ฉันท์ คำประพันธ์ประเภทฉันท์นี้ไทยได้แบบ อย่างมาจากคัมภีร์วุตโตทัย ซึ่งเขียนไว้เป็นภาษา บาลี สันสกฤต แต่ไทยเรานำมาคัดเลือกและ ดัดแปลงใช้ให้เข้ากับลักษณะของภาษาไทย มี การเติมสัมผัสให้ไพเราะเพราะพริ้งยิ่งขึ้น ในที่นี้ จะนำเสนอฉันท์เพียง ๔ ชนิด พอเป็นตัวอย่าง สำหรับผู้สนใจดังต่อไปนี้ Show
วิชชุมมาลา แปลว่า ระเบียบสายฟ้า หมายถึง ฉันท์ที่มีลีลาอย่างสายฟ้าแลบ คณะและพยางค์ ฉันท์บทหนึ่งมี ๔ บาท บาทละ ๒ วรรค วรรคละ ๔ คำ ๒ วรรคเป็น ๘ คำ จึงเขียน ๘ หลังชื่อวิชชุมมาลาฉันท์ วิชชุมมาลาฉันท์นี้คล้ายกาพย์สุรางคนางค์ เพียงแต่เพิ่มวรรคต้นขึ้นอีก ๑ วรรคเท่านั้น รวม ทั้งบทมี ๔ บาท ๘ วรรค ส่วนกาพย์สุรางคนางค์มีเพียง ๗ วรรค สัมผัส สัมผัสบังคับดูได้จากแผนตามเส้นโยง สัมผัส และจากตัวอย่างคำที่สัมผัสกันใช้วงกลม สีเข้ม คำครุ คำลหุ บังคับครุ ล้วนทุกวรรค ( ั หรือ ครุ) อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑อินทร- วิเชียร แปลว่า เพชรพระอินทร์ หมายถึง ฉันท์ ที่มีลีลาอย่างเพชรของพระอินทร์ คณะและพยางค์ ฉันท์บทหนึ่งมี ๒ บาท บาทละ ๒ วรรค วรรคต้นมี ๕ คำ วรรคท้ายมี ๖ คำ รวมบาท ละ ๑๑ คำ จึงเขียน ๑๑ ไว้ท้ายชื่อฉันท์ สัมผัส สัมผัสบังคับดูได้จากแผนตามเส้นโยง สัมผัส และจากตัวอย่าง คำครุ คำลหุ บังคับครุ ลหุ ตามที่เขียนไว้ใน แผน และตามตัวอย่าง ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ภุชงคประยาต แปลว่า งูเลื้อย หมายความว่า ฉันท์นี้มีลีลาอย่างงูเลื้อย คณะและพยางค์ ฉันท์บทหนึ่งมี ๒ บาท บาทละ ๒ วรรค วรรคต้นและวรรคท้าย มีวรรคละ ๖ คำเท่ากัน รวม ๒ วรรคเป็น ๑๒ คำ จึง เขียน ๑๒ ไว้ท้ายชื่อฉันท์ สัมผัส สัมผัสบังคับดูได้จากแผนตามเส้นโยง สัมผัส และจากตัวอย่าง คำครุ คำลหุ บังคับครุ ลหุ ตามที่เขียนไว้ใน แผนและตามตัวอย่าง วสันตดิลกฉันท์ ๑๔วสันตดิลก แปลว่า รอยแต้มที่กลีบเมฆ ในฤดูฝน น่าจะหมายถึง ฉันท์อันมีลีลาว่า ฤดูฝนได้เริ่มต้นแล้ว คณะและพยางค์ ฉันท์บทหนึ่งมี ๒ บาท บาทหนึ่งมี ๒ วรรค วรรคต้นมี ๘ คำ วรรคท้ายมี ๖ คำ รวมทั้งบาทมี ๑๔ คำ สัมผัส สัมผัสบังคับดูได้จากแผนตามเส้นโยง สัมผัส และจากตัวอย่างคำที่สัมผัสกันใช้วงกลม สีเข้ม คำครุ ลหุ บังคับ ครุ และลหุ ตามที่เขียนไว้ ในแผน ฉันท์ยังมีอีกหลายชนิดที่มิได้นำมาเสนอ ไว้ ณ ที่นี้ หากเยาวชนผู้ใดสนใจ อาจศึกษา เพิ่มเติมจากตำราฉันทลักษณ์ของพระยาอุปกิต ศิลปสาร หรือจากหนังสือเรียนภาษาไทย การเขียน ๒ (ท.๐๔๒ ชั้น ม.ปลาย โรงพิมพ์อักษรเจริญทัศน์) จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ฉันท์ เป็นลักษณ์หนึ่งของการประพันธ์ประเภทร้อยกรองในวรรณคดีไทยที่บังคับเสียงหนัก - เบาของพยางค์ ที่เรียกว่า ครุ - ลหุ ฉันท์ในภาษาไทยรับแบบมาจากประเทศอินเดีย ตำราฉันท์ที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดียเป็นภาษาสันสกฤต คือ ปิงคลฉันทศาสตร์ แต่งโดยปิงคลาจารย์ ส่วนตำราฉันท์ภาษาบาลีเล่มสำคัญที่สุดได้แก่ คัมภีร์วุตโตทัยปกรณ์ ผู้แต่งคือ พระสังฆรักขิตมหาสามี เถระชาวลังกา แต่งเมื่อ พ.ศ. 1703 เป็นที่มาของ คัมภีร์วุตโตทัย ซึ่งเป็นต้นตำหรับการแต่งฉันท์ของไทย[1] เมื่อคัมภีร์วุตโตทัยแพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย กวีจึงได้ปรับปรุงให้เหมาะกับขนบร้อยกรองไทย เช่น จัดวรรค เพิ่มสัมผัส และเปลี่ยนลักษณะครุ-ลหุแตกต่างไปเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความไพเราะของภาษาไทยลงไป ฉันท์ ในคัมภีร์วุตโตทัยได้แปลงเป็นฉันท์ไทยครบทั้ง 108 ชนิด ในสมัยรัชกาลที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยนายฉันท์ ขำวิไล เป็นผู้ดัดแปลงเพิ่มเติมจนครบถ้วนและจัดพิมพ์รวมเล่มทั้งหมดในปี พ.ศ. 2474 ใช้ชื่อว่า ฉันทศาสตร์ นอกเหนือจากฉันท์ทั้ง 108 ชนิดดังกล่าวแล้ว กวีได้ทดลองประดิษฐ์ฉันท์ในรูปแบบใหม่ ๆ โดยดัดแปลงจากฉันท์เดิมบ้าง โดยเลียนเสียงเครื่องดนตรีบ้าง หรือโดยแรงบันดาลใจจากฉันท์ต่างประเทศ หรือชื่อบุคคลสำคัญบ้าง อย่างไรก็ตาม ฉันท์ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ล้วนจัดอยู่ในประเภทฉันท์วรรณพฤติทั้งสิ้น[2] ฉันท์ในคัมภีร์วุตโตทัย[แก้]มีทั้งสิ้น 108 ชนิด แบ่งเป็น ฉันท์วรรณพฤติ ซึ่งบังคับพยางค์ จำนวน 81 ชนิด กับ ฉันท์มาตราพฤติ ซึ่งบังคับมาตรา จำนวน 27 ชนิด ฉันท์วรรณพฤติ[แก้]ฉันท์วรรณพฤติ มีทั้งสิ้น 81 ชนิด บังคับจำนวนพยางค์ ตั้งแต่ บาทละ 6 พยางค์ ถึง 25 พยางค์ แต่ ฉันท์ที่คนไทยนิยมแต่ง มีเพียงไม่กี่ชนิด ได้แก่ จิตรปทาฉันท์ 8[แก้]หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอน ลักษณะครุ-ลหุเหมือนกับทุกบาท คือ ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
วิชชุมมาลาฉันท์ 8[แก้]วิชชุมมาลาฉันท์ มีความหมายว่า "ระเบียบแห่งสายฟ้า" ประกอบด้วยครุล้วน จึงใช้บรรยายความอย่างธรรมดา หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอน ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
มาณวกฉันท์ 8[แก้]มาณวกฉันท์ มีความหมายว่า "ประดุจเด็กหนุ่ม" ใช้แต่งบรรยายความที่รวดเร็ว หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 คำ ส่งสัมผัสแบบกลอน ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
ปมาณิกฉันท์ 8[แก้]หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอน ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาทคือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
อุปัฏฐิตาฉันท์ 11[แก้]หมายถึงฉันท์ที่กล่าวสำเนียงอันดังก้องให้ปรากฏ หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์ ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
อินทรวิเชียรฉันท์ 11[แก้]อินทรวิเชียรฉันท์ มีความหมายว่า "ฉันท์ที่มีลีลาดุจสายฟ้าของพระอินทร์" เป็นฉันท์ที่นิยมแต่งกันมากที่สุด มีลักษณะและจำนวนคำคล้ายกับกาพย์ยานี 11 แต่ต่างกันเพียงที่ว่าอินทรวิเชียรฉันท์ มีข้อบังคับ ครุและลหุ หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์ ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
อุเปนทรวิเชียรฉันท์ 11[แก้]หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์ ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
อุปชาติฉันท์ 11[แก้]หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์ ลักษณะครุ-ลหุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
สาลินีฉันท์ 11[แก้]หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์ ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
สวาคตาฉันท์ 11[แก้]หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 7 พยางค์ วรรคหลัง 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์ ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
วังสัฏฐฉันท์ 12[แก้]หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 7 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์ ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
อินทวงศ์ฉันท์ 12[แก้]หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 7 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์ ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
โตฎกฉันท์ 12[แก้]หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์ ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
ภุชงคประยาตฉันท์ 12[แก้]ภุชงคประยาตฉันท์ 12 มีความหมาย "งูเลื้อย" มีทำนองที่สละสลวย มักใช้แต่งกับเนื้อหาที่มีการต่อสู้ บทสดุดี บทชมความงาม บทถวายพระพร และบทสนุกสนาน นอกจักนั้นยังสามารถใช้แต่งบรรยายความให้รวดเร็วได้ หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์ ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
กมลฉันท์ 12[แก้]หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์ ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
วสันตดิลกฉันท์ 14[แก้]วสันตดิลกฉันท์ มีความหมายว่า "ฉันท์ที่มีลีลาดังจอมเมฆในฤดูใบไม้ผลิ (ฤดูฝน)" เป็นหนึ่งในฉันท์ที่นิยมแต่งกันมากที่สุด เนื่องจากอ่านแล้วฟังได้รื่นหู รู้สึกซาบซึ้งจับใจ มักใช้แต่งชมความงาม และสดุดีความรักหรือของสูง หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 14 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 8 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์ ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
มาลินีฉันท์ 15[แก้]ชื่อฉันท์แปลว่า ดอกไม้ เป็นฉันท์ที่แต่งยากแต่ทว่ามีความงามประดุจดอกไม้ ทำนองฉันท์สั้นกระชับในตอนต้น แล้วราบรื่นในตอนปลาย เป็นฉันท์ที่มีท่วงทำนองเคร่งขรึมน่ายำเกรง กวีมักใช้แต่งเพื่ออวดความสามารถในการใช้ศัพท์และเป็นเชิงกลบท หนึ่งบทมี 15 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรคแรก 8 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ วรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ครุ ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
ประภัททกฉันท์ 15[แก้]หนึ่งบทมี 15 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
วาณินีฉันท์ 16[แก้]หนึ่งบทมี 16 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 5 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
กุสุมิตลดาเวลลิตาฉันท์ 18[แก้]หนึ่งบทมี 18 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 11 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก ลักษณะครุ-ลหุ คือ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
เมฆวิปผุชชิตาฉันท์ 19[แก้]หนึ่งบทมี 19 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 12 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
สัททุลลวิกกีฬิตฉันท์ 19[แก้]สัททุลลวิกกีฬิตฉันท์ มีความหมาย "เสือผยอง" ใช้แต่งบทไหว้ครู บทโกรธ และบทยอพระเกียรติ หนึ่งบทมี 19 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 12 พยางค์ วรรคสอง 5 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 2 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก ลักษณะครุ-ลหุ คือ ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
อีทิสังฉันท์ 20[แก้]อีทิสังฉันท์ 20 เป็นฉันท์ที่มีจังหวะกระแทกกระทั้น ฉะนั้นจึงใช้แต่งบรรยายความรัก ความวิตก และความโกรธ หนึ่งบทมี 20 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 9 พยางค์ วรรคสอง 8 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก ลักษณะครุ-ลหุ คือ ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ ตัวอย่างคำประพันธ์
สัทธราฉันท์ 21[แก้]ฉันท์ที่มีลีลาวิจิตรประดุจสตรีเพศผู้ประดับด้วยพวงมาลัย หนึ่งบทมี 21 พยางค์ แบ่งเป็น 4 วรรค วรรแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 7 พยางค์ วรรคสาม 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก ลักษณะครุ-ลหุ คือ
ตัวอย่างคำประพันธ์
ฉันท์มาตราพฤติ[แก้]ฉันท์มาตราพฤติ เป็นฉันท์ที่บังคับมาตรา โดยกำหนดให้พยางค์เสียงหนักคือ พยางค์ครุเป็นพยางค์ละ 2 มาตรา ส่วนพยางค์เสียงเบา คือ พยางค์ลหุ เป็นพยางค์ละ 1 มาตรา ในคัมภีร์วุตโตทัยมีฉันท์มาตราพฤติ 27 ชนิด ตั้งแต่บทละ 45 มาตรา จนถึง 68 มาตรา แบ่งเป็น 4 พวกใหญ่ ๆ คือ อริยชาติฉันท์[แก้]มี ๗ ชนิด ได้แก่ อริยฉันท์, อริยสามัญญฉันท์, อริยปัฐยาฉันท์, อริยวิปุลาฉันท์, อริยจปลาฉันท์, อริยมุขจปลาฉันท์ และ อริยชฆนจปลาฉันท์ คีติชาติฉันท์[แก้]มี ๔ ชนิด ได้แก่ คีติฉันท์, อุปคีติฉันท์, อูคีติฉันท์ และอริยคีติฉันท์ เวตาฬิยชาติฉันท์[แก้]มี ๙ ชนิด ได้แก่ เวตาฬิยฉันท์, โอปัจฉันทสกะฉันท์, อาปาตลิฉันท์, ลักขณันตฉันท์, อุทิจจวุตติฉันท์, ปัจจวุตติฉันท์, ปวัตตกฉันท์, อปรันติกฉันท์ และจารุหาสินีฉันท์ มัตตาสมกชาติฉันท์[แก้]มี ๗ ชนิด ได้แก่ อจลฐิติฉันท์, มัตตาสมกฉันท์, วิสิโลกฉันท์, วานวาสิกฉันท์, จิตราฉันท์, อุปจิตราฉันท์ และปาทากุลกฉันท์ ฉันท์มาตราพฤติเป็นฉันท์ที่กำหนดมาตรา ไม่กำหนดคณะฉันท์ ผู้แต่งสามารถพลิกแพลงอักษรใช้ได้หลายแบบในมาตราที่กำหนด ทำให้ดูขาดระเบียบ และไม่กำหนดฉันทลักษณ์ที่แน่นอนลงได้ รวมทั้งกำหนดจังหวะอ่านลำบาก กวีจึงไม่นิยมใช้ฉันท์มาตราพฤติในงานกวีนิพนธ์ จะมีก็แต่ในตำราฉันท์ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเท่านั้น[2] ฉันท์ประดิษฐ์ขึ้นใหม่[แก้]การประดิษฐ์ฉันท์ใหม่ของกวีตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ปรากฏว่ามี 2 ลักษณะ[1]คือ
ฉันท์ที่ประดิษฐ์จากฉันท์เดิมในคัมภีร์วุตโตทัย[แก้]ฉันท์ที่ประดิษฐ์ขึ้นในสมัยอยุธยาและปรากฏชื่อในจินดามณี[แก้]มี ๓ ชนิด คือ วิเชียรดิลกฉันท์, ดิลกวิเชียรฉันท์ และโตฎกดิลกฉันท์
ฉันท์ที่ประดิษฐ์ในสมัยรัตนโกสินทร์[แก้]
ตัวอย่างวสันตวงศ์ฉันท์ 15
ตัวอย่างอินทรลิลาตฉันท์ 11
ตัวอย่างคำประพันธ์
ฉันท์ที่ประดิษฐ์ใหม่จากแหล่งที่มาอื่น[แก้]
อ้างอิง[แก้]
ข้อใดเป็นอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑อินทรวิเชียรฉันท์๑๑ หมายถึง เพชรของพระอินทร์ ซึ่งมีแสงสวยงามระยิบระยับ เป็นฉันท์ที่ไพเราะรองจากวสันตดิลกฉันท์สำหรับแต่งเรื่องโน้มน้าวจิตใจให้หวั่นไหว บังเกิดความเอ็นดู สงสาร เศร้าสลด หรือบรรยายความ คณะและพยางค์ บทหนึ่งมี ๒ บาท ๔ วรรค วรรคที่ ๑ มี ๕ คำ วรรคที่ ๒ มี ๖ คำ วรรคที่ ๓ มี ๕ คำ วรรคที่ ๔ มี ๖ คำ
อินทรวิเชียรฉันท์ 11 คล้ายกับอะไรอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ จะมีแบบแผนเหมือนกับ กาพย์ยานี ๑๑ แต่เพิ่ม ครุ, ลหุ เข้าไป อินทรวิเชียร แปลว่า เพชรพระอินทร์ หมายถึง ฉันท์ที่มีลีลาอย่างเพชรของพระอินทร์ นิยมใช้แต่งข้อความที่เป็นบทชมหรือบทคร่ำครวญนอกจากนี้ยังแต่งเป็นบทสวด หรือพากย์โขนด้วย
ข้อใดเป็นลักษณะบังคับของอินทรวิเชียรฉันท์ 11ลักษณะบังคับ
๑. บทหนึ่งมี๒ บาท หรือ ๔ วรรค วรรคหน้ามี๕ คา วรรคหลังมี๖ คา บาทหนึ่งมี๑๑ คา ๒. ครุ– ลหุและสัมผัส ตามแผนผัง และตัวอย่าง
ฉันท์1บทมีกี่วรรคฉันท์บทหนึ่งมี ๒ บาท บาทละ ๒ วรรค วรรคต้นและวรรคท้าย มีวรรคละ ๖ คำเท่ากัน รวม ๒ วรรคเป็น ๑๒ คำ จึง เขียน ๑๒ ไว้ท้ายชื่อฉันท์ สัมผัส สัมผัสบังคับดูได้จากแผนตามเส้นโยง สัมผัส และจากตัวอย่าง
|