ลักษณะนิสัยของอุไร ใน ข้อใดที่สังคมไทยไม่ยอมรับมากที่สุด

๑.ตัวละคร

    -ประพันธ์  คือ  ตัวแทนชายหนุ่มไทยที่ไปศึกษาที่ต่างประเทศและได้ประทับใจในวัฒนธรรมของต่างประเทศอีกทั้งยังเปรียบ “รักไทยเหมือนพ่อแม่ รักเมืองอังกฤษเหมือนรักเมีย”เมื่อพบอุไรสาวไทยผู้ทันสมัยมีแนวคิดและมีค่านิยมแบบตะวันตกเต็มที่ประพันธ์จึงดูจะมีความสุขมากขึ้น และทั้งสองได้มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด จนอุไรตั้งครรภ์จึงต้องแต่งงานกันโดยเร็ว เวลาผ่านไปประพันธ์ได้รู้ว่าเข้าและอุไรไม่เหมาะสมกันและทั้งคู่ได้หย่ากัน ทำให้ประพันธ์ได้คิดว่า “ผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขานั้นไม่ใช่ผู้หญิงที่คร่ำครึอย่างแม่กิมเน้ย หรือทันสมัยอย่างแม่อุไร แต่ควรเป็นผู้หญิงที่มีลักษณะผสมผสานกันระหว่างความเป็นไทยกับความเป็นตะวันตก นั้นก็คือ ศรีสมาน

    -อุไร เป็นสาวทันสมัยใจตะวันตก และทำให้ประพันธ์ถูกใจและชื่นชมมาก จึงได้คบหาสมาคมสนิทสนมจนได้แต่งงานกัน หลังจากแต่งงานพฤติกรรมของอุไรก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง อุไรก็ยังไม่ได้ทำหน้าที่แม่บ้านและข่มขู่สามีดูถูกคนอื่น แม้กระทั่งหลังจากแท้งลูกจนถึงกระทั่งไปข้างแรมบ้านชายอื่น ทำให้ประพันธ์ขอหย่าอุไรจึงไปอยู่กับพระยาตระเวนนคร ซึ่งได้เรียกว่าเป็นชายชู้ ต่อมาได้หวนกลับมาขอคืนดีกับประพันธ์อีกเพราะถูกพระยาตระเวนนครทอดทิ้ง แต่ประพันธ์ปฏิเสธ อุไรจึงกลับไปอยู่บ้านพ่อและแต่งงานกับหลวงพิเศษพานิชพ่อค้าผู้มั่งคั่ง

๒.ฉาก

    ในเรื่องนี้เป็นสมัยที่คนไทยโดยเฉพาะคนชั้นสูงได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกใหม่ๆ สภาพบ้านเมืองเริ่มมีความเจริญแบบตะวันตก คือ มีถนนหนทาง มีรถยนต์ ห้างร้าน เกิดขึ้นมาก มีการใช้หนังสือพิมพ์ในการสื่อสาร ภาษาไทยที่มีคำทับศัพท์และมีสำนวนภาษาอังกฤษมาปะปนอยู่ เป็นต้น การอ่านเรื่องหัวใจชายหนุ่ม จึงเท่ากับการเข้าไปมีประสบการย้อนยุคร่วมกับคนในสมัยนั้นอีกด้วย

๓.กลวิธีการแต่ง

    หัวใจชายหนุ่ม เป็นนวนิยายขนาดสั้นนำเสนอในรูปแบบจดหมาย นับเป็นการนำเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาในวงวรรณกรรมไทย แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องสมมุติ แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้กลวิธีที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง

๔.ทัศนกวี

    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแสดงพระราชดำริของพระองค์ผ่านทางตัวละครต่างๆ เช่น ทรงให้ประพันธ์แสดงทัศนะประเพณีคลุมถุงชน การแต่งงานกับผู้หญิงต่างชาติ การมีภรรยาหลายคนเป็นต้น แต่ทัศนะที่ทรงนำเสนอผ่านประพันธ์ ก็หาใช่พระราชดำริของพระองค์เสียทั้งหมด เช่น ทัศนะของประพันธ์ต่อการเต้นรำ เป็นทัศนะของชายหนุ่มที่ขาดประสบการณ์ ไม่สุขุม จึงมองสังคมและวัฒนธรรมอย่างฉาบฉวยและไม่ได้เข้าถึงวัฒนธรรมของต่างชาติอย่างแท้จริง

๕.แนวคิดในการแต่ง

    ทรงมีพระราชดำริว่า “คนไทยควรจะภูมิใจในวัฒนธรรมไทยไม่ควรหลงนิยมวัฒนธรรมตะวันตกเกินไป  จนละเลยความเป็นไทย  ควรรู้จักเลือกสรรสิงที่เหมาะสมมาเสริมกับความเป็นไทยให้โดดเด่นยิ่งขึ้น”

    นวนิยายเรื่องนี้จึงแสดงให้เห็นว่า  การแต่งงานของหนุ่มสาวที่มาจากการชอบพอกันแต่เปลือกนอก  ขาดการรู้จักและเข้าใจกันอย่างแท้จริงย่อมไม่มีทางจีรังยั่งยืนและผู้หญิงที่ชิงสุกก่อนห่ามและใช้เสรีภาพในทางที่ผิดต้องประสบชะตาชีวิตอย่างไร  ทั้งสองประการนี้เป็นแนวคิดที่ผู้ทรงพระราชนิพนธ์ต้องการเสนอ 

๖.คุณค่าด้านปัญญาและความคิด

    -รอยต่อวัฒนธรรม ในช่วงที่ประเทศกำลังเปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบสมัยใหม่ว่า  เราควร

เลือกรับแต่สิ่งที่ดีและรู้จักปรับใช้ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมไทยที่ดีงาม  เพื่อให้สังคมเจริญก้าวหน้าอย่างแท้จริง

    -ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่  ผูกอู่ตามใจผู้นอน  การแต่งงานต้องตามใจหนุ่มสาว  บิดามารดามีหน้าที่ให้คำแนะนำ  สั่งสอน อบรม ให้ลูกสาวและลูกชายเป็นคนดี  ส่วนเรื่องความรักเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาเอง ถ้ามีพื้นฐานดี ความคิดดีแล้ว การตัดสินใจน่าจะมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด

    -การศึกษาดี  ช่วยให้คิดดี  ประพันธ์ผู้ที่ได้รับการศึกษาจากชาติตะวันตกแล้วมองสังคมไทยในสิ่งที่ไม่เป็นสากล คือ ไม่ชอบเข้าทำงานโดยใช้เส้นสายอยากทำงานโดยใช้ความรู้ความสามารถของตนเอง       

ลักษณะนิสัยของอุไร ใน ข้อใดที่สังคมไทยไม่ยอมรับมากที่สุด

ลักษณะนิสัยของอุไร ใน ข้อใดที่สังคมไทยไม่ยอมรับมากที่สุด

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๑

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

เพื่อนคงนึกเคืองฉันอย่างแล้วละสิที่ฉันยังไม่ได้เขียนจดหมายมาถึงเพื่อนก่อนนี้.

การเขียนจดหมายติดต่อกัน

ในเมืองไทยยังมีคนครึอยู่มากที่ชอบเก็บลูกสาวไม่ให้พบเห็นผู้ชาย, เพราะฉะนั้นดูออกจะหาโอกาสได้ชื่นใจยากอยู่สักหน่อย.

การสอนให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว

- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

รักพ่อแม่หรือญาติพี่น้องก็ผิดกับการรักลูกรักเมียจริงไหม? การรักเมืองไทยก็เหมือนรักพ่อแม่, แต่การรักเมืองอังกฤษเหมือนรักเมีย,

ประพันธ์

เป็นคนที่มีคารมคมคายช่าง

เขาค่อนข้างจะจองหองอยู่หน่อย, เพราะถึงแม้ฉันกับหล่อนนั่งกินข้างอยู่โต๊ะเดียวกันก็จริง หล่อนไม่ใคร่จะพูดกับฉันเลย.

มิสมิลเลอร์

รู้จักว่างตัวต่อคนที่ไม่รู้จัก

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๒

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

มาเห็นสิงค์โปรซึ่งเป็นเมืองฝรั่งเก๊ๆก็ต้องเบื่ออยู่เอง. ฉันช่างนึกขันใจจริงๆว่าเมื่อแต่ก่อนนี้, คือเมือยังอยู่ในเมืองไทย, ได้เคยนึกว่าสิงคโปร์เป็นเมืองฝรั่งเสียจริงๆ. ที่แท้มันเป็นฝรั่งน้อยเต็มที. และเที่ยวในเมืองนี้พบแขกกับเจ๊กเสียมากกว่าฝรั่ง.

คนไทยยังคิดว่าสิงค์โปรเป็นเมืองของคนฝรั่ง

ฉันเองเมื่อมาที่โฮเตลนี้และขอเช่าห้อง เขาจ้องดูฉันเป็นครู่ใหญ่ๆ แล้วพูดว่า: เสียใจ, ไม่มีห้องว่าง. แล้วเลยแนะนำต่อไปว่ามีโฮเตลเจ๊กอยู่ข้างๆนั้นๆ. พอฉันเข้าใจว่าตาผู้จักการแกนึกว่าฉันเป็นเจ๊ก ฉันก็บอกว่าฉันเป็นไทย, เละบอกชื่อด้วย. แกพยักหน้าอย่างท่าทางโล่งใจ, แล้วทำเป็นตรวจดูสมุดบัญชีห้อง, แล้วจึงบอกว่า: เคราะห์ดีมีห้องว่างอยู่ห้องหนึ่ง. ก็เป็นอันตกลงให้ฉันเช่าอยู่. ดีแต่ฉันเป็นไทย, ถ้าฉันเป็นเจ๊กจะเคืองพิลึกในการที่ถูกหมิ่นประมาทดื้อๆเช่นนั้น.

ผู้คนในเมืองไม่ชอบนิสัยของชาวเจ๊ก(ชาวจีน)

- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

พ่อประเสริฐก็รู้อยู่แล้วว่าฉันได้เคยคร้ามอยู่ปานใดในการที่จะต้องสมคมกับเจ๊ก. ฉันไม่แลเห็นเลยว่าทำไมคุณพ่อของฉันจึงชอบคบกับเจ๊กนัก.

ประพันธ์

ไม่ชอบคบหากับเจ๊ก(ชาวจีน)

ฉันได้เคยเขียนจดหมายมาแนะนำหลายหนแล้วว่าให้งดประพฤติตามประเพณีเจ๊กเสียที, แต่ท่านกลับตอบมาว่า: เมื่อลูกไม่รู้จักความกตัญญูต่อปู่ย่าตาทวตก็ตามเถิด, แต่จะมาบังคับให้พ่องดความกตัญญูด้วยไม่ได้.

ประพันธ์

หัวตะวันตก

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๓

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

ฉันถามหาประไพ  ว่าทำไมไม่มารับฉันด้วย,  ทั้งคุณพ่อคุณแม่ทำตาลุกชันเอาใหญ่.  ว่าฉันทำฝรั่งไม่เข้าเรื่อง,  ควรจะรู้ดีแล้วว่าน้องสาวเป็นหม่อมขึ้นแล้วจะมารับอย่างไรได้. ฉันออกจะตะลึง,  เพราะไม่เคยนึกว่าการที่ผู้หญิงไปเป็นเมียหม่อมเจ้าต้องเลยเลิกเป็นมนุษย์ไปด้วย

หัวตะวันตก


- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

แต่เสียใจที่ต้องบอกว่าเหม็นกลิ่นห่านพิลึก! ฉันบ่นขึ้นในเรื่องนี้คุณพ่อกลับพูดว่า:“อ้ายโลงเลี้ยงห่านมันก็เคยอยู่ข้างบ้านเรานานแล้ว,  ไม่เคยได้ยินลูกบ่นว่าเหม็นเลย,  นี่ไปชุบตัวมาจากเมืองนอก จมูกจึงกลายเป็นฝรั่งไป!”

ประพันธ์

หัวตะวันตก

จำได้ไหมเพื่อน, เมื่อท่านชายกำลังติดวินนี่; เคยกราบตีนกราบมือฉันขอให้ช่วยจัดการให้ได้พบวินนี่ มาเดี๋ยวนี่ฉันจะต้องไปกราบตีนกราบมือฉันขอให้ช่วยให้ฉันได้พบกับน้องสาวของฉันเอง!

ประพันธ์

ไม่เข้าใจเรื่องลำดับราชอิสริยยศ

ฉันหวังใจอยู่แต่ว่าท่านชายจะรักประไพอยู่ได้ยืดยาวกว่าที่เคยรักผู้หญิงอื่นๆที่เมืองนอกเท่านั้นแหละ!

ประพันธ์

ไม่ไว้ใจท่านชายที่จะมาดูแลน้องสาวตนเอง

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๔

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

ตั้งแต่ฉันกลับเข้ามาถึง ฉันได้ถูกคุณพ่อพาไปหาใครต่อมิใครแทบไม่เว้นแต่ละวัน, และฉันต้องไหว้คนมาเสียมากต่อมากจนนับหนไม่ถ้วน, จนฉันแทบจะลงรอยเป็นท่าประนมอยู่เสมอแล้ว. และหลังก็เกือบโค้งเสียแล้ว เพราะคำนับคนไม่ได้หยุด. คุณพ่อท่านตั้งใจจริงๆที่จะทำตามหน้าที่พ่อ, คือช่วยลูกให้ได้ดีตามแบบโบราณ. ท่านยังแลเห็นไม่ได้เลยว่าคนเราอาจจะได้ดีหรือมีชื่อเสียงได้โดยอาศัยความสามารถของตนเอง  นึกๆไปที่จริงก็น่าขัน ที่เราได้อุตส่าห์ออกไปหาวิชาถึงเมืองนอก, แล้วกลับมาถึงบ้านก็ต้องมาเดินเข้าท้ายครัวเท่าๆกับคนที่ไม่ได้ไปเมืองนอกเสียเลยนั่นเอง.

การสอนให้เคารพผู้ใหญ่ และการตีสนิทเพื่อผลประโยชน์

ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของคุณพ่อก็คืออยากให้ฉันได้เข้าไปรับราชการในพระราชสำนัก. แต่ผู้ที่ต้องการเข้าไปรับราชการในพระราชสำนักสมัยนี้มันมีมากมายจนเหลือตำแหน่ง, เพราะฉะนั้นฉันก็เข้าไปไม่ได้  คุณพ่อพาฉันไปหาเจ้าคุณผู้สำเร็จราชการมหาดเล็ก, ท่านก็พูดจาปราศรัยอย่างดี, แต่ท่านแสดงความเสียใจว่าไม่มีตำแหน่งว่างจริงๆ. ในชั้นต้นฉันออกจะไม่ใครชอบ, เพราะมั่นใจเสียว่าเขาไม่ต้องการคนหัวนอก, โดยเกรงจะไม่หมอบราบคาบแก้วอย่างเต็มที่, แต่ฉันสืบๆดูจึ่งได้ความว่า  แท้จริงตำแหน่งเขาบรรจุไว้เต็มแล้วจริงๆ จนไม่มีที่ว่าง, และยังมีคนคอยจะเข้าอีกมาก, และในพระราชสำนักเวลานี้มีนักเรียนยุโรปหลายคนอยู่ในตำแหน่งดีๆด้วย, เมื่อเข้ารับราชการในพระราชสำนักไม่ได้เช่นนั้นแล้ว, ฉันก็เที่ยวระเหระหนหางานทำอยู่หลายวัน, พบแต่ที่เต็มๆเสียแทบทุกแห่ง ฉะนั้นจนบัดนี้ฉันก็ยังไม่ได้รับราชการ.

การใช้เส้นสายในการเข้าทำงานในกรมต่างๆ

ฉันจะลองประกอบอาชีพทางค้าขายดูบ้าง, แต่ท่านไม่ยอมให้ฉันทำเช่นนั้น. ท่านว่าค้าขายไม่มีหนทางที่จะเป็นใหญ่เป็นโตต่อไปได้, และถึงจะทำมาค้าขายดีอย่างไรๆก็จะเป็นอะไรไม่ได้ นอกจากขุนนางกรมท่าซ้าย. ทั้งกว่าจะได้เป็นหลวงก็อีกหลายปี, แล้วอาจจะเป็นหลวงอยู่จนหัวหงอกหรือจนตายก็ได้.

คนไทยไม่นิยมทำอาชีพค้าขาย ชอบอาชีพข้าราชการมากกว่า  เพราะสบายและได้เงินเป็นประจำทุกเดือน มีเบี้ยเลี้ยงต่างๆมากมาย

เช่นตัวคุณพ่อเองได้เป็นหลวงตั้งแต่อายุ ๓๐ เมื่ออายุ ๔๕ จึ่งได้เป็นพระแล้วก็ยังเป็นพระอยู่จนทุกวันนี้, และไม่แลเห็นทางที่จะได้เป็นพระยาด้วย.

คนทำงานในกระทรวงมีมากการเลือนขึ้นเลยทำได้ยาก

คุณพ่อก็บอกว่าได้หาเมียไว้ให้คนหนึ่งแล้ว! ฉันหมายว่าท่านพูดเล่นจึ่งหัวเราะ,  แต่พูดกันไปพูดกันมาจึ่งรู้ว่าท่านพูดจริงๆไม่ได้พูดเล่น. ผู้หญิงนั้นคือแม่กิมเน้ย  ลูกสาวอากรเพ้งซึ่งพ่อประเสริฐก็คงจะรู้อยู่ว่าเป็นคนมั่งมีพอใช้อยู่. ทั้งคุณพ่อคุณแม่สรรเสริญเยินยอมากว่า เป็นคนดีนัก,  วิเศษต่างๆราวกับนางฟ้าตกลงมาจากสวรรค์ ฉันบอกว่าฉันยังไม่ได้เห็นตัวผู้หญิงนั้นเลย  จะให้รับรองว่าจะแต่งงานกับเขาได้อย่างไรได้,  คุณพ่อกลับพูดอย่างหน้าเฉยตาเฉยว่า:“พ่อรับรองว่าเขาเป็นคนดี สมควรแก่ลูกด้วยประการทั้งปวง”  ฉันตอบว่าฉันเชื่อแล้วว่าเขาเป็นคนดีจริง ตามที่คุณพ่อกล่าวแล้วทุกประการ,  แต่ต้องขอให้คุณพ่อเข้าใจว่า ฉันเป็นคนที่ได้ไปเรียนมาจากยุโรปแล้ว, จะแต่งงานอย่างที่เรียกว่าคลุมถุงชนไม่ได้เลย.

การคลุมถุงชนหรือการบังคับแต่งงานนั่นเอง

สมัยนี้ผู้หญิง  ฟรี”  ขึ้นกว่าแต่ก่อนมากและพบปะง่าย

เริ่มมีการขายบริการแพร่หลายกว่าเดิม

เวลานี้เห็นผู้หญิงไทยไว้ผมยาวมากกว่าเมื่อก่อนเราไปเมืองนอกเป็นอันมาก; คนไว้ผมสั้นเกือบจะมีเหลือแต่คนแก่กับไพร่ๆเท่านั้นแล้ว.

เริ่มรับวัฒนธรรมจากต่างชาติมาปรับกับวัฒนธรรมไทย

การนุ่งผ้าให้ผิดกับผู้ชาย. ในเวลานี้ก็มีผู้หญิงนุ่งซิ่นอยู่บ้านบ้างแล้ว, แต่ยังไม่กล้านุ่งไปไหนมาไหน, เพราะยังไม่มีใครเป็นหัวหน้านำ แฟแช่นนุ่งวิ่นขึ้น. 

เริ่มรับวัฒนธรรมจากต่างชาติมาปรับกับวัฒนธรรมไทย

ในกรุงเทพฯนี้มีข้อเสียสำคัญที่หาที่เที่ยวยากจริงๆ. เพราะขาดเรสเตอรังต์และโรงละครดีๆอย่างลอนดอน. พวกโฮเต็ลฝรั่งทางบางรักมีอยู่ก็จริง, แต่มันก็ไม่ถึงใจเลย, และไปสักครั้งสองครั้งก็เบื่อ, เพราะนอกจากจะไปกินอาหารหรือเครื่องดื่มแล้วก็ไม่มีอะไรที่ยวนใจให้สนุกเลย.

ในกรุงเทพยังขาดที่เที่ยวเหมือนเมืองตะวันตกซึ่งมีอยู่มากมาย

โฮเต็ลก็เจ๊กก็ได้เกิดมีขึ้นหลายแห่ง, แต่มันยิ่งซ้ำร้ายไปกว่าโฮเต็ลฝรั่ง, เพราะกับข้าวของกินก็เต็มกลืน,  และไม่ใคร่จะพบคนไทยด้วย, มีแต่เจ๊กแน่นไปทั้งนั้น.

เจ๊ก(ชาวจีน)อาศัยอยู่มากในประเทศไทย

ละครก็มีอยู่โรงเดียว, แต่ดูสักสองหนก็เบื่อ, เพราะเรื่องที่เล่นมัน อัน เหลือประมาณ

การแสดงละครยังแสดงได้ไม่สมจริง

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๕

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

คือฉันได้ตกลงเข้ารับราชการแล้ว.  คุณหลวงพิพัฒน์ไปจัดกานอย่างไรไม่ทราบ.  แต่ในที่สุด ฉันเป็นอันได้เข้ารับราชการในกรมพาณิชย์และสถิติพยากรณ์. 

การใช้เส้นสายในการเข้าทำงาน


- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

หน้าตาเจ้าหล่อนเหมือนนางซุนฮูหยิน, ตายาว, หลังตาชั้นเดียว, แต่ผิวขาวดี, และรู้จักแต่งผมดีพอใช้.  การแต่งตัวของหล่อนก็ใช้เสื้อผ้าดีๆ, ถูก แฟแช่น”, แต่แต่งเครื่องเพชรมากเหลือเกิน; มีอะไรต่อมิอะไรห้อย, แขวน, และติดพะรุงพะรังไปทั้งตัวจนดูราวกับต้นไม้คริสต์มาส.  พูดจาพาทีก็พอใช้ได้, แต่ไม่ใคร่ได้พูดกับฉันมากนัก, เพราะยังกระดากอยู่.

กินเน้ย

 ชอบแต่งตัวพรุงพลังจนประพันธ์เขียนบอกประเสริฐว่านางเหมือนต้นคริสมาส

ฉันได้พยายามสืบสาวจนรู้แล้วว่าเป็นใคร.  ฉันได้หมั่นไปโรงภาพยนตร์นั้นบ่อยๆจนเห็นหล่อนอีกคืน  ๑แล้วชี้ให้เพื่อคน  ๑  ดูจึงได้ความจากเขาว่าหล่อนชื่อนางสาวอุไร   พรรณโสภณ, ลูกสาวพระพินิฐ   พัฒนากร ฉันจะพยายามรู้จักกับหล่อนให้จงได้ในไม่ช้า.

ประพันธ์+อุไร

ประพันธ์เห็นอุไรที่โรงภาพยนตร์จึงชอบและตามหาว่าเธอคือใคร

ได้ข่าวว่าหล่อนเป็นผู้หญิงสมัยใหม่แท้, ไม่หดหู่กลัวผู้ชาย, และเขาว่าหล่อนได้หัดเต้นรำแล้วด้วย.

อุไร

เป็นผู้หญิงสมัยใหม่

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๖

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

นึกๆก็น่าประหลาดอยู่   ที่ในเมืองเรานี้พี่น้องจูบกันไม่ได้เหมือนอย่างฝรั่งเขา;     แต่นึกไปอีกทีก็เห็นว่าห้ามไว้ดีกว่า, เพราะประเพณีของเรากับของเขาผิดกันอยู่.  ของฝรั่งเราพี่น้องแต่งงานกันไม่ได้, แต่ของเราเป็นผัวเมียกันได้เท่ากับไม่ได้เป็นญาติกัน!

เมืองไทยเป็นเมืองที่มีวัฒนรรมที่ดีงามจึงไม่ยมรับการจูบกอดในที่สาธารณะและไม่ยอมรับให้พี่น้องแต่งงานกัน

- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

เพราะฉะนั้นเราจึงได้มีโอกาสได้นั่งไปด้วยกันนานในเรือยนต์  ในที่มืด  !แน่ทีเดียวฉันไม่ได้ปล่อยโอกาสเช่นนั้นเปลืองเปล่า, และภายในเวลา  ๒  ชั่วโมงที่ไปดูไฟนั้น  นับว่าฉันกับแม่อุไรได้รู้จักกันดีเกือบเท่ากับคนที่ได้คุ้นเคยกันมาแล้วตลอดชีวิต.

ประพันธ์+อุไร

ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์เร็มมาก

พวกพ่อหนุ่มๆที่ได้เคยตอมแม่อะไรอยู่แต่ก่อน.  ในงานนั้นแหละฉันได้เห็นอย่างแน่นอนว่าหล่อน  ปอปูล่าร์”  ปานใด;  หล่อนราวกับดวงไฟที่มีตัวแมลงบินตอมว่อนอยู่.  แต่ฉันยอตัวฉันว่าแม่อุไรชอบฉันมากกว่าใครๆในหมู่นั้น.  หล่อนได้ยอมให้ฉันพาเที่ยวทุกคืน, และเต้นรำด้วยกัน, กิน สัปเป้อร์”  ด้วยกันทุกคืน, คนอื่นๆพากันริษยาฉันเป็นแถวไปหมด,

อุไร

เป็นผู้หญิงที่เป็นที่สนใจของผู้ชายในเมืองและการใช้คำทับศัพท์สัปเป้อร์ แปลว่าอาหารค่ำ

หล่อนเป็นคนสวยงาม, น่ารัก, น่าพึงใจปานใด.  ฉันไม่ได้จินจตะกวี, เพราะฉะนั้นขอบอกโดยย่อแต่ว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่งามที่สุดที่ฉันได้เคยพบในกรุงสยาม, และไม่ใช่งามแต่รูป  ทั้งกิริยาก็งามยวนใจ, พูดก็ดีและเสียงเพราะราวกับเพลงดนตรี, และที่ดีที่สุดคือหล่อนไม่ทำตัวเป็นหอยจุ๊บแจงอย่างผู้หญิงไทยๆโดยมาก.  พูดกันสั้นๆว่าหล่อนคล้ายผู้หญิงฝรั่งมากกว่าผู้หญิงไทย, และนับว่ามี  เอดูเคชั่น”  ดีพอใช้;  เขียนหนังสือไทยเก่ง.  อ่านและพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง, เต้นรำเป็น, และแต่งตัวดี, รู้จักใช้เครื่องเพชรแต่พอควรไม่รุงรังเป็นต้นไม้คริสต์มาส.

อุไร

เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ รู้จักวางตัวไม่ถือตัวและไม่มีนิสัยน่ารำคาญเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๗

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

เมื่อหมดงานแล้วนั้นก็เลยเกิดเป็นธรรมเนียมสำหรับฉันพาแม่อุไรไปเทียว    หรือมิฉะนั้นก็ไปหาที่บ้านของหล่อนทุกๆวัน  บางวันก็ขึ้น รถยนต์เที่ยวเล่น  บางวันก็เล่นแบดมินตัน ;และบางคืนพากันไปดูภาพยนตร์แล้วไปกินข้าวต้มราชวงศ์  นอกจากนี้มีได้พากันกินข้าวตามโฮเต็ลบ้าง  ไปตามบ้านมิตรสหายกินข้าวบ้าง  เต้นรำบ้าง  นับว่าได้พบกันทุกวัน

เป็นการจีบจนกลายเป็นกิจวัฒกิจวัตประจำวัน

- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

ส่วนการที่เพื่อนวิตกกลัวฉันจะไม่พอใจในการที่ตัวเพื่อนได้ไปสนิทสนมกับลิลี่นั้น  ขออย่าได้มีความวิตกเช่นนั้นอีก

ประพันธ์

เป็นคนรักเพื่อนไม่อยากให้เพื่อนมีความวิตกกังวล

เพราะประการ ๑ ฉันไม่ใช่หมาในรางหญ้าแห้งในอีสปปะกรณัม, ไม่หวงผู้หญิงที่ฉันคบเองไม่ได้ฉะนั้นเลย; อีกประการ ๑ ฉันมีของดีของฉันเสียเองแล้วฉันขอกล่าวเตือนเพื่อนโดยจริงใจสักคำ๑ได้ไหม? ถ้าเพื่อนจะคิดมีเมียฝรั่งละก็ งดความคิดนั้นเสียดีกว่า.

ประพันธ์

รักเพื่อนและเป็นห่วงเพื่อนไม่อยากให้เพื่อนเจ็บใจภายหลัง

ฉันได้เข้ามาดูมาเห็นตัวอย่างแห่งคนที่มีเมียฝรั่งแล้ว ไม่เห็นมีความสุขเลนละเพื่อน  จริงอยู่ผู้หญิงฝรั่งนั้น  ถ้าเราดูในเมืองของเขาก็ช่างน่ารักเสียจริงๆ ; ผิวพรรณผุดผ่องเจริญตาเจริญใจ  ทั้งจริตกิริยาก็ยั่วยวนเสน่ห์มาก  แต่การชมเชยเล่นเป็นครั้งคราวกับอยู่เป็นคู่ผัวตัวเมียกันมันไม่ผิดกันมากนะเพื่อน  ผู้หญิงฝรั่งที่ยอมสละทิ้งบ้านเมืองและญาติมิตรเข้ามาอยู่กับผัวไทยในเมืองเรานี้  เขาย่อมจะต้องหวังผลตอบแทนบ้างเป็นแน่นอน  แต่ครั้นเข้ามาแล้ว  ต้องมาอยู่ในที่อากาศ  ในบ้านเรือนซอมะช่อ  อยู่รวมกับคนที่พูดกันไม่เข้าใจและมีนิสัยอัธยาศัยกันไกลมาก  ขัดสนในทางใช้จ่าย, ไม่มีอะไรชวนให้รื่นเริงนอกจากภาพยนตร์  คบเพื่อนฝรั่งด้วยกันก็ไม่สนิท.   คบเพื่อนไทยก็ไม่สนิท  เมื่อเป็นเช่นนี้แม้ผู้หญิงที่ใจดีเป็นนางฟ้าก็จะทนอยู่ได้ไม่นาปานใด  ต้องสำแดงความไม่พอใจออกมาให้ผัวเห็นวัน ๑ ซึ้งอย่างน้อยก็ต้องทำให้ผัวเสียใจ  ฝ่ายผัวก็เหมือนกันแหละ  ในชั้นต้นตื่นและหลงเมียของตน  อย่างไรๆก็เห็นเป็นเจ้าหล่อนดีไปหมด  ต่อเมื่อได้เข้ามาอยู่ในเมืองไทยนานๆเข้าหน่อยแล้ว  ได้พบเห็นผู้หญิงไทยเข้าแล้ว  นึกเทียบกับเมียฝรั่งของตัวเอง  จึงจะเริ่มรู้สึกกว่าเมียฝรั่งนั้นไม่ประเสริฐไปทุกอย่างเลยความรูสึกเช่นนี้ถึงหากว่าจะเกิดมีขึ้นแล้ว  แต่เมียฝรั่งยังไม่อาละวาดก็คงจะยังไม่เป็นไรดอก  เพราะอย่างไรๆก็คงยังต้องมีความละอายแก่ใจอยู่  ต่อเมื่อไรเมียฝรั่งนั้นเหนี่ยวใจของตัวไม่อยู่  แสดงความไม่พอใจต่างออกมา  ผัวจึงสำแดงให้เมียผู้สึกบ้างว่าตนก็เบื่อเหมือนกัน  ต่อนั้นไปถึงจะคงอยู่ด้วยกันไปก็ไม่มีความสุข  ขออย่าให้ประเสริฐ  ขออย่าให้พ่อประเสริฐเข้าใจผิดว่าฝรั่งกับจะคบค้าสมาคมกันไม่ได้ในสมัยนี้ฝรั่งกับคนไทยคบกันได้ในสมัยก่อนๆ  คือคบกันได้ดีพอที่จะเป็น เพื่อนกิน เพื่อนเล่น  และเพื่อนรวมงานแต่ฉันยืนยันว่าอย่างไรๆก็สนิทกันพอที่จะเป็นผัวเมียกันได้โดยสะดวกใจยั่งยืน        

ประพันธ์

ประพันธ์มีความเห็นว่าการมีภารยาเป็นฝรั่งไม่ดีนักเพราะประพันธ์คิดว่าการที่เขาจะทิ้งบ้านทิ้งเมืองของเขาเพื่อมาอยู่กับเราต้องหวังผลตอบแทนจากการมาอยู่กับเรา

 เราทั้งสองได้สนิทสนมกันมากขึ้นทุกที  เพราะคุณพระพินิฐแกเป็นพ่ออย่างสมัยใหม่  ไม่เก็บลูกสาวขังห้องไว้อย่างสมัยเก่าเลย ลูกสาวจะพอใจไปไหนก็ได้ตามความเข้าใจของเขาทั้งสิ้น  ซึ้งเป็นการสะดวกแก่ฉันมาก

พ่อของอุไร

เป็นคุณพ่อสมัยใหม่ที่ตามใจลูกสาว

คุณพระและภรรยาของท่าน "ศิวิไลซ์"  มาก ไม่กีดขวางกันท่าเราเลย

ครอบครัวของอุไร

เป็นครอบครัวสมัยใหม่

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๘

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

ฉันเป็นผู้ที่ได้ไปศึกษาถึงเมืองนอกแล้วไม่ควรจะประพฤติเป็นคนใจเร็วเช่นนั้น

ลักษณะนิสัยของเราเองถึงจะไปเรียนที่ไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนได้

- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

ฉันกล่าวได้นิดหนึ่งแต่เพียงว่า มันเป็นเพราะฉันกับแม่อุไรได้ไปอยู่ด้วยกันในที่ซึ่งทำให้จิตใจมันป่วนผิดธรรมดา, คือภูมิประเทศและทะเลยวนตาทำให้สบายใจ, ทั้งอากาศดีทำให้รู้สึกใจฮึกเหิมและรวบรัดตัดความก็เป็นอันตรงตามภาษิตว่า น้ำอ้อยใกล้มด!”

ประพันธ์+อุไร

ทั้งสองไม่มีการยับยั้งช่างใจ

การที่ไปเรียนนอกไม่ได้ทำให้เปลี่ยนแปลงอะไรในส่วนความเป็นไปโดยธรรมดาในร่างกาย.  อีกประการหนึ่ง  ฉันก็กำลังจะแก้ความเสียหายโดยทางที่ดีที่สุดที่ฉันจะทำได้อยู่แล้ว,  คือแต่งงานกับผู้ที่ฉันได้รักจนเกินงาม, เพราะฉะนั้นหวังว่าเพื่อนจะให้อภัย

ประพันธ์

เป็นคนมีความรับผิดชอบ

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๙

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

คุณพ่อจึ่งพูดเป็นเชิงไกล่เกลี่ยว่า  ขอให้รอดูต่อไปอีกสักปี ๑ เถิด, และถ้าเมื่อเวลาล่วงไปได้ปี ๑ แล้วฉันยังคงชอบใจอยู่ ท่านก็ไม่ขัดใจ.

เป็นการให้ศึกษาดูใจกันก่อนที่จะแต่งงานกัน

กล่าวว่า เมื่อเจ้าได้ไปชิงสุกก่อนห่ามเสียเช่นนั้นแล้ว พ่อก็สิ้นพูด.”  แล้วเลยตกลงรีบไปจัดการขอแม่อุไร และพระพินิฐก็ยกให้โดยทันทีเทียว-ท่าทางจะได้รู้แล้วเหมือนกันว่ามีความจำเป็นอยู่.

การได้เสียกันก่อนการแต่งงานนั้นเป็นการกระทำที่ไม่สมควรจึงต้องรีบจัดงานแต่งขึ้นเพื่อไม่ให้เสียชื่อเสีย

คุณพ่อได้ไปหาเจ้าคุณผู้สำเร็จมหาดเล็ก  เพื่อขอให้ท่านช่วยเป็นธุระจัดการให้ได้รับเกียรติยศ  โดยขอพระราชทานให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแต่งพระราชทาน. 

การขอแต่งพระราชทานเพื่อเป็นสิริมงคลต่อชีวิตสมรส

เมื่อแต่งกันแล้วได้ตกลงมา ฮันนี่มูน  ที่หัวหิน  แม่อุไรว่าเราได้เริ่มรักกันจริงจังที่หัวหิน

มีการรับวัฒนธรรมต่างประเทศเข้ามา

- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

ผู้หญิงเช่นแม่อุไรมาเป็นลูกสะใภ้ของท่าน,  โดยท่านรังเกียจว่าได้เคยรู้จักมักคุ้นกับผู้ชายมาหลายคนแล้ว,  และกล่าวว่าใครๆเขาก็รู้จักทั้งนั้นว่าที่บ้านนั้นเขาใช้คำเรียกกันว่า โรงเรียนฝึกหัดเจ้าชู้

พ่อของประพันธ์

ไม่ชอบผู้หญิงแบบอุไรและไม่อยากให้มาแต่งงานกับประพันธ์

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๑๐

- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

ฉันทำนายไม่ผิดเลยว่าแม่อุไรจะเบื่อหัวหินในไม่ช้า.

ประพันธ์

รู้ทันอุไร

หล่อนทนอยู่ได้จนวันที่ ๒๓  เดือนนี้เท่านั้น, แล้วก็ร้องขอให้แปรสถาน,  จึ่งตกลงเป็นย้ายมาอยู่เพชรบุรี.  ตามจริงที่หัวหินเมื่อลมกลับพัดออกจากฝั่งแล้วก็ออกจะไม่สู้สบายนัก,  ทั้งเวลาที่มีผู้คนไปอยู่แน่นๆกับเวลาที่ไม่มีใครไปนั้นก็ผิดกัน.  แม่อุไรบ่นอิดๆออดๆอยู่สองวัน,  และไม่พอใจต่างๆ,  จนฉันอดทนไม่ได้ต้องออกความเห็นให้ย้ายมาเพชรบุรี.

        อุไร

เป็นคนไม่มีความอดทน

หล่อนกลับฉิวใหญ่และพูดประชดว่า งั้นซิ! อะไรๆก็ซัดดิฉันให้หมดซิ.  ดิฉันมันเป็นคนบ้าเช่นนี้คุณมาแต่งงานกับดิฉันทำไม?”

         อุไร

ชอบประชดประชัน

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๑๑

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

ถ้าโกรธผัวได้ต่อหน้าคนเป็นเกียรติยศดี,  อาจจะทำให้คนนับถือว่าเขาเป็นผู้หญิงแห่งสมัยใหม่ไม่ต้องยำเกรงผัวเสียเลย.

รับจากต่างชาติมาคือการเท่าเทียมกันระหว่างเพศ

พอมาถึงก็แลเห็นทันทีว่าที่บ้านยังไม่พรักพร้อมเลย.  ถนนพึ่งจะโรยกรวดใหม่ๆ และสวนก็ยังไม่ได้ลงมือทำเลย;  ภายในเรือนสีทาก็ยังแทบจะไม่แห้งและเครื่องเรือนก็ยังไม่ได้จัดเป็นระเบียบเรียบร้อย.

นิยมสร้างบ้านเองไม่มีแหล่งบ้านจัดสรรอย่างปัจจุบัน


-

 ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

ประเสริฐก็รู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นคนพยายามอดกลั้นโทโสมากที่สุด, เพราะฉันเคยรู้สึกดีอยู่นานแล้วว่า  การมีโทโสไม่เป็นประโยชน์แก่ตัว,

ประพันธ์

เป็นคนรู้จักเก็บอารมณ์

เมื่อกลับมาถึงสถานีบางกอกน้อยไม่มีใครไปรับเลยจนคนเดียว.  ซึ่งทำให้แม่อุไรโกรธและบ่นไม่รู้จักจบ,

อุไร

เป็นคนไม่มีความอดทน

แม่อุไรก็ยิ่งไม่พอใจหนักขึ้นและพูดจาแดกกันต่างๆ จนฉันต้องขอว่าเอาไว้ขึ้นจากเรือจ้างแล้วจึ่งค่อยทะเลาะกัน,

อุไร

เป็นไม่รู้จักกักเก็บอารมณ์

แต่แม่อุไรตอบดื้อๆว่า  ถ้าจะพาไปบ้านคุณพ่อละก็พาไปสำเพ็งเสียดีกว่า,เพราะคงต้องเหม็นสาบเจ๊กเท่าๆกัน.  การที่หลอนพูดเช่นนี้น่าขันพิลึกเพราะถ้าจะว่ากันไปบิดาของหล่อนเองก็เป็นเจ๊กไม่น้อยกว่าคุณพ่อของฉัน

อุไร

เป็นคนชอบดูถูกคนอื่นโดนไม่ดูตัวเอง

ฉันทำอะไรดูผิดไปเสียหมดทุกอย่าง.  ฉันไปทำงานที่กระทรวงก็เป็นความผิด,  หาว่าทิ้งหล่อนไว้คนเดียวในกลางป่า;  ฉันไปหาพ่อแม่หรือเพื่อนฝูงบ้างก็มีความผิด,  และเพื่อนฝูงมาเยี่ยมเยนที่บ้าน  ฉันต้อนรับเขาก็มีความผิด:  มีงานการที่ไหนฉันพาหล่อนไปหล่อนก็บ่นว่าพาไปให้เหน็ดเหนื่อยและอดนอน,  แต่ครั้นไม่พาไปก็ว่าหวงกันจะไม่ให้หล่อนไปพบปะผู้คน.  เช่นนี้การกลับบ้านจึ่งกลายเป็นของที่ฉันรู้สึกเกือบเท่ากับไปโรงเรียนเมื่อตอนเด็กๆและตกลงฉันมีเวลาได้สบายเมื่ออยู่นอกบ้านของตัวเท่านั้น. 

อุไร

เป็นคนไม่มีความอดทนและไม่รู้จักการยอมผู้อื่น

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๑๒

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

อีกกี่วันเห็นแจ้งความลงในหนังสือพิมพ์, ความว่า  ฉันไม่ขอรับผิดชอบในหนี้สินของภรรยาอีกต่อไป, และจะยอมใช้ให้แต่ที่ฉันได้ลงชื่อรับรองไว้ด้วยเท่านั้น. 

การประกาศข่าว แจ้งความหรือแถลงข่าวต่างๆใช้หนังสือพิมพ์เป็นสื่อหลัก

ต่อแต่นั้นมาก็มีแต่หนักขึ้นทุกที, จนในไม่ช้าก็ลือกันให้ทั่วพระนครว่าพระยาตระเวนกับแม่อุไรสนิทสนมกันมาก  จนเกือบเท่ากับเป็นผัวเมียกันโดยเปิดเผย, การที่เขาพากันพูดเช่นนั้นก็ออกจะน่าพูดอยู่บ้าง, เพราะผู้หญิงใดที่คบค้ากับพระยาตระเวนแล้วรอดตัวมาได้โดยไม่ด่างพร้อยนั้นหาไม่ได้ทีเดียว. 

การที่ผู้หญิงไปสนิทสนมกับผู้ชายที่เป็นคนเจ้าชู้ฝ่ายที่เสียหายมากกว่าเป็นผู้หญิงเสมอ

- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

ในไม่ช้าหล่อนก็ได้ทำให้ฉันแลเห็นได้โดยชัดเจนทีเดียวว่าหล่อนสิ้นรักฉันเสียแล้ว.  แน่ทีเดียวเมื่อฉันรู้สึกเช่นนั้นฉันมีความเสียใจมาก, แต่เพราะยังมิได้มีเหตุอะไรมาทำให้ฉันรู้สึกว่าจะอยู่ไปด้วยกันไม่ได้แท้ๆ, ฉันจึงนิ่งสู้ทนอยู่กับหล่อนไปทั้งๆที่รู้แล้วโดยแน่ใจว่า  แม่อุไรเท่ากับไม่ใช่เมียฉันแล้ว.  ทั้งนี้ก็เพราะฉันเป็นคนที่กลัวคนนินทาเสียจริงๆ.  จึงตั้งใจว่าเมื่อเป็นกรรมของฉันแล้วก็จะก้มหน้าทนกรรมไปจนถึงที่สุด, นึกเสียว่าเท่ากับอุทิศตัวเป็นพรหมจรรย์เสียชาติหนึ่งทีเดียว.

        อุไร

เป็นคนรักง่ายและหน่ายเร็ว ไม่ใส่ใจคนที่รัก

หล่อนชอบเที่ยวเสมอๆ, และชอบไปคนเดียว, ไม่ไปกับฉัน, และฉันจะถามบ้างว่าไปแห่งใดก็โกรธฉุนเฉียวทุกคราว  จนฉันต้องงดถามเพื่อรักษาสันติภาพภายในบ้าน.  แต่ในไม่ช้าฉันก็จำเป็นต้องพูดเตือนเรื่องเที่ยวของหล่อ, เพราะห้างและร้านต่างๆเริ่มส่งใบทวงเงินมามาก, ในเดือนหนึ่งแม่อุไรเที่ยวทำหนี้ไว้ตั้งพันบาท, แต่เงินเดือนของฉันก็เพียง  ๒๐๐  บาทเท่านั้น, ฉันจึงต้องเตือน, แต่การเตือนกลับเป็นผลตรงข้าม, เพราะในเดือนต่อมา  หล่อนไปทำหนี้ไว้อีกตั้งพันห้าร้อยบาท!  ฉันต่อว่าเข้าหล่อนก็กลับตอบว่า:  “เมื่อก่อนคุณจะมาแต่งงานกับดิฉันทำไมคุณไม่สืบสวนให้ได้ความเสียก่อนว่าดิฉันต้องใช้จ่ายอย่างไร.  ดิฉันจะยอมเปลี่ยนแปลงความสำราญเช่นที่เคยมาแต่ก่อนเพื่อความพอใจของคุณไม่ได้.” 

อุไร

เป็นคนรักง่ายและหน่ายเร็ว ไม่ใส่ใจคนที่รัก

คุณพ่อท่านโกรธมาก, บ่นอะไรต่อมิอะไรมากมาย, แต่ในที่สุดก็ให้เงินนั้นตามที่ขอ,

พ่อของประพันธ์

เป็นคนปากร้ายใจดี

แต่แม่อุไรไม่ยอมฟังคำพูดฉันเสียเลยจนคำเดียว, ยืนยันอยู่คำเดียวแต่ว่าฉันแกล้งประจานหล่อนกลางเมือง, และในบ่ายวันนั้นเองหล่อนขึ้นรถไปอยู่บ้านพ่อของหล่อน, เช้าวันรุ่งขึ้นแม่อุไรก็ไปลงแจ้งความบ้างว่า  หล่อนไม่ขอรับผิดชอบใยเรื่องหนี้สินของฉัน, และว่าฉันไม่มีอำนาจเกี่ยวข้องในทรัพย์สมบัติของหล่อนอีกต่อไป.  ฉันอุตส่าห์ไปสืบจนได้ความว่า  แจ้งความที่ลงในนามของฉันนั้น  หลวงบรรยายนรคดี, ทรายความ, ได้ส่งไปลงโดยคำสั่งของคุณพ่อของฉัน,

อุไร

เป็นคนไม่ฟังคำคนอื่น ไม่ยอมใครและโมโหร้าย

คุณหลวงเทพฯจึงกล่าวขึ้นว่า  บ้านวันนั้นได้พบแม่อุไรขึ้นรถยนต์เที่ยวอยู่กับพระยาตระเวนนคร.  ฉันได้ฟังเช่นนั้นก็ใจหายวาบ, เพราะทราบชื่อเสียงของเจ้าคุณผู้นี้อยู่ดีแล้วว่าเป็นอย่างไร, แต่ฉันก็ตีหน้าเฉยเพื่อไม่ให้หลวงเทพฯรู้ว่าข่าวที่แกเล่านั้นทำให้ฉันสำดุ้งใจปานใด. 

ประพันธ์

เป็นคนรู้จักเก็บอารมณ์และใจเย็นมีสติ

ฉะนั้นบัดนี้ฉันก็กลับเป็นโสดอีกแล้ว, และคงจะไม่รีบร้อนหาคู่โดยด่วนเช่นครั้งก่อนอีกละ  ขอให้พ่อประเสริฐจำเรื่องของฉันใส่ใจไว้เถิด.

ประพันธ์

เป็นคนที่รู้จักนำความผิดของตัวเองมาปรับปรุงและมองโลกในแง่ดี

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๑๓

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

มีบางคนออกความเห็นแก่ฉันว่าไม่ควรจะหย่าให้ขายหน้าเขาเมื่อไม่พอใจเมียที่แต่งกันแล้วก็ควรหาเมียอีกคนหนึ่งที่พอใจอยู่กินด้วยกันหาความสุขเสียก็แล้วกันแต่ฉันเถียงว่าถ้าทำเช่นนั้นก็เท่ากับลวงโลก,  กลับได้รับคำตอบว่าคนอื่นๆเขาทำกันถมไป;

ในสมัยนั้นการแต่งงานแล้วไปหย่าจะเป็นการขายหน้าจึงแก้ปัญหาด้วยการคบหาและอยู่กินกับคนใหม่ที่เราชอบ

๓๐

แต่เรื่องชนิดนี้ปิดให้สนิทยากที่สุด,  เพราะมันเป็นเรื่องสำหรับผู้หญิงชอบรู้ชอบเล่าสู่กันฟัง;  คนหนึ่งเล่าให้เพื่อนรัก,  สั่งว่าอย่าไปพูดนะ,  แล้วเพื่อนคนนั้นก็ไปเล่าให้เพื่อนเพื่อนรักของตัวอีกคนหนึ่ง,  และต่อๆกันไปเช่นนี้เป็นแถวไป,  และความลับออกจากปากผู้หญิงคนเดียวอาจที่จะรึ้ง ๒๐ คนภายในอาทิตย์เดียวฉะนั้นเมื่อมีผู้ทีมี อินเตอร์เร็สต์  อย่างเดียวกันอยู่ ๗ คนก็ขอให้นึกดูเถิดว่า   ความลับนั้นจะแพร่หลายได้มากและรวดเร็วปานใด?

การพูดว่า อย่าไปพูดนะ เริ่มต้นในการพูดเรื่องความลับคือการกระจายความลับแบบ

หนึ่ง

- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

จริงอยู่การที่หย่ากับแม่อุไรนั้น  ได้ถูกบ้างคนนินทาติโทษ,  แต่ฉันถือคติว่าการแต่งงานเป็นกิจส่วนตัวของฉันโดยเฉพาะ,  ไม่มีผู้ใดมารับสุขรับทุกข์แทนฉันได้.

ประพันธ์

การแต่งงานคือเรื่องของคนสองคนจะเป็นอย่างไรคนอื่นก็ไม่ควรยุ่ง

ส่วนตัวฉันเห็นว่าการที่ฉันจะคงเป็นผัวหญิงที่ไม่ได้อยู่ในบ้านฉันแล้วและไปอยู่ในบ้านชายอื่นนั้น  เป็นการหน้าด้านพ้นวิสัยที่ทำไปได้.

ประพันธ์

ประพันธ์ไม่ต้องการจะอยู่ในสถานะสมรสกับอุไรอีกเนื่องจากอุไรไปอยู่กับชายอื่น

ตั้งแต่ฉันหย่ากับแม่อุไรแล้วประไพได้มาบ้านฉันบ่อยๆ,  และท่านชายก็มาด้วย,  นับว่าน้องสาวกับน้องเขยของฉันเมตตาต่อฉันมาก.  นอกจากนี้มีพวกเพื่อนๆที่เห็นใจมาเยี่ยมเยียน,  นับว่าช่วยกันทำให้ฉันคลายความเหงาใจไปได้มาก.

ประพันธ์

ประพันธ์ดีใจที่เหล่าญาติพี่น้องเพื่อนๆมาเยี่ยมหลังจากที่ตัวเองเลิกกับแม่อุไร

พระยาตระเวนเป็นนักเลงชนิดที่ชอบแต่พยายาม,  คือถ้าเห็นผู้หญิงสวยๆและมีคนตอมเป็นต้องพยายามให้ได้ผู้หญิงคนนั้นจนได้,  แต่เมื่อใดได้แล้วก็มักจะชักเบื่อ,  หรืออย่างดีก็ยืดไปได้จนกว่าจะเห็นผู้หญิงที่ต้องตาอีกคน ๑. 

ประพันธ์

พระยาตระเวนเมืองเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้และเมื่อได้มาแล้วก็จะมักเบื่อและทิ้งขว้าง

ท่านเจ้าคุณผู้นี้เป็นคนอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้,  เพราะฉะนั้นในระหว่างเวลาที่กำลังบำเพ็ญทำทางเข้าหาแม่อุไรนั้น  พระยาตระเวนมีนางบำเรอประจำบ้านอยู่แล้วถึงเจ็ดนาง

พระยาตระเวนนคร

พระยาตระเวนเมืองเป็นคนไม่รู้จักพอตอนที่กำลังจีบแม่อุไรที่บ้านของตนก็ยังมีสาวๆอีกเจ็ดคน

ฉันได้บอกมาให้ทราบในจดหมายฉบับ ๑ แล้ว ว่าฉันได้เข้ารับราชการในพระราชสำนักตั้งแต่มิถุนายนศกนี้,  และได้อยู่ในกรมบัญชาการมหาดเล็ก.  ครั้นเมื่อต้นเดือนธันวาคมนี้ฉันได้ย้ายตำแหน่งมาเป็นผู้ช่วยเจ้ากรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์,  นับว่าเป็นของถูกใจของฉันทีเดียว,  เพราะฉันแลเห็นหนทางที่อาจจะได้ทำการตรงตามทางที่ฉันได้เล่าเรียนและชอบอยู่แล้ว.  ฉันหวังใจว่าจะได้ไปเป็นผู้เล็กเช่อร์พิเศษที่โรงเรียนมหาดหลวงด้วย.

ประพันธ์

ประพันธ์รู้สึกดีใจที่ตนเองจะได้ทำงานในสิ่งที่ตนