประเพณแี ห่ผา้ ขน้ึ ธาตุ

ของญาติ นอกจากน้ีภายในวัดยังมีสิ่งส�ำคัญอ่ืนๆ ได้แก่ วิหารพระทรงม้า วิหารเซียน วิหารโพธิ์ลังกา วิหารหลวง พระอโุ บสถ เป็นต้น วันเพ็ญเดือนมาฆะ วันข้ึน ๑๕ ค�่ำ เดือน ๓ และวันวิสาขบูชา วันขึ้น ๑๕ ค่�ำ เดือน ๖ จะมีประเพณีแห่ผ้า ขน้ึ ธาตุเป็นประเพณสี ำ� คัญของชาวนครศรธี รรมราช วดั พระมหาธาตุ เปน็ หน่ึงในพระมหาเจดยี สถาน สถานท่ตี ั้งพิธเี สกทำ� นำ้� พระพุทธมนต์ศักดส์ิ ทิ ธ์ใิ นการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

60 ศาสนสถานสำ�คญั คูแ่ ผ่นดิน

พระพุทธศาสนา 61

62 ศาสนสถานส�ำ คญั ค่แู ผน่ ดนิ

วดั พระธาตดุ อยสเุ ทพ ราชวรวหิ าร

ต้ังอยู่บนดอยสุเทพ ต�ำบลสุเทพ อ�ำเภอ เมืองเชยี งใหม่ จงั หวัดเชียงใหม่

ประวตั คิ วามเปน็ มา

เป็นพระอารามหลวงชน้ั โท ชนิดราชวรวิหาร เปน็ สวามีน�ำพระบรมสารีริกธาตุที่ค้นพบจากเมืองสุโขทัยมา ศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ให้พญากือนาทอดพระเนตร พระบรมสารีริกธาตุได้แสดง ตั้งแต่คร้ังอาณาจักรล้านนาสืบมาจนปัจจุบันกว่า ๖๐๐ ปี ปาฏิหาริย์ประทักษิณอยู่เหนือผิวน้�ำเป็นท่ีอัศจรรย์ เมื่อ ช่ือดอยสุเทพมีท่ีมาจากชื่อ ฤๅษีวาสุเทพ หรือ สุเทวะฤๅษี พระมหาสมุ นะจำ� พรรษาทว่ี ดั พระยนื ได้ ๒ พรรษา พญากอื นา ซงึ่ บำ� เพญ็ ตบะอยบู่ นดอยแหง่ น้ี ดอยสเุ ทพยงั มชี อื่ เรยี กอนื่ วา่ จึงพระราชทานสวนป่าไม้พะยอมในเมืองเชียงใหม่ให้เป็น ดอยอุจฉบุ ัพพต หรือดอยอ้อยช้าง กรมศิลปากรไดป้ ระกาศ วัด ชื่อว่า บุปผารามสวนดอกไม้หลวง หรือวัดสวนดอกใน ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานส�ำคัญของชาติ เมื่อวันที่ ๘ ปจั จุบนั แลว้ สร้างพระธาตปุ ระดิษฐานพระบรมสารรี ิกธาตุ มนี าคม พทุ ธศักราช ๒๔๗๘ ซึ่งปรากฏว่าพระบรมสารีริกธาตุได้แยกเป็น ๒ องค์ องคพ์ ระธาตดุ อยสเุ ทพ ตามประวตั กิ ารสรา้ งระบวุ า่ จึงประดิษฐานไว้ที่วัดสวนดอกหนึ่งองค์ พญากือนาและ พญามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่ท่ีเชิงดอยอุจฉุบัพพต เม่ือ พระมหาสุมนะอธิษฐานเสี่ยงช้างมงคลเพื่อหาสถานท่ี พทุ ธศกั ราช ๑๕๓๙ ราชวงศม์ งั รายปกครองเมอื งเชยี งใหมม่ า ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอีกองค์หนึ่ง ช้างมงคลมุ่ง จนถึงสมยั พญากอื นา (พทุ ธศกั ราช ๑๘๙๘ – ๑๙๒๘) พญา ขนึ้ สู่ดอยสุเทพ ประทักษณิ บนยอดดอย ๓ รอบ คกุ เขา่ ลง กือนาได้อาราธนาพระสุมนเถระชาวเมืองสุโขทัยมาเผยแผ่ หมอบและลม้ บนยอดดอยนนั้ พญากอื นาและพระมหาสมุ นะ พุทธศาสนานิกายลังกาวงศ์ โดยอุสสาภเิ ศกให้เป็นพระมหา จึงสร้างพระธาตุและประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้บน สมุ นสวามี จำ� พรรษาทว่ี ดั พระยนื เมอื งลำ� พนู พระมหาสมุ น ดอยสุเทพ เมื่อพทุ ธศักราช ๑๙๑๔

พระพทุ ธศาสนา 63

บนั ไดทางขึน้ พระธาตุ

ลักษณะทางสถาปัตยกรรมขององค์พระธาตุเจดีย์ เป็นรูปทรงระฆัง สิบสองเหล่ียม ตั้งอยู่บนฐาน สเ่ี หลยี่ มยอ่ เกจ็ ตามแบบศลิ ปะลา้ นนา ประดบั ประดาดว้ ยการหมุ้ ทองจงั โก ปดิ ทองเหลอื งอรา่ มทง้ั องค์ ทางขนึ้ พระธาตุเป็นบนั ไดนาค ๑๗๓ ขนั้ สร้างเมอ่ื พุทธศกั ราช ๒๑๐๐ เชงิ บันไดเป็นรปู เศยี รพญานาค โดยรอบองค์พระธาตปุ ระกอบด้วยสิ่งส�ำคญั ได้แก่ ฉตั ร ๔ มมุ ทำ� จากทองเหลือง มีความหมายในเชิง สญั ลกั ษณส์ อ่ื ถงึ ความรม่ เยน็ ของพระพทุ ธศาสนาทแ่ี ผไ่ ปทวั่ ทงั้ ๔ ทศิ รวั้ หอก หรอื สตั ตบิ ญั ชร รอบองคพ์ ระธาตุ เพื่อพิทักษ์รักษาพระบรมสารีริกธาตุ หอยอ มีลักษณะคล้ายวิหารแต่มีขนาดเล็กตั้งอยู่ทั้ง ๔ ทิศ รอบองค์ พระธาตุ มพี ระพทุ ธรูปประดษิ ฐานภายใน ซง่ึ มคี วามหมายถงึ การบชู าสรรเสริญคณุ ของพระพุทธเจ้า หอท้าว โลกบาล เปน็ หอยอดแหลม ประจ�ำอยู่ ๔ มมุ ของพระบรมธาตุ ไหดอกบัว หรอื ปรู ณะฆฏะ (บรู ณะ แปลวา่ เต็ม สมบูรณ์ ฆฏะ แปลวา่ หม้อ) หมายถึง ความเจริญรงุ่ เรืองของพระพุทธศาสนาในล้านนา ในอดีตการเดนิ ทางไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ เป็นไปดว้ ยความยากล�ำบาก ทางเดินไม่ราบเรียบ ต้องผา่ นป่าเขา ใช้เวลาถึง ๕ ช่ัวโมง เพราะตัง้ อยบู่ นดอย และเมือ่ ถงึ บริเวณวดั ต้องเดินขน้ึ บันไดนาค ๑๗๓ ข้ัน ซ่งึ เปน็ สญั ลักษณค์ ูก่ ับวดั พระธาตดุ อยสเุ ทพ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๗ ครูบาศรวี ชิ ัย (นกั บญุ แหง่ ล้านนา) เปน็ ผนู้ �ำ สร้างถนนขน้ึ สูด่ อยสเุ ทพ ระยะทาง ๑๑ กโิ ลเมตร ปัจจุบนั การเดนิ ทางสะดวกมากขนึ้ มกี ารสรา้ งรถรางไฟฟ้า ข้ึนถงึ วดั (โดยไม่ต้องขึ้นบันไดนาค)

