The equalizer 2 2023 ม จจ ราชไร เงา 2 pantip

ภาคต่อของหนังฮิตปี 2014 ของผู้กำกับ Antoine Fuqua และมือเขียนบท Richard Wenk กลับมาพบกับผู้ชมหลังผ่านไป 4 ปี และแน่นอนว่า Denzel Washington ที่ควบตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างก็กลับมาในบท Robert McCall เช่นเคย

กลับมาครั้งนี้ McCall ย้ายที่อยู่อีกครั้ง กับงานใหม่ในฐานะคนขับรถรับส่งผู้โดยสารอิสระ (สังกัด Lyft ที่ดำเนินธุรกิจคล้ายๆ Uber) โดย McCall ก็ยังคงทำตัวเป็น Equalizer (ที่แปลได้ว่า ผู้ทำให้เกิดความเท่าเทียม) เป็นศาลเตี้ยคอยช่วยเหลือผู้คนในสังคมเหมือนในภาคแรก

แต่ในครั้งนี้ McCall ต้องเผชิญกับอดีตของตนเอง ซึ่งนี่เป็นโอกาสที่ผู้ชมจะได้เข้าใจตัวละครนี้มากขึ้น

The equalizer 2 2023 ม จจ ราชไร เงา 2 pantip

ชื่อสินค้า: The Equalizer 2

คะแนน:

ถ้าคุณมีปัญหาและไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปทางไหน "โรเบิร์ต แม็คคอล" จะช่วยคุณ เขาคือมัจจุราชไร้เงา แม็คคอลคอยช่วยเหลือพวกที่ถูกทำร้าย ทารุณและกดขี่ด้วยการจัดความยุติธรรมแบบไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหม แต่ในตอนที่อดีตอันตรายของเขาเข้ามาส่งผลต่อเขา เขาก็ต้องอาศัยความสามารถทุกอย่างที่มีเพื่อจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ครั้งนี้ เขาต้องเผชิญหน้ากับมือสังหารที่ผ่านการฝึกมาอย่างโชกโชน ผู้มุ่งมั่นจะทำลายเขาโดยไม่ยอมให้อะไรมาหยุดยั้ง

- อันนี้สปอยฉากต่อสู้หลักของเรื่อง ที่เคยไปตอบไว้อีกกระทู้นึง ว่าทำไมโรเบิร์ตถึงเลือกสถานที่จบเกมส์กับผู้ร้ายที่นี่

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

หลัก ๆ ก็มีเท่านี้ที่พอนึกออก เราชอบหนังเรื่องนี้มากกกกกก ใครดูแล้วคิดยังไงรู้สึกยังไงทั้งภาคแรกภาคสองมาคุยกันได้นะคะ สนุกดีค่ะ

เมื่อซูซาน (Melissa Leo) เพื่อนแท้คนเดียวของลุงที่เหลืออยู่ถูกฆ่าตาย จุดหมายของลุงก็กลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง เขาต้องหาให้ได้ว่าใครกันที่ฆ่า และทำมันไปทำไม ล้างแค้นในคนที่ลุงรักให้สำเร็จ ไปพร้อมๆ กับการช่วยเหลือเด็กคนนึงไม่ให้ต้องเดินหลงทาง

The equalizer 2 2023 ม จจ ราชไร เงา 2 pantip

มัจจุราชไร้เงา 2

ก่อนดู - เคยเห็นภาคแรกผ่านๆ แต่ก็ไม่เคยดูสักที (เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาดูเพราะมีเรื่องอื่นในลิสต์รออยู่) - มีตัวเลือก 2 อย่างในอาทิตย์นี้ ก็คือ Mile:22 กับ The Equalizer 2 ก็เลยเลือกเรื่องนี้ เพราะเรามั่นใจในฝีมือของ Denzel Worthington - ไปดูโดยคาดหวังเอามันส์ เอาเดือดไว้ก่อน - ป๊อปคอร์นชุดใหญ่ น้ำแก้วเล็ก - คนก็มีพอประปราย ไม่เต็มโรงแต่ก็เยอะอยู่พอตัว

หลังดู - ก็สมหวังนะ อยากได้ความมันส์หนังก็ใส่มาให้เต็มที่ ยิ่งช่วงไคล์แมกซ์นี่เล่นเอาแทบลุ้นด้วยไม่ทัน - แต่.........หนังเสิร์ฟเรามากกว่าแอคชั่น นั่นก็คือ ปมการเมือง - ซึ่งดูไปจะพูดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังดราม่าการเมืองที่มีแอคชั่นมาประสมก็ได้ เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ - การดำเนินเรื่อง ทำได้ดี ไม่มีช่วงน่าเบื่อ น่าติดตามทุกช่วง - ฉากไคล์แมกซ์เป็นฉากแอคชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาหนังแอคชั่นทริลเลอร์ในปี 2018 - นักแสดงปล่อยของได้สุดจริงๆ งานนี้ Denzel เล่นกับอารมณ์คนดูได้ดี เชื่อเลยว่าคนนี้เขามีของ - งานตัดต่อในฉากแอคชั่นทำได้ดี ไม่ดูมั่วจนเกินไป มีบางช่วงนี่แอบร้องว้าวอยู่ในใจ - บอกเลยว่าถ้าคุณพลาดเรื่องนี้คุณจะเสียดาย เพราะมันสุดจริงๆ - เดินออกมาแบบอารมณ์ตื่นเต้นยังคงอยู่ในใจ - ป๊อปคอร์นกับน้ำกินไม่หมด เพราะมันลุ้นมาก - สรุป ไม่เสียดายตังค์ เอาจริงๆ ถ้ามีเวลาอีกก็จะจัดอีกสักรอบ เพราะชอบจริงๆ

คะแนน : 9/10

ชื่อสินค้า: The Equalizer 2 มัจจุราชไร้เงา 2

คะแนน:

The Equalizer 2 เป็นหนัง "ดราม่า แอ๊คชั่น ทริลเลอร์" ที่ออกมาสานต่อความสำเร็จจากภาคแรกที่ถือว่าสนุกและมีแอ๊คชั่นที่โคตรถึงใจ ซึ่งแดนเซล วอชิงตัน ก็รับบทนี้ได้อย่างชนะใจคนดู แต่ก็ต้องใช้เวลาถึง 4 ปี กว่าจะมีภาคต่อออกมาให้ได้ดูกัน

**ถ้าไม่เคยดูภาคแรกมาก่อนก็ดูภาคนี้รู้เรื่องได้อยู่ แต่ถ้าดูภาคแรกมาก่อนจะ อินและเข้าใจความรู้สึกตัวละครได้มากกว่าเยอะนะ**

เอาจริงๆแล้วที่ชอบภาคแรก และการที่ภาคสองก็ยังคงสนุกถึงใจอยุ่นี้ ส่วนนึงเพราะชอบ คาแรคเตอร์ของ แมคคอล (แดนเซล) แสดงในเรื่องนี้ด้วยแหละ ความสุขุมนุ่มลึก มีสติและคิดทุกอย่างแบบถี่ถ้วนในทุกๆเหตุการณ์ คำพูดที่ให้แง่คิด การปฎิบัติตัวที่มีคุณธรรม ความเก่ง ความมีทักษะและประสบการณ์เป็นนักฆ่าขั้นสุดและมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางคนทั่วไป คือมีความเก๋าแบบที่ดูจากภายนอกไม่ออกเลย เวลาดีก็ดี๊ดีย์ แต่เวลาจะต้องโหดก็แบบน่ากลัวโคตร ซึ่งอากัปกิริยาพวกนี้แหละที่รู้สึกว่า แดนเซล เล่นโคตรถึง

ด้วยลักษณะนิสัยของตัวละครเป็นเช่นนี้ ทำให้จากที่ภาคแรกช่วยแค่นางเอกคนเดียว ภาคสองนี้เลยค่อนข้างจัดเต็ม ช่วยเหลือหลายคนพอสมควรเลย ซึ่งก็รู้สึกสนุกที่จะตามดูตัวละครนี้ทั้งช่วย ทั้งแก้แค้น อยู่นะ เพียงแต่มันอาจจะทำให้รู้สึกว่า ดำเนินเรื่องอืดอาดเนิบนาบ ได้อยู่บ้าง เพราะมันไม่ได้มุ่งตรงไปที่เป้าหมายหลักเลย แต่เหมือนแวะข้างทางจิบกาแฟแป๊บนะพี่ ไรงี้

บทภาคนี้เขียนได้ดีกว่าภาคแรกอีก หลายๆฉากรู้สึกอินกว่ามาก บางฉากทำให้หวาดเสียวและลุ้นระทึกแทนตัวละครเลย การเชื่อมโยงปมต่างๆกับความรู้สึกของตัวละครก็ทำได้โคตรดี อาจมีอะไรขาดๆเกินๆบ้าง แต่ให้แง่คิดและมีบทพูดที่โดนใจหลายจุด คนเขียนบทน่าจะตกตะกอนกับชีวิตมาพอสมควรเลยทีเดียว

ในส่วนของแอ๊คชั่น แม้จะไม่มีฉากเท่ๆอย่างฉากสู้ในไนท์คลับของภาคแรก แต่ที่มีอยู่ในเรื่องนี้ ต้องร้องซี๊ดทุกฉากเลย สะใจและหวาดเสียวทุกฉาก ทักษะระดับนี้ เจอกับคนเลวทั่วไป ก็คิดดูละกัน ว่าจะเป็นไง ฮ่าๆ ดีไซน์ฉากต่อสู้ได้แบบกำลังพอเหมาะ ไม่เวอร์หรือเยอะจนเกินไป

สรุปโดยรวม ภาคนี้ยังคงเป็นแนว ดราม่า แอ๊คชั่น ทริลเลอร์ ชั้นเยี่ยมอยู่เช่นเคย แม้จะมีบางอย่างแผ่วลง แต่ก็ได้แอ๊คชั่นและคาแรคเตอร์พระเอกมาพยุงไว้ได้ตลอดทั้งเรื่อง อาจมีช่วงเนิบนาบบ้าง แต่ก็จะมีแทรกแอ๊คชั่นเล็กๆมากระตุ้นคนดูไว้อยู่ ความเก่งของพระเอก คือความบันเทิงของเรื่องนี้นี่แหละ ดูแล้วจะรู้สึกว่า อยากให้มีคนแบบนี้อยู่ในสังคมเราจัง 555+