วันขึ้นปีใหม่ คือวันที่ 1 มกราคม ของทุกปี แต่ทราบหรือไม่ว่าในอดีตประเทศไทยได้ปรับเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่มาหลายครั้ง จนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ใช้วันที่ 1 มกราคมเป็นวันขึ้นปีใหม่สากล และยังคงใช้วันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ไทย ไทยรัฐออนไลน์พาคุณย้อนรอยดูประวัติของวันขึ้นปีใหม่ไปพร้อมๆ กัน Show ประวัติวันขึ้นปีใหม่ของไทยวันขึ้นปีใหม่ในประเทศไทยได้ถูกปรับเปลี่ยนมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง ตามปฏิทินการเปลี่ยนแปลงนักษัตร และเดือนตามจันทรคติ ได้แก่ - วันขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) นิยมใช้วันขึ้นปีใหม่ในช่วงวันสงกรานต์ ดังนั้นจึงมีชาวไทยส่วนหนึ่งที่ยังยึดถือวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ไทยอยู่ เทศกาลวันปีใหม่ได้จัดเป็นวันเฉลิมฉลองในรูปแบบงานรื่นเริงครั้งแรกในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2477 เรียกว่าวันตรุษสงกรานต์ เหตุผลที่ราชการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็น 1 มกราคม ตามหลักสากล เพื่อยกเลิกการนับปีใหม่ของลัทธิพราหมณ์กับพระพุทธศาสนา โดยใช้วันขึ้นปีใหม่ตามหลักสากลทั่วโลกไม่ให้ขัดต่อหลักพระพุทธศาสนาด้านการนับวัน รวมถึงการฟื้นฟูวัฒนธรรม คตินิยม และจารีตประเพณีของชาติไทย วันขึ้นปีใหม่ มีความสําคัญอะไรบ้าง
เมื่อใกล้ถึงวันปีใหม่ เป็นโอกาสอันดีให้ทบทวนตัวเองในกิจกรรมที่ผ่านมาตลอดทั้งปี และวางแผนดำเนินงานต่างๆ ในปีต่อไป โดยถือเป็นโอกาสอันดีที่จะมอบกระเช้าปีใหม่เป็นของขวัญให้กับผู้ที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจมาตลอดทั้งปี วันขึ้นปีใหม่มีความสำคัญดังนี้ 1. เริ่มต้นนับปีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามปีปฏิทินในประมวลรัษฎากร กิจกรรมวันขึ้นปีใหม่ที่ยึดถือปฏิบัติ
กิจกรรมวันปีใหม่จากการเฉลิมฉลองของประชาชน นิยมแลกของขวัญแก่กัน และเดินทางไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ รวมถึงจัดเตรียมอาหารฉลองกันในครอบครัว รวมถึงจัดงานเลี้ยงในองค์กร เมื่อถึงวันขึ้นปีใหม่ประชาชนมักปฏิบัติ ดังนี้ 1. ทำบุญ ตักบาตร เข้าวัด หรือปฏิบัติพิธีกรรมตามศาสนาของตน จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วันขึ้นปีใหม่ เป็นเวลาที่ปฏิทินปีใหม่เริ่มต้นและนับปีปฏิทินเพิ่มขึ้นหนึ่งปี วันขึ้นปีใหม่ในปฏิทินกริกอเรียนที่ใช้กันทั่วโลกปัจจุบัน ตรงกับวันที่ 1 มกราคม อนึ่ง เทศกาลปีใหม่ อาจหมายถึงวันที่นับจากวันหยุดวันแรกในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมปีก่อน จนถึงวันหยุดสุดท้ายในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม สำหรับชาวคริสต์จะหยุดตั้งแต่คริสต์มาสไปจนถึงวันขึ้นปีใหม่ รวม 8 วัน ประวัติวันปีใหม่มีประวัติความเป็นมาซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและความเหมาะสม ตั้งแต่ในสมัยเริ่มแรกเมื่อชาวบาบิโลเนียเริ่มคิดค้นการใช้ปฏิทิน โดยอาศัยระยะต่าง ๆ ของดวงจันทร์เป็นหลักในการนับ เมื่อครบ 12 เดือน ก็กำหนดว่าเป็น 1 ปี และเพื่อให้เกิดความพอดีระหว่างการนับปีตามปฏิทินกับปีตามฤดูกาล จึงได้เพิ่มเดือนเข้าไปอีก 1 เดือน เป็น 13 เดือนทุก 4 ปี ต่อมาชาวอียิปต์ ชาวกรีก และชาวเซมิติก ได้นำปฏิทินของชาวบาบิโลเนียมาดัดแปลงแก้ไขอีกหลายคราวเพื่อให้ตรงกับฤดูกาลมากยิ่งขึ้นจนถึงสมัยของกษัตริย์จูเลียส ซีซาร์ ได้นำความคิดของนักดาราศาสตร์ชาวอะเลกซานเดรียชื่อ เฮมดัล มาปรับปรุง ให้ปีหนึ่งมี 365 วัน ในทุก ๆ 4 ปี ให้เติมเดือนที่มี 28 วัน เพิ่มขึ้นอีก 1 วัน เป็น 29 วัน คือเดือนกุมภาพันธ์ เรียกว่า ปีอธิกสุรทิน เมื่อเพิ่มในเดือนกุมภาพันธ์มี 29 วันในทุก ๆ 4 ปี แต่วันในปฏิทินก็ยังไม่ค่อยตรงกับฤดูกาลนัก คือเวลาในปฏิทินยาวกว่าปีตามฤดูกาล เป็นเหตุให้ฤดูกาลมาถึงก่อนวันในปฏิทิน วันที่ 21 มีนาคมตามปีปฏิทินของทุกปี จะเป็นช่วงที่มีเวลากลางวันและกลางคืนเท่ากัน คือเป็นวันที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงทิศตะวันออก และลับลงตรงทิศตะวันตกพอดี เรียกว่า วสันตวิษุวัต แต่ในปี ค.ศ. 1582 (ตรงกับ พ.ศ. 2125) วสันตวิษุวัตกลับไปเกิดขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม แทนที่จะเป็นวันที่ 21 มีนาคม ดังนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 13 จึงปรับปรุงแก้ไขโดยหักวันออกไป 10 วันจากปีปฏิทิน และให้วันหลังจากวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1582 แทนที่จะเป็นวันที่ 5 ตุลาคม ก็ให้เปลี่ยนเป็นวันที่ 15 ตุลาคมแทน (เฉพาะปีดังกล่าว) ปฏิทินแบบใหม่นี้จึงเรียกว่า ปฏิทินเกรโกเรียน จากนั้นได้ปรับปรุงประกาศใช้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันเริ่มต้นของปีเป็นต้นมา การเฉลิมฉลองและประเพณีทั้งดั้งเดิมและสมัยใหม่วันสิ้นปีดูบทความหลักที่: วันสิ้นปี วันแรกของเดือนมกราคมหมายถึงการเริ่มต้นปีใหม่ หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งการรำลึกถึงปีที่ผ่านมา รวมถึงทางวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ซึ่งจะเริ่มในต้นเดือนธันวาคม ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก สื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ มีบทความส่งท้ายปลายปีที่รวบรวมการเปลี่ยนแปลงในช่วงปีที่แล้ว ในบางกรณี สื่อสิ่งพิมพ์อาจกำหนดงานตลอดทั้งปีด้วยความหวังว่าควันที่ปล่อยออกมาจากเปลวไฟจะนำชีวิตใหม่มาสู่บริษัท นอกจากนี้ยังมีบทความเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตามแผนหรือคาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า วันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองทางศาสนา แต่ตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1900 เป็นต้นมา ก็ได้กลายเป็นโอกาสเฉลิมฉลองในคืนวันสิ้นปี ในวันที่ 31 ธันวาคม โดยมีงานเฉลิมฉลองในที่สาธารณะ (ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการแสดงดอกไม้ไฟ) และประเพณีอื่น ๆ ที่มุ่งเน้นไปที่เวลาเที่ยงคืนและปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง บริการยามค่ำคืนยังคงเป็นที่สังเกตในหลายครั้ง[1] วันขึ้นปีใหม่การเฉลิมฉลองและกิจกรรมที่จัดขึ้นทั่วโลกในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่โดยทั่วไป เช่น การเดินขบวนพาเหรดสำคัญในหลายแห่ง การกระโดดแบบหมีขั้วโลก โดยชมรมหมีขั้วโลกในเมืองทางซีกโลกเหนือหลายแห่ง และการแข่งขันกีฬาสำคัญในสหราชอาณาจักรและสหรัฐ วันขึ้นปีใหม่ในปฏิทินอื่น ๆ
อ้างอิง
|