เพราะเหตุใดเทคโนโลยีของโทรศัพท์จึงมีการเปลี่ยนแปลงไป

  • 1G ยุคของโทรศัพท์มือถือแบบอนาล็อก

ถือเป็นยุคแรกๆ ที่มีโทรศัพท์มือถือใช้บนโลกใบนี้ ในยุค 1G นั้น เครื่องโทรศัพท์ยังเป็นแบบปุ่มกดนูนๆ ที่มาพร้อมกับเสาอากาศขนาดใหญ่ ในยุคนั้นเครื่องโทรศัพท์ทำได้เพียงแค่การโทรเข้า-ออก และรับสายหรือที่เรียกว่าเป็นการสื่อสารแบบอนาล็อก โดยหลักการของการสื่อสารแบบอนาล็อกนั้น จะเป็นการส่งสัญญาณแบบ FDMA (Frequency Division Multiple Access) หรือแบ่งช่องความถี่เป็นแบบย่อยๆ หลายช่อง แล้วใช้สัญญาณวิทยุส่งคลื่นเสียงไปยังสถานีรับส่งสัญญาณ หนึ่งคลื่นความถี่จึงเท่ากับหนึ่งช่องสัญญาณ การใช้บริการระบบโทรศัพท์จึงใช้ได้เพียงช่องความถี่ที่ว่างอยู่เท่านั้น ในยุค 1G จึงไม่สามารถรับส่งข้อความใดๆ ได้ และไม่รองรับการใช้งานจำนวนมาก อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องการดักฟังโทรศัพท์ได้ง่าย

  • 2G พัฒนาการส่งคลื่นเสียงแบบอนาล็อกไปเป็นดิจิทัล

ยุคนี้มีการพัฒนาจากแบบอนาล็อกมาเป็นดิจิทัล ซึ่งอาศัยการเข้ารหัสโดยส่งคลื่นเสียงมาทางคลื่นไมโครเวฟ ทำให้ปลอดภัยในการใช้งาน และช่วยเรื่องสัญญาณเสียงที่คมชัดมากขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่าง FDMA กับ TDMA (Time Division Multiple Access) สามารถรองรับผู้ใช้งานในปริมาณมากขึ้น รวมทั้งส่งข้อความถึงกันได้มากกว่าแค่โทรเข้า-ออก และรับสาย อีกทั้งรูปลักษณ์ของโทรศัพท์ในยุคนี้ได้พัฒนาให้ดูทันสมัย มีน้ำหนักเบา และใช้งานง่ายขึ้น

  • 2.5G ยุคที่มีการกำเนิดเทคโนโลยีที่เรียกว่า GPRS

เป็นช่วงที่มีเทคโนโลยี GPRS (General Packet Radio Service) เกิดขึ้น ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้มากกว่าแค่ข้อความ แต่เป็นการส่งภาพหรือข้อความในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นหรือที่เรียกว่า MMS (Multimedia Messaging Service) หน้าจอเริ่มเป็นจอสี เสียงเรียกเข้าเริ่มพัฒนาเป็นแบบ MP3 และเริ่มเล่นอินเตอร์เน็ตบนมือถือได้ด้วยความเร็ว 115 kbps

  • 2.75G มีการพัฒนาจาก GPRS เป็น EDGE เพื่อก้าวเข้าสู่ยุค 3G

เป็นยุคของ EDGE (Enhanced Data Rates for Global Evolution) ซึ่งพัฒนาต่อมาจาก GPRS ในยุค 2.75G ผู้คนจึงสามารถเล่นอินเตอร์เน็ตบนมือถือได้ด้วยความเร็วที่มากขึ้นหรือสูงสุดที่ 180 kbps

  • 3Gมีความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่าย 24 ชั่วโมง (Always on)

ถือเป็นยุคที่มีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก เช่น สามารถออนไลน์ผ่านมือถือได้ตลอดเวลา ในขณะที่ยุค 2G จะออนไลน์ได้เฉพาะเมื่อมีการ Log-in เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายเท่านั้น แต่ยุค 3G จะมีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายตลอดเวลา แต่จะเสียค่าบริการเมื่อมีการใช้ข้อมูลผ่านเครือข่าย ต่างจากยุคก่อนหน้านี้ที่เมื่อ Log-in เข้าระบบจะเสียค่าบริการทันที โดยในยุคนี้ความเร็วของเครือข่ายจะสูงกว่าแบบเดิม เป็นยุคที่เริ่มมีการโทรผ่านอินเตอร์เน็ตได้ คุยแบบเห็นหน้าได้ ประชุมทางไกล ดูทีวีและวีดิโอออนไลน์ ตลอดจนเล่นเกมออนไลน์ได้

  • 4Gมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลถึง 100 Mpbs 

ถือเป็นยุคที่มีการประมวลเอาคุณภาพของการสื่อสารยุค 1G-3G มาพัฒนาในเรื่องความเร็วของการรับส่งข้อมูล โดยจะอยู่ที่ 100 Mbps ทำให้สามารถใช้งานกับโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตได้และสัญญาณไม่มีการกระตุก สามารถดูวีดิโอออนไลน์ได้อย่างคมชัด โทรทางไกลข้ามประเทศผ่านอินเตอร์เน็ตม Video Call และประชุมผ่านโทรศัพท์ได้ง่ายดาย ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งสามารถรองรับระบบโทรศัพท์ VoIP Phone ได้อย่างราบรื่น

  • 5G ระบบการสื่อสารไร้สาย รับส่งข้อมูลได้เร็วกว่า 4G ถึง 20 เท่า

สำหรับยุค 5G นั้น ถือเป็นการเข้าสู่การสื่อสารยุคใหม่ของทั่วโลก ปัจจุบันมีเพียงไม่กี่ประเทศที่เริ่มใช้ 5G ในเชิงพาณิชย์ อาทิ จีน เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และยุโรปบางประเทศ ส่วนในไทยได้ประมูลคลื่นความถี่กันเป็นที่เรียบร้อยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ สิ่งที่เปลี่ยนไปเมื่อไทยเปิดใช้เครือข่าย 5G คือ ความเร็วสูงกว่า 4G อย่างมากหรือราวๆ 500 Mbps (หรือขั้นต่ำตั้งแต่ 1Gbps – มากกว่า 10 Gbps) สามารถรองรับเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง อาทิ รถยนต์ไร้คนขับ หุ่นยนต์อัจฉริยะ ตลอดจนการผลักดันเมืองไปสู่การเป็น Smart City เป็นต้น

วิวัฒนาการมือถือ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน มีอะไรบ้าง ? และอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ?

วิวัฒนาการมือถือ ถือว่ามาไกลมาก ๆ ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันนี้ สมัยก่อนยังเป็นโทรศัพท์ ที่มีสายเครื่องใหญ่ พกพาได้ค่อนข้างลำบาก และที่สำคัญราคาสูงมาก เหมือนเป็นการแบ่งชนชั้นได้เลย ใครมีโทรศัพท์ ณ ตอนนั้น ถือว่าต้องมีฐานะ มากพอสมควร

โทรศัพท์ยุคแรก ยังมีคุณสมบัติ เพียงการสื่อสาร ใช้โทรเข้า-ออก แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีโทรศัพท์ มือ ถือ ปัจจุบัน ยังสามารถทำได้ หลากหลายคุณสมบัติ ไม่ว่าจะใช้อินเทอร์เน็ต ส่งข้อความ ปฏิทิน นาฬิกาปลุก โซเชียลมีเดีย ดูหนัง เล่นเกม เป็นต้น และราคาก็ถูกลง ทำให้มีกำลังซื้อได้ ทำให้ยุคนี้ใคร ๆ ก็พกโทรศัพท์มือถือกัน กลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์ก็ว่าได้

ประวัติ และ วิวัฒนาการ ของโทรศัพท์

เพราะเหตุใดเทคโนโลยีของโทรศัพท์จึงมีการเปลี่ยนแปลงไป

ยุคแรก เป็นยุคของ 1G (1st Generation) ยังเป็นระบบแอนะล็อกอยู่ เครื่องค่อนข้างใหญ่และหนัก หน้าจอใช้ดูได้เพียงตัวเลข และมีเฉพาะปุ่มกด มีฐานวางคล้ายกับโทรศัพท์บ้าน

ยุคที่ 2 เป็นยุคของ 2G (2nd Generation) จากยุคแอนะล็อก สู่ยุคดิจิทัล ถ้าบอกว่าเป็น ช่วงรุ่งเรืองของโนเกีย พวกรุ่น 3310 โมโตโรล่าฝาพับ ซัมซุงฮีโร่ วัยรุ่นและผู้ใหญ่ยุคนี้หลาย ๆ คนคงพูดอ๋อ เพราะผ่านมาก่อน เกมงูคือฮิต ตั้งริงโทนคือเจ๋ง ภาพหน้าจอต้องมา ถือว่าบุกเบิกเลยก็ว่าได้

ปัจจัย ที่ มี ผล ต่อ การเปลี่ยนแปลงของ โทรศัพท์ เพราะความต้องการของคน มีมากขึ้น ต้องการโทรศัพท์ ที่ทำอะไรได้มากขึ้น และยังเป็นการ เริ่มใช้ GPRS ความเร็วสูงสุด 115 kbps แต่ใช้จริงอยู่ที่ 40 kbps เท่านั้น และเชื่อมไปถึงยุคที่ 3 2.5Gเป็นการเปลี่ยนแปลง ในเรื่องของการพัฒนา SMS สู่การส่ง MMS จากจอขาว-ดำ เริ่มมาเป็นจอสีแล้ว! รวมถึงเสียงเรียกเข้า หลากหลายมากขึ้น

เพราะเหตุใดเทคโนโลยีของโทรศัพท์จึงมีการเปลี่ยนแปลงไป

ยุคที่ 4 2.75G ย่อยจุดซะคิดว่าค่าเงิน 555 เป็นยุคที่ต่อเนื่องมา และเพิ่มความเร็ว ในการส่งข้อมูล ที่มีชื่อเรียกว่า EDGE (Enhanced Data rates for Global Evolution) ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 384 kbps แต่ความเร็วจริง อยู่ที่ประมาณ 100 kbps

วิวัฒนาการมือถือ ยุคปัจจุบัน

เข้าสู่ยุคที่ 5 3G แล้ว! (Third Generation) เป็นยุคค่อนข้างปัจจุบันแล้ว และยังมีการใช้งานอยู่ และส่งข้อมูลแบบไร้สาย ที่ความเร็วสูงกว่ายุคก่อน ๆ ที่ผ่านมา เป็นยุคของการรับส่งข้อมูล แอปพลิเคชันต่าง ๆ การรับส่งไฟล์ ที่มีขนาดใหญ่ ได้ง่ายและไว เข้าสู่ยุคออนไลน์ การใช้ Video call มีสตรีมมิง และการดาวน์โหลด ดูหนังฟังเพลงได้ เป็นยุคติดมือถือกันงอมแงม

ยุคที่ 6 4G ณ ตอนนี้เลย และถือว่าใหม่สำหรับคนไทย ในขณะที่ประเทศอื่น ใช้กันพักใหญ่ล่ะ เน้นไปที่ความเร็ว ของอินเทอร์เน็ต ความเสถียรของสมาร์ตโฟน แทบจะเป็นตัวช่วยในทุก ๆ อย่างของชีวิต อัปเดตชีวิตประจำวัน ตัวแจ้งเตือน การสื่อสารกับคนอื่น เรียกได้ว่าแทบขาดไม่ได้เลย

วิวัฒนาการของโทรศัพท์ อนาคต อาจจะออกไปเที่ยว โดยที่ตัวอยู่บ้านก็ได้ หรืออาจจะไม่ต้องพกเครื่อง หรือเห็นเป็นหน้าจอ บนอากาศเลย ก็อาจจะเป็นไปได้ก็ได้

เพราะเหตุใดเทคโนโลยีของโทรศัพท์จึงมีการเปลี่ยนแปลงไป

พูดถึง เทคโนโลยี โทรศัพท์ อดีต การใช้โทรศัพท์มือถือ เรายังจำได้ดีเลย มือถือเครื่องแรกในชีวิต ประมาณมัธยม1 คือโนเกีย 6230 สีเทาใส่เคสซะด้วย รับต่อมาจากพี่สาว จำเป็นต้องใช้ ให้คนขับรถ รับส่งโทรตามกลับบ้าน ใช้เสียงริงโทนเป็นเพลง Gee ยุคฮิตของ Girl generation จำได้ตอนนั้นเขินมาก ไม่กล้าให้ใครเห็น วัยใสฮ่า ๆ

กลับมานอนกดเล่นที่บ้าน กดไปกดมาไม่หยุด เพราะตื่นเต้นมีโทรศัพท์แล้ว รู้สึกโตขึ้นแล้ว เหมือนต้องรับผิดชอบมัน คิดแล้วก็ขำ และก็มียุค BlackBerry ที่เราเห็นเพื่อน ๆ ใช้กัน ซึ่งตัวเองไม่เคยใช้ แต่ได้เห็นมาบ้าง 555 ยุคแรกพินของวัยรุ่น ปุ่มและหน้าจออย่างเจ๋ง ห้อยพวงกุญแจยิ่งเท่ ส่วนเรายังคงใช้โนเกีย รุ่นใดสักรุ่นหนึ่งอยู่

นอกจาก ข้อดีของการพัฒนาโทรศัพท์ ก็ย่อมมีข้อเสีย

คุณกำลังเป็นแบบนี้ อยู่หรือเปล่า ?

  • รู้สึกใจร้อนขึ้น อดทนรออะไรไม่ค่อยได้
  • เห่อตามแฟชั่น รู้สึกว่าต้องตามเทรนด์ มือถือตกรุ่นไม่ได้
  • ขาดกาลเทศะ เพราะความเคยชิน กดมือถือขณะประชุม ขณะอยู่กับผู้อื่น หรืออยู่กับคนใกล้ตัว
  • ติดการกดมือถือ อยู่ตลอดเวลา หรือถือมือถือ ในมือตลอดเวลา แม้ไม่รู้จะกดอะไร
  • ทำให้มนุษยสัมพันธ์ กับคนใกล้ตัวน้อยลง พูดคุยกันน้อยลง
  • เคยเกิดอุบัติเหตุได้ ไม่ว่าจะตกบันได น้ำร้อนลวก รถชน เดินชนคนอื่น เป็นต้น เพราะการก้มหน้า กดมือถือในมือ
  • เคยเกิดโรคเหล่านี้ ทางร่างกาย เช่น โรคออฟฟิศซินโดรม ปวดข้อแขน ปวดมือ ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดตา นอนไม่พอ ปวดหัวไมเกรน สายตาเสีย เป็นต้น และคุณรู้ว่าต้นเหตุ นั้นก็มาจากมือถือ

เพราะเหตุใดเทคโนโลยีของโทรศัพท์จึงมีการเปลี่ยนแปลงไป

เป็นอย่างไรบ้างคะ ข่าวไอที มือถือ ที่เรานำมาให้อ่านกัน นี่ก็เป็นส่วนหนึ่ง ของที่มาโทรศัพท์มือถือ สู่สมาร์ตโฟนที่ทำได้มากกว่า มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับผู้ใช้เอง นอกจากนี้เว็บไซต์ ข่าวไอที ยังมีหัวข้ออื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ข่าวไอทีคอมพิวเตอร์ ข่าวดิจิทัล ข่าวเทคโนโลยี ฯลฯ ให้ได้ติดตามกันอีกด้วย @UFA-X10

เรียบเรียงโดย M.Varin

แนะแนวเรื่อง