PeerPower เคยเล่าวิธีการทำงานของศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือ เครดิตบูโรไปแล้ว เพื่อให้คุณได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเครดิตบูโร Show
อย่างที่เล่าไปในบล็อกก่อนหน้า ศูนย์ข้อมูลเครดิตนี้มีหน้าที่เก็บข้อมูลการชำระหนี้ของลูกหนี้ แต่ที่นี้เรามักจะพบว่ามีคำถามตามมาเกี่ยวกับข้อมูลการชำระหนี้ที่เครดิตบูโรเก็บไว้ คือ "การปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน" โดยตีความเอาว่าเกิดจากการ "ติดเครดิตบูโร" หรือ "ติดแบล็คลิสต์" ซึ่งหลายคนก็จะมีคำถามต่อมาว่า มันคืออะไร? และใครเป็นคนทำบัญชีแบล็คลิสต์นั้นขึ้นมา? บล็อกนี้เราเลยจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการ "ติดแบล็ดลิสต์" และ "วิธีการแก้ไขหากมีประวัติค้างการชำระหนี้" เผื่อใครอยากรู้วิธีก็สามารถเอาข้อมูลนี้เป็นไกด์ไลน์ได้ TLDR ข้อหัวที่จะพูดในบล็อก 1. "ติดเครดิตบูโร" หรือ "ติดแบล็คลิสต์" ตามความเข้าใจของคนทั่วไปการที่สถาบันการเงินจะไม่อนุมัติสินเชื่อมีเหตุผลอยู่ไม่กี่ข้อ เช่น
ข้อมูลการชำระหนี้พวกนี้ จะอ้างอิงจากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (National Credit Bureau) หรือ NCB หลายคนจึงเรียกการไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อด้วยเหตุผลดังกล่าวว่า เป็น "การติดเครดิตบูโร" หรือหนักกว่านั้นหลายคนคิดว่าตัวเองถูกขึ้นบัญชีดำ หรือ "ติดแบล็คลิสต์" ซึ่งทำให้เชื่อมโยงไปอีกว่า ศูนย์ NCB มีการจัดทำบัญชีคนที่มีประวัติการชำระหนี้ล่าช้าไว้รวมกัน เพื่อที่สถาบันการเงินจะเข้ามาตรวจสอบเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ แต่นี่เป็นความเข้าใจที่ผิด ถ้าอ่านวิธีการทำงานของศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติแล้ว จะพบว่า หน้าที่ของศูนย์ฯ คือ การรวบรวมประวัติการชำระหนี้จากสมาชิก และจัดทำรายงานของข้อมูลที่ได้มาเท่านั้น แต่การพิจารณาสินเชื่อ เป็นเรื่องของธนาคาร และสถาบันการเงินที่มีหลักเกณฑ์พิจารณาเอง ศูนย์ข้อมูลเครดิตไม่มีหน้าที่จัดทำรายงานเฉพาะบุคคลที่มีประวัติการชำระหนี้ไม่ดีแต่อย่างใด การติดเครดิตบูโร หรือ การติดแบล็คลิสต์ จึงเป็นเรื่องที่คนคิด และเข้าใจกันเอาเอง 2. ติดเครดิตบูโรไม่มีจริง แล้วทำไมจึงขอกู้ไม่ผ่าน?ตามที่บอกไปข้างต้นว่าเหตุผลในการปฏิเสธการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินนั้นมีอยู่ไม่กี่อย่าง ถ้าไม่ใช่เหตุผลด้านคุณสมบัติก็เป็นภาระหนี้ หรือ วินัยทางการเงิน ซึ่งธนาคารที่ปฏิเสธการให้สินเชื่อต้องมีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ทั้งนี้ ถ้าเหตุผลในการไม่อนุมัติ คือ การชำระหนี้ล่าช้าโดยอ้างอิงข้อมูลจากรายงานของศูนย์เครดิตบูโร หากผู้ขอสินเชื่อเกิดความข้องใจในข้อมูล ก็สามารถนำจดหมายดังกล่าวยื่นขอตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ย้อนหลังที่ศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติได้ด้วยตัวเองเพื่อดูว่าประวัติที่แสดงขึ้นมานั้นถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องท่านสามารถยื่นคำร้องขอแก้ไขได้ต่อไป วิธียื่นก็ทำได้ไม่ยาก โดยนำหนังสือชี้แจงดังกล่าว พร้อมกับบัตรประชาชนตัวจริง มายื่นขอตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเครดิตบูโรได้ฟรีที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโรทุกแห่ง ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เช็คข้อมูลสถานที่ยื่นได้จากที่นี่ 3. ติดเครดิตบูโรแก้ไขได้อย่างไร ?หากคุณมีประวัติผิดนัดชำระหนี้กับองค์กรที่เป็นสมาชิกข้อมูลศูนย์ข้อมูลเครดิต ข้อมูลจะไปปรากฏในรายงานข้อมูลเครดิต แต่ทั้งนี้ ศูนย์ฯ จะเก็บข้อมูลย้อนหลังไม่เกิน 3 ปีตามที่กฎหมายกำหนด หากชำระหนี้เก่าที่ค้างครบแล้วหรือปิดหนี้แล้ว และไม่ได้มีการค้างชำระอีก ผ่านไป 3 ปี (36 เดือน) ประวัติค้างชำระก็จะหายไป กรณีที่ยังมีหนี้ค้างอยู่ และต้องการทำเรื่องกู้-ขอสินเชื่อ สถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อจะตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังในช่วงระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น หมายความว่า ข้อมูลก่อนหน้าที่ไม่รวมอยู่ในช่วงการตรวจสอบจะไ่ม่ถูกพิจารณา สมมุติคุณต้องการทำสินเชื่อส่วนบุคคล ส่วนใหญ่แล้วสถาบันการเงินจะเช็คข้อมูลย้อนหลังประมาณ 6 เดือน หากก่อนหน้านี้คุณมีประวัติเคยผิดนัดชำระหนี้ แต่ข้อมูลนั้นไม่ได้รวมอยู่ในช่วง 6 เดือนที่ธนาคารใช้พิจารณา โอกาสที่คุณจะได้รับการอนุมัติสินเชื่อก็เป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ในช่วงที่ธนาคารพิจารณาคุณก็ควรชำระหนี้สม่ำเสมอด้วยเช่นกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้อนุมัติสินเชื่อ วิธีเหล่านี้คือสิ่งที่ง่ายที่สุดที่ทำได้เพื่อให้ประวัติการชำระหนี้ของคุณกลับมาดี หรือ ที่หลายคนเรียกว่า แก้การติดเครดิตบูโร แต่ถ้าเป็นหนี้มาก และไม่สามารถจ่ายได้ตามที่กำหนดไว้ คุณต้องเริ่มวางแผนการชำระหนี้และการบริหารการเงินใหม่ ซึ่งทำได้หลายวิธี ดังนี้ 4. วิธีวางแผนชำระหนี้ทีนี้สำหรับคนที่มีหนี้และมีประวัติเครดิตไม่ดี การวางแผนชำระอาจจะซับซ้อน ลองประเมินศักยภาพตัวเองก่อนว่ายังมีสภาพคล่องพอใช้จ่ายอยู่หรือไม่ วางแผนชำระหนี้ กรณีที่ยังมีสภาพคล่อง
จัดการหนี้ กรณีรายจ่ายมากกว่ารายรับ
ทำ infographic สรุปมาให้ด้วยนะ .jpg) คุณควรเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับตัวเอง และเมื่อสามารถแก้ประวัติเครดิตจากแย่เป็นดีแล้ว อย่าลืมที่จะรักษาเครดิตของตนเอง และหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระ รักษาวินัยทางการเงิน เพื่อสร้างเครดิตที่ดีให้กับตัวเองต่อไป ซึ่งจะง่ายต่อการขอสินเชื่อในอนาคต ทั้งนี้ อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ ที่อ้างว่าสามารถช่วยปลดล็อคการติดเครดิตบูโรได้ เพราะหลังจากที่อ่านมาถึงตรงนี้คุณคงทราบแล้วว่า ไม่มีใครแก้ไขได้ สิ่งที่ทำได้คือรักษาประวัติการชำระหนี้ที่ดีเท่านั้น การทำธุรกรรมทางการเงิน หรือ การขอสินเชื่อ ควรติดต่อสถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาตโดยตรงจะปลอดภัยที่สุด PeerPower คือผู้ให้บริการระบบคราวด์ฟันดิงที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งระบบคราวด์ฟันดิงคือตัวกลางในการระดมทุนของธุรกิจขนาดกลาง และขนาดเล็ก (SMEs) ด้วยวิธีการออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ในขณะเดียวกันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนที่สามารถเข้ามาลงทุนในธุรกิจที่เสนอขายหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงในแพลตฟอร์มได้ คำเตือน : การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงผ่านเพียร์ พาวเวอร์ เป็นการลงทุนสำหรับนักลงทุน ที่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอทั้งด้านความเสี่ยง และความสามารถในการตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง ความเสี่ยงในที่นี้หมายถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของหลักทรัพย์และความเสี่ยงในการสูญเสียเงินจากการลงทุน การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน นักลงทุนจะสามารถเริ่มลงทุนได้ต่อก็ต่อเมื่อนักลงทุนทำการลงทะเบียนและผ่านแบบประเมินความรู้ความเข้าใจในการลงทุนแล้ว สมัครงานทำไมต้องเช็คเครดิตบูโรประวัติการชำระหนี้ที่สะท้อนถึงพฤติกรรมและวินัยทางการเงินของเจ้าของข้อมูล รวมถึงแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการชำระหนี้และความน่าเชื่อถือด้วย ดังนั้นทุกคนควรไปตรวจเครดิตบูโรอยู่เสมอ เพื่อให้ทราบถึงสถานการณ์ทางการเงินของคุณ หากมีข้อผิดพลาดจะได้ทำการแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ทำไมต้องสร้างเครดิตทำไมต้องมีเครดิตทางการเงินที่ดี? เหตุผลที่เราต้องสร้างเครดิตทางการเงินของตัวเองให้ดี เพราะเป็นตัวที่จะสะท้อนถึงพฤติกรรมและวินัยทางการเงิน หรือชำระหนี้อย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ เดือน สถาบันการเงินก็พร้อมที่จะพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อตามเงื่อนไขที่กำหนดได้ง่ายยิ่งขึ้น ค้างชำระกี่เดือนถึงติดเครดิตบูโรสถานะบูโร 020 หรือ 20 : มีการค้างชำระหนี้เกิน 90 วัน เข้าข่ายเป็นหนี้เสีย (NPL) สถานะบูโร 021 หรือ 21 : มีการค้างชำระหนี้เกิน 90 วัน เนื่องจากลูกหนี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติ สถานะบูโร 030 หรือ 30 : อยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย เครดิตบูโรกับแบล็คลิสต่างกันยังไงแบล็กลิสต์ (Blacklist) มักจะเป็นคำพูดติดปากที่คนทั่วไปมักจะใช้เรียกแทนพฤติกรรมการชำระเงินที่ไม่มีวินัย จนเป็นหนี้เสีย ซึ่งหลายคนมักจะเข้าใจผิดว่าคำนี้มาจากเครดิตบูโร ขอย้ำชัด ๆ กันตรงนี้อีกทีว่า เครดิตบูโร มีหน้าที่จัดเก็บรักษารวบรวมและประมวลผลข้อมูลสินเชื่อของลูกค้าสถาบันการเงินตามที่สถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็น ... |