64 ศาสนสถานสำ�คัญค่แู ผ่นดนิ

พระพุทธศาสนา 65

66 ศาสนสถานส�ำ คญั ค่แู ผน่ ดนิ

วดั พระธาตหุ รภิ ญุ ชยั วรมหาวหิ าร องคพ์ ระธาตหุ ริภญุ ชัย

ตั้งอยู่บนถนนอินทยงยศ ต�ำบลในเมือง อ�ำเภอเมืองล�ำพนู จังหวัดล�ำพนู

ประวตั คิ วามเปน็ มา

เป็นพระอารามหลวงช้ันเอก ชนิดวรมหาวิหาร เดิมของพญาอาทิตยราช คือ รอบบริเวณวัดช้ันนอกชั้น ศาสนสถานส�ำคัญศักดิ์สิทธิ์ในภาคเหนือและคู่บ้านคู่เมือง หน่ึง และก่อก�ำแพงเป็นศาลาบาตร รอบองค์พระธาตุ หริภุญชัยหรือล�ำพูนมายาวนาน วัดพระธาตุหริภุญชัยเดิม หริภุญชัยเป็นก�ำแพงชั้นในอีกชั้นหน่ึง บริเวณก�ำแพงช้ัน เป็นพระราชวังที่ประทับของพญาอาทิตยราช กษัตริย์ ใน (เขตพุทธาวาส) ประกอบด้วย องค์พระธาตุหริภุญชัย ผู้ครองนครหริภุญชัย องค์ที่ ๓๓ ต่อจากพระนางจามเทวี เป็นเจดีย์ท่ีประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ของสมเด็จ ปฐมบรมกษัตริย์ของเมืองหริภุญชัย บริเวณก�ำแพง พระสมั มาสัมพทุ ธเจ้า ซึง่ เป็นส่วนพระอัฐิเบ้ืองธารพระโมลี พระราชวัง แบ่งออกเป็น ๒ ช้ัน คือ ชั้นนอกและ พระอฐั เิ บอ้ื งพระทรวง พระอฐั พิ ระองคุลี และพระธาตุย่อย ชั้นใน ในกาลต่อมาพญาอาทิตยราชได้ถวายพระราชวัง เต็มบาตรหนึง่ บรเิ วณกำ� แพงชนั้ นอก (เขตสังฆาวาส) นอก ของพระองค์ให้เป็นสังฆาราม โดยได้รือ้ กำ� แพงชนั้ นอกออก ก�ำแพงวัดช้ันในมีคณะสงฆ์ประจ�ำทั้ง ๔ มุม มุมอาคเนย์ แล้วปั้นสิงห์คู่หน่ึง เป็นสิงห์ขนาดใหญ่ประดับเคร่ืองทรง เรียกวา่ คณะหลวง มุมอสี าน เรยี กว่า คณะเชียงยนั มุมหรดี ยืนอ้าปากประดิษฐานไว้ทีซ่ ุ้มประตดู า้ นทิศตะวนั ออก ตาม เรยี กว่า คณะสะดือเมอื ง มุมพายพั เรยี กว่า คณะอฏั ฐารส คติโบราณทางเหนือ ซ่ึงนิยมสร้างสิงห์เฝ้าวัด วัดพระธาตุ เปน็ คณะสงฆป์ ระจำ� บำ� รงุ พระอารามทปี่ ระดษิ ฐานพระบรม หริภุญชัย จึงมีก�ำแพงสองช้ันตามรูปลักษณ์ของพระราชวัง สารรี กิ ธาตุ

พระพุทธศาสนา 67

ต�ำนานพระธาตุหรภิ ญุ ชยั กล่าวถึงความเปน็ มาของพระธาตวุ ่า ในสมยั พทุ ธกาล สมเดจ็ พระสมั มา สัมพุทธเจา้ ทรงทราบด้วยญาณว่า พระพุทธศาสนาจะรุ่งเรอื งในดนิ แดนแหง่ หน่ึงเหนอื ล่มุ แม่น�ำ้ ปงิ จึงเสด็จ มายงั ดินแดนแห่งนี้ พร้อมด้วยพระอานนทแ์ ละพระอรหันตสาวก โดยทรงทำ� นายว่าในอนาคตสถานที่แหง่ นี้จะเป็นเมืองใหญ่ชื่อว่า หริภุญชัย และจะเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุส่วนกระหม่อม อุรังคธาตุ พระธาตุ กระดกู นิ้ว และพระธาตยุ อ่ ย ในกาลต่อมา เมืองหริภุญชัยเจริญรุ่งเรืองข้ึนตามพุทธท�ำนายและมีกษัตริย์ปกครองสืบมาจน กระทงั่ ถงึ สมัยพญาอาทิตยราช ไดส้ รา้ งหอจณั ฑาคารสำ� หรับลงพระบังคนในบริเวณท่ปี ระดิษฐานพระบรม สารีริกธาตุ ทุกคร้ังที่พญาอาทิตยราชจะลงพระบังคน กาที่คอยเฝ้ารักษาพระบรมสารีริกธาตุจะบินมาขัด ขวางรบกวนเสมอทุกครั้งท่ีพญาอาทิตยราชจะลงพระบังคน จนกระท่ังกาถูกจับได้และขังไว้ เทพผู้รักษา พระบรมสารรี กิ ธาตดุ ลบนั ดาลใหพ้ ญาอาทติ ยราชทรงพระสบุ นิ นมิ ติ วา่ ใหพ้ ระองคเ์ ลยี้ งทารกทเ่ี กดิ ได้ ๗ วนั ไวใ้ กลก้ บั กา เมอื่ เดก็ โตขน้ึ จะรภู้ าษากาและจะสามารถบอกสาเหตทุ กี่ าคอยขดั ขวางพระองคไ์ ด้ พญาอาทติ ยราช ก็ทรงท�ำตามสุบินนิมิต จนทราบความจริงว่าสถานที่แห่งน้ีเป็นท่ีประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และ ทรงอธิษฐานให้พระบรมสารีริกธาตุปรากฏให้เห็น พระบรมสารีริกธาตุก็ลอยออกมาจากพื้นดินและเปล่ง ฉัพพรรณรังสี พญาอาทิตยราชรับสั่งให้สร้างพระโกศทองค�ำครอบพระโกศเดิมและสถาปนาเป็นพระธาตุ หริภญุ ชยั รูปทรงเดิมของพระธาตุหริภุญชัยเป็นพระธาตุเจดีย์ สถูปส่ีเหลี่ยม ทรงปราสาท มี ๔ เสา และ ๔ ซุ้มประตู แต่ได้รับการบูรณะมาในยุคสมัยต่างๆ ตั้งแต่เมื่อพญามังราย ตีเมืองหริภุญชัยได้ จนถึงสมัย พระเจา้ ตโิ ลกราช แหง่ อาณาจกั รลา้ นนาเปน็ เจดยี ท์ รงระฆงั แบบศลิ ปะลา้ นนา ลกั ษณะสำ� คญั คอื ฐานสเี่ หลย่ี ม เพ่ิมมมุ (ฐานยกเก็จ) ตอ่ ขึน้ ไปเป็นฐานในผงั กลมซ้อนลดหลนั่ กันจ�ำนวน ๓ ฐาน ฐานดังกลา่ วรองรับทรง ระฆัง ซึ่งมีทรงกรวยเป็นส่วนยอด กรมศิลปากร ได้ประกาศข้ึนทะเบียนเป็นโบราณวัตถุสถานของชาติ เมือ่ วนั ที่ ๘ มีนาคม พุทธศกั ราช ๒๔๗๘ วรรณคดีเร่ืองโคลงนิราศหริภุญชัย กล่าวถึงพระธาตุหริภุญชัยว่า เป็นพระธาตุที่งดงามเทียมเท่า พระธาตจุ ฬุ ามณบี นสวรรคช์ ้ันดาวดงึ ส์ ดังความวา่ มหาชินธาตเุ จา้ เจดีย์ เหมอื นแทง่ คำ� สิงค ี คูเ่ พ้ยี ง ฉตั รค�ำคาดมณ ี ควรคา่ เมืองแฮ เปลวเปลง่ ดนิ ฟา้ เส้ยี ง สวา่ งเทา้ อัมพรา ปัจจบุ ัน ในวันขนึ้ ๑๕ ค�่ำ เดือน ๖ และวนั ขึ้น ๑๕ ค�่ำ เดอื น ๘ ชาวลำ� พนู จะจัดประเพณีสรงนำ�้ พระธาตเุ จา้ ๘ เป็ง หรอื งานสมโภชพระธาตหุ ริภุญชัยเป็นประจำ� ทกุ ปี วัดพระธาตุหริภุญชัย เป็นหนึ่งในพระมหาเจดียสถาน สถานที่ตั้งพิธีเสกท�ำน้�ำพระพุทธมนต์ ศักดิส์ ทิ ธใิ์ นการพระราชพธิ ีบรมราชาภิเษก

68 ศาสนสถานส�ำ คญั คแู่ ผ่นดนิ

พระพุทธศาสนา 69

70 ศาสนสถานส�ำ คญั ค่แู ผน่ ดนิ

วัดพระศรรี ตั นมหาธาตุ พระวิหารหลวงพระอฏั ฐารส วรมหาวหิ าร ตัง้ อยบู่ นถนนพทุ ธบชู า ริมแมน่ ้�ำน่านดา้ น ตะวันออก อ�ำเภอเมอื งพษิ ณโุ ลก จังหวดั พษิ ณโุ ลก

ประวตั คิ วามเปน็ มา

เปน็ พระอารามหลวงชน้ั เอก ชนดิ วรมหาวหิ าร เรยี ก เม่ือเร่ิมสร้างน่าจะเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ (ดอกบัวตูม) ทวั่ ไปวา่ วดั ใหญ่ เปน็ วดั ทม่ี ปี ระวตั ยิ าวนานตง้ั แตส่ มยั สโุ ขทยั ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พุทธศักราช เปน็ ทร่ี จู้ กั กนั โดยทวั่ ไปวา่ เปน็ ทป่ี ระดษิ ฐานพระพทุ ธชนิ ราช ๑๙๙๑ – ๒๐๓๑) ในระยะเวลาที่ทรงข้ึนมาปกครองเมือง พระพทุ ธรปู ทไี่ ดร้ บั ยกยอ่ งวา่ มพี ทุ ธลกั ษณะงดงามมากทสี่ ดุ พิษณุโลก โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระปรางค์โดยสร้าง องค์หนึ่งของประเทศไทย พุทธศาสนิกชนทั่วโลกหล่ังไหล พระสถปู ทรงปรางคส์ วมครอบพระเจดีย์ประธานองคเ์ ดมิ ไปสักการบชู า พระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เป็นแบบ ย่อมุมไม้ยี่สิบ ล้อมรอบด้วยระเบียงคดชั้นใน มีพระวิหาร สงิ่ ส�ำคญั ภายในวดั หลวงพระอัฏฐารสอยู่ด้านตะวันออก พระวิหารพระพุทธ

พระปรางคป์ ระธาน ตง้ั อยศู่ นู ยก์ ลางของวดั หลกั ฐาน ชินราชอยู่ด้านตะวันตก พระวิหารพระพุทธชินสีห์ต้ังอยู่ จากศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ ๒ (จารึกวัดศรีชุม) บันทึกว่า ด้านเหนือ และพระวิหารพระศรีศาสดาตั้งอยู่ด้านใต้ของ พอ่ ขุนศรนี าวนำ� ถมทรงสร้าง “พระทนั ตธาตุ สุคนธเจดยี ”์ พระปรางคป์ ระธาน ในชว่ งเดอื นเมษายนของทุกปี จังหวัด สมัยสุโขทัย พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลิไท) (พุทธศักราช พิษณุโลก ก�ำหนดจัดงานสมโภช เพ่ือให้พุทธศาสนิกชนได้ ๑๘๙๐ – ๑๙๑๑) ได้ทรงสถาปนาพระมหาธาตุและสร้าง สักการะพระบรมสารรี ิกธาตุ พระพุทธรูปประจ�ำพระวิหารทิศ รูปแบบของพระปรางค์

พระพทุ ธศาสนา 71

พระพทุ ธชินราช พระประธานในพระวิหาร พระวิหารพระพทุ ธชนิ ราช

พระพุทธชินราช หรือท่ีชาวเมืองพิษณุโลก เรียกกันว่า หลวงพ่อใหญ่ เป็นพระพุทธรูปส�ำคัญ ประดิษฐานเป็น พระประธานในพระวหิ ารวดั พระศรรี ตั นมหาธาตุ วรมหาวหิ าร นบั เปน็ พระพทุ ธรปู คบู่ า้ นคเู่ มอื งทม่ี พี ทุ ธลกั ษณะงดงามมาก ทสี่ ดุ องคห์ นง่ึ ของไทย สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำ� รงราชานภุ าพทรงสนั นษิ ฐาน โดยอา้ งองิ จากพงศาวดารเหนอื วา่ นา่ จะสรา้ งขน้ึ เมอ่ื พทุ ธศกั ราช ๑๙๐๐ ในรชั กาลพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (ลไิ ท) สมยั เดยี วกบั พระพทุ ธรปู สำ� คญั อกี ๓ องค์ คอื พระพุทธชินสหี ์ พระศรศี าสดา และพระเหลือ (หลอ่ ข้ึนจากเศษทองสำ� ริดทเ่ี หลือจากการหล่อพระพุทธชินราช) พระพุทธชินราชเปน็ พระพุทธรูปปางมารวิชยั หล่อด้วยส�ำรดิ ลงรกั ปดิ ทอง ศลิ ปะสโุ ขทยั มีลกั ษณะเฉพาะที่เรียก ว่า หมวดพระพุทธชินราช หรือสกลุ ชา่ งเมืองพิษณุโลก คอื พระพักตร์คอ่ นขา้ งกลม ขมวดพระเกศาเล็ก พระรัศมเี ปน็ เปลว พระขนงโก่ง พระเนตรเหลือบลงต�่ำ มีพระอณุ าโลมอยู่ระหวา่ งพระขนง พระนาสิกโดง่ พระโอษฐ์อมยิม้ พระวรกายคอ่ น ขา้ งอวบอว้ น นิ้วพระหัตถ์ทง้ั ๔ ยาวเสมอกัน ทรงจีวรหม่ เฉยี ง ชายสงั ฆาฏเิ ป็นเขยี้ วตะขาบ ประทับขัดสมาธริ าบ หน้าตัก กว้าง ๕ ศอก ๑ คบื ๕ นว้ิ สูง ๗ ศอก ประดบั ด้วยซมุ้ เรือนแกว้ แกะสลักด้วยไม้สักลงรักปิดทองลวดลายประณีตอ่อนชอ้ ย งดงามหลายท่อนต่อกนั ลา่ งสุดของซมุ้ เรอื นแกว้ แกะเป็นมังกรคาบแกว้ ยืนด้วย ๒ เท้า ทพ่ี ระเพลาท้งั สองขา้ งประดับดว้ ย รูปอาฬวกยักษท์ างดา้ นขวา และรปู ทา้ วเวสสุวณั ทางด้านซา้ ย กรมศลิ ปากร ไดป้ ระกาศขึน้ ทะเบยี นเปน็ โบราณวัตถสุ ถาน ของชาติ เมอื่ วนั ท่ี ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๗๙ พระวหิ ารพระพทุ ธชนิ ราช เปน็ หนงึ่ ในพระมหาเจดยี สถาน สำ� หรบั ตงั้ พธิ เี สกทำ� นำ้� พระพทุ ธมนตศ์ กั ดส์ิ ทิ ธ์ิ สำ� หรบั สรงพระมุรธาภเิ ษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

72 ศาสนสถานสำ�คญั คแู่ ผ่นดนิ

พระพุทธศาสนา 73

ศาสนาอสิ ลาม

74 ศาสนสถานส�ำ คญั คู่แผน่ ดนิ

มัสยิด เป็นภาษาอาหรับ หมายถึงสถานที่ประกอบศาสนกิจของมุสลิม ในฐานะที่เป็นบ้านของ พระเจ้า เป็นสถานท่ีส�ำหรับแสดงความภักดีต่อพระเจ้า และด�ำเนินกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจ�ำวันตาม แนวทางศาสนาและของชมุ ชน เช่น ปฏบิ ัตศิ าสนกิจ การประชมุ การศึกษา การบรหิ าร การตดั สินคดคี วาม พธิ ีกรรม ฯลฯ มสั ยิด ยงั เรยี กต่างกนั อกี วา่ กุฎี สุเหร่า ประเภทของมสั ยดิ มัสยิดกลาง (ยะมีอะฮ์) ประเทศท่ีมีประชากรมุสลิมเป็นจ�ำนวนมาก มักมีมัสยิดกลางส�ำหรับ ละหมาดรว่ มกัน โดยเฉพาะในวันศกุ ร์ มสุ ลมิ จากมัสยิดแต่ละชุมชนจะมาละหมาดรวมกนั และฟังค�ำอบรม ส่ังสอนก่อนละหมาด (คตุ บะฮ)์ ทีม่ สั ยิดกลาง มัสยดิ กลางจงึ มักเป็นศนู ยก์ ลางของเมือง มัสยิดชุมชน ในชุมชนมุสลิมแต่ละแห่งมักมีมัสยิดชุมชนเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติศาสนกิจและ ประกอบกจิ กรรม นอกจากนยี้ งั มี มสั ยดิ สว่ นบคุ คล ในชมุ ชนขนาดเลก็ ทอ่ี ยหู่ า่ งไกลจากมสั ยดิ มกั มกี ารสรา้ ง อาคารขนาดเลก็ สำ� หรบั ละหมาดรวมกนั ในหมเู่ ครอื ญาติ ทมี่ เี พยี งไมก่ หี่ ลงั คาเรอื น และ มสั ยดิ ทส่ี รา้ งอยรู่ ว่ ม กบั อาคารอน่ื ๆ ในลกั ษณะตา่ งๆ เชน่ ในหา้ งสรรพสนิ คา้ ในสนามบนิ ในโรงพยาบาล ในมหาวทิ ยาลยั เปน็ ตน้ องคป์ ระกอบส�ำคญั ของมสั ยดิ โถงละหมาด สำ� หรบั แสดงความภกั ดตี อ่ พระเจา้ รว่ มกนั ตามแนวทศิ กบิ ละฮ์ (กะอบ์ ะฮ์ มสั ยดิ อลั ฮะรอม นครมกั กะห์ ประเทศซาอดุ อิ าระเบยี ) มิหร์ อบ ท่สี �ำหรบั อหิ มา่ มน�ำละหมาด มกั สร้างมีลกั ษณะเป็นซุม้ โค้งเว้าเข้าไปในผนัง มมิ บรั ส�ำหรับให้อิหมา่ มหรือคอเต็บขึน้ กลา่ วคตุ บะฮ์ แจง้ ข่าวสาร หรือปราศรัย ในโอกาสที่มกี าร ละหมาดร่วมกันในวันศกุ ร์ โดยทว่ั ไปมิมบัรมกั จะวางอยกู่ ลางหรอื อยดู่ า้ นขวาของมหิ ์รอบ ลานหรอื โถงอเนกประสงค์ ทำ� หนา้ ทรี่ องรบั คนจำ� นวนมาก ทง้ั ในวนั ปกตแิ ละวนั สำ� คญั นอกจากน้ี ยังใช้จัดกิจกรรมทางสงั คมที่ไม่ขดั ต่อหลักศาสนาดว้ ย ทอ่ี าบนำ้� ละหมาด กอ่ นการละหมาดจะตอ้ งทำ� ความสะอาดสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย เชน่ มอื ใบหนา้ แขน เท้า พน้ื ทสี่ ว่ นน้ีมักเตรียมไว้ส�ำหรับใหอ้ าบน้ำ� ละหมาดได้หลายๆ คนพรอ้ มกัน หออะซาน (หอคอยประกาศเรียกละหมาด) สำ� หรบั ให้ผู้ประกาศเวลาละหมาด หออะซานมกั สรา้ ง เป็นหอสงู ทมี่ ีรูปทรงท่ีโดดเดน่ และเป็นสัญลักษณข์ องมสั ยดิ ท่ีมองเหน็ ไดใ้ นระยะไกล ลกั ษณะสถาปตั ยกรรม ในอดตี มกั สร้างมัสยิดตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมทอ้ งถ่นิ ในสมยั อยธุ ยาตอนกลางจนถงึ สมยั รตั นโกสนิ ทร์ตอนตน้ มีลักษณะเป็นศิลปะไทยประเพณีมากกวา่ ศิลปะอสิ ลาม แตห่ ลงั จากสมยั รัชกาลท่ี ๕ มุสลมิ เชอื้ ชาติตา่ งๆ ทีเ่ ขา้ มาในประเทศไทย ได้นำ� เอารูปแบบสถาปัตยกรรมและลวดลายศิลปะอสิ ลามจาก ชนชาติของตนมาใช้ในการสร้างมัสยิด มัสยิดในประเทศไทยจึงมีลักษณะที่ผสมผสานสถาปัตยกรรม และ ศลิ ปกรรมของหลายชาตเิ ขา้ ดว้ ยกนั จึงพบเห็นมสั ยิดท่ีมอี ทิ ธิพลของสถาปัตยกรรมไทย ชวา มลายู อนิ เดีย อาหรับ และเปอร์เซีย (อิหรา่ น) รวมถึงสถาปตั ยกรรมยุโรป

ศาสนาอิสลาม 75

76 ศาสนสถานส�ำ คญั ค่แู ผน่ ดนิ

มสั ยิดตน้ สน มหิ ร์ อบและมมิ บรั ภายในมัสยิด

ต้ังอยูท่ ่ี ๔๔๗ ซอยวดั หงสร์ ตั นาราม ถนน อรุณอมรินทร์ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร

ประวตั คิ วามเปน็ มา

มัสยิดแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อ ทรดุ โทรมตามกาลเวลา จงึ ร้ือและสร้างใหมเ่ มื่อพุทธศักราช พทุ ธศกั ราช ๒๒๓๑ ในชว่ งปลายรชั กาลสมเดจ็ พระนารายณ์ ๒๔๙๕ แลว้ เสรจ็ พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๗ จนกระทงั่ พทุ ธศกั ราช มหาราช โดยออกญาราชวังสนั เสนี (มะหะมดุ ) และบริวาร ๒๕๕๒ ได้บูรณะใหม่อีกคร้ัง ดังปรากฏในปัจจุบัน ขณะ ถือเป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร เดิมเรียก เดียวกันก็ได้สร้างมิห์รอบและมิมบัรข้ึนมาใหม่ เพื่อให้เข้า วา่ “กฏุ ใี หญ่” ยอ่ มาจากค�ำวา่ “กฏุ บี างกอกใหญ่” เพราะ กนั และรบั กบั มสั ยิดหลงั ใหม่ด้วย ต้ังอยู่บริเวณใกล้ปากคลองบางกอกใหญ่ หลังจากมีการ สร้างอาคารใหม่และปลูกต้นสนคู่ท่ีหน้าประตูก�ำแพง จึง มัสยิดแห่งน้ีมีคุณค่าและความส�ำคัญทาง เปลีย่ นช่ือเปน็ มสั ยดิ ต้นสน ต่อมามีการสร้างมสั ยดิ ข้ึนใหม่ ประวัติศาสตร์ของกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ รวมทั้งวิถี เมื่อพุทธศักราช ๒๓๕๘ แล้วเสร็จในพุทธศักราช ๒๓๕๙ ชวี ิตและวิวฒั นาการของชมุ ชนมุสลมิ

มีลักษณะเป็นแบบไทยประเพณี มัสยิดแห่งนี้ได้ช�ำรุด

ศาสนาอสิ ลาม 77

(ภาพบน) มัสยิดต้นสน อาคารทรงไทย ก่ออิฐถือปูน พ.ศ. ๒๓๕๙- ๒๔๙๕ มัสยิดต้นสน พ.ศ. ๒๔๙๗ - ๒๕๕๒ (ภาพลา่ ง) มหิ ร์ อบ (ซา้ ย) เปน็ ศาลาทรงไทยประเพณี ประดบั ชอ่ ฟา้ ใบระกา หางหงส์ ลงรกั ปิดทองประดบั กระจก มมิ บรั (ขวา) หลังคาโค้งรปู คร่ึงวงกลม แผน่ ไมก้ ระดานจำ� หลกั (กลาง) มรี ปู ภาพและอกั ษรอาหรบั ลวดลายศลิ ปะ

อยธุ ยาตอนปลาย ทงั้ หมดเปน็ ของเกา่ สร้างค่กู ับมสั ยิดทรงไทย

นอกจากนพ้ี ระมหากษตั รยิ ห์ ลายพระองค์ ไดเ้ สดจ็ ฯ มายงั มสั ยดิ แหง่ นด้ี ว้ ย ไดแ้ ก่ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช แหง่ กรงุ ธนบรุ ี พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร พรอ้ มดว้ ย พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ขณะทรงเปน็ สมเดจ็ พระอนชุ าธริ าช และสลุ ตา่ น อสิ มานแอลปตุ รา อบิ นิ อรั มรั ฮมุ สลุ ตา่ นยะหย์ าปตุ ราแหง่ รฐั กลนั ตนั สหพนั ธรฐั มาเลเซยี พรอ้ มดว้ ยพระชายา และ พระราชโอรส (ตวนกมู ะโกตา) ภายในกโุ บร์ หรอื สสุ านทฝี่ งั ศพ ยงั เปน็ ทฝ่ี งั ศพบรรพชนชาวมสุ ลมิ ซง่ึ มบี ทบาทสำ� คญั ตอ่ ประวตั ศิ าสตร์ ของสงั คมไทยในแตล่ ะยคุ สมยั อาทิ เจา้ พระยาจกั รศี รอี งคร์ กั ษ์ (หมดุ ) พระยาราชวงั สนั (ฉมิ ) แมท่ พั เรอื ในรชั กาล ที่ ๓ หลวงโกชาอิศหาก (นาโคดาล)ี ผู้ปฏสิ ังขรณ์มสั ยดิ ตน้ สน รวมท้ังยงั เป็นสุสานทฝ่ี งั ศพของจุฬาราชมนตรี ๙ ท่าน รวมทง้ั เจา้ จอมทเ่ี ปน็ ชาวมสุ ลมิ เช่น เจ้าจอมหงสใ์ นรชั กาลที่ ๑ เจ้าจอมจบี ในรัชกาลที่ ๒ เจา้ จอมละมา้ ย ในรัชกาลท่ี ๕

78 ศาสนสถานสำ�คญั คูแ่ ผ่นดิน

ซุ้มประตมู สั ยดิ มัสยดิ ต้นสน พ.ศ. ๒๕๕๒ - ปัจจบุ ัน

ลกั ษณะสถาปตั ยกรรม

มัสยิดต้นสนได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์หลายครั้ง จึงมีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมแปรเปลี่ยนไปตาม ยุคสมัย เมื่อแรกสร้างเปน็ เพยี งเรอื นไมย้ กพื้น ฝาขัดแตะ หลังคามุงจาก ตอ่ มามกี ารขยายมสั ยิดให้กวา้ งขวาง โดยเปล่ียนเป็นเรือนไม้สักและหลังคามุงกระเบ้ือง จนราวกลางพุทธศักราช ๒๓๕๘ มัสยิดทรุดโทรมลงมาก หลวงโกชาอศิ หาก (นาโคดาล)ี มหาดเลก็ ในพระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทา่ นเกตุ และทา่ นสน จงึ สรา้ ง ใหมแ่ ทนของเดิม สรา้ งเสร็จในพุทธศกั ราช ๒๓๕๙ มัสยิดเปน็ อาคารกอ่ อฐิ ถือปนู ทรงสเ่ี หลย่ี ม สถาปัตยกรรม ไทยผสมสถาปัตยกรรมตะวันตกท่ีสอดแทรกลายประดับแบบอิสลามไว้ตามจุดต่างๆ หลังคาทรงจ่ัว หน้าบัน เป็นหน้าอดุ ไมม่ ชี ่อฟ้าและหางหงส์ นับวา่ เปน็ มัสยดิ ทีห่ รูหราสง่างามที่สดุ ในสมัยน้ัน ต่อมาในพุทธศักราช ๒๔๙๕ มัสยิดทรุดโทรมลงอีก กอปรกับพ้ืนท่ีของมัสยิดไม่เพียงพอท่ีจะ รองรับจ�ำนวนผู้ละหมาดที่เพ่ิมข้ึน จึงร้ือและสร้างใหม่ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม เป็นอาคาร คอนกรตี เสริมเหลก็ แผนผงั เป็นรูปตัวแอล (L) ประกอบด้วยอาคารสองสว่ น อาคารมัสยิดทาดว้ ยสีเขยี วออ่ น ส่วนโดมทาด้วยสเี ขยี วเขม้ มัสยิดหลงั นี้สร้างเสรจ็ ในพุทธศักราช ๒๔๙๗ จนกระทัง่ พทุ ธศักราช ๒๕๕๒ อาคารมสั ยดิ เริ่มทรดุ ตวั เหลก็ ท่ียดึ โดมดา้ นบนผกุ รอ่ น การปรบั ปรุง ครง้ั นยี้ งั คงสบื ทอดแนวคดิ การออกแบบโดมของมสั ยดิ ใหเ้ หมอื นโดมในประเทศอยี ปิ ต์ ดว้ ยการตกแตง่ ดว้ ยลาย ปนู ปน้ั แบบศลิ ปะอสิ ลามในประเทศอยี ปิ ตผ์ สมกบั ศลิ ปะอสิ ลามในประเทศสเปนและประเทศโมรอกโก เนน้ ลาย พนั ธพ์ุ ฤกษาและลายเรขาคณติ กรอบประตแู ละหนา้ ตา่ งตอ่ เตมิ เปน็ ชอ่ งโคง้ เกอื กมา้ ตลอดจนทาสีอาคารใหม่ทั้ง หลงั ให้เป็นสนี ้ำ� ตาลเหมอื นสขี องมัสยิดในประเทศอียปิ ต์ทเี่ กิดจากการกอ่ ดว้ ยอฐิ และดนิ ตลอดจนปรับแก้โดม ใหม้ ีรปู ทรงเหมือนโดมของมัสยิดในอยี ิปต์มากขึน้

ศาสนาอิสลาม 79

80 ศาสนสถานส�ำ คญั ค่แู ผน่ ดนิ

มสั ยดิ กวู ตลิ อสิ ลาม มัสยดิ กูวติลอสิ ลาม มองจากฝั่งแมน่ �้ำเจา้ พระยา (สเุ หรา่ ตกึ แดง)

ตั้งอยู่ ริมแมน่ ำ�้ เจา้ พระยา ใกล้เชงิ สะพาน พระพทุ ธยอดฟา้ เลขที่๖๕๖ซอยสมเดจ็ เจา้ พระยา๑ แขวงสมเดจ็ เจา้ พระยาเขตคลองสานกรงุ เทพมหานคร

ประวตั คิ วามเปน็ มา

มัสยิดกูวติลอิสลามหรือสุเหร่าตึกแดง เดิมคือ ป่าสะแก มัสยิดแห่งน้ีสร้างขึ้นในราวพุทธศักราช ๒๔๐๒ ส�ำนักงานพระคลังสินค้าของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหา ดังมีอักษรจารึกท่ีซุ้มประตูมัสยิดว่าสร้างปีฮิจเราะห์ศักราช พิชยั ญาติ (ทัด บุนนาค) ซง่ึ มีลักษณะเป็นตึกก่อด้วยอฐิ มอญ ๑๒๘o (ประมาณพุทธศักราช ๒๔o๒) ให้ช่ืออาคารหลังน้ี สีแดง จึงเรียกย่านชมุ ชนนี้ว่าย่านตึกแดง บริเวณนี้เป็นท่ตี ้งั ว่า “กูวติลอิสลาม” แปลว่า “ความสามัคคีและพลังของ ของชุมชนมุสลิม และพ่อค้าอินเดียจากเมืองสุรัตท่ีเดินทาง มุสลิม” ท้ังนี้สืบเน่ืองมาจากมุสลิมในชุมชนน้ีประกอบด้วย เข้ามาค้าขายและเช่าบ้านท�ำการค้าอยู่ท่ีตึกแดงริมแม่น�้ำ กลมุ่ ใหญ่ คอื เชอ้ื สายปตั ตานี ซง่ึ มคี วามสามารถทางการชา่ ง เจ้าพระยา หลังวัดอนงคาราม ท�ำการค้าขายผ้าทอด้ินเงิน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ช่างท�ำทอง นาก กับกล่มุ เช้ือสายอินเดยี ดิ้นทอง และชว่ ยราชการกรมพระคลงั สินค้าด้านแปลภาษา ซงึ่ มคี วามสามารถในการประกอบธรุ กจิ คา้ ขาย ไดร้ ว่ มมอื กนั ต่างประเทศ ต่อมาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ ปรบั ปรงุ และสรา้ งมสั ยดิ ขนึ้ ฉะนนั้ ในการบรหิ ารมสั ยดิ แหง่ น้ี ไดบ้ รจิ าคทด่ี นิ ประมาณ ๑ ไรใ่ หก้ บั มสุ ลมิ ในชมุ ชนนี้ พรอ้ มกบั จงึ มกี รรมการสองฝา่ ย คอื ผบู้ รหิ ารฝา่ ยศาสนกจิ เปน็ มสุ ลมิ ยกอาคารตกึ แดงใหเ้ ปน็ สเุ หรา่ ดว้ ยเหน็ วา่ มสุ ลมิ ทต่ี ง้ั ถน่ิ ฐาน เชอ้ื สายจากไทรบุรี อหิ ม่ามทา่ นแรกคือ ฮจั ญมี ูฮำ� หมัดยซู ปุ อยู่ในบริเวณนี้ไม่มีมัสยิดส�ำหรับปฏิบัติศาสนกิจ ต้องเดิน อลั มะหดฺ าวี สว่ นผบู้ รหิ ารฝา่ ยธรุ กจิ เปน็ ทางสายอนิ เดยี ทา่ น ทางไปที่มัสยิดบ้านสมเด็จ ซ่ึงหนทางสมัยนั้นเต็มไปด้วย แรก คอื ฮัจญีบาย นานา

ศาสนาอสิ ลาม 81

(ภาพบน) ซ้มุ ทางเข้าภายในมสั ยดิ มิมบรั และมหิ ์รอบ (ภาพลา่ ง) โถงละหมาด เหน็ มิห์รอบและมมิ บรั

มสั ยดิ กวู ตลิ อสิ ลามหรอื สเุ หรา่ ตกึ แดง มคี วามสำ� คญั และมคี ณุ คา่ ทางประวตั ศิ าสตร์ ศลิ ปะและ สถาปตั ยกรรม จงึ ไดร้ บั การประกาศขนึ้ ทะเบยี นเปน็ โบราณสถานสำ� คญั ของชาติ เมอื่ วนั ที่ ๓๐ กนั ยายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ ตามประกาศกรมศิลปากรเร่ืองรายช่ือโบราณสถานในเขตกรุงเทพมหานคร เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๖๕ ง ในชุมชนน้ีมีมุสลิมผู้มีบทบาททางด้านการเมืองการปกครองที่มีชื่อเสียงหลายท่าน ได้แก่ นายเลก็ นานา อดตี รฐั มนตรหี ลายกระทรวง และอดตี สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร กรงุ เทพมหานครหลาย สมยั ไดถ้ วายทดี่ ินประมาณ ๔ ไร่ พรอ้ มอาคารแดพ่ ระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร เพ่ือสร้างอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ด้วยบริเวณ ชุมชนแห่งนี้เคยเป็นท่ีประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในอดีต รวมทั้งนายอารีย์ วงศอ์ ารยะ อดตี ปลดั กระทรวงมหาดไทยและรฐั มนตรชี ว่ ยว่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร

ลกั ษณะสถาปตั ยกรรม

เปน็ อาคารทรงปน้ั หยา มลี กั ษณะผสมผสานระหวา่ งศลิ ปะไทย ยโุ รป ฝมี อื ชา่ งจากไทรบรุ ี และ สรุ ตั ทัง้ งานไม้ โลหะ งานปูน กระจกและกระเบ้อื ง

82 ศาสนสถานส�ำ คญั คูแ่ ผ่นดิน

(ภาพบน) ระเบียงดา้ นนอกมสั ยิด (ภาพลา่ ง) การละหมาด

ศาสนาอสิ ลาม 83

84 ศาสนสถานส�ำ คญั ค่แู ผน่ ดนิ

มสั ยดิ บางออ้ อาคารเรียนสอนศาสนา “เจรญิ วิทยาคาร”

ต้ังอยู่ ริมแม่น�้ำเจ้าพระยา เลขท่ี ๑๔๓ ซอยจรญั สนิทวงศ์ ๘๖ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรงุ เทพมหานคร

ประวตั คิ วามเปน็ มา

มสั ยดิ บางออ้ กอ่ สรา้ งโดยชาวมสุ ลมิ ในชมุ ชนมสั ยดิ ข้ึน พรอ้ มกับอาคารเรียนเปน็ อาคารไม้แบบเรอื นขนมปงั ขิง บางอ้อซ่ึงเป็นพ่อค้าชาวมุสลิมเชื้อสายเปอร์เซียที่อพยพมา ชอื่ วา่ “เจรญิ วทิ ยาคาร” รวมทง้ั อาคารอเนกประสงค์ ศาลา จากกรุงศรีอยุธยาเมื่อครัง้ เสยี กรงุ และมาต้ังถ่นิ ฐานบรเิ วณ รมิ น�ำ้ และกโุ บรห์ รอื สสุ านมุสลมิ ริมแม่น�้ำเจ้าพระยาซ่ึงเป็นท่ีรู้จักในนาม “แขกแพ” ต่อมา จึงขยับขยายสร้างบ้านเรือนและมัสยิดบนที่ดินริมแม่น้�ำ มัสยิดบางอ้อได้รับการท�ำนุบ�ำรุงเป็นอย่างดีจาก และเติบโตเป็นชุมชนขนาดใหญ่ท่ีประสบความส�ำเร็จใน ผู้น�ำทางศาสนาและชุมชนตลอดมา จนกระทั่งพุทธศักราช การเดินเรือและการค้าไม้ ในอดีตชุมชนแห่งน้ีใช้แพเป็น ๒๕๕๔ เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในกรุงเทพมหานคร มัสยิด ศาสนสถานจนกระทงั่ ขยบั ขยายมาสรา้ งมสั ยดิ บนพน้ื ดนิ เปน็ บางอ้อถูกน�้ำท่วมในคร้ังนี้ด้วย ในพุทธศักราช ๒๕๕๕ อาคารไม้ทรงส่เี หล่ียมขนาดพอๆ กับเรอื นแพ หลงั จากนั้น - ๒๕๕๖ จึงได้บูรณะโดยวิธีดีดยกอาคารและปรับปรุง ในระหวา่ งพทุ ธศกั ราช ๒๔๔๘ – ๒๔๕๘ ไดส้ รา้ งมสั ยดิ อยา่ ง ซอ่ มแซมสว่ นประกอบต่างๆ ของอาคาร ทำ� ใหม้ สั ยดิ แห่งน้ี ถาวร เป็นอาคารไม้ทรงปั้นหยาที่ใหญ่กว่าเดิม และต่อมา ดำ� รงคณุ คา่ ทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละสถาปตั ยกรรมเหมอื นเชน่ ในพุทธศักราช ๒๔๖๒ จึงสร้างอาคารมัสยิดหลังปัจจุบัน ในอดตี ทผี่ ่านมา

ศาสนาอิสลาม 85

มขุ ดา้ นหน้าจารกึ คําปฏญิ าณ ชอื่ มสั ยดิ และวนั เดือนปที ่ีสรา้ ง คอเต็บขนึ้ แสดงคุตบะฮ์ (ธรรมเทศนา) บนมิมบัร ภายในมัสยิด

ลกั ษณะสถาปตั ยกรรม

เปน็ อาคารชนั้ เดยี ว กอ่ อฐิ ถอื ปนู กวา้ ง ๑๒ เมตร ยาว ๒๔ เมตร ตามลกั ษณะ ของสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์ผสมผสานกับอิทธิพลของศาสนาอิสลาม หลังคา ทรงปน้ั หยา มชี ายคาเปน็ หลงั คาคอนกรตี แบนและมลี ูกกรงระเบยี งท่ีมีลวดลายปนู ปั้นและเคร่ืองประดับโดยรอบหลังคา มีหอคอยหลงั คาทรงโดมขนาบทง้ั สองข้างทั้ง ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั มขุ ดา้ นหนา้ มลี วดลายปนู ปน้ั ทาทอง จารกึ คำ� ปฏญิ าณตนของ มสุ ลมิ วา่ “ลาอลิ า ฮะ อลิ ลลั ลอฮ. มฮุ มั มดั รอซลู ลุ ลอฮ.” แปลวา่ “ไมม่ พี ระเจา้ อนื่ ใด นอกจากอลั ลอฮ์ และมุฮัมมดั เป็นศาสนทูตของอลั ลอฮ์” และวนั เดอื น ปี ท่เี ริม่ ใช้ มัสยดิ หลงั นี้ในพทุ ธศักราช ๒๔๖๒ ตรงกับปฏทิ นิ อิสลาม ฮิจเราะห์ศักราช ๑๓๓๙ ประตูและหน้าต่างเป็นไม้ ช่องลมเหนือประตูและช่องหน้าต่างเป็นปูนปั้นทรงโค้ง แบบยุโรป

86 ศาสนสถานส�ำ คัญค่แู ผน่ ดนิ

ศาสนาอิสลาม 87

88 ศาสนสถานส�ำ คญั ค่แู ผน่ ดนิ

มสั ยดิ บางหลวง การละหมาดของมสุ ลิมในชมุ ชน

ต้ังอยู่ที่ ซอยมัสยิดบางหลวง ถนน อรุณอมรินทร์ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร

ประวตั คิ วามเปน็ มา

หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ท�ำให้ชาว มสั ยดิ แหง่ นต้ี ง้ั หนั หนา้ ไปทางทศิ ตะวนั ออก มคี วาม มุสลิมเช้ือสายมลายูที่เรียกว่า แขกตานี อพยพลงมาอาศัย โดดเดน่ ดว้ ยเปน็ มสั ยดิ กอ่ อฐิ ถอื ปนู ทรงไทย เนอื่ งจากมสั ยดิ อยู่บริเวณแพสองฝั่งคลองบางกอกใหญ่ ต่อมาประชากร ในระยะแรกสว่ นใหญจ่ ะใชร้ ปู แบบของสถาปตั ยกรรมทอ้ งถนิ่ มีจ�ำนวนเพ่ิมมากข้ึน จึงได้ย้ายขึ้นบนบกสร้างที่อยู่อาศัย ในการสร้าง เพราะรูปแบบมัสยิดในดินแดนอาหรับไม่ ฝง่ั ตรงขา้ มวดั หงสร์ ตั นารามยาวตลอดไปถงึ คลองวดั ดอกไม้ สอดคลอ้ งกบั เงอื่ นไขในทอ้ งถนิ่ ประกอบกบั ขอ้ จำ� กดั ดา้ นวสั ดุ หรอื คลองบปุ ผาราม และขยายเปน็ ชมุ ชนมสั ยดิ บางหลวงใน โครงสรา้ งและกรรมวธิ กี ารกอ่ สรา้ ง อยา่ งไรกต็ ามมสั ยดิ แหง่ น้ี เวลาตอ่ มา ชมุ ชนนสี้ รา้ งมสั ยดิ ขนึ้ สนั นษิ ฐานวา่ สรา้ งในสมยั ผสู้ รา้ งไดบ้ รรจหุ ลกั การสำ� คญั ของศาสนาอสิ ลามไว้ คอื มมิ บรั รัชกาลที่ ๑ (พ.ศ. ๒๓๒๕) โดยพ่อคา้ มุสลมิ ชือ่ โตะ๊ หยี และ มหิ ร์ อบ โครงสรา้ งภายในเปน็ พน้ื ราบ สะอาด ปราศจากรปู ให้ช่ือว่า “มัสยิดบางหลวง” เน่ืองจากตัวอาคารมัสยิดทา เคารพ มเี สาคำ้� ยนั พาไล จำ� นวน ๓๐ ตน้ เทา่ กบั บทบญั ญตั ใิ น ดว้ ยสีขาว ชาวบ้านจึงเรยี กว่า “กฎุ ขี าว” (คำ� ว่า กุฎี นำ� มา คมั ภรี อ์ ลั กรุ อานทม่ี ี ๓๐ บท และหอ้ งละหมาดมี ๑๒ หนา้ ตา่ ง ใช้เรยี กศาสนสถานของมสุ ลิมมาแต่สมัยอยุธยา แตเ่ มอื่ ไดม้ ี ๑ ประตู รวม ๑๓ ชอ่ ง เทา่ กบั จำ� นวนรกุ นุ่ หรอื กฎละหมาด การประกาศใช้พระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พุทธศักราช ๑๓ ขอ้ ๓๐ ๒๔๙๐ ได้เปลยี่ นค�ำเรยี กเปน็ มสั ยิด)

ศาสนาอสิ ลาม 89

90 ศาสนสถานส�ำ คญั ค่แู ผน่ ดนิ

ตอ่ มามมิ บรั เกา่ ในมสั ยดิ ชำ� รดุ เจา้ สวั พกุ พอ่ คา้ จนี มสุ ลมิ (ตน้ ตระกลู พกุ ภญิ โญ) ไดก้ อ่ สรา้ งมมิ บรั และ มหิ ร์ อบขนึ้ ใหม่ เปน็ ซมุ้ ทรงวมิ าน กอ่ อฐิ ถอื ปนู ปดิ ทอง ผสมผสานดว้ ยลวดลายปนู ปน้ั ของศลิ ปะ ๓ ชาติ ประกอบดว้ ยฐานเสา เปน็ ปนู ปน้ั ลวดลายไทย เก่ียวกระหวัดด้วยกิ่งใบฝร่ังเทศและดอกเมาตาลของจีน ตลอดตัวเสาประดับกระจกสีลายไทยเป็นลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ลายรกั รอ้ ย และลายแกว้ ชงิ ดวง สว่ นดา้ นบนเปน็ ซมุ้ วมิ าน ๓ ยอด สอดแทรกดว้ ยลวดลายกา้ นใบฝรงั่ เทศและดอกเมาตาลของ จนี เตม็ ทง้ั ๓ ยอด ตลอดทงั้ ซมุ้ ประดบั ดว้ ยกระจกสี พรอ้ มกบั ไดแ้ กะสลกั แผน่ ไมเ้ ปน็ อกั ษรอาหรบั นนู ลอย เปน็ ชอ่ื อลั ลอฮ์ นบมี ฮุ มั มดั ศาสดาของศาสนา บทอลั กรุ อานทส่ี ำ� คญั ตดิ ตง้ั ไวภ้ ายในซมุ้ ทผี่ นงั มสั ยดิ มชี ามตดิ อยู่ และมคี ำ� วา่ อลั ลอฮ์ มฮุ มั มดั นอกจากนย้ี งั มคี มั ภรี อ์ ลั กรุ อานเกา่ แกอ่ ายุ ๓๐๐ ปี โคมไฟพระราชทาน ซง่ึ เปน็ เครอ่ื งสงั เคด็ ในงานพระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ร.ศ. ๑๒๙ (พทุ ธศกั ราช ๒๔๕๓)

มัสยิดบางหลวง สะท้อนความเป็นมาของมัสยิด ภูมิปัญญาและความสามารถของช่างในชุมชนแห่งนี้เป็นอย่างดี มัสยดิ แห่งนไ้ี ด้รับพระราชทาน “รางวลั อนุรกั ษ์ศิลปะสถาปตั ยกรรมดีเด่น ประจ�ำปี ๒๕๕๔ ประเภทปชู นียสถานและวดั วา อาราม” จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี

ลกั ษณะสถาปตั ยกรรม

มัสยดิ มผี ังเปน็ ส่ีเหลี่ยมผนื ผ้า ทรงไทยกอ่ อฐิ ถือปนู ทั้งหลัง มีหลงั คาพาไลยน่ื ออกมาข้างหน้า ด้านอ่ืนเป็นหลังคา ปีกนก มีเสารองรับหลังคา บันไดทางขึ้นอยู่ทางทิศเหนือและใต้ของพาไลด้านหน้า หลังคาทรงจ่ัวมุงกระเบื้องว่าวสีเขียว หนา้ บนั หนา้ - หลงั ประดับดว้ ยปนู ปัน้ ลายศิลปะ ๓ ชาติ คือ กรอบหน้าบนั เป็นเคร่อื งล�ำยอง ประดับห้ามลายไว้บนยอด เป็นศลิ ปะไทย หน้าบนั เปน็ ปนู ปน้ั ลายกา้ นแยง่ ใบฝร่งั เทศ เปน็ ศลิ ปะตะวนั ตก และดอกไม้เป็นดอกเมาตาล ศลิ ปะจนี ลาย ศิลปะ ๓ ชาติน้ี ได้นำ� มาประดบั ท่กี รอบประตแู ละหนา้ ตา่ งทุกบานของมสั ยิด ในสว่ นตัวอาคารที่เปน็ ปูน ทาสีขาวท้ังหมด ส่วนที่เปน็ ไมท้ าสเี ขียว

มหิ ์รอบ มมิ บรั และแผน่ ไม้จำ� หลัก ในซุ้มทรงวิมาน ๓ ยอด ปนู ปนั้ ลวดลายศลิ ปะ ๓ ชาติ การละหมาด

ศาสนาอสิ ลาม 91

92 ศาสนสถานส�ำ คญั ค่แู ผน่ ดนิ

มสั ยดิ กลางปตั ตานี ด้านหน้ามัสยดิ กลางปัตตานี

ประวตั คิ วามเปน็ มา ตง้ั อยรู่ มิ ถนนยะรงั ตำ� บลอาเนาะรู อำ� เภอ เมืองปัตตานี จงั หวดั ปัตตานี

สร้างในเนื้อที่ประมาณ ๓ ไร่ ๕๕ ตารางวา เมื่อ ตลุ าคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๖ เพอื่ ทรงเยย่ี มเยยี นผนู้ ำ� ศาสนา พุทธศักราช ๒๔๙๗ วางศิลาฤกษ์ เม่ือวันท่ี ๖ กรกฎาคม อิสลามและชาวมุสลิม ทั้งมีพระราชกระแสรับส่ังให้บูรณะ พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๐ ทำ� พธิ เี ปดิ โดยจอมพล สฤษด์ิ ธนะรชั ต์ ปรบั ปรงุ มสั ยดิ แหง่ นี้โดยปรบั ปรงุ เพมิ่ เตมิ ดงั ปรากฏจนปจั จบุ นั นายกรฐั มนตรสี มยั นนั้ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๕ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๖ เพ่ือให้เป็นศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทร ของชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ หอคอยสองข้างน้ีเดิมใช้เป็น เทพยวรางกรู ขณะทรงดำ� รงพระราชอสิ รยิ ยศสมเดจ็ พระบรม หอกลองส�ำหรับตีกลอง เป็นสัญญาณเรียกให้มุสลิมมาร่วม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชด�ำเนนิ มา ปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ตอ่ มาใชเ้ ปน็ ทต่ี ดิ ตงั้ ลำ� โพง เครอ่ื งขยายเสยี ง พระราชทานรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการประกวดการอัญเชิญ แทนเสยี งกลอง ปจั จบุ นั ขยายดา้ นขา้ งออกไปทง้ั ๒ ขา้ งและ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานแห่งประเทศไทย เมื่อวันท่ี ๑๔ สร้างหออะซาน พร้อมขยายสระน�้ำและที่อาบน้�ำละหมาด กนั ยายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๖ และเมอื่ วนั ที่ ๑๔ พฤศจกิ ายน ให้ดูสง่างามย่ิงขึ้น ภายในมัสยิดประดับด้วยหินอ่อนอย่าง พุทธศกั ราช ๒๕๕๙ เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปยังมัสยดิ กลาง สวยงาม นับเปน็ มสั ยดิ ทสี่ วยทสี่ ดุ ปัตตานี พระราชทานถ้วยรางวัลการทดสอบการอัญเชิญ พระมหาคมั ภรี อ์ ลั กรุ อานระดบั ประเทศและพระราชทานโล่ มัสยิดกลางแห่งน้ี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก เกียรติคุณ และเงินรางวัลแก่คณะกรรมการอิสลามประจ�ำ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถ จังหวัดและอิหม่ามในจังหวัดภาคใต้ที่มีผลการปฏิบัติงาน บพติ ร และสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ใน ดีเด่น รวมถึงผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหาร ครู และนักเรียน รัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชด�ำเนินมายังมัสยิดเมื่อวันท่ี ๒๑ เอกชนสอนศาสนาอสิ ลามในภาคใต้

ศาสนาอิสลาม 93

(ภาพบน) โถงละหมาดภายในมสั ยดิ (ภาพล่าง) ลายกระจกบนซมุ้ ประตู

94 ศาสนสถานส�ำ คัญค่แู ผน่ ดนิ

ซมุ้ ประตูมสั ยดิ

มัสยิดแห่งน้ีนอกจากจะใช้เป็นท่ีประกอบศาสนกิจเป็นส่วนใหญ่ คือ ประกอบพิธีละหมาดวันละ ๕ เวลา ซ่ึงเป็นกิจประจ�ำวันแล้ว ยังใช้ในการ ละหมาดใหญท่ ุกวนั ศกุ ร์ โดยมีชาวมุสลมิ ในพื้นทจี่ ังหวัดปตั ตานี ชาวท้องทอี่ ื่น ท้ังในและต่างประเทศมาร่วมพิธี นอกจากน้ีมัสยิดยังเป็นโรงเรียนสอนศาสนา ในวันเสาร์อาทิตย์ มีการสอนอัลกุรอานแก่เด็กๆ ท�ำให้มัสยิดแห่งน้ีผูกพันกับ ชุมชนและเป็นสว่ นหนง่ึ ในวิถีของมสุ ลิมในจงั หวัดปัตตานี

ลกั ษณะสถาปตั ยกรรม

สร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น หลังคาทรงสี่เหลี่ยมช้ันเดียว ตรงกลางมยี อดโดมขนาดใหญแ่ ละมโี ดมบริวาร ๔ ทศิ มหี อคอยอยสู่ องขา้ งสงู เด่นเปน็ สงา่ บริเวณดา้ นหน้ามัสยิดมีสระน�ำ้ ส่ีเหลยี่ มขนาดใหญ่ ภายในมสั ยิด มีลักษณะเป็นห้องโถง มรี ะเบยี งสองข้าง ภายในหอ้ งโถงมีมมิ บรั เป็นท่สี ำ� หรับ “คอเตบ็ ” ยนื อ่านคุตบะฮใ์ นการละหมาดวันศุกร์

ศาสนาอิสลาม 95

96 ศาสนสถานส�ำ คญั ค่แู ผน่ ดนิ

มสั ยดิ กลางนครศรธี รรมราช ตงั้ อยู่ รมิ ถนนสายเบญจมฯ - ศาลาบางปู หมทู่ ี่ ๓ ตำ� บลนาทราย อำ� เภอเมอื งนครศรธี รรมราช ประวตั คิ วามเปน็ มา จังหวดั นครศรธี รรมราช

มัสยิดสร้างบนเน้ือที่ ๗ ไร่ ๓ งาน ๒๑ ตารางวา บุคลากรทางการศึกษา ภาคฟีรดูอีนในการเรียนการสอน ได้รับความร่วมมือจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด ของเยาวชนในพ้ืนท่ีจังหวัดนครศรีธรรมราช การจัดงาน นครศรีธรรมราชในการจัดซื้อท่ีดินแปลงดังกล่าว เพ่ือ เมาลดิ กลางจงั หวดั ใชเ้ ปน็ ศนู ยก์ ลางในการกลอ่ มเกลาเยาวชน กอ่ สรา้ งมสั ยดิ กลาง และไดร้ บั การสนบั สนนุ งบประมาณจาก ประชาชนชาวไทยมุสลิมในพื้นที่และใกล้เคียงในการลด รฐั บาลผา่ นกระทรวงมหาดไทย เรม่ิ กอ่ สรา้ งเมอ่ื พทุ ธศกั ราช ละ เลิก ยาเสพติด ผ่านกระบวนการความเชื่อทางศาสนา ๒๕๕๗ มนี ายอาศสิ พทิ กั ษค์ มุ พล จฬุ าราชมนตรี เปน็ ประธาน และรองรับการท่องเท่ียวอันเน่ืองมาจากการเปิดประชาคม ในพิธีวางรากฐานพร้อมกับนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า เศรษฐกจิ อาเซียน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชในขณะนั้น แล้วเสร็จ สมบรู ณ์เมอื่ วนั ท่ี ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ สถานที่ ลกั ษณะสถาปตั ยกรรม

แห่งนี้ไม่เพียงเป็นมัสยิดกลางเพียงอย่างเดียว แต่เป็น เป็นศิลปะอิสลามร่วมสมัย อาคารมัสยิดมีผังรูป ศูนย์กลางบริหารกิจการศาสนาอิสลาม เป็นสถานท่ีปฏิบัติ สเี่ หล่ียม มีโดมใหญอ่ ยตู่ รงกลาง ยอดโดมประดบั สัญลักษณ์ ศาสนกิจของชาวมุสลิมจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัด ดาวและพระจันทร์เสี้ยว มุมทั้ง ๔ มีหออะซาน ซุ้มประตู ใกล้เคียง รวมท้ังชาวต่างประเทศ และรองรับการพัฒนา หนา้ ต่างประดบั กระจกสลี ายเรขาคณติ

ศาสนาอิสลาม 97

98 ศาสนสถานส�ำ คญั ค่แู ผน่ ดนิ

มสั ยดิ วาดีลฮูเซ็น ด้านหนา้ มสั ยิดวาดลี ฮเู ซน็ (มสั ยิด ๓๐๐ ป)ี ตง้ั อยทู่ ี่ บา้ นตะโละมาเนาะตำ� บลลโุ บะสาวอ อำ� เภอบาเจาะ จงั หวดั นราธิวาส

ประวตั คิ วามเปน็ มา ลกั ษณะสถาปตั ยกรรม

มสั ยดิ วาดลี ฮเู ซน็ หรอื มสั ยดิ ๓๐๐ปีเปน็ มสั ยดิ เกา่ แก่ แตกตา่ งจากมสั ยดิ ทว่ั ไป กลา่ วคอื เปน็ อาคาร ๒ หลงั แห่งหมู่บ้านตะโละมาเนาะที่คร้ังหนึ่งเคยเป็นแหล่งผลิต ติดต่อกัน สร้างด้วยไม้ตะเคียนท้ังหลัง ใช้ไม้สลักแทนตะปู คัมภีร์อัลกุรอานท่ีเขียนด้วยมือ ท้ังน้ี ตามประวัติกล่าวว่า รูปทรงของอาคารเป็นแบบไทยพื้นเมืองมลายู ส่วนเด่น นายวันฮเู ซ็น อัส-ซานาวี ผอู้ พยพมาจากบา้ นสะนอยานยา ที่สุดของอาคาร คือ เหนือหลังคาจะมีฐานรองรับจ่ัวบน จังหวดั ปัตตานี เปน็ ผสู้ รา้ งมัสยดิ แห่งน้ีขน้ึ เม่ือพทุ ธศักราช หลังคาอยู่ช้ันหนึ่ง สว่ นหออะซานตัง้ อยูบ่ นหลงั คาส่วนหลัง ๒๑๖๗ โดยแรกสร้างน้ันเปน็ หลังคามงุ ใบลาน ต่อมาเปลี่ยน ฝาเรอื นใชไ้ มท้ งั้ แผน่ แลว้ เจาะหนา้ ตา่ ง สว่ นชอ่ งลมแกะเปน็ เปน็ กระเบอ้ื งดนิ เผา ซง่ึ ปจั จบุ นั ชาวบา้ นตะโละมาเนาะยงั คง ลวดลายใบไม้ ดอกไม้ ใช้มสั ยดิ น้เี ป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจอยูเ่ ปน็ ประจำ�

ศาสนาอิสลาม 99

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ศัพท์ทางทหาร military words แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 พจนานุกรมศัพท์ทหาร ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง ไทยแปลอังกฤษ ประโยค lmyour แปลภาษา การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ประปาไม่ไหล วันนี้ ฝยก. ย่อมาจาก หยน ห่อหมกฮวก แปลว่า เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษาจีน ่้แปลภาษา onet ม3 การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ตตตตลก บบบย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ เขียน อาหรับ แปลไทย เนื้อเพลง ห่อหมกฮวก แปลไทย asus zenfone 2e กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การประปานครหลวง ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบภาษาอังกฤษ ม.ปลาย พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ชขภใ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน นยน. ย่อมาจาก ทหาร บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ฝสธ. ย่อมาจาก มัดหัวใจเจ้าชายเย็นชา 2 ซับไทย มัดหัวใจเจ้าชายเย็นชา 2 เต็มเรื่อง ยศทหารบก เรียงลําดับ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 รัชกาลที่ 10 ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด