Tera ว ธ เอาอาว ธมาใส ท บของเด ม

มันเป็นเรื่องราวเมื่อ2พันปีก่อน สมัยจักรวรรดิโรมัน จักรพรรดิหนุ่มผู้เป็นหุ่นเชิดของมารดาได้เป็นสหายกับพ่อค้าหนุ่มคนนึง

เธอกับเขาได้ใกล้ชิดกันมากจนถึงขณะร่วมเตียงกัน แต่ทั้งคู่ไม่อาจอยู่ด้วยกันได้

ความเครียดทั้งด้านความรัก การเมือง รวมทั้งยาพิษประสาทที่ได้รับจากแม่ ในที่สุดเนโร่ก็ได้สังหารแม่ของตัวเองทิ้ง

เธอพยายามต่อต้านสภาขุนนางที่กุมอำนาจโรมและปฎิรูปประเทศแต่ล้มเหลว เธอจบชีวิตด้วยการอัศวินิบาตกรรม

อิลิยามีเนโร่จูงมือเดินไปตามโถงทางเดินขณะเตรียมออกเดินทางไปที่มั่นใหม่

"นี่ เนโร่ เนโร่มีคนพิเศษของตัวเองไหม"

"มีสิ"

"เขาใช่แลนเซอร์รึเปล่า"

เนโร่ได้ยินแล้วเงียบไปพักนึง

"อุมุ!! เจ้าฝันเรื่องราวของข้าสินะ"

"แปลว่าใช่"

"อืม ใช่ เขาเป็นแสงสว่างในชีวิตของข้าเลย"เนโร่พูดอย่างร่าเริงและรักใคร่ก่อนจะเศร้าลง"แต่ข้ากับเขามาจากต่างยุคต่างสมัย เขาคือวีรชนผู้ยิ่งใหญ่ ส่วนข้าน่ะก็แค่ทรราช...ถ้าข้าชนะและได้ขอพรล่ะก็..."

“ตูม!”เสียงระเบิดรุนแรงดังขึ้นมา

“เมื่อกี้มันอะไรน่ะ”

“ไม่รู้สิ”

“มาสเตอร์”เนโร่ร้องแบกมาสเตอร์เธอขึ้นหลัง”ไปกันเถอะ”

พวกเธอรีบวิ่งออกจากห้องและไปที่ล็อบบี้ทันที เซเบอร์อยู่ที่นั่นแล้วในชุดเกราะสีเงินและยืนข้างๆคิริทซึงุกับไอริที่หน้าซีดด้วยเหตุผลบางอย่าง

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ถูกโจมตีค่ะ”ไมยะตอบขณะที่ระเบิดอีกครั้งทำให้ห้องสั่นสะเทือน เฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นร่วงจากผนัง”ที่โจมตีมาเป็นอาวุธระยะไกล หมายความว่าไม่ใช่ไรเดอร์”

“พวกเขาผ่านเขตแดนมาเร็วขนาดนี้ได้ยังไง”เนโร่ถาม

“เห็นชัดว่าเขาเทเลพอร์ตมากลางเขตแดนและเริ่มโจมตีก่อนเขตแดนจับได้ด้วยซ้ำ”เซเบอร์ตอบมองไปที่รอยแตกบนเพดาน”ศัตรูจงใจให้ตรวจพบและยังโจมตีจากระยะไกลด้วยกระสุน ศัตรูคืออาเชอร์”

“ออกมาเซเบอร์!!”เสียงคุ้นเคยดังขึ้น”พวกเจ้าเป็นวีรชนหรือเป็นพวกขี้ขลาด”

“ปีศาจมาแล้วอุมุ!”เนโร่ร้องตื่นเต้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง”เราต้องออกไปจากที่นี่ก่อนเขาจะฝังคฤหาสน์นี้ด้วยอาวุธหรือถล่มคฤหาสน์ทับเรา”

คิริทซึงุพยักหน้า

“เซเบอร์ ออกไปเผชิญหน้าซะ ฆ่าอาเชอร์ถ้าทำได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ถ่วงเวลาเขาไว้ ขณะที่พวกเธอสู้อยู่ พวกเราที่เหลือจะหนีไปทางด้านหลัง จากที่ฉันสังเกตเขาชอบยิงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและสิ่งที่เขาสนใจ”

“โดยหลักแล้วเรามีหน้าที่ถ่วงเวลากิลกาเมซในศึกที่เราชนะไม่ได้ขณะที่คนอื่นหนี?"เนโร่พูดเสียงประชดประชัน

“ใช่ เราจะเรียกพวกเธอกลับเมื่ออยู่ห่างไปมากพอ”คิริทซึงุตอบเสียงจริงจัง”ทำทุกอย่างที่ทำได้กับอาเชอร์”

เซเบอร์กับเนโร่มองกันครู่หนึ่งและพยักหน้าหันไป แต่ไอริหยุดเซเบอร์ไว้

“เดี๋ยวก่อนเซเบอร์”ไอริเรียกอัศวินหญิง”เธอต้องใช้สิ่งนี้”

ไอริวางมือไว้ใกล้ท้อง ทันใดนั้นแสงสีทองก็ส่องจากหน้าท้องปรากฎบางอย่างขึ้นมา ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่เซเบอร์ตกใจมากที่สุด

“นั่นมัน...”

มันเป็นฝักสีทองที่ประดับด้วยสีน้ำเงิน มีสัญลักษณ์นางฟ้าสลักอยู่ตรงกลาง

“อวาลอน”

ทุกคนยกเว้นไอริและคิริทซึงุมองไปที่เซเบอร์ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สังเกตมองไปยังสมบัติของเธอ

“เธอหมายถึงฝักดายในตำนานที่รักษาบาดแผล ปกป้องผู้ถือครองจากอันตรายและทำให้เป็นอมตะ?“เนโร่ถาม”นี่อวาลอนเหรออุมุ?”

“มันเป็นสื่ออัญเชิญที่เราใช้อัญเชิญเซเบอร์ในตอนแรก”คิริทซึงุตอบ

“และตอนนี้”ไอริวางไว้ในมือเซเบอร์”ได้เวลาคืนแล้ว”

เธอละสายตาจากฝักดาบมองไอริ

“นี่คือวิธีที่ท่านรอดชีวิตจากการโจมตีของคิเรย์ อวาลอนรักษาคุณ”

“ทุกครั้งที่ไอริบาดเจ็บ ฝักดาบก็จะรักษาแผลให้ทันที”คิริทซึงุตอบ”ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่สุดของเธอที่จะชนะแคสเตอร์”

เซเบอร์ดูเหมือนจะถามอะไรบางอย่าง แต่ระเบิดอีกครั้งทำให้ห้องสั่นสะเทือน

"ข้ากำลังรออยู่!!!!"

“เอาล่ะ!"เนโร่ตะโกนออกมา”เราคุยเกี่ยวกับฝักดาบในร่างกายคุณได้เมื่อเสร็จแล้ว แต่เรามีเรื่องต้องจัดการ”

“เธอพูดถูก”คิริทซึงุเสริม”เราต้องไปเดี๋ยวนี้”

เซเบอร์กับเนโร่หันหลังวิ่งออกจากห้อง เมื่อพวกเขาไปแล้ว คิริทซึงุคอยช่วยไอริซึ่งหน้าซีดลงเมื่อเอาฝักดาบออกไป โยโกะจับมืออิลิยาที่ห่วงแม่ไว้ ไมยะตามพวกเขาไปถือกระเป๋าสองใบไว้ในมือ ขณะที่พวกเขาไปทางออกก็มีเสียงระเบิด2-3ครั้งทำให้คฤหาสน์สั่นสะเทือนและได้ยินเสียงกระแทกใหญ่จากที่ไหนสักแห่งเบื้องหลังพวกเขา

พวกเขาได้แต่ภาวนาขอให้เซอร์วอนท์พวกเขามีโอกาส

@@@@@@@@

นอกคฤหาสน์

อาเชอร์หรี่ตาด้วยความรำคาญขณะยิงอาวุธอีก4ชิ้นใส่คฤหาสน์ พวกมันกระทบทำให้อาคารฝั่งซ้ายถล่มลงมา เขาเริ่มเบื่อหน่ายกับเกมส์ยิงเป้าและอยากยิงทุกอย่างใส่ประตูคฤหาสน์

ทำไมราชาอย่างข้าต้องมาทำอะไรพรรค์นี้

กับแค่เจ้าพวกไพร่ชั้นต่ำที่มีอาคมบัญชา

อาเชอร์หัวเสียอย่างที่สุดและกร่นด่ามาสเตอร์ของตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วตัวเขาก็ไม่อยากจะจำ แต่ไม่ว่าสาปแช่งสักแค่ไหน ราชาแห่งวีรชนก็ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่าก้มหน้าก้มตาทำสิ่งที่อาคมบัญชามอบหมายมา

“ออกมา พวกเจ้า....”

เขาโดดลงจากต้นไม้เมื่อคลื่นลมสีฟ้าพุ่งเข้ามา แต่เมื่อเขาลงมาก็เรียกดาบมาปัดป้องการโจมตีจากคนที่สอง เขาโดดถอยหลังอย่างรวดเร็วยิงกระสุน

หลังการยิงประมาณ1นาทีเขาก็หยุดมอง ต้นไม้ในระยะ200เมตรถูกโค่นหรือแหลกจนใช้เป็นที่กำบังไม่ได้

ตอนนี้เขามองเห็นฝ่ายตรงข้ามได้ คนแรกซึ่งเป็นเนโร่ยืนอยู่ไกลออกไป นอกจากรอยขีดข่วนบนใบหน้าและคราบน้ำบนชุดเดรสแล้วเธอก็ดูเหมือนจะสบายดี

เซเบอร์อยู่ใกล้กว่าและไม่มีบาดแผล เธอดูเหมือนพึ่งเดินเล่นสบายๆผ่านสวนสาธารณะในชุดเกราะของเธอ นอกจากนี้เขายังสังเกตเห็นฝักดาบที่แนบเอวของเธอ ซึ่งเขามั่นใจว่าเธอไม่ได้มีมันครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเธอ

“อืม น่าสนใจ”เขาคิดในใจยิ้มมุมปากนิดๆ“ในที่สุดเจ้าก็มาเผชิญหน้าข้า”

“ข้าประหลาดใจอาเชอร์”เซเบอร์ตอบอยู่ในท่าเตรียมพร้อม”ข้าคิดว่าเจ้าจะมาที่ประตูและประกาศการมาถึงอย่างภาคภูมิใจแทนที่จะโจมตีจากในเงามืดเหมือนมาสเตอร์ของเจ้า”

เมื่อพูดถึงแอสซาซิน ใบหน้าของอาเชอร์ก็เปลี่ยนจากขบขันเป็นโกรธเกรี้ยวทันที

“อย่าเอาข้าไปเทียบกับไพร่ชั้นต่ำ ข้าเลือกสู้กับพวกเจ้ายังไงไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องกังวล บอกแค่ว่าข้ามาเพื่อจัดการให้เสร็จ”

จากนั้นอาเชอร์ก็กวาดตามองหาบางอย่าง

“นอกจากนั้นแล้ว มนุษย์ที่ยืนอยู่เคียงข้างพวกเจ้าในทุกการต่อสู้จนถึงตอนนี้ พวกเขาเสียความกล้าไปแล้วงั้นเหรอ?“

“นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับพวกเราอาเชอร์”เซเบอร์ตอบอย่างเย็นชา”ปล่อยมาสเตอร์ของเราไป”

“งั้นพวกเจ้าทั้งคู่จะสู้กับข้าในขณะที่พวกมาสเตอร์หนีไป”เขาถามเปิดประตูสีทองด้านหลัง”พวกเจ้าสองคนขี้ขลาดแค่ไหน”

“เดี๋ยว ทำไมการสู้ถ่วงเวลาให้มาสเตอร์ถึงเป็นความขี้ขลาด”เนโร่ถามตั้งท่าเตรียมสู้”ข้าไม่คิดว่านั่นเรียกว่าขี้ขลาดได้”

“ทำไมงั้นเหรอจักรพรรดิโรมัน? การฆ่าตัวตายเป็นทางเลือกของพวกขี้ขลาดไงล่ะเจ้าพวกสวะ”

จากนั้นอาเชอร์ก็ยิงกระสุนและเซเบอร์กับเนโร่ก็พุ่งเข้าใส่

@@@@@@@

บ้านแม็กเคนซี่

เวเวอร์ เวลเว็ตนั่งอยู่บนหลังคาบ้าน”คุณตาคุณยาย”ของเขาจ้องมองดวงดาว ด้านล่างได้ยินเสียงไรเดอร์และคนอื่นๆกำลังสนุกสนาน เขาไม่ได้โกรธหรือหดหู่ เขาควรจะรู้สึกมีความสุข เขาและไรเดอร์ตามหาอาเชอร์กับมาสเตอร์ของเขาในที่สุดก็เจอพวกเขาที่โบสถ์ หลังจากจุดเริ่มต้นที่น่าอึดอัด พวกเขาได้คุยเรื่องการเป็นพัมธมิตร

“เวเวอร์ เวลเว็ต”เสียงผู้หญิงดังขึ้นด้านหลัง”อยู่ที่นี่เองเหรอ”

เขาหันไปเห็นโซลาอุยืนอยู่ใกล้ทางขึ้นหลังคาท่าทางลังเลขณะที่เธอจ้องมองเขา

พวกเขายอมรับเงื่อนไข ไรเดอร์โน้มน้าวให้พาพวกเขามาบ้านแม็กเคนซี่เพื่อฉลอง

“ใช่”เขาตอบและเสริม”จะเรียกผมว่าเวเวอร์ก็ได้”

“โอ้ ได้”

“จะขึ้นมานี่ก็ได้ ไม่เห็นต้องยืนอยู่ทางขึ้น”เขาหยุดหลังจากพูดแบบนั้น เขาคุยกับสาวๆแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่โดยไม่เขินอาย

โซลาอุยืนอยู่ตรงนั่นไม่แน่ใจ ไม่รู้เพราะเขาอนุญาติหรือเพราะเธอเห็นว่าน่าอึดอัดใจแค่ไหน เธอก็ออกมานั่งบนหลังคา เธอไม่นั่งข้างๆแต่ก็ใกล้

“แล้ว....แม็กเคนซี่เป็นไงบ้าง”

“พวกเขาสบายดี พวกเขาให้อาหารคนแปลกหน้าด้วยรอยยิ้ม เธอโชคดีที่ได้พบคุณตาคุณยายชั่วคราวของเธอ”

หลังการสะกดิตทำให้พวกเขาคิดว่าโซลาอุกับอาเชอร์เป็นเพื่อน สามีภรรยาแม็กเคนซี่ยินดีต้อนรับพวกเขา ทำอาหารให้ รวมถึงห้องนอนให้ทั้งคู่อย่างมีความสุข โดยบอกว่านานแล้วที่มีแขกมาเยี่ยม

“ใช่ ฉันต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อขอบคุณพวกเขาเมื่อเรื่องนี้จบลง”เวเวอร์ตอบหันกลับไปมองดวงดาว”งั้น...ทุกอย่างเรียกร้อยดีรึเปล่า?”

โซลาอุเงียบไปครู่หนึ่งและเวเวอร์อยากทุบหัวตัวเอง เธอจะไม่เป็นไรได้ไง คู่หมั้นของเธอตายไป

“ฉันสบายดี”โซลาอุตอบเงียบๆ”ถ้านายกังวลเรื่องเคย์เนธ ไม่ต้องห่วง มันจบไปแล้ว”

เขาหันกลับไปมองเธอด้วยสีหน้าสับสน

“เคย์เนธกับฉันแต่งงานแบบคลุมถุงชน ฉันไม่ได้รักเขา ไม่ว่าเขารู้สึกกับฉันอย่างไร ฉันก็ไม่ได้รักเขา ถ้านายสงสัยเรื่องนั้นด้วย”

“แต่ทำไม?”

“ทำไม? เพราะฉันต้องการให้ผู้ชายที่ฉันรักและแต่งงานด้วยเป็นคนที่ฉันเลือกเอง ไม่ใช่เพราะการหมั้นหมาย ฉันเสียใจต่อการตายของเคย์เนธเพราะเขาพิสูจน์ว่าไม่ได้มีแต่ความหยิ่งยโสและเห็นแก่ตัวอย่างที่คิด ฉันเสียใจที่ไม่ได้ใช้เวลาทำความรู้จักเขา”

เธอชะงักไปครู่หนึ่งและหันหน้าหนีพูดเบาๆ

“ถ้าเป็นแบบนั้นฉันอาจรักเขามากขึ้น”

เวเวอร์เงียบไป จอมเวทไม่ได้แต่งงานเพื่อความรัก แต่เพื่อให้กำเนิดทายาทที่แข็งแกร่ง ตัวเขาเองไม่เคยใส่ใจจะคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังเมื่อพิจารณาว่าตระกูลของเขาต่ำต้อยมาก ดังนั้นพ่อแม่เขาจึงแทบไม่ต่างกัน แต่ความจริงคือเขาไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อน

“อืม ฉันเดาว่าบอกไม่ได้ว่าเขาเป็นไอ้งี่เง่า...ฉันหมายถึง...”

“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าเขาทำอะไรกับวิทยานิพนต์ของคุณ”

“เหตุผลที่ฉันเข้าร่วมสงครามตอนแรกเพราะต้องการตอกหน้าเขาที่ดูถูกฉัน เมื่อไรเดอร์และฉันพาเขาไปที่ศาสนจักร สิ่งสุดท้ายที่เขาบอกฉันคือ ยอมรับจริงๆว่ามันน่าสนใจ...แต่เขาก็พูดว่าฉันไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวกนั้นที่เกิดมาพิเศษ...และฉันก็ยอมรับความคิดเขา”

เธอหันกลับมามองเขาด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนพวกเขาจะยอมรับความผิดพลาดกันและกัน

“ฉันรู้ว่าตัวเองไร้ความสามารถ แต่เขาก็ยังให้นี่มา”เขาดึงขวดวอลูแมนไฮดร้าแกรมออกมา”แม้มันจะพัง ฉันก็ต้องซ่อมมัน”

“เขาให้มาเหรอ?”

“ที่จริงแล้วเขาโยนมันให้ฉันก่อนเข้าโบสถ์”

“ว้าว ฉันไม่คิดว่าเขาจะยอมมอบอุปกรณ์เวทมนตร์ของเขาให้แบบนี้ แม้มันจะพังแล้วก็ตาม”

“บางทีเขาอาจคิดว่ามันเป็นการสงบศึก วิธีหนึ่งที่ชดเชยการดูถูกฉัน”

“หรือบางทีเขาอาจอยากแค่ดูเธอดิ้นรนพยายามหาวิธีใช้มัน”

“โอเค นั่นอาจเป็นสิ่งที่เขาอยากทำจริงๆ”

โซลาอุหัวเราะออกมาเบาๆและเวเวอร์ก็หัวเราะแห้งๆตาม มันแปลกมาก เมื่อวันก่อนเธอเป็นพันธมิตรของศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา แต่ตอนนี้เธอเป็นพันธมิตรใหม่

“เฮ้ เวเวอร์ โซลาอุ”เสียงเรียกจากด้านหลังดังขึ้น

เวเวอร์กับโซลาอุหันไปเห็นปู่เกลนในสภาพเมา

“พวกเธอสองคนขึ้นมาทำอะไรที่นี่ เรามีช่วงเวลาดีๆข้างล่าง มาร่วมสนุกกันเถอะ”จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฎบนใบหน้าชายชรา”เว้นแต่พวกเธอสองคนมีช่วงเวลาดีๆของตัวเอง”

โซลาอุลุกขึ้นใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเดินไปที่ทางขึ้นหลังคา

“ความคิดเยี่ยมค่ะคุณแม็กเคนซี่ ฉันต้อง...ไปดูอาเชอร์ด้วย เพราะเขาไม่ควรดื่มมากเกินไป”เธอพูดเสียงดังเดินผ่านชายชรากลับลงไปด้านล่าง

เวเวอร์ก็เดินผ่านเขาอีกคนด้วยแก้มที่ขึ้นสีแดง

“ปู่ เราไม่ใช่แบบนั้น ผมหมายถึงเราเป็นเพื่อนกันแต่ไม่มีอะไรทำนองนั้น”

เกลนท์ยิ้มขณะเดินตามเขากลับเข้ามาข้างใน

“ฉันยอมรับว่าเธออายุมากกว่าหลานเล็กน้อย แต่ฉันไม่เห็นมันจะเป็นปัญหา อย่างน้อยจนกว่าเธอจะอายุ20”

“ปู่!”

“อะไรล่ะ? พี่ชายของฉันแต่งงานกับหญิงที่อายุมากกว่าเขา10ปี”

ทุกคนไม่รู้ว่ามีเงาเฝ้าดูอย่างเงียบๆจากบ้านสองหลังที่อยู่ห่างออกไป ร่างแยกในอดีตของแลนเซอร์เฝ้าดูเงียบๆจนกระทั่งหลังคาบ้านแม็กเคนซี่ไม่มีคน เขาหายเข้ามิติไป

ปลายทางคือวัดริวโด

ถึงเวลาโจมตีแล้ว

@@@@@@@@@

คฤหาสน์ไอนซ์เบิร์น

เซเบอร์กับเนโร่เริ่มแผนการโดยวิ่งหนีไปให้ไกลจากอาเชอร์ที่โกรธจัด

“ฉันคิดว่าเรามีแผน”เซเบอร์ตะโกนขณะหลบขวานไม่ให้โดนหน้าเธอ

“แผนจะจบเมื่ออาเชอร์ทำลายป่า”เนโร่ตะโกนขณะหลบหลีกหอกที่ทะลุดาบวงแหวนเล็งแกนกลางของเขา”เราไม่สามารถซุ่มโจมตีได้เมื่อไม่มีที่ซ่อนตัว”

วงแหวนดาบเขามีจุดอ่อนที่อาวุธต่อต้านเทพและแคสเตอร์ก็มีมันอยู่ราวๆ50ชิ้น และมันเป็นอันตรายต่อแกนกลางที่เปรียบเหมือนหัวใจของเขาด้วย

ทั้งสองใช้เวลา3ถึง4นาทีพยายามเอาชีวิตรอดจากสมบัติวีรชนที่โปรยปรายลงมาโดยใช้ความเร็วและทักษะร่วมกันในการหลบหลีกและเบี่ยงเบนการโจมตีเมื่อจำเป็น

ถึงอย่างนั้นพวกเขาทำแบบนี้ตลอดไปไม่ได้

สำหรับกิลกาเมซ เขารู้สึกรำคาญมากกว่าสิ่งใด โดยปกติเขาจะชื่นชมยินดีกับภาพตัวเองล้อเลียนความด้อยกว่าของศัตรูขณะที่ยิงฝนอาวุธใส่พวกเขาราวกับเทพผู้พิพากษา น่าเสียดายขณะที่เขาเพลิดเพลินกับความเหนือกว่า ส่วนหนึ่งในใจเขาต้องการกลับไปทำสิ่งสำคัญกว่า เช่นดื่มไวน์ ทำให้จิตใจคนอ่อนแอเสียหาย และบีบคอไอ้ไพร่สารเลวเคราแพะจอมทรยศ

เขาจึงตัดสินใจจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จและทำสิ่งสำคัญนั้นต่อ เขาเปิดประตูเพิ่มและยิงฝนอาวุธเพิ่มเป็น3เท่า

ดวงตาของเซเบอร์เบิกกว้างเมื่ออาวุธเพิ่มจำนวนขึ้น เธอเกือบพลาดท่าเมื่อดาบแทงเข้าที่ลำตัวเธอ โชคดีที่มันไม่ได้แทงลึกไปใต้ผิวหนัง แต่เธอกลับมาตั้งสมาธิ

“นี่ไม่ดีแน่”เธอคิดในใจขณะตวัดดาบไปที่แคสเตอร์เพื่อจะเห็นอาวุธอื่นเบี่ยงมันออกไป”เราต้องโจมตีเขาตรงๆก่อนที่เขาจะ”

โชคดีที่เนโร่กำลังคิดแบบเดียวกัน

“แฟ็กเซเลทิส!!!"

ดาบจักรพรรดิปลดปล่อยเปลวเพลิง เซอร์วอนท์สีทองเลี่ยงการโจมตีด้วยโล่โนเบิลแฟนทาสม์ เซเบอร์ใช้จังหวะนี่วิ่งไปหาแลนเซอร์ซ่อนอยู่ในซากคฤหาสน์

เนโร่ทำได้ดีอย่างที่คิด เธอไม่ได้รับบาดเจ็บหนักนอกจากรอยไหม้ที่ขาขวาและรอยฟันลึกที่แขนซ้ายซึ่งถูกปิดด้วยเลือดดำของเขา

“เราต้องมีแผน”

“ข้ามีแผนหนึ่ง”เธอตบไหล่ของเซเบอร์”อย่าโวยวายกับสิ่งที่ข้ากำลังจะทำ เมื่อเจ้ารู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆอย่าต้านปล่อยให้มันเข้ามา"

"เจ้าจะทำ..."เซเบอร์พูดไม่ทันจบเพราะบางอย่างไหล่เข้ามา มันไม่ใช่ความรู้สึกทางกายภาพ เหมือนมีบางอย่างพยายามสัมผัสจิตวิญญาณของเธอ

เธอหวนนึกถึงคำพูดของเนโร่ค่อยๆผ่อนคลายลง เธอรู้สึกว่ามันโอบรอบตัวเธอเหมือนเกราะป้องกันบางอย่าง เธอชะงักเมื่อได้ยินเสียงเอเรซติกัล

"เอาล่ะ เราทำได้แล้ว"เสียงมันไม่ได้ออกมาจากหอกของแลนเซอร์ แต่เธอยังเข้าใจคำนั้นได้อยู่ดี"เจ้าทำได้ดีทีเดียวเซเบอร์ ไม่คิดว่ามันจะได้ผล!!"

"เนโร่?"เซเบอร์งุงงง"เกิดอะไรขึ้น"

"ไม่ต้องสนใจ"เอเรซติกัลตะโกน"โจมตี!!"

เซอร์วอนท์ทั้งสองกระโดดออกจากที่กำบังตอนที่กิลกาเมซเป่ามันทิ้ง ราชาวีรชนยิงไปที่พวกเธอหลายครั้ง ทั้งสองหลบอย่างรวดเร็ว แต่เซเบอร์รู้สึก...ต่างออกไป ก่อนหน้านี้เธอใช้ทั้งสัญชาตญาณและปลดปล่อยมานาของเธอหลีกเลี่ยงการโจมตีที่รวดเร็ว

แต่ตอนนี้เธอสามารถทำการเคลื่อนไหวหลบหลีกอาวุธแต่ละชิ้นได้อย่างสมบูรณ์ ในตอนนี้เธอเห็นอาวุธได้อย่างชัดเจน เมื่อรวมกับทักษะของเธอ เธอหลบหลีกได้ราวกับกำลังระบำดาบ ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่รู้สึกเป็นธรรมชาติเหมือนมีใครอยู่เบื้องหลังการชักใยเธอเหมือนหุ่นเชิด

เซเบอร์รู้ว่านี่มันเกี่ยวข้องกับโนเบิลแฟนทาสม์ของแลนเซอร์แต่เธอไม่ได้ด่าว่าที่โดนทำแบบนี้ ตราบใดที่พวกเธอชนะ

"เนโร่"

"แลนเซอร์"เซเบอร์ร้องอย่างแปลกใจเกือบโดนขวานสับเข้าที่หัว ก่อนร่างกายเธอจะเคลื่อนย้ายหลบดาบอื่นที่แทงเข้าที่คอ มีบางอย่างควบคุมร่างจริงๆ

"โอ้ๆ ข้าต้องขอโทษด้วย"

"เนโร่เกิดบ้าอะไรขึ้น"

"อืม นี่คือโนเบิลแฟนทาสม์ชิ้นที่2ของข้า กาบรีเอล มันเป็นอาวุธวิเศษแรงค์A+เลยนะ ที่จริงมันใช้สำหรับสะกดจิต ข้าได้ถ่ายทอดคลื่นจิตวิญญาณระหว่างเราเพื่อเพิ่งพลังของเรา เพิ่มศักยภาพร่างกาย ประสาทสัมผัส ด้วยเสียงเพลง แน่นอนข้าสามารถควบคุมร่างกายให้เจ้าหลบหลีกดีขึ้นด้วย อยู่ด้านหลังเห็นอะไรชัดกว่า"

เมื่อได้ยินว่าอนาคต เซเบอร์ก็เลิกถามเพราะไม่ใช่เรื่องที่เธอจะไปยุ่งกับตัวเธอโลกอื่น แลนเซอร์หันไปสนใจสถานการณ์ตรงหน้า

"ถึงอย่างงั้นแค่นี้ยังช่วยให้เราชนะไม่ได้"

เซเบอร์พูดยิ้มมีเลศนัย ก่อนจะส่ายหัวไว้ค่อยล้อเลียนจักรพรรดิโรมันถ้ายังรอดตายจากศึกนี้

"เห็นด้วย"เซเบอร์เกือบจะเห็นรอยยิ้มที่มองไม่เห็นบนใบหน้าของแลนเซอร์"หนึ่งในข้อได้เปรียบที่สุดของกาบรีเอลคือเราสามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะได้ยินเรา และข้ามีแผนอยู่ สนใจจะลองเดิมพันไหม?"

"ว่ามาเลย..."

@@@@@@@@@@

กิลกาเมซ ผู้ที่มองไม่เห็นว่าเนโร่กำลังใช้โนเบิลแฟนทาสม์บางอย่าง อาเชอร์รู้สึกรำคาญมากขึ้นเรื่อยๆ ความพยายามของเขาในการกำจัดเซอร์วอนท์ทั้งสองนั้นไร้ผล และทุกช่วงเวลาที่สูญเปล่าหมายถึงเบอเซิร์กเกอร์สามารถหนีไปได้

"ฉันเบื่อการเต้นระบำนี้แล้ว"เขาคิดมองเซเบอร์รำดาบไปมา"ถ้ายัยพวกโง่นี่ตั้งใจทำให้ข้าเสียเวลาแบบนี้ ข้าจะจบเกมส์นี้"

เขาเอื้อมมือไปตั้งใจจะเรียกสมบัติที่ยิ่งใหญ่สุดเป็นอับดับ2เพื่อบดขยี้ฝาแฝดวีรชน

แต่แล้วหญิงสาวพวกนั้นเบี่ยงอาวุธไปเพื่อให้แน่ใจว่าอีกคนไม่โดนอาวุธหรือแม้แต่ปกป้องอีกฝ่ายจากอันตรายได้ ราวกับทั้งคู่มีหัวใจดวงเดียวกัน

เขาเลิกอัญเชิญกุญแจยิงไปยังคู่ต่อสู้ที่และเรียกประตูมาเพิ่มขึ้น คลื่นโนเบิลแฟนทาสม์หลายร้อยชิ้นพุ่งเข้าไป

แต่หญิงสาวและชายหนุ่มที่เขาเผชิญหน้าเป็นเหมือนเรือในทะเล ต่อสู้กับกระแสน้ำที่ถาโถมเข้าใส่ ราวกับพวกเธอทั้งคู่มีจิตใจเป็นหนึ่งเดียว โบกสะบัดเป็นจังหวะ

เป็นอีกครั้งที่ดาบเพลิงของเนโร่ฟันเข้ามา เขาเรียกโล่ทองคำป้องกันการโจมตี

แต่เขาเร่งรีบจึงลืมดูการกระทำของเซเบอร์

เซเบอร์เหวี่ยงดาบปลดปล่อยดาบล่องหน ลมที่คลุมดาบเป็นมากกว่าสิ่งที่ปกปิดดาบเธอ มันเป็นโนเบิลแฟนทาสม์ ในขณะที่เธอปลดปล่อยอากาศเพื่อผลักศัตรูกลับไปให้เวลาชาร์จพลังของเอ็กซ์คาลิเบอร์...เธอยังสามารถปลดปล่อยพลังออกไปเป็นกระสุนนัดเดียวได้

รูปแบบโจมตีของโนเบิลแฟนทาสม์ อินวิซิเบิล แอร์ : สไตรค์แอร์ ค้อนสายลมแห่งราชา

พลังมานาและความเร็วของสายลมทำให้มันไม่ต่างจากลูกบอลทอร์นาโดที่เป่าบ้านทั้งหลังและถอนรากถอนโคนป่าได้

โล่ของกิลกาเมซเร็วพอจะเบี่ยงการโจมตีจากกอดีอัสวีลของไรเดอร์เมื่อเกือบจะทับตัวเขาและภายใต้สถานการณ์ปกติอาจหยุดได้แม้แต่อาวุธที่มีความเร็วน่ากลัว

แต่ในสถานการณ์ปกติ เขาต้องมุ่งเป้าไปที่การโจมตีของเธอเป็นพิเศษ

โล่ของกิลกาเมซไม่ได้เตรียมตัวมาสำหรับการโจมตีที่เร็วกว่ามาก โล่ของราชาวีรชนถูกตัดเป็นเสี่ยงๆจากแรงลมกระทบกับหน้าอกเกราะของอาเชอร์ พายุโหมกระหน่ำรอบตัวเขาพัดอาวุธกระจายไป แม้จะไม่ถึงเนื้อล่างได้ซึ่งพิสูจน์ความแข็งแกร่งของชุดเกราะ แต่อาเชอร์ก็กระเด็นไปข้างหลังเหมือนกระสุนปืน

แต่ตอนนั้นเนโร่ก็โดดลงมาหาเขาเหวี่ยงดาบฟันเข้าที่แขน

"บรึ้มมมม!!!"เกิดระเบิดกลืนเป้าหมาย

อาเชอร์กระเด็นล้มลงไปกลิ้งคลุกฝุ่นอย่างไร้ศักดิ์ศรี เสื้อคลุมสีแดงคลุมปิดหน้าเขาไว้

แม้ภาพตรงหน้าจะน่าหัวเราะ เนโร่ไม่รีรอรวบรวมพลังเพื่อปลดปล่อยโนเบิลแฟนทาสม์

"เนโร่ เร็วเข้า!!"เซเบอร์ร้องออกมาเมื่อเห็นว่าอาเชอร์กำลังลุกขึ้นยืน

เนโร่ยิ้มขณะเห็นร่างสีทองลุกขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าโล่พวกนั้นทรงพลังแค่ไหน แต่เขารู้ว่าโล่พวกนั้นไม่สามารถช่วยให้กิลกาเมซรอดจากโนเบิลแฟนทาสม์ต่อต้านปราการได้

"เซเบอร์ รีบถอยไป"

เซเบอร์รีบทำตามทันที แม้เธอไม่รู้ว่าการโจมตีนี้คืออะไร แต่มันเป็นการโจมตีที่ทำลายแม้แต่พวกเดียวกัน

จากนั้นปรากฏบางอย่างด้านหลังเนโร่ มันคือเครื่องโอเปร่าขนาดยักษ์ และปรากฏแป้นสีขาวตรงหน้าเนโร่เหมือนเปียโน

"แฟนตาเซีย!!!!"

แล้วเครื่องโอเปร่าก็ปล่อยคลื่นเสียงก้องกังวาน พลังงานสีขาว-เงินแตกกระจายในอากาศ มันปะทะเข้ากับโล่ เธอกับเซเบอร์มีพลังวิญญาณเพิ่มสูงขึ้นเตรียมพร้อมโจมตีปิดฉาก

ทันใดนั้นคลื่นเสียงคำรามที่จะถึงตัวอาเชอร์ก็หยุดลงราวกับมันกระแทกเข้ากับกำแพงที่ไม่สามารถเจาะได้ เซเบอร์และเนโร่หยุดและจ้องมองด้วยความประหลาดใจเกินกว่าจะตอบสนองต่อสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ พลังของเบลเลี่ยนเหมือนจะสั่นอยู่ครูนึงก่อนจะคลื่นสีแดงระเบิดจากตำแหน่งของอาเชอร์กลับมาหาพวกเขา

เซเบอร์และเนโร่ที่หายสั่นเทากระโดดถอยหลังเลี่ยงการปะทะคลื่นแดงที่กลืนกินแฟนตาเซียของเธอ

"เนโร่ เกิดอะไรขึ้น!!!"

"ข้าไม่รู้ ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน!!"

ฝุ่นจากการระเบิดจางลงในที่สุด ทำให้ทั้งสองเห็นชัดขึ้น สิ่งที่พวกเธอเห็นทำให้...ตกตะลึง

อาเชอร์ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับสักนิ้วจากตำแหน่งคว่ำก่อนหน้านี้ ในมือของเขามีมีดเล่มนึงที่เต็มไปด้วยอักขระและมันมีแต่รอยแตก

พวกเธอไม่รู้ว่าดาบสั้นนั่นคือดาบพิธีกรรมจากสมัยเมโซโปเตเมีย ของที่เขาได้รับมาจากทวยเทพ ภายในดาบเป็นหลุมมิติช่วยสร้างพิธีกรรมเวทย์อย่างไร้ขีดจำกัด

น่าเสียดายมันถูกจำกัดด้วยรูปแบบดาบ จึงสามารถใช้เวทมนตร์พิธีกรรมใดๆครึ่งหนึ่งและจะสูญสลายไป ซึ่งอาเชอร์ได้สั่งดาบให้ป้องกันการโจมตีจากคลื่นเสียง แต่มันสูญเสียพลังทั้งหมดจากการใช้

เกราะทองมีรอยแตกที่หน้าอกที่เซเบอร์ฟันด้วยสไตรค์แอร์เต็มพิกัด แต่มีอะไรต่างออกไป2อย่าง

อย่างแรกคือบริเวณศีรษะ ก่อนหน้านี้อาเชอร์ไม่สวม แต่ตอนนี้มันปรากฎหมวกเกราะหน้ากากทองคำบริสุทธิ์และมีสัญลักษณ์เดียวกับชุดเกราะที่อาเชอร์ใส่ หน้ากากไม่มีรูตา แต่เขาก็จ้องมองตรงไปที่พวกเขาหมายความว่ามันมีคุณสมบัติพิเศษบางอย่าง แต่สิ่งที่โดดเด่นสุดคือตรงกลางที่เป็นดวงตาสีแดงของปีศาจ

ความแตกต่างที่สองคือส่วนสีดำทั้งหมดของชุดเกราะเขาตอนนี้เปล่งแสงสีแดงเช่นเดียวกับสัญลักษณ์ดวงตาบนหน้ากาก คอเขายาวถึงแก้มมีรอยสักสีเดียวกัน

“ไอ้สวะ”เซอร์วอนท์สีทองคำราม ใบหน้าใต้หน้ากากบิดเบี้ยวจนแทบจะรับรู้ถึงความโกรธที่ไหลอกมาได้อย่างอิสระ มือขวาเขาโยนอาวุธที่หมดสภาพทิ้งไป และเรียกอาวุธใหม่ออกมา...ดาบ

อย่างน้อยเซเบอร์ก็สัญนิษฐานว่ามันเป็นดาบ ดาบกระบอกยาวไม่มีคม มีอักขระสีแดงบนใบดาบจึงสรุปได้ว่ามันถูกสร้างมาจากทองคำเดียวกับที่สร้างชุดเกราะของแคสเตอร์

ไม่ สิ่งที่ดึงดูดความสนใจเซเบอร์ คือความจริงที่เธอเชื่อมต่อกับเนโร่ และความรู้สึกร่วมกันของพวกเธอคือ...

กลัว

เพียงแค่จ้องมองดาบในมืออาเชอร์ที่มีรอยสักแปลกๆเช่นเดียวกับชุดเกราะและผิวหนังของเขาก็ทำให้เกิดความรู้สึกกลัวอย่างไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่การแสดงพลังเต็มที่ของอเวนเจอร์ แต่ในขณะที่กลัวอเวนเจอร์ก็ได้รับรู้ถึงความเป็นมนุษย์ แต่ความหวาดกลัวที่เธอรู้สึกตอนนี้คือสิ่งไม่รู้จัก สิ่งที่ไม่ได้เป็นของโลกนี้ สร้างด้วยมือสิ่งมีชีวิตนอกโลกและเก่าแก่กว่าดาบที่เธอเป็นเจ้าของ

ความกลัวเพิ่มขึ้นเมื่อธนูได้ถูกจับแยกออกเป็นสองส่วนเหมือนดาบคู่ แต่ละอันมีลมหมุนสีแดงเข้ม

“เจ้าไม่สมควรเห็นสิ่งนี้เจ้าสวะ โทษฐานที่ทำให้ข้าต้องใช้เออา ข้าจะทำลายพวกเจ้าจงไม่เหลือแม้แต่วิญญาณ”

เซเบอร์เริ่มชาร์จพลังเอ็กซ์คาลิเบอร์โดยแลนเซอร์ก็ทำแบบเดียวกันเปลี่ยนเคียวเป็นง้าวชากานแทน และสร้างวงเวทใหญ่ขึ้นมา

พวกเขารู้ว่าการโจมตีครั้งต่อไปอาจเป็นครั้งสุดท้าย

“เอ็กซ์คาลิเบอร์!!!”

"Aestus Domus Aurea โรงละครสีทองแห่งความรื่นเริง"

แสงสีทองและสีแดงรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพุ่งออกมาเหมือนสายฟ้าสีแดงฟาดใส่เซอร์วอนท์สีทอง พลังเพียงพอจะทำลายทั้งเมืองให้หายไปได้ในพริบตา พลังระดับระเบิดนิวเคลียร์พุ่งเข้าใส่แคสเตอร์

แคสเตอร์ยกดาบกระบองขึ้นมาเหวี่ยง

“เอนูม่า เอลิซ!”

แสงที่ปะทุจากดาบปะทะโนเบิลแฟนทาสม์ต่อต้านปราการ

เวลาผ่านไปพลังของเออาก็เหนือกว่า ก่อนเซเบอร์กับเนโร่ตอบสนอง ลำแสงแห่งความตายก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขา

@@@@@@@@

บ้านเซนโจ

เงาดำปรากฎหน้าบ้านและร่างแยกแลนเซอร์โผล่ขึ้นมาพร้อมกับเอเรซติกัลที่ผมเธอเป็นสีดำ ตอนนี้เจ้าของร่างกำลังควบคุมอยู่

เธอเตะประตูเข้าไปและโดดดีดมาข้างหลัง

"อะไร?"เธอถามรู้สึกประหลาดใจมากกว่า

ปืนลูกซองจะทำร้ายเซอร์วอนต์ได้

เอเรซติกัลยิ้มอย่างผ่อนคลายขณะปู่ของรินยิงปืนลูกซองของเธอเป็นครั้งที่สองที่หน้าอก

"กล้าหาญมาก"เธอยกย่องชายชรา"แต่โง่เช่นกัน...หลับไปซะ"

เวทย์สะกดจิตทำให้ชายชราล้มลงกับพื้นและสิ่งเดียวกันเกิดขึ้นกับคุณยายของบ้านนี้ เธอยิ้มในชัยชนะเดินเข้าห้องโถงและขึ้นบันไดไปชั้นบน หลังสัมผัสแหล่งพลังเวทย์ได้ เธอก็เตะประตูเข้าสู่ห้องนอนใหญ่

รินกับอาโออิกำลังยืนหวาดกลัวชิดกำแพงห้องและเอเรซติกัลหัวเราะที่แม่ของเธอถือมีดครัวไว้

"อย่าเข้ามานะ"เธอร้องขณะเอเรซติกัลเดินเข้าไป"หยุด ฉันบอกให้หยุด"

"คุณคิดจริงเหรอว่าจะมีโอกาส"เอเรซติกัลถามคว้ามีดของอาโออิโยนทิ้งไป

"ข้าไม่ทำร้ายเด็ก เพียงแต่อยากถาม เจ้ายินดีสละชีวิตเจ้าสำหรับริน?"

"แน่นอนฉันยอม ทำไมแม่จะไม่เสียสละเพื่อลูก"เธอร้องและสะดุ้งเมื่อรอยยิ้มเอเรซติกัลเปลี่ยนเป็นดุร้าย

"แล้วทำไมเธอถึงยอมให้ซากุระถูกส่งไปบ้านมาโต้"เอเรซติกัลถามคว้าผมของอาโออิและทุบหัวเข่าที่ท้องเธอ

"แม่"รินร้องออกมา เอเรซติกัลคว้าคอเสื้ออาโออิและโยนเธอใส่ตู้แรงพอทำลายประตู

"ถ้าฉันไม่มาแล้วประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิม"เอเรซติกัลพูดก่อนพุ่งไปหาริน เด็กตัวน้อยตัวสั่นด้วยความกลัวและดิ้นรนเมื่อเอเรซติกัลฉีดยานอนหลับใส่หน้า เอเรซติกัลรู้ว่าตัวเธออ่อนแอต่อเครื่องมือสมัยใหม่และวิธีนี้จะไม่ทำร้ายเธอด้วย

เอเรซติกัลไม่สนใจเสียงร้องของอาโออิขณะยกเธอขึ้นมาและเดินออกไป

"เดี๋ยว..."อาโออิพูดอย่างอ่อนแรง"จะเอาเธอไปไหน?"

"การเจรจาต้องมีเครื่องต่อรอง"เอเรซติกัลพูดไม่สนแม่เธอที่ร้องไห้อยู่เบื้องหลัง

@@@@@@@@

กิลกาเมซมองร่างของศัตรูที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก การที่อีกฝ่ายยังมีลมหายใจอยู่ทำให้เขาโกรธ

“พวกสวะโง่เขลาที่กล้าทำร้ายข้าถึงขนาดเอาตัวรอดจากพลังของเออา”เขาถามตัวเองเงียบๆขณะก้าวไปข้างหน้า อาวุธยังอยู่ในมือขวา”

แม้เขาโกรธแต่เขาก็ไม่ได้ใช้พลังเออาเต็มที่ นั่นเท่ากับฆ่าแมลงวันด้วยระเบิดนิวเคลียร์ มันแค่1-2%เท่านั้น ถึงอย่างนั้นพลังระดับนี้ก็ทำลายเซอร์วอนท์อมตะอย่างแลนเซอร์ได้ทันที ไม่ต้องพูดถึงพลังที่เหนือกว่าดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์

นั่นคือเหตุผลที่ทำให้พวกเธออยู่รอดได้ หากพวกเธอไม่ใช่การปลดปล่อยพลังเวทกระจายพลังมันออกเพียงพอจะเบี่ยงไปได้ มันจะฆ่าพวกเธอทันที

และความจริงก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร พวกเธอรอดชีวิตจากดาบแห่งการรังสรรค์และไม่สามารถปล่อยให้รอดไปได้

แม้เขาจะโกรธแต่เขาไม่อาจใช้พลังของมันอีกครั้ง การใช้เออา2ครั้งกับคู่ต่อสู้คนเดิมกับคู่ต่อสู้ที่ไม่คู่ควรนั่นเป็นโทษหนักต่อความภาคภูมิใจของเขา

ดูเหมือนเนโร่จะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ชุดสีแดงของเธอขาดรุ่งริ่ง ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือด ถึงอย่างงั้นเขาก็บอกได้รวดเร็วว่าแขนและขาข้างนึงของเธอ

เซเบอร์สภาพดีกว่าแม้จะไม่มาก ชุดเกราะสีเงินของเธอถูกทำลายโดยมีแขนถือดาบที่ยังอยู่ดี ขาและแขนอีกข้างบาดเจ็บหนัก ชุดสีน้ำเงินเธอฉีกขาดหลายแห่งแต่ยังอยู่ ร่างกายเธอปกคลุมไปด้วยฝุ่น ไม่มีอาการบาดเจ็บเหมือนเซเบอร์แดง ความจริงแล้วเขาไม่เห็นบาดแผลบนร่างกายเธอเลย

ความคิดว่าเธอเป็นเซอร์วอนท์ที่ท้าทายเขาคนแรกก็เริ่มท่วมท้นโดยเฉพาะการเสียมือของเขา

ตัดสินใจว่าจะฆ่าใครนั้นไม่ต้องลังเล

“เจ้าตายก่อน”

เขาเอื้อมมือซ้ายไปก่อนจะจำได้ว่าไม่มีมือซ้ายที่จะคว้าเธอ เขาหรี่ตาด้วยความรำคาญเรียกเกทออฟบาบิโลน

เขายกเออาขึ้นมาสกัดการฟันของเอ็กซ์คาลิเบอร์ไว้ เขามองเซเบอร์ที่เสื้อผ้าโดนทำลายแต่การเคลื่อนไหวยังเฉียบคมและเล็งหัวเขา

“ลอบโจมตี? ข้าหวังมากกว่านี้จากราชาอัศวิน”

เซเบอร์ไม่ตอบและทำการปลดปล่อยพลังเวท เธอมีเนโร่บนไหล่ข้างหนึ่งและอยู่ใกล้ศัตรู สายตาเธอจ้องไปที่เออา

“พวกเจ้าทั้งคู่ไม่มีค่าพอจะเผชิญกับพลังของเออาเป็นครั้งที่สอง ข้ามีหลักการจะไม่ใช้สมบัติล้ำค่าอันดับสองของข้าเหมือนเครื่องมือทั่วไป”แคสเตอร์พูดและเห็นเธอผ่อนคลายเล็กน้อยจึงตัดสินใจเสริม”พวกเจ้าพ่ายแพ้นับแต่ข้าเรียกชุดเกราะแล้ว”

เซเบอร์กำลังจะตอบกลับ แต่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงครวญคราง เธอมองไปที่พันธมิตรและเห็นว่าเนโร่เริ่มฟื้นขึ้นมาส่งเสียงครวญคราง

“เจ้าสบายดีรึเปล่า”

“รู้สึกเหมือนโดนรถบรรทุกทับ”เนโร่คร้ำครวญ”และวนกลับมาทับซ้ำ อุมุ!”

เซเบอร์ยื่นมือไปและเนโร่จับมันดึงตัวขึ้นพร้อมใช้ดาบแดงค้ำยันร่างกายตัวเอง

เซเบอร์ทั้งสองมองอาเชอร์ที่ยังอดทนรอ

“เจ้าเหลือพลังแค่ไหน”

“ไม่ ข้าใช้พลังเวทย์มากไป ข้าไม่สามารถใช้โอเปร่าหรือฟลากาแร็กได้ในตอนนี้”เนโร่ตอบจริงจัง”เจ้าล่ะ”

“น่าจะปล่อยเอ็กซ์คาลิเบอร์ได้อีกครั้ง การใช้อวาลอนรักษาบาดแผลต้องใช้พลังเวทมาก”

“ถ้าอย่างนั้น”อาเชอร์พูดขึ้นทำลายบทสนทนาพวกเธอ”มาปิดฉากเลยดีไหม”

“ใช่ แต่ขอถามอย่างหนึ่ง”

“ข้าจะถือว่าเป็นคำสั่งเสีย”กิลกาเมซอนุญาติ

“ของเล่นใหม่เจ้ามันอะไร? ข้าพอเข้าใจหมวกเกราะนั่น แต่เส้นสีแดงนั่นคืออะไร?”

พวกเธอไม่ชอบเมื่อเห็นรอยยิ้มของแคสเตอร์ที่ได้ยินคำถามนั้น

“ข้ายินดีจริงๆที่เจ้าถาม เจ้าจะได้รู้ก่อนกลับไปสู่บัลลังก์วีรชน”

อาเชอร์ผายมือแสดงชุดเกราะของเขา

“ชุดเกราะนี้อย่างที่เจ้าเห็นมันคือโนเบิลแฟนทาสม์ หนึ่งในสมบัติล้ำค่า ปกติข้าชอบสวมมันในสภาพปิดผนึก เพราะข้าไม่ชอบเปิดใช้มันเนื่องจากผลข้างเคียง แต่สำหรับพวกเจ้าข้ายกเว้น...”

“ข้าถามว่ามันคืออะไรไม่ใช่ที่มา”

“ว่าง่ายๆ พลังเวทย์ปกป้องข้าจากการโจมตี มันเหมือนจะเหมือนฟองสบู่ การโจมตีด้วยเวทมนตร์เช่นไฟจะถูกดูดซับโดยโล่เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังเวทย์ การโจมตีกายภาพจะเสียกำลังและช้าลง บาเรียจะลดกำลังเมื่อโดนเส้นสีแดงที่สลักไว้ ตรงไหนมีเส้นสีแดงตรงนั้นมีบาเรีย”

“แล้วหน้ากากล่ะ”

“ส่วนหนึ่งของชุดเกราะเพื่อปกป้องศีรษะโดยผสานเข้ากับผิวหนังเพื่อเลี่ยงการถูกทำลาย แม้ข้าจะมองไม่เห็นพวกเจ้า แต่ข้าก็สัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ในธรรมชาติ”

“เจ้าใจเย็นและใจกว้างมากที่บอกรายละเอียดโนเบิลแฟนทาสม์ที่ทรงพลังขนาดนี้”เซเบอร์ตั้งข้อสังเกต”เจ้ามั่นใจในพลังของมันมากถึงขนาดบอกเราอย่างละเอียดเลยเหรอ”

“มันจะสำคัญอะไร โล่นี่เป็นโนเบิลแฟนทาสม์ป้องกันสูงสุดในคลังสมบัติข้า ไม่มีสิ่งใดเจาะเกราะนี้ได้ แม้บางสิ่งจะเจาะได้มันจะอ่อนกำลังและหยุดลงเพราะโล่ชั้นที่2 เจ้าจะรู้ว่ามันทำงานยังไงก็ไม่สำคัญเพราะพวกเจ้าไม่สามารถแตะต้องข้าได้”

เขาสะบัดมือเปิดคลังสมบัติของเขา”และเพื่อให้ครบจำนวน”

โซ่ยาวสีทองปลายแหลมสำหรับเจาะเป้าหมายโผล่ออกมาจากประตูพันแขนซ้ายเขาเหมือนงูโลหะก่อนจะมาพันรอบมือแคสเตอร์

เอนคิดู โซ่ตรวนแห่งสวรรค์ โนเบิลแฟนทาสม์ต่อต้านเทพ ที่สามารถพันธนาการเทพได้ กิลกาเมซใช้โซ่นี่จับกระทิงสวรรค์ทำให้มันอดอาหาร7ปีในอูรูก โนเบิลแฟนทาสม์ที่ตั้งชื่อตามสหายเพียงหนึ่งเดียว