ประเทศ ใด ต่อ ไป นี้ มีน้ำมันมากที่สุด

เวเนซุเอลาเป็นประเทศบนชายฝั่งทางเหนือของทวีปอเมริกาใต้ มีดินแดนราว 916,445 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรโดยประมาณ 33,221,865 คน แบบว่าประเทศเวเนซุเอลามีเนื้อที่ใหญ่กว่าประเทศไทยเราเกือบหนึ่งเท่าตัวแต่มีประชากรน้อยกว่าประเทศไทยตั้งครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

เดิมเวเนซุเอลาเป็นประเทศด้อยพัฒนา ปลูกแต่กาแฟและโกโก้เพื่อเป็นสินค้าขาออกเท่านั้น จนกระทั่งได้มีการค้นพบแหล่งน้ำมันดิบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปัจจุบันนี้ปรากฏว่าเวเนซุเอลาเป็นประเทศที่มีปริมาณน้ำมันดิบสำรองมากเป็นอันดับ 1 ของโลก คือมีถึง 297,740 ล้านบาร์เรล โดยมีซาอุดีอาระเบียตามมาเป็นอันดับ 2 โดยมีปริมาณน้ำมันดิบสำรอง 268,350 ล้านบาร์เรล ส่วนประเทศไทยของเราอยู่ในอันดับที่ 50 ของโลกนะครับ มีปริมาณน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 442 ล้านบาร์เรล

Advertisement

การค้นพบแหล่งน้ำมันดิบอย่างมหาศาลนี้เองทำให้ประเทศเวเนซุเอลาเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วแบบว่ารวยขึ้นอย่างกะทันหันความเป็นอยู่ของประชาชนก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในขณะเดียวกันก็ทำให้เวเนซุเอลาติดกับดักของการสูบน้ำมันขายเพียงอย่างเดียว ส่วนเศรษฐกิจภาคการเกษตร อุตสาหกรรม และการบริการจึงถูกปล่อยปละละเลยเพราะทำเงินได้น้อยสู้การขายน้ำมันไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ พ.ศ.2542 อดีตนายพลร่มชื่อ อูโก ชาเบซ ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเวเนซุเอลาด้วยการหาเสียงแบบใช้นโยบายประชานิยม และได้เริ่มดำเนินนโยบายจัดเก็บค่าภาคหลวงและภาษีเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจากธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมัน

ประเทศ ใด ต่อ ไป นี้ มีน้ำมันมากที่สุด
คนเข้าคิวยาวเป็นหลายกิโลเมตรเพื่อซื้ออาหาร

ต่อจากนั้นก็ทำการยึดสัมปทานน้ำมันและเปลี่ยนเงื่อนไขสัดส่วนการครองหุ้นให้มาอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทน้ำมันแห่งชาติเวเนซุเอลา คือ Petroleos de Venezuela, S.A. (PDVSA) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ และนำรายได้ของบริษัทที่ได้จากการขายน้ำมันไปอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันแบบว่าทำให้น้ำมันมีราคาถูกมากแทบจะใช้ฟรี

Advertisement

เช่น ราคาน้ำมันเบนซินเพียงลิตรละ 30-40 สตางค์เท่านั้น และรัฐบาลภายใต้การนำของนายอูโก ชาเบซ ก็ได้ใช้จ่ายเงินงบประมาณแบบประชานิยมอย่างไม่มีเหตุผล อาทิ แจกคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและเครื่องซักผ้าแก่ชาวบ้านฟรีเป็นจำนวนมาก และสร้างบ้านจัดสรรราคาต่ำขายให้กับประชาชน รวมทั้งสร้างคลินิกแพทย์ตามหมู่บ้านจัดสรรนี้โดยใช้แพทย์ชาวคิวบามาทำหน้าที่เป็นแพทย์ประจำรัฐบาลเวเนซุเอลา แทบไม่ได้ใช้เงินในการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของประเทศ เนื่องแม้เวเนซุเอลามีน้ำมันดิบสำรองมากกว่าใครก็ตาม แต่น้ำมันดิบส่วนใหญ่เป็นน้ำมันดิบที่มีความหนืดสูงมากกว่าปกติต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงมาทำให้น้ำมันดิบนั้นเป็นน้ำมันดิบชนิดเบา

ประเทศ ใด ต่อ ไป นี้ มีน้ำมันมากที่สุด
เมื่อเข้าร้านได้แล้วยังต้องต่อคิวเพื่อเข้าไปเอาของ

นอกจากนี้ บริษัทน้ำมันข้ามชาติหลายๆ แห่งก็ทยอยถอนทุนหรือชะลอการลงทุนเพราะความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาลเวเนซุเอลา ทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของประเทศเวเนซุเอลาจากที่เคยผลิตถึงระดับ 3.52 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจนเหลือเพียง 2.49 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปริมาณการผลิตที่ลดลงส่วนใหญ่มาจากน้ำมันดิบเบาซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบหนักพิเศษของประเทศ

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายควบคุมกิจการและราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ รวมถึงการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนที่มากเกินไปจนทำให้บริษัทเอกชนขาดแรงจูงใจ ในการลงทุนและไม่เกิดการแข่งขันส่งผลให้ภาคการผลิตได้ผลผลิตน้อยขณะที่มีความต้องการมาก ทำให้ผลผลิตบางส่วนมีการซื้อขายกันในตลาดมืด ในราคาที่สูงกว่าราคาที่ควบคุมตามร้านค้าทั่วไปหลายเท่า ส่งผลให้ขาดแคลน

สินค้าที่วางขายตามร้านค้าทั่วไปต้องนำเข้าสินค้าต่างๆ มากมายเข้ามาทดแทน ทำให้สูญเสียเงินตราไปต่างประเทศจำนวนมาก เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรงและส่งผลกระทบต่อค่าเงินในประเทศจนรัฐบาลเวเนซุเอลาต้องกู้เงินมาใช้จ่ายในนโยบายเหล่านี้ เกิดหนี้สินถึงขั้นต้องชดใช้หนี้เป็นน้ำมันดิบ ในที่สุดรัฐบาลจำเป็นต้องใช้ระบบจำกัดในการซื้อสินค้า โดยประชาชนต้องสแกนลายนิ้วมือและต่อคิวซื้อสินค้าเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าอีกด้วย

ประเทศ ใด ต่อ ไป นี้ มีน้ำมันมากที่สุด
ขนาดจำกัดการซื้อแล้วก็ยังไม่มีของจำเป็นขาด

จนถึงวันนี้ปัญหาล่าสุดของประเทศเวเนซุเอลาคือขาดแคลนน้ำมันดิบ และประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะในต่างจังหวัดขาดแคลนก๊าซหุงต้มที่ใช้ในครัวเรือนขนาดหนัก ทั้งๆ ที่เป็นประเทศที่มีปริมาณสำรองน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก

ที่เขียนมานี้นั้นอยู่ในช่วงเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วนะครับ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบ อยู่ที่ 100+ เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ปัจจุบันนี้ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 25-40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเท่านั้น

ครับ ! ในปัจจุบันนี้สิ่งที่เห็นอยู่ทั่วไปในประเทศเวเนซุเอลาคือการเข้าแถวเรียงสามยาวคดเคี้ยวเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรตั้งแต่เช้าจรดค่ำเพื่อเข้าไปหาซื้อสินค้าที่จะเอาไปทำเป็นอาหาร อาทิ แป้งข้าวโพด น้ำมันพืช หรือแชมพูสระผม หากหาได้ในซุปเปอร์มาร์เก็ต

ตอนนี้ทางเวเนซุเอลาก็ได้แต่หวังว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะขึ้นเป็นอย่างน้อย บาร์เรลละ 75 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาอยู่ที่บาร์เรลละ 35 เหรียญสหรัฐ (เมื่อไม่นานมานี้ราคาน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาตกต่ำลงเหลือ 25 เหรียญสหรัฐเท่านั้นเอง)

ในคุกของเวเนซุเอลาตอนนี้แน่นแบบมีแต่ที่ยืนเท่านั้นแล้วนะครับ หากปาฏิหาริย์อะไรไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ท่านผู้อ่านก็คงได้อ่านได้ดูข่าวจากเวเนซุเอลาอย่างถล่มทลายละครับ

ด้วยนโยบายประชานิยมสุดโต่งของอูโก ชาเบซ พนักงานจากบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลา หรือ Petróleos de Venezuela, S.A. เรียกสั้น ๆ ว่า PDVSA ก็ได้รวมตัวกันหยุดงานประท้วง เพื่อให้ อูโก ชาเบซ ลงจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับนโยบายของประธานาธิบดีคนนี้

แต่การประท้วงก็ไม่เป็นผล แถมมันยิ่งจุดชนวนให้อูโก ชาเบซ จอมเผด็จการ สั่งไล่พนักงานราว 18,000 คนออกจากบริษัท ซึ่งมีตั้งแต่พนักงานระดับปฏิบัติการ ผู้เชี่ยวชาญ ไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง

เท่านั้นยังไม่พอ อูโก ชาเบซ ยังได้นำบุคลากรในกองทัพ รวมถึงพวกพ้องที่เห็นดีเห็นงามกับตน เข้ามานั่งในตำแหน่งผู้บริหารอีกมากมาย ทั้ง ๆ ที่บุคคลเหล่านั้นไม่ได้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจน้ำมันเลย

อูโก ชาเบซ ออกคำสั่งบงการองค์กรตามใจชอบ ถึงขนาดที่ว่า “Screensaver” บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของบริษัทก็ยังถูกเปลี่ยนให้เป็นรูปของตัวเขาเอง..

อีกเรื่องสำคัญก็คือ น้ำมันดิบของเวเนซุเอลาส่วนใหญ่ถึง 77%
เป็น Extra-Heavy Crude Oil หรือ น้ำมันดิบชนิดหนักพิเศษ
ทำให้กระบวนการกลั่น ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและซับซ้อน จึงต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาลในการผลิต

เวเนซุเอลาจึงได้เริ่มเชิญชวนให้บริษัทน้ำมันชั้นนำจากต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น Total, Chevron, BP, ExxonMobil หรือ ConocoPhillips เข้ามาลงทุน

โปรเจกต์หลายหมื่นล้านบาท ถูกใช้ไปกับการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยีขั้นสูง
ในการเปลี่ยนจากน้ำมันดิบชนิดหนักพิเศษ ให้กลายเป็นเกรดที่สามารถส่งออกเพื่อขายได้

พอมาในปี 2007 เป็นช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น
ประกอบกับว่าบริษัทน้ำมันจากต่างชาติ ที่ลงทุนไปอย่างมหาศาลเริ่มเห็นผลกำไร
แต่อูโก ชาเบซ กลับแก้ไขข้อตกลงใหม่ ให้บริษัทน้ำมันต่างชาติควบรวมกับ PDVSA และต้องให้ PDVSA เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วย

บริษัท Total, Chevron และ BP ยอมรับข้อตกลง และทำโครงการต่อในเวเนซุเอลา
ในขณะที่บริษัท ExxonMobil และ ConocoPhillips ตอบปฏิเสธ และถอนทุนกลับประเทศไป
ส่งผลให้ทรัพย์สินของทั้งสองบริษัทถูกเวนคืน

นอกจากนั้นก็ยังมีอีกกว่า 70 บริษัทย่อย ๆ ที่อยู่ในซัปพลายเชน ก็ถูกรวมเข้ามาเป็นของรัฐด้วย

ในช่วงน้ำมันขาขึ้น เวเนซุเอลาสามารถทำกำไรได้มหาศาล แต่กำไรเหล่านั้น กลับถูกนำไปใช้กับนโยบายประชานิยมแบบสุดโต่ง เพื่อสร้างคะแนนเสียงให้กับผู้นำประเทศ และการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีแนวคิดทางการเมืองแบบเดียวกัน

ในขณะที่ธุรกิจน้ำมัน ที่เปรียบเสมือนเป็นเครื่องจักรผลิตรายได้เข้าประเทศ
กลับไม่ถูกให้ความสำคัญ โดยไม่ได้รับเงินไปลงทุนต่อยอด หรือพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ อะไรเลย

จนเมื่อเวลาผ่านไป กำลังการผลิตของบริษัทน้ำมันหลายแห่งก็ได้ลดน้อยลงเรื่อย ๆ และบริษัทน้ำมันก็เริ่มขาดทุนหนัก จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ต่อมาผู้รับเหมาก็เริ่มหยุดงาน เนื่องจากบริษัทน้ำมันมีหนี้ค้างชำระ

พนักงานถูกลดค่าตอบแทน หลายคนต้องลาออก ส่วนกลุ่มวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญระดับหัวกะทิต่าง ๆ ก็สมองไหล ย้ายออกไปทำงานนอกประเทศ

แท่นขุดเจาะ อุปกรณ์ และเครื่องจักรต่าง ๆ ถูกปล่อยทิ้งร้าง
แม้แต่วาล์วหรือท่อส่งน้ำมันก็ถูกขโมยไปหมด
น้ำมันถูกปล่อยให้รั่วไหล จนทะเลสาบบางแห่งถูกปกคลุมไปด้วยคราบน้ำมัน ชนิดที่ว่ามองเห็นได้จากภาพถ่ายดาวเทียม

สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อผู้คนโดยรอบ และกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้
เพราะวันดีคืนดีท่อส่งน้ำมันอาจจะระเบิดขึ้นมาก็ได้

มีการประเมินว่า ต้องใช้เงินลงทุนมากถึง 2.5 ล้านล้านบาท บวกกับระยะเวลาอีก 10 ปี
เวเนซุเอลาจึงจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิต จากวันนี้ที่ 0.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
เพื่อกลับไปอยู่ในจุดเดียวกันกับปี 1998 ที่ 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวันได้

แต่ด้วยปัญหาหนี้สินของประเทศ และวิธีการบริหารของรัฐบาลที่ผิดพลาด ไม่รู้ว่าจะถูกยึดกิจการเมื่อไร จึงทำให้ไม่มีประเทศไหนกล้าที่จะเข้ามาลงทุน และเป็นความท้าทายของเวเนซุเอลาที่จะต้องฟื้นกลับมาให้ได้อีกครั้ง

ประเทศอะไรน้ำมันมากที่สุด

ถ้านับปริมาณน้ำมันดิบสำรอง เวเนซุเอลา ถือว่ามีน้ำมันมากที่สุด ที่ 303,806 ล้านบาร์เรล รองลงมาคือ ซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน และคูเวต ส่วนรัสเซีย ซึ่งเผชิญการแบนนำเข้าน้ำมันจากชาติตะวันตก มีน้ำมันสำรองอยู่ที่ 80,000 ล้านบาร์เรล

ประเทศใดมีทรัพยากรน้ำมัน

สหรัฐอเมริกา 16.5 ล้านบาร์เรล/วัน ซาอุดีอาระเบีย 11 ล้านบาร์เรล/วัน รัสเซีย 10.7 ล้านบาร์เรล/วัน แคนาดา 5.1 ล้านบาร์เรล/วัน

เอเชียใดที่มีน้ำมันมากที่สุด

ภูมิภาคเอเชีย เป็นที่จับตามองจากทั่วโลกถึงพลังในการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และแน่นอน ผู้เล่นหลักในเอเชีย ที่ขยายความมั่งคั่งอย่างไม่สนใจประเทศอื่นๆเลย คือ “จีน” หากนับประเทศจีนเพียงแห่งเดียว 15 ปีที่ผ่านมา การบริโภคน้ำมันของพวกเขาเพิ่มขึ้นจาก 5.8 ล้าน เป็น 12.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือกว่า 200%