ความหมายของการจัดองค์การ
#POL2301 - เป็นเสมือนกรอบงานสำหรับการบริหารในองค์การ - เป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงลักษณะของการมอบอำนาจหน้าที่การรับผิดชอบ - เป็นเครื่องกระตุ้นให้สมาชิกทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ - เป็นเครื่องช่วยในการประสานร่วมมือกัน 2. Henri Fayol ได้เสนอกิจกรรมบริหารและหน้าที่บริหารไว้ 5 ประการ - POCCC 1. P : Planning (การวางแผน) 2. O : Organizing (การจัดรูปแบบ) 3. C : Commanding (การสั่งการ) 4. C : Coordinating (การประสานงาน) 5. C : Controlling (การควบคุมบังคับบัญชา) 3. โครงสร้างขององค์การ หมายถึง สร้างแบบ(Pattern)ของความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบ(Component)ต่างๆขององค์การ เช่น สายการบังคับบัญชา, อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ, ช่วงการบังคับบัญชา, เอกภาพในการบังคับบัญชา เป็นต้น โครงสร้างขององค์การจะแสดงให้เห็นถึงกิจกรรมและความสัมพันธ์ในลักษณะต่างๆของหน่วยงานในองค์การ 4. อำนาจและหน้าที่ของหน่วยงานบังคับบัญชา - Power to Command เป็นหน้าที่อำนาจตามกระบวนการทางการ 5. Authority คือ - Power to Command อำนาจในการสั่งการของผู้บังคับบัญชา 6. การจัดการบังคับบัญชาที่ดี - จำนวนระดับชั้นของสายการบังคับบัญชาต้อง ไม่สั้นและไม่ยาวเกินไป - สายการบังคับบัญชาแต่ละสายควรจะต้อง ชัดเจนว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ - สายของการบังคับบัญชาแต่ละสาย จะต้องไม่สับสนหรือซ้ำซ้อนกัน 7. Functional Chart คือ - แผนภูมิที่เกี่ยวกับหน้าที่การงาน จัดขึ้นเพื่อความสะดวกแก่ความเข้าใจในกิจการและองค์การ 8. หน่วยงานหลัก คือ หน่วยงานปฏิบัติหน้าที่ตรงกับวัตถุประสงค์หลักขององค์การหรือหน่วยงานที่ปฏิบัติงงานขององค์การ หน่วยงานที่ปรึกษาหรือหน่วยงานสนับสนุน คือ หน่วยงานที่ช่วยเหลือส่งเสริม สนับสนุนงานหลักให้ดำเนินไปโดยบรรลุเป้าหมาย หน่วยงานอนุกร คือ หน่วยงานแม่บ้าน หมายถึง หน่วยงานที่ช่วยเหลือหน่วยงานหลักและหน่วยงานปรึกษา 9. ผู้ริเริ่มเผยแพร่แนวคิดในการบริหารที่เรียกว่า Human Relations Approach คือ Geoge Elton Mayo 10. สายการบังคับบัญชา คือ ความสัมพันธ์ตามลำดับขั้นตอนระหว่างผู้บังคับบัญชาในแต่ละองค์การเพื่อแสดงให้ทราบว่า สัมพันธภาพของการติดต่อส่งข้อความจากผู้บังคับบัญชาไปยังผู้ใต้บังคับบัญชานั้นมีการเดินทางอย่างเป็นทางการ 11. การจัดองค์การที่ถูกต้องเหมาะสมจะเกิดประโยชน์อย่างไร - ช่วยให้การบริหารต่างๆให้บรรลุเป้าหมาย - ช่วยแก้ปัญหาค้างคา - ช่วยแก้ปัญหาการทำงานซ้ำซ้อน - ช่วยให้สะดวกในการควบคุมและติดตามงานให้เกิดประสิทธิภาพ 12. การควบคุมงานที่มอบหมายไป (Proper Control) อาจทำได้โดย - ระมัดระวังมิให้มอบหมายงานมีลักษณะของการขาดลอย - ใช้วิธีการปรึกษาในเบื้องต้นก่อนทำการมอบหมายงาน - การให้คำถามเป็นครั้งคราว หรือ ผู้บริหารอาจตั้งคำถามในระหว่างกระบวนการปฏิบัติงาน - ใช้มีการเสนอเป็นครั้งคราวเมื่อเสร็จงาน 13. นักวิชาการกลุ่มคลาสสิก เชื่อว่า การแบ่งงานกันทำตามความชำนาญเฉพาะด้านเป็นปัจจัยที่มีผลโดยตรงในการช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานขององค์การและก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งนักวิชาการที่มีแนวคิดนี้ ได้แก่ Adam Smith , Fredorick W. Tayler , Max Weber. ส่วนนักวิชาการที่คัดค้านแนวคิดนี้ ได้แก่ George Elton Mayo , Koontz และ O’ Donnell 14. ผู้บริหารที่มีทัศนคติแบบ Recepliveness (ความเปิดกว้าง) คือผู้บริหารที่ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น โดยมักจะยินยอมให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีโอกาสแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆในการปฏิบัติงานได้เสมอ กรณีที่ความคิดเห็นนั้นมีความแตกต่างไปจากตน ถ้าหากเป็นเหตุเป็นผลกว่านี้ก็ยังยอมรับความคิดเห็นนั้นๆ โดยนำมาใช้ในการปฏิบัติงานด้วย 15. ข้อจำกัดของอำนาจหน้าที่ที่เป็นทางการมักขาดหายไป - พฤติกรรมกลุ่ม - ขนบธรรมเนียมประเพณีและศีลธรรมในสังคม - ข้อจำกัดด้านความด้อย ความสามารถของผู้ใต้บังคับบัญชา - สภาพทางภูมิศาสตร์ - หลักชีววิทยา ฟิสิกส์ เศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจ กฎหมาย นโยบาย 16. การจัดช่วงควบคุมหรือการบังคับบัญชาให้กว้างจะทำได้ในกรณี - เป็นงานที่อยู่ระดับต่ำๆขององค์การ - งานหรือกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายเป็นงานกิจกรรมธรรมดา ไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องอาศัยความละเอียด - ผู้ใต้บังคับบัญชามีความสามารถมาก ต้องการความเป็นอิสระในการปฏิบัติงาน - องค์การมีลักษณะการกระจายอำนาจมากกว่ารวมอำนาจ - ผู้บังคับบัญชามีจำนวนน้อยมากในองค์การ 17. การรวมอำนาจ คือ - การสงวนหรือรักษาอำนาจไว้ที่ส่วนกลางขององค์การอย่างเป็นระบบ - สภาวะองค์การซึ่งในระดับสูงๆของสายการบังคับบัญชาได้รวมอำนาจหน้าที่ไว้ เพื่อการตัดสินใจส่วนใหญ่จะได้กระทำในระดับสูง 18. ข้อเสียของการกระจายอำนาจ คือ - หากกระจายอำนาจมาก และดูแลไม่ทั่วถึงอาจเกิดปัญหาหรือผลเสียได้ - การไร้ความสามารถของผู้ใต้บังคับบัญชา หรือการเห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าองค์การ อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ - การกระจายเครื่องมือไปสู่หน่วยงานต่างๆอาจทำให้สิ้นเปลืองมาก 19. George Elton Mayo ได้ทำการวิจัยแบบทดลองที่เรียกว่า Hawthorne Study หรือ Hawthorne Experiment เพื่อหาผลลัพธ์ของการทำงานภายใต้ปัจจัยหรือเงื่อนไขทางกายภาพที่กำหนดขึ้น ทั้งนี้เพื่อพิสูจน์ความเชื่อที่ว่า “เมื่อเงื่อนไขในการทำงานได้รับการปรับปรุงให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดจะเป็นผลให้องค์การมีผลผลิตในการทำงานมากขึ้น” 20. แผนภูมิหรือแผ่นผังองค์การ มีดังนี้ - แผ่นภูมิขององค์การทั้งหมด (Over-All Organization Chart) คือ ภาพแสดงของโครงสร้างทั้งหมดขององค์การ เช่น การแสดงการแบ่งงานตามสายบังคับบัญชา - แผนภูมิเกี่ยวกับหน้าที่การงาน (Functional Chart) คือ แผนภูมิที่จัดทำขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกแก่การเข้าใจในกิจกรรมขององค์การ - แผ่นภูมิสถานที่ทำงาน (Space and Physical Layout) คือ แผ่นผังที่แสดงว่าที่ทำการหรือห้องทำงานขององค์การมีที่ไหนบ้าง - แผ่นภูมิแสดงความเคลื่อนไหวของงาน (Process of Work Flow Chart) คือ แผ่นภูมิที่แสดงว่างานต่างๆนั้นเริ่มจากผู้ใด ยุติลงที่ผู้ใด และมีความเคลื่อนไหวอย่างไร 21. วัตถุประสงค์ขององค์การ - เป้าหมายปลายทางขององค์การหรือจุดอ้างอิงในการพยายามดำเนินงานองค์การ - ประการแรกที่สำคัญมาก คือ การให้ความสนใจวัตถุประสงค์ส่วนบุคคลของเหล่าสมาชิก - ต่อจากนั้นจึงพัฒนาปรับปรุงวัตถุประสงค์ขององค์การ ได้ช่วยวัตถุประสงค์ของสมาชิกให้บรรลุเป้าหมาย - หากองค์การสร้างความพอใจให้สมาชิกได้มากเท่าไหร่ ก็จะนับว่าองค์การนั้นมีประสิทธิภาพมากๆตามไปด้วย 22. ประโยชน์ของการรวมอำนาจ - ก่อให้เกิดเอกภาพในการปกครองและบริหาร - ทำให้ทรพัยากรการบริหารรวมอยู่ในที่เดียวกัน - เกิดความรวดเร็วและความสะดวกในการบริหาร รวมทั้งประหยัดเวลา - ประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ - มีการประสานงานที่ดีทำให้องค์การบรรลุเป้าหมายได้ 23. ลักษณะและองค์ประกอบของสายบังคับบัญชา มี 3 ลักษณะ - ลักษณะของอำนาจหน้าที่ (Authority Aspect) - ลักษณะของความรับผิดชอบ (Responsibility Aspect) - ลักษณะของการติดต่อสื่อการ (Communication Aspect) 24. อำนาจหน้าที่อย่างเป็นทางการ (Formal Legal Authority) หรือที่เรียกว่าฃอำนาจที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้องในลักษณะสถาบัน (Institutionalized Authority) นั้นถือเป็นอำนาจขององค์การที่จัดตั้งขึ้นอย่างมีแบบแผนและเป็นทางการในทางกฎหมาย 25. ความรับผิดชอบ คือ พันธะหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับมอบหมายมาในการปฏิบัติงาน 26. องค์การปฐมภูมิ คือ องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) อบจ.สำนักงานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง องค์การทุตยภูมิหรือองค์การถาวร คือ กรมการปกครอง กรมพัฒนาชุมชน สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ธนาคารกรุงเทพ จุฬาลงกรณ์ 27. ระบบเปิด - ความต้องการที่จะวางแผนและจัดการ - ความต้องการที่จะอยู่รอด - ความต้องการที่จะรักษาเสถียรภาพของระบบให้มีความสมดุล - ความต้องการทางกลไกที่จะให้ข้อมูลข่าวสาร - ความต้องการที่จะปรับตัวและรักษาสถานภาพของระบบ - ความต้องการที่จะแก้ไขปัญหาความสับสน 28. Hawthorne Experiments คือ พบผลทางบวกจากกลุ่มต่างไม่ยอมแพ้กันละกัน 29. การแบ่งงานกันทำตามความชำนาญเฉพาะด้านมีประโยชน์ - ปัจจัยที่มีผลโดยตรงในการช่วยขยายความสามารถของมนุษย์ - ทำให้เกิดระบบการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ - ทำให้เกิดประสิทธิผล และ ประสิทธิภาพในการทำงาน - ช่วยแก้ปัญหาการทำงานซ้ำซ้อนกัน 30. Warren Bennis ได้เสนอให้ Ideal Bureaucracy -> ตัวระบบราชการ ของ Max Weber เป็น “Flexible Adhocracies” - การจัดโครงสร้างให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์หนึ่งๆดังนี้ 1. การกระจายอำนาจให้เป็นประชาธิปไตย 2. มีการจัดรูปแบบในลักษณะที่ยืดหยุ่น 3. เปลี่ยนจากการใช้อำนาจหน้าที่ (Authority) เป็นการใช้ความรู้ (Knowledge) หรือระบบผู้เชี่ยวชาญ 4. เน้นความสัมพันธ์ในแนวนอน 31. เหตุผลของการเกิดองค์การอรูปนัย ได้แก่ - เป็นการตอบสนองต่อความต้องการทางสังคม - ช่วยสร้างความรู้สึกที่ได้เป็นเจ้าของ - ค้นหาบุคคลที่มีพฤติกรรมคล้ายตน หรือการหาเพื่อน - เป็นที่ระบายความรู้สึก - เป็นโอกาสในการแสดงอิทธิพล - เป็นโอกาสในการแสดงออกทางวัฒนธรรมประเพณี - เป็นแหล่งในการข้อมูลข่าวสารและการติดต่อ 32. Educational Control เป็นการควบคุมแบบใด - เป็น Pre Control เป็นหนึ่ง · การควบคุมล่วงหน้า Pre Control อาจทำได้โดย 1. การวางแผนหรือการกำหนดโปรแกรมการทำงานไว้ล่วงหน้า (Programmed Control) 2. การจัดทำงบประมาณล่วงหน้า (Budgetary Control) 3. การให้การศึกษาและความรู้แก่ผู้ปฏิบัติการ (Educational Control) 33. นักวิชาการที่ถือกำเนิดก่อนกลุ่มอื่น คือ Scientific Management 1900 – 1930 : Classical Organization Theory ได้แก่ - Scientific Management - Bureaucratic Model - Administrative Theorists 34. คอขวด (Bottle Neck) คือ การค้างคาของงาน 35. รูปแบบทฤษฎีองค์การรูปสามเหลี่ยมพีระมิดของ Max Weber - การกำหนดสายการบังคับบัญชา - การกำหนดตำแหน่งและอำนาจหน้าที่ - การกำหนดระเบียบ และข้อบังคับที่แน่นอน - การแบ่งงานการทำเฉพาะด้าน - การจัดทำคู่มือการทำงาน และคำบรรยายลักษณะงาน - การกำหนดเอกภาพในการบังคับบัญชา - การคัดเลือกและเลื่อนขั้น - การมีระบบความสัมพันธ์ภายในองค์การอย่างเป็นทางการ 36. Management Science : MS คือ วิทยาการบริหาร - เป็นวิชาที่มุ่งเน้นการเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อนำไปใช้ในการบริหาร 37. แนวความคิดของ Max Weber , Henry Fayol เป็นระบบโครงสร้าง 38. Homeostasis คือ กลไกควบคุมโดยอัตโนมัติ 39. ข้อใดไม่เข้ากัน ?? |