ถ้าจะพูดถึงผลไม้ในบ้านเราที่ให้สรรพคุณทางยาก็มีอยู่หลากหลายชนิด แต่มีอยู่ชนิดหนึ่งที่ชื่อเรียกนั้นสะดุดหูซะเหลือเกินว่า "มะม่วงหาว มะนาวโห่" หลายคนที่เคยได้ยินชื่อนี้ก็ยังสงสัย สรุปแล้วมันเป็นมะม่วง หรือเป็นมะนาว แล้วทำไมต้องทั้งหาวและร้องโห่ แต่ในความเป็นจริงแล้วผลไม้ชนิดนี้ไม่ได้เป็นทั้งมะม่วงและมะนาวอย่างที่จินตนาการกัน ซึ่งที่มาของชื่อนั้นก็ถูกตั้งโดยนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร โดยบอกเพิ่มอีกว่าที่ตั้งชื่อนี้ก็เพื่อให้คล้องกับชื่อผลไม้ในวรรณคดี เรื่อง นางสิบสอง ตอน พระรถเมรี ที่ความตอนหนึ่งของเรื่องได้พูดถึงผลไม้สดที่มีรสชาติเปรี้ยวจัด ขนาดว่าทำให้คนที่ง่วงนอนอยู่รู้สึกกระชุ่มกระชวยและตื่นตัวขึ้นมาในทันควัน Show มะม่วงหาว มะนาวโห่ นับว่าเป็นผลไม้ยอดนิยมที่ถูกจับตามองในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า "มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่" ซึ่งถ้าเรียกสั้นๆ ก็น่าจะเข้าปากมากกว่า ผลไม้ชนิดนี้ได้รับความสนใจจากผู้ที่รักสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะในวงการแพทย์ก็ได้วิจัยออกมาพบว่ามีสรรพคุณทางยามากถึง 50 ประการ ครั้นจะนำไปใช้รักษาโรค หรือรับประทานควบคู่กับยาแผนปัจจุบันก็จะได้ผลที่ดียิ่งขึ้น คุณสมบัติที่สำคัญของ "มะม่วงหาว มะนาวโห่"ก็เห็นจะเป็นเรื่องของการ ป้องกันมะเร็ง เพราะภายในผลไม้ชนิดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยบำรุงโลหิต ชะลอการแก่ก่อนวัย ป้องกันโรคหัวใจ ขยายหลอดเลือด รักษาปอด รวมไปถึงอาการถุงลมโป่งพองก็ช่วยบรรเทาให้ดีขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกใจว่าทำไมผลไม้ที่มีชื่อแปลกหูถึงได้รับความนิยม ขนาดว่าต้องควานหาซื้อมารับประทาน ตลอดจนหามาปลูกไว้เป็นไม้ประดับภายในบริเวณบ้านอีกด้วย จากผู้ที่นิยมสมุนไพรให้ความรู้กับเราเพิ่มเติมมาว่า "มะม่วงหาว มะนาวโห่" นั้นสามารถใช้ประโยชน์ได้จากทุกส่วนของลำต้น อีกทั้ง ก็ยังมีส่วนน้อยที่จะรู้ว่าจริงๆ แล้ว มะม่วงหาว มะนาวโห่ นั้นเป็นคนละต้น หรือเป็นพืชคนละชนิด คนละสายพันธุ์กัน โดย ‘มะม่วงหาว’ ก็คือ มะม่วงหิมพานต์ ส่วน ‘มะนาวโห่’ ก็คือ หนามแดง ซึ่งพืชทั้งสองชนิดนี้ก็มีสรรพคุณเพียบและช่วยบำรุงร่างกายได้ดีไม่แพ้กันเลยทีเดียว เพื่อให้ความกระจ่างเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น เราก็มีข้อมูลจาก องค์กรสวนพฤกษาศาสตร์ มาอธิบายขยายความแตกต่างของพืชทั้ง 2 ชนิดนี้... มะม่วงหาวมะนาวโห่มะม่วงหาว"มะม่วงหาว" หรือชื่อเรียกจริงๆ คือ "มะม่วงหิมพานต์" เป็นไม้ต้นขนาดกลางที่สามารถสูงได้ถึง 10 เมตร มีใบเป็นสีเขียวเข้ม ออกดอกเป็นช่อหลวมๆ สีแดงอมม่วง หรือสีครีม มีกลิ่นหอมออกเอียนๆ โดยที่แต่ละดอกจะมี 5 กลีบ เมื่อดอกแก่ ฐานรองดอกก็จะขยายใหญ่ขึ้นมีลักษณะคล้ายกับชมพู่ยาวประมาณ 6 - 7 เมตร มีสีเหลืองอมชมพู หากว่าแก่จัดก็จะมีกลิ่นหอม มีเมล็ด 1 เมล็ดติดอยู่ที่ส่วนปลายเป็นสีน้ำตาลอมเทา มีเปลือกแข็งหุ้ม เรียกว่า ‘เม็ดมะม่วงหิมพานต์’ สรรพคุณทางยา ของ มะม่วงหาว
