วิธีล้างเครื่อง Samsung รีเซ็ตข้อมูลให้เกลี้ยงเหมือนพึ่งซื้อมาใหม่ ๆ โดยรวมแล้วเราจะเรียกว่า Factory Reset ซึ่งคำ ๆ นี้ใช้ได้กับมือถือทุกเครื่อง โดยจะเป็นการล้างข้อมูลและลบแอพพลิเคชั่นทั้งหมดภายในเครื่อง ทำให้ตัวเครื่องกลับไปเหมือนตอนพึ่งแกะออกมาจากกล่องใหม่ ๆ ซึ่งสาเหตุของการล้างเครื่องนั้นก็มีหลากหลายทั้งเครื่องช้า, เครื่องทำงานไม่ปกติ, พื้นที่เก็บข้อมูลเต็ม, อัปเดตซอฟแวร์เวอร์ชั่นใหม่ไม่ได้, พึ่งอัพเดตซอฟแวร์เวอร์ชั่นใหม่ และต้องการนำเครื่องไปขายต่อ การทำ Factory Reset คือสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง วันนี้เราเลยจะมาสอนวีธีล้างเครื่องให้เพื่อน ๆ กัน
เพื่อน ๆ คงสงสัยว่าทำไมถึงมาสอนล้างเครื่องมือถือ Samsung กัน นั่นก็เพราะว่ามือถือ Samsung เป็นหนึ่งในมือถือที่สามารถใช้งานได้นาน มีการขายต่อกันเยอะ แถม Samsung ยังเปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาถี่ด้วย ใครที่ชอบเปลี่ยนมือถือบ่อย ๆ ก็คงต้องทำการล้างเครื่องกันบ่อยด้วยแน่นอน แต่สำหรับคนที่ทำไม่เป็นวันนี้เราจะมาแนะแนวให้ไปแบบทีละขั้นเลย
วิธีล้างเครื่อง Samsung จากเมนูของอุปกรณ์
เข้าไปที่การตั้งค่า (Setting)
เลือกที่การจัดการทั่วไป (General Management)
กดไปที่รีเซ็ตอุปกรณ์ (Reset)
เลือกการตั้งค่าเหมือนโรงงาน (Factory Data Reset) แล้วแตะปุ่ม Reset เพื่อเริ่มต้นขั้นตอนการรีเซ็ตเครื่อง และการล้างเครื่อง
กดปุ่มรีเซ็ต (Reset) แล้วกดปุ่มลบทั้งหมด
รอจนกว่าเครื่องจะรีเซ็ตเสร็จ ใครที่จะขายต่อก็กดปุ่ม Power ค้างไว้เพื่อปิดเครื่องได้เลย ส่วนใครจะใช้ต่อก็เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการตั้งค่าใหม่ได้เลย
วิธีล้างเครื่อง Samsung โดยใช้ปุ่มบนตัวเครื่อง
ให้ทำการปิดเครื่อง โดยกดปุ่มเพิ่มเสียง และปุ่ม Power ค้างไว้ เมื่อขึ้น Logo Samsung ให้ปล่อยมือออกจนขึ้นหน้าต่างเหมือนในรูป
กดที่ปุ่มลดเสียง เพื่อเลื่อนลงมาที่เมนู wipe data / factory reset จากนั้นกดปุ่ม Power เพื่อเลือกเมนู
กดปุ่มลดเสียงเลื่อนลงมาที่เมนู Yes – delete all user data จากนั้นกดปุ่ม Power เพื่อเลือกเมนู
รอจนรีบูทเสร็จเป็นอันจบ
แล้วก็ขอแถมด้วยวิธีย้ายข้อมูลระหว่างมือถือ Samsung ด้วยกันเอง (ใช้กับมือถือ Android เครื่องอื่นได้ด้วย) โดย Samsung ได้ออกแอพที่ชื่อ Smart Switch มาให้โหลดไปใช้กันฟรี ๆ บน Google Play ซึ่งหลักการทำงานจะคล้าย ๆ กับการโคลนนิ่งข้อมูลจากเครื่องเก่าไปยังเครื่องใหม่เลย ส่วนวิธีใช้งานก็มีดังนี้
วิธีย้ายข้อมูลด้วย Smart Switch
ขั้นตอน 1 : เชื่อมต่อ
ใช้การเชื่อมต่อไร้สายหรือใช้สาย USB เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ระหว่างเครื่องเก่าและเครื่องใหม่
ขั้นตอนที่ 2 : เลือก
ขณะที่อยู่ในแอป ให้เลือกว่าต้องการจะเก็บคอนเทนต์, การกำหนดค่า และข้อมูลใด ๆ ไว้บ้าง
ขั้นตอน 3 : ถ่ายโอน
เริ่มการถ่ายโอนและปล่อยให้ Smart Switch ทำงานจนเสร็จ แล้วก็รอไปอีกสักพักมือถือเครื่องใหม่ก็จะพร้อมใช้งานแล้ว (จากประสบการณ์ให้รอประมาณ 30 นาที)
- รีวิว vivo V29e 5G ออร่าพอร์ตเทรตน้องเล็ก ฟีเจอร์มาครบ สเปคจัดเต็ม ในราคาแค่ 11,999 บาท November 2, 2023
รีวิว HUAWEI MatePad 11-inch PaperMatte Edition แท็บเล็ตจอกระดาษ รองรับปากกา M-Pencil รุ่นที่ 2 พร้อมชิป Snapdragon 870
หากโทรศัพท์ของคุณหยุดทำงานกะทันหันหรือเกิดข้อผิดพลาดขึ้นเรื่อยๆ การรีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงานอาจเป็นวิธีแก้ไข คุณยังสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณได้โดยการลบข้อมูลทั้งหมดในโทรศัพท์ของคุณเมื่อมอบโทรศัพท์ให้คนอื่น ทำตามคำแนะนำด้านล่างเพื่อดูวิธีการรีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน
ก่อนที่คุณจะลองทำตามคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาของคุณโปรดตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์และแอพที่เกี่ยวข้องนั้นได้รับการอัพเดทเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือไม่ โปรดตรวจสอบวิธีการอัพเดทซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์มือถือตามลำดับต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1. ไปที่ การตั้งค่า > อัพเดทซอฟท์แวร์
ขั้นตอนที่ 2. แตะที่ ดาวน์โหลดและติดตั้ง
ขั้นตอนที่ 3. ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ
รีเซ็ตโทรศัพท์ของคุณอย่างสมบูรณ์
ฟีเจออร์การรีเซ็ตข้อมูลเป็นค่าเริ่มต้นจะลบข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลของคุณโดยสมบูรณ์เพื่อให้โทรศัพท์ของคุณสะอาดอยู่เสมอ ฟีเจอร์นี้สามารถใช้ได้เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับโทรศัพท์ของคุณ หรือเมื่อคุณต้องการลบข้อมูลออกจากโทรศัพท์ของคุณอย่างปลอดภัยและกู้คืนอุปกรณ์กลับเป็นการตั้งค่าจากโรงงาน ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อรีเซ็ตข้อมูลเป็นค่าเริ่มต้น
ก่อนดำเนินการรีเซ็ตข้อมูลเป็นค่าเริ่มต้น อย่าลืมทำสำเนาสำรองของข้อมูลสำคัญทั้งหมดที่จัดเก็บไว้ในอุปกรณ์
ขั้นตอนที่ 1. เปิดแอพ การตั้งค่า แล้วแตะ การจัดการทั่วไป
ขั้นตอนที่ 2. เลือก รีเซ็ต
ขั้นตอนที่ 3. เลือก รีเซ็ตข้อมูลเป็นค่าเริ่มต้น จากนั้นตรวจสอบข้อมูล
ขั้นตอนที่ 4. เมื่อคุณพร้อมแล้ว ให้ปัดและแตะ รีเซ็ต
ขั้นตอนที่ 5. แตะปุ่ม ลบทั้งหมด เพื่อดำเนินการรีเซ็ตต่อและลบข้อมูลทั้งหมดที่จัดเก็บไว้ในโทรศัพท์ของคุณ
โทรศัพท์ของคุณจะรีเซ็ต เมื่อเปิดขึ้นมาอีกครั้ง เครื่องจะเริ่มต้นจากหน้าจอการตั้งค่าเริ่มต้น
หมายเหตุ:
- หากคุณได้ตั้งค่าล็อคความปลอดภัยไว้บนโทรศัพท์ ระบบจะขอให้คุณป้อนข้อมูลประจำตัว
- สำรองข้อมูลของคุณไปยังตำแหน่งที่ปลอดภัยเป็นประจำ เช่น Samsung Cloud หรือคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คุณสามารถกู้คืนได้หากข้อมูลเสียหายหรือสูญหายเนื่องจากการรีเซ็ตข้อมูลเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงานโดยไม่ได้ตั้งใจ
รีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงานอัตโนมัติ
คุณสามารถตั้งค่าให้อุปกรณ์ทำการรีเซ็ตข้อมูลเป็นค่าเริ่มต้นได้ หากคุณป้อนรหัสปลดล็อคไม่ถูกต้องหลายครั้งติดต่อกันและถึงขีดจำกัดความพยายาม ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อเปิดใช้งานการรีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงานอัตโนมัติ
ขั้นตอนที่ 1. เปิดแอพ การตั้งค่า แล้วแตะ หน้าจอล็อก
ขั้นตอนที่ 2. เลือก การตั้งค่าการล็อกที่ปลอดภัย และปลดล็อกหน้าจอโดยใช้วิธีการล็อกหน้าจอที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ขั้นตอนที่ 3. แตะสวิตช์ รีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงานอัตโนมัติ เพื่อเปิดใช้งาน
หมายเหตุ: ภาพหน้าจอและเมนูของอุปกรณ์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรุ่นอุปกรณ์และเวอร์ชันของซอฟต์แวร์
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ
ร้านค้าออนไลน์
เช็คโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy S22Series / Fold3 / Flip 3 และรุ่นอื่นๆ แอดไลน์ เพื่อสนทนากับพนักงานของเราทันที
Samsung Hard Reset ยังไง
ขั้นตอนที่ 1. เปิดแอพ การตั้งค่า แล้วแตะ การจัดการทั่วไป ขั้นตอนที่ 2. เลือก รีเซ็ต ขั้นตอนที่ 3. เลือก รีเซ็ตข้อมูลเป็นค่าเริ่มต้น จากนั้นตรวจสอบข้อมูล ขั้นตอนที่ 4. เมื่อคุณพร้อมแล้ว ให้ปัดและแตะ รีเซ็ต
รีบูทโทรศัพท์ทำยังไง
มาดูวิธีการรีบูตโทรศัพท์ด้วยวิธีต่าง ๆ กันครับ โทรศัพท์ Samsung - หากคุณใช้โทรศัพท์ Samsung ให้กดปุ่มเปิด/ปิดเครื่องและปุ่มลดระดับเสียงค้างไว้พร้อมกันประมาณ 10 ถึง 20 วินาที โทรศัพท์ LG - หากคุณใช้โทรศัพท์ LG ให้กดปุ่มเปิด/ปิดเครื่องและปุ่มลดระดับเสียงไว้พร้อมกัน และปล่อยปุ่มเมื่อโลโก้ LG ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
Samsung ค้างปิดเครื่องยังไง
A : หากตัวเครื่องของคุณมีอาการค้างไม่ตอบสนองไม่สามารถสัมผัสหน้าจอและไม่สามารถทำการปิดตัวเครื่องได้ คุณสามารถแก้ไขได้ด้วยการกดปุ่ม ปิด/เปิดเครื่อง และ ปุ่มลดระดับเสียง ค้างไว้พร้อมกันเป็น เวลาอย่างน้อย 7 วินาที เพื่อเป็นการเริ่มต้นการทำงานใหม่(รีสตาร์จ)
โทรศัพท์เปิดไม่ติดเป็นเพราะอะไร
โทรศัพท์เปิดไม่ติดเกิดจากอะไรได้บ้าง โดยทั่วไปแล้วโทรศัพท์เปิดไม่ติดอาจเกิดได้จาก 4 สาเหตุหลัก ๆ ประกอบไปด้วยสาเหตุจากแบตเตอรี่ สาเหตุจากความเสียหายทางกายภาพ สาเหตุจากความชื้น และปัญหาด้านซอฟต์แวร์ที่ทำงานผิดปกติ