บทนี้ก็เขียนโดยความสะเทือนใจกวี ซึ่งหมายถึงความรู้สึกอันเต็มตื้น จะนึกจะคิดอย่างไร ก็มีลักษณะเลิศลอยพิสดาร ไม่ต้องคำนึงถึงเหตุผล คือคิดไปโดยทางจินตนาการอันฟุ้งซ่าน ในที่นี้ต้องเข้าใจว่า นายนรินทร์ ไม่อยากให้เมียอยู่บนพื้นดินเลย (ในขณะที่ตัวจากไป) เพราะนางนั้นงามเป็นขวัญตาของโลก จึงคิดจะเอานางไปแขวนไว้เสียในท้องฟ้า แต่ฟ้าก็ไม่มีกิ่ง (เหมือนกิ่งไม้) จึงคิดไปไม่สำเร็จ คำว่ากิ่งโพยม (กิ่งฟ้า) นั้นเป็นจินตนาการอย่างหนึ่ง Show ศัพท์…. ๑๐. โฉมควรจักฝากฟ้า……ฤาดิน ดีฤา โคลงบาท ๒ นั้น กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ทรงวิจารณ์ว่า ธรณินทร์ นั้นแปลว่าพระเจ้าแผ่นดิน นายนรินทร์เห็นจะไม่กล้า กล่าวว่าเกรงพระพุทธเลิศหล้าฯ (รัชกาลที่ ๒) จะทรงลอบกล้ำเมียของแก เห็นจะหมายเอาเพียงเทวดาดิน คือ ภูมิเทวดาและพฤกษเทวดาเป็นต้น เท่านั้นเอง (ตรงนี้ก็เป็นเพียงเดาใจนายนรินทร์) แต่กรมหมื่นพิทยาฯ ยังทรงวิจารณ์ต่อไปอีกว่า ถ้านายนรินทร์มิได้มุ่งจะให้หมายถึงพระเจ้าแผ่นดิน เหตุใดจึงเขียน ธรณินทร (ธรณี+อินทร) ซึ่งอาจแปลได้ว่า พระเจ้าแผ่นดิน คือ พระพุทธเลิศหล้า หรือบางทีนายนรินทร์จะเขียน ธรณิน (คือ ธรณี) แต่หากคนคัดลอกตกเติมเสียใหม่เป็น ธรณินทร บทนี้เป็นพรรณนาโวหารพูดถึงความงามของหญิงคนรักของนายนรินทร์…ต้องเข้าใจว่าเป้นการพูดเกินจริงในเชิงกวี เท่านั้น ๑๑. ฝากอุมาสมรแม่แล้…..ลักษมี เล่านา ศัพท์…. โคลงบทที่ ๑๐ – ๑๑ นี้นับได้ว่าเป็นเอกในเชิงคารมโวหาร เราจะเห็นได้ว่า นายนรินทรคิดจะฝากเมียกับฟ้าดิน พระอุมา พระลักษมี แต่ก็มีความวิตก ไม่เชื่อใจทั้งนั้น จึงนึกไปทั่วทั้ง ๓ ภพ ก็ไม่เห็นที่ที่จะไว้ใจได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เห็นจะหมดหนทาง แต่แล้วนายนรินทร ก็หวนกลับมาอย่างที่เราคิดไม่ถึงว่าฝากใครก็ไม่ดีเท่ากับฝากไว้กับนางเอง คือถ้านางรักษาตัวนางได้แล้วก็ดีกว่าที่จะฝากใครทั้งหมด ความคิดดังนี้พบในโคลงกำสรวลสมุทร เป็นครั้งแรกว่า ๐ โฉมแม่ฝากน่านน้ำ…….อรรณพ แลฤๅ ดังนี้ทำให้เข้าใจว่า นายนรินทรจะเลียนบทกำสรวลสมุทร (แต่เป็นเพียงสันนิษฐานเท่านั้น) ๑๒. บรรจถรณ์หมอนม่านมุ้ง..เตียงสมร ศัพท์…. บทนี้ก็เขียนจากอารมณ์กวี ด้วยนายนรินทรพูดกับที่นอน เตียง ม่าน คล้ายกับสิ่งเหล่านี้จะมีวิญญาณเข้าใจได้ นึกดูก็ไม่หน้าเป็นไปได้ที่คนจะพูดกับสิ่งไม่มีชีวิตเช่นนั้น แต่อย่าลืมว่า คนเราเมื่อเกิดความรู้สึกแรงกล้านั้นอาจจะพูดกับอะไรได้ทั้งนั้น ๑๓. สงสารเป็นห่วงให้…….แหนขวัญ แม่ฮา บทนี้ยังสงสัยบาท ๓ เพราะ เกศีนี่ คำว่า นี่ ไปเข้ากับคำ เกศี นั้น ไม่ใช่ลักษณะคำของกวี เพราะคำ นี่ เป็นคำสามัญเกินไป กรมหมื่นพิทย ฯ เข้าพระทัยว่าโคลงบาท ๓ น่าจะเป็น ศัพท์…. ๑๔. เรียมจากจักเนิ่นน้อง…จงเนา นะแม่ ถอดความ…. ศัพท์…. ๑๕. ลงเรือเรือเคลื่อนคว้าง..ขวัญลิ่ว แลแม่ ตอนนี้ผู้อ่านควรจะนึกเห็นภาพว่านายนรินทร์ลงเรือ เป็นลำทรงของกรมพระราชวังบวร ฯ ก็ได้ ด้วยนายนรินทร์เป็นมหาดเล็ก และเมียนายนรินทร์คงจะมาส่งที่ท่าด้วย จึงหันมาสั่งด้วยสายตาอีก ทีหนึ่ง และนายนรินทร์คงนึกสงสารเมียที่มีหน้าตาเศร้าสร้อย พรรณนาความรู้สึกตอนเรือออก บาท ๒ – ๓ ว่า ๑๖. ออกจากคลองขุดข้าม…ครรไล บทนี้ยังพรรณนาความอาลัย เปรียบเทียบการเด็ดใจ คือ ตัดใจจากมานั้น เหมือนกับเด็ดบัว ไม่ขาดง่ายๆมีใยติดอยู่ อก คือ ตัว ใจ คือ ความคิด หมายความว่าจากมาแต่ตัวเท่านั้น ใจ (ความคิด) ยังคงอยู่ที่นาง ๑๗. บรรลุอาวาสแจ้ง……..เจ็บกาม บทนี้เล่นคำ ศัพท์… ๑๘. มาคลองบางกอกกลุ้ม…กลางใจ บทนี้เล่นคำ กอก ๑๙. ชาวแพแผ่แง่ค้า……..ขายของ บาท๑….บาทนี้เป็นที่สงสัยกันมาก แม้กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ก็ไม่กล้าทรงตัดสินเด็ดขาด คำที่ก่อให้สงสัยคือ แง่ ที่แปลว่า ชั้นเชิง แง่งอน หรือ แผงที่ยื่นออกมานอกแพ เพื่อตั้งของขาย กรมหมื่นพิทยาฯ ว่าพวกชาวแพคงไม่ทำชั้นเชิงแง่งอนกับพวกที่มาในกระบวนทัพ ในต้นสมุดไทยบางฉบับเขียนว่า “ชาวแพแพแม่ค้า ขายของ” ศัพท์…. ๒๐. วัดหงส์เหมราชร้าง……รังถวาย นามแฮ บาท๑….วัดหงส์นี้ พญาหงส์ทองทิ้งรังไว้ ถวายเป็นนามอาราม ศัพท์…. ๒๑. สังข์กระจายพี่จากเจ้า..จอมอนงค์ ถอดความ… ศัพท์… ๒๒. จากมามาลิ่วล้ำ……….ลำบาง ถอดความ… ศัพท์… ๒๓. มาด่านด่านบ่ร้อง……..เรียกพัก พลเลย โคลงบาท ๓ – ๔ เป็นคำกล่าวตามทำนองกวี เป็นภาพพจน์ บาท ๓ ว่า ที่ตาของพี่หลั่งน้ำตาออกมาแล้วนั้น ถ้าจะตวงดูก็คงท่วมถิ่นฐานแถวนี้ คำว่า ตวงย่าน ในบางเล่มเขียนว่า เต็มย่าน ศัพท์… ๒๔. นางนองชลน่านไล้…..ลบบาง ตอนนี้เดินทางมาถึงตำบลนางนอง และเห็นน้ำขึ้นท่วมฝั่ง น้ำที่ไหลบ่าไปนั้น เปรียบเหมือนหนึ่งน้ำตาของนางไหลอาบแก้มทั้งสองของนางให้คล้ำไป แล้วก็เลยคิดไปถึงเมื่อนายนิรนทรจะจากนางมานั้น ได้มีความโศกเศร้าเป็นนักหนา ได้พูดจากปลอบโยนมากมาย และนายนรินทรได้จูบหน้าของนางซึ่งกำลังนองไปด้วยน้ำตา ๒๕. บางขุนเทียนถิ่นบ้าน…นามมี โคลงบทนี้กรมหมื่นพิทยาฯ ว่าไพเราะมาก คือ งามทั้งความ ทำนอง และ เสียงของโคลง คำว่า “พระสุริยลี – ลาโลก” นั้นก็เป็นโวหารที่ดี คำว่า ลา นั้นใช้กับคน ที่ให้เป็นกริยาของ พระสุริย นั้น ก็โดยจินตนาการว่า เมื่อตะวัจะจากโลกก็คงได้ลาโลกไปเช่นเดียวกับคน ตามความหมายว่า พระอาทิตย์ตกนั่นเอง ๒๖. ปานนี้มาโนชญ์น้อย….นงพาล พี่เอย โคลงบทนี้คาบเกี่ยวกับบทที่ ๒๕ คือ นายนรินทรหวนคิดไปถึงที่บ้านว่ากำลังทำอะไรอยู่ ศัพท์… ๒๗. คิดไปใจป่วนปิ้ม……..จักคืน บทนี้เล่นคำ ใจ การเล่นคำนี้เป็นวิธีการแต่งอย่างหนึ่งของกวี ที่จะให้เกิดความไพเราะ คมคาย หรือสะดุดใจ ๒๘. มิตรใจเรียมจอดเจ้า…จักคิด ถึงฤา ถอดความ… ศัพท์… ๒๙. ไปศึกสุดมุ่งม้วย……..หมายเป็น ตายเลย บาทที่ ๑…..ไปรบศึกนั้นจะอยู่หรือจะตาย สุดจะเอาเป็นที่แน่นอนได้ ศัพท์… ๓๐. เรือมามาแกล่ใกล้……บางบอน นายนรินทรมาถึงตำบลบางบอน พอนึกถึงคำว่า บอน ก็นึกถึง คัน (ซ่านไส้) บาท ๓ นั้น บางท่านแปลว่า พี่จากมาดังนี้เท่ากับทิ้งนางอันเป็นรักเสมอชีพไว้ แต่คำว่า คาย นั้นอาจเป็น ระคายก็ได้ เพราะถ้า คาย แปลว่า ทิ้ง จาก นายนรินทรจะต้องใช้ จาก ถึง ๒ คำ ซึ่งเป็นความอย่างเดียวกันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น จึงอาจแปลได้อีกนัยหนึ่งว่า การที่พี่ต้องจากนางอันเป็นที่รักเสมอชีวิตครั้งนี้ ให้รู้สึก ระคาย เคือง ในใจด้วยเรื่องนางนั้น ๓๑. บางกกกลกล่อมแก้ว..กับแด ตอนนี้เดินทางถึงบางกก ให้สังเกตว่านายนรินทร์มีวิธีแต่งโดยเอาชื่อตำบลมาคาบเกี่ยวกับเรื่องของตนบ่อยๆ อย่างนี้เป็นวิธีนิราศซึ่งนักนิราศนิยมเขียนกันมาก ศัพท์…. ๓๒. หัวกระบือกบินทรราชร้า…รณรงค์ แลฤา บทนี้ กรมหมื่นพิทยาฯ ว่าเป็นโคลงที่ดีเยี่ยมบทหนึ่งของ นายนรินทร แต่พระองค์ท่านสงสัยคำว่า กบินทร ซึ่งแปลว่า พญา-ลิง (หมายถึงพญาพาลี) ถ้าเป็นดังนี้ คำว่า กบินทรราชก็กลายเป็น พญา ซ้อนกันสองคำ ท่านว่า ตามฉบับสมุดไทยเขียน กบิล แปลว่า ลิง กบิลราช แปลว่า พญาลิง ศัพท์… ๓๓. โคกขามดอนโคกคล้าย…สัณฐาน โคลงบทนี้ยากที่จะแปลให้ชัดเจนลงไป และสงสัยว่าคล้ายสัณฐาน นั้น สัณฐานอะไร ? ในบทกวีที่คาบเกี่ยวไปในเชิงพิศวาส หรือที่กวีแต่ก่อนเรียกว่า บทสังวาส นั้น ถ้าจะแปลเป็นคำร้อยแก้ว ก็เสีย และอาจกลายเป็นคำหยาบก็ได้ ในโคลงบทนี้ นายนรินทรก็ตั้งใจเขียนเรื่องที่คิดในใจ มิได้กล่าวชัดแจ้งออกมา แล้วแต่ผู้อ่านจะนึกตีความ ถ้าเราจะเอาโคลงมาแยกแยะแจกแจงออกไปก็หมดรส เปรียบเหมือนเขาร้อยพวงมาลัยสวยๆ ถ้าเราไปรื้อเอาดอกไม้มาพิจารณาเป็นดอกๆ พวงมาลัยนั้นก็หมดสภาพเป็นพวงมาลัยอันสวยงาม กลายเป็นดอกไม้ที่กระจัดกระจาย ตามความในโคลงนี้ควรจะเป็นว่า ศัพท์… ๓๔. มาคลองโคกเต่าตั้ง….ใจฉงาย ตอนนี้มาถึงคลองโคกเต่า แต่นายนรินทรว่า ไม่เห็นมีเต่าอย่างชื่อโคกนั้นเลย ความแบบนี้กวีชอบเขียน เช่น สุนทรภูว่า “วัดนางชีมีแต่พระสงค์ ไม่เห็นองค์นางชีอยู่ที่ไหน” ศัพท์… ๓๕. มหาชัยชัยฤกษ์น้อง…นาฎลง โรงฤา โคลงบทนี้ความคิดที่แสดงออกมานั้นดีมาก และทำนองของโคลงก็ไพเราะ คำว่า ชเยศ ในบาท ๔ นั้นเกี่ยวกับคำอะไร พิจารณาเห็นว่าเกี่ยวกับคำ ชุม หรือ ชเยศชุม (มาประชุมกันเป็นมงคล) ถ้าจะเอาความหมายก็ว่า ประชุมกันอวยชัยให้พร ศัพท์… ๓๖. ท่าจีนจีนจอดถ้า………คอยถาม ใดฤา ความหมายในบาท ๑ อาจคิดได้ ๒ แง่ คือ มาถึง ตำบลท่าจีน แง่ที่ ๑…เห็นเรือพวกจีนจอดอยู่ (นายนรินทร) ก็สงสัยว่า จีนพวกนี้จอดเรือคอยถามเรื่องอะไรหรือ พิจารณาในโคลงบาท ๑ – ๔ ก็ควรจะหลับตาเห็นว่า นายนรินทรพบเรือพวกจีนจอดอยู่ เมื่อนายนรินทรไปถึง ครั้นแล้วเรือพวกจีนนั้นออกเดินทางสวนทางที่นายนรินทรมา นายนรินทรจึงเขียนในโคลว่า ขอให้จีนจงนำความไปบอกนางว่า เขากำลังรออยู่ที่ท่าจีน นายนรินทร์เดินทางตามเสด็จใครเพื่อไปสู้รบนายนรินทร์ธิเบศร์แต่งโคลงนิราศนรินทร์ในคราวตามเสด็จกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ไปปราบพม่าที่ยกมาตีเมืองถลางและชุมพร ในปีมะเส็ง พ.ศ. 2352 คราวเดียวกับที่พระยาตรัง กวีในสมัยรัชกาลที่ 2 อีกคนหนึ่งเดินทางไปทัพและแต่งนิราศถลางไว้
ผู้แต่งนิราศนรินทร์จากคนรักไปทำการใดผู้แต่ง นายนรินทร์ธิเบศร์ เป็นมหาดเล็กหุ้มแพร รับราชการวังหน้า ในสมัยรัชกาลที่ 2. สาเหตุที่แต่ง นายนรินทรธิเบศร์ ต้องการรำพึงรำพันถึงนางอันเป็นที่รัก ที่ต้องจากนางไปรบ เมื่อคราวตามเสด็จสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ ซึ่งทรงยกทัพไปปราบพม่าที่ยกมาตีเมืองถลางและเมืองชุมพร เมื่อ พ.ศ. 2352 ต้นสมัยรัชกาลที่ 2.
นิราศนรินทร์คำโคลงเกี่ยวข้องกับข้อใดนิราศนรินทร์คำโคลงเริ่มเรื่องด้วยร่ายสุภาพยอพระเกียรติพระมหากษัตริย์ แล้วกล่าวถึงความเจริญของบ้านเมือง จากนั้นจึงรำพันถึงการจากนางอันเป็นที่รักและพรรณนาสถานที่ที่ผ่านไป โดยนายนรินทรธิเบศร์ (อิน) ได้ออกเดินทางเริ่มต้นจากคลองขุดผ่านวัดแจ้ง คลองบางกอก (ใหญ่) วัดหงส์ วัดสังข์กระจาย บางยี่เรือ (คลอง) ด่านนางนอง บางขุนเทียน ...
สถานที่ใดไม่ได้กล่าวไว้ในโคลงนิราศนรินทร์สถานที่ใดไม่มีกล่าวไว้ในโคลงนิราศนรินทร์
วัดแหลม
|