50 สรรพคุณทางยา ของ มะม่วงหาว
มะนาวโห่"มะนาวโห่" หรือชื่อเรียกจริงๆ คือ "หนามแดง" เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย หรืออาจเรียกว่าเป็นไม้ต้นขนาดเล็กก็ได้ มีความสูงเพียง 5 เมตร มียางสีขาว ออกใบเดี่ยว ออกดอกเป็นช่อยาว มีกลีบดอกสีขาว หรือสีชมพู ออกผลเป็นรูปไข่สีแดงชมพู หรือดำ สรรพคุณทางยา ของ มะนาวโห่
หากมองย้อนกลับไป การที่ "มะม่วงหาว มะนาวโห่" กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยเฉพาะบรรดาคนที่รักสุขภาพ น่าจะหมายถึงผลของ "มะนาวโห่" หรือผลของ "หนามแดง" เสียมากกว่า เพราะมีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในทุกพื้นที่ จากการสอบถามพบว่ามะนาวโห่เป็นพืชที่ดูแลง่าย ใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน อีกทั้งในแต่ละระยะของการออกผลก็จะให้สีที่แตกต่างกัน บางบ้านก็ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับด้วย ส่วนการนำผลมารับประทานก็จะต้องเป็นผลที่มีสีดำ จะให้รสชาติอมเปรี้ยว อมหวาน กินแล้วสดชื่น กระชุ่มกระชวย แถมยังมีประโยชน์มากมายอีกด้วย โหลดเพิ่ม ขอขอบคุณ ภาพ :iStock แท็กที่เกี่ยวข้องมะม่วงหาวมะนาวโห่มะม่วงหาว มะนาวโห่ยาสมุนไพรผลไม้สมุนไพรสมุนไพรไทยอาหารผักผลไม้สุขภาพกายโภชนาการดูแลสุขภาพสุขภาพรู้เรื่องยาวิธีใช้ยา มะม่วงหาวมะนาวโห่มีโทษอะไรบ้างความเป็นพิษของมะม่วงหาวมะนาวโห่
ยังไม่มีรายงานความเป็นพิษจากการใช้มะม่วงหาวมะนาวโห่ แต่น้ำยางสีขาวอาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรืออาการแพ้ได้ ดังนั้น ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือหากจำเป็นต้องสัมผัสให้รีบทำความสะอาดทันที
คนท้องกินมะม่วงหาวมะนาวโห่วได้ไหมบนสังคมออนไลน์แชร์เตือนว่า หญิงตั้งครรภ์ห้ามกิน “มะม่วงหาวมะนาวโห่” เพราะอาจจะทำให้ถึงขั้นแท้งลูกได้ สรุป : ไม่จริง ❌ อย่าแชร์
เลือดจางกินมะม่วงหาวมะนาวโห่ได้ไหมธาตุเหล็กในผลมีส่วนช่วยรักษาโรคเบาหวาน (ผล) มีส่วนช่วยรักษาโรคโลหิตจาง (ผล) น้ำของผลสามารถนำมาใช้ปรุงอาหารแทนมะนาวได้
ควรกินมะม่วงหาวมะนาวโห่อย่างไรมะม่วงหาวมะนาวโห่ ประโยชน์มากมายแต่ก็มีเวลาเฉพาะที่เหมาะสำหรับรับประทาน คือในช่วงเช้า หรือก่อนนอนเพื่อช่วยในการดูดซึมของสารอาหารไปใช้ในแต่ละส่วนของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ควรทานควบคู่กับยาอื่น ๆ เพราะอาจจะไปลดความสามารถในการดูดซึมสรรพคุณของยา อีกทั้งยังอาจส่งผลข้างเคียงต่อผู้ที่รับประทาน
|