การขาดสติในการรับประทานอาหาร มักทำให้เรารับประทานอาหารมากเกินไป ส่งผลเสียต่อสุขภาพและอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ในระยะยาวได้ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น การรับประทานอาหารอย่างมีสติจะช่วยปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้มีสุขภาพดีขึ้นและสามารถทำได้อย่างยั่งยืน โดยไม่มุ่งเน้นที่น้ำหนักตัวหรือรูปร่าง แต่เน้นที่การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้ แล้วขยับเป้าหมายให้ยากขึ้น หรือเพิ่มเป้าหมายเมื่อทำได้ตามเป้าหมายเดิมแล้ว โดยที่สามารถทำได้เป็นปกติในชีวิตประจำวัน Show สาเหตุของการรับประทานอาหารมากเกินไป
โมเดลการขาดสติในการรับประทาน หลักการรับประทานอาหารอย่างมีสติ (Mindful Eating)
Hunger scale คือ มาตรวัดความหิว ความอิ่ม ร่างกายจะส่งสัญญาณความหิวเมื่อเราต้องรับประทานอาหาร และส่งสัญญาณความอิ่มเมื่อเราได้รับอาหารที่เพียงพอแล้ว เป็นการบอกว่าเราควรหยุดรับประทานอาหาร เราจึงควรฝึกฝนการสังเกตการส่งสัญญาณความหิว ความอิ่มของร่างกายอยู่เสมอ หากเราสามารถควบคุมความหิว ความอิ่มได้ ทำให้รับประทานอาหารอย่างพอดี ไม่หิวระหว่างมื้อ และรู้สึกหิวในมื้อถัดไปตรงเวลา “กินเมื่อหิว พอเมื่ออิ่ม” มาตรวัดความหิว ความอิ่มในการรับประทานอาหาร (Hunger scale) ระดับ 1 คือ หิวมากที่สุด มักเกิดในสถานการณ์ที่รับประทานอาหารเลยจากเวลาปกติไป 1 - 2 ชั่วโมง หรือไม่ได้รับประทานอาหาร ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายหิวถึงระดับนี้ เนื่องจากร่างกายจะพยายามชดเชยความหิวโดยการรับประทานอาหารมากกว่าปกติ ระดับ 3 คือ เริ่มหิว ให้เริ่มรับประทานอาหาร ระดับ 5 คือ เฉยๆ อิ่มระดับพออยู่ท้อง แต่อยู่ได้ไม่นาน ไม่ครอบคลุมถึงมื้อถัดไป อยู่ได้ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง ทำให้ต้องรับประทานเพิ่มในระหว่างมื้อ ระดับ 8 คือ อิ่มตึงท้อง แต่ไม่รู้สึกอึดอัด สามารถครอบคลุมได้ถึงมื้อถัดไป โดยไม่ต้องรับประทานอาหารระหว่างมื้อเพิ่ม หากรับประทานอาหารอิ่มถึงระดับนี้แล้วควรหยุดรับประทานอาหาร เนื่องจากเป็นการรับประทานอาหารในปริมาณที่พอดีแล้ว ระดับ 10 คือ อิ่มมากที่สุด อึดอัด ไม่สบายตัว มักเกิดในสถานการณ์ที่รับประทานอาหารมื้อใหญ่หรือบุฟเฟ่ต์ โดยรับประทานมากเกินไป ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายอิ่มถึงระดับนี้ หลักการใช้ Hunger scale
ข้อมูลจาก นักกำหนดอาหาร แผนกโภชนาการ คลิก!! ติดตามข่าวสารกับนักกำหนดอาหาร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกเบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อ ชั้น 4 โซน D การขาดสติในการรับประทานอาหาร มักทำให้เรารับประทานอาหารมากเกินไป ส่งผลเสียต่อสุขภาพและอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ในระยะยาวได้ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น การรับประทานอาหารอย่างมีสติจะช่วยปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้มีสุขภาพดีขึ้นและสามารถทำได้อย่างยั่งยืน โดยไม่มุ่งเน้นที่น้ำหนักตัวหรือรูปร่าง แต่เน้นที่การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้ แล้วขยับเป้าหมายให้ยากขึ้น หรือเพิ่มเป้าหมายเมื่อทำได้ตามเป้าหมายเดิมแล้ว โดยที่สามารถทำได้เป็นปกติในชีวิตประจำวัน สาเหตุของการรับประทานอาหารมากเกินไป
โมเดลการขาดสติในการรับประทาน หลักการรับประทานอาหารอย่างมีสติ (Mindful Eating)
Hunger scale คือ มาตรวัดความหิว ความอิ่ม ร่างกายจะส่งสัญญาณความหิวเมื่อเราต้องรับประทานอาหาร และส่งสัญญาณความอิ่มเมื่อเราได้รับอาหารที่เพียงพอแล้ว เป็นการบอกว่าเราควรหยุดรับประทานอาหาร เราจึงควรฝึกฝนการสังเกตการส่งสัญญาณความหิว ความอิ่มของร่างกายอยู่เสมอ หากเราสามารถควบคุมความหิว ความอิ่มได้ ทำให้รับประทานอาหารอย่างพอดี ไม่หิวระหว่างมื้อ และรู้สึกหิวในมื้อถัดไปตรงเวลา “กินเมื่อหิว พอเมื่ออิ่ม” มาตรวัดความหิว ความอิ่มในการรับประทานอาหาร (Hunger scale) ระดับ 1 คือ หิวมากที่สุด มักเกิดในสถานการณ์ที่รับประทานอาหารเลยจากเวลาปกติไป 1 - 2 ชั่วโมง หรือไม่ได้รับประทานอาหาร ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายหิวถึงระดับนี้ เนื่องจากร่างกายจะพยายามชดเชยความหิวโดยการรับประทานอาหารมากกว่าปกติ ระดับ 3 คือ เริ่มหิว ให้เริ่มรับประทานอาหาร ระดับ 5 คือ เฉยๆ อิ่มระดับพออยู่ท้อง แต่อยู่ได้ไม่นาน ไม่ครอบคลุมถึงมื้อถัดไป อยู่ได้ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง ทำให้ต้องรับประทานเพิ่มในระหว่างมื้อ ระดับ 8 คือ อิ่มตึงท้อง แต่ไม่รู้สึกอึดอัด สามารถครอบคลุมได้ถึงมื้อถัดไป โดยไม่ต้องรับประทานอาหารระหว่างมื้อเพิ่ม หากรับประทานอาหารอิ่มถึงระดับนี้แล้วควรหยุดรับประทานอาหาร เนื่องจากเป็นการรับประทานอาหารในปริมาณที่พอดีแล้ว ระดับ 10 คือ อิ่มมากที่สุด อึดอัด ไม่สบายตัว มักเกิดในสถานการณ์ที่รับประทานอาหารมื้อใหญ่หรือบุฟเฟ่ต์ โดยรับประทานมากเกินไป ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายอิ่มถึงระดับนี้ หลักการใช้ Hunger scale
ข้อมูลจาก นักกำหนดอาหาร แผนกโภชนาการ คลิก!! ติดตามข่าวสารกับนักกำหนดอาหาร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกเบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อ ชั้น 4 โซน D เพราะเหตุใดจึงต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายการรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการจะทําให้ร่างกายได้รับประโยชน์และคุณค่าซึ่ง ส่งผลต่อสุขภาพ ดังนี้ 1. ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต 2. ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย 3. ให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย 4. ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายทํางานได้ตามปกติ 5. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกาย
การรับประทานอาหารตามธงโภชนาการใน 1 วันจะต้องปฏิบัติอย่างไรกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๕๐ คู่มือธงโภชนาการ กินพอดี สุขีทั่วไทย ข้าว-แป้ง วันละ ๘-๑๒ ทัพพี ผัก วันละ ๔-๖ ทัพพี HN วันละ ๑-๒ แก้ว ผลไม้ วันละ ๓-๔ ส่วน
สิ่งที่มีอยู่ในอาหารและมีประโยชน์ต่อร่างกายคืออะไรสารอาหารคือ สิ่งที่มีคุณค่าในอาหารซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย สารอาหารแบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ ไขมัน
เพราะเหตุใดเราจึงต้องรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบ 6 ประเภทเนื่องจากร่างกายต้องการสารอาหารต่าง ๆ ที่มีอยู่ในอาหาร ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน แร่ธาตุ วิตามิน รวมทั้งน้ำและใยอาหาร แต่ไม่มีอาหารชนิดใดชนิดเดียวที่ให้ สารอาหาร ต่าง ๆ ครบในปริมาณ ที่ร่างกายต้องการ จึงจำเป็นต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และกินแต่ละหมู่ ให้หลากหลายจึงจะได้สารอาหาร ต่าง ๆ ครบถ้วนและเพียงพอ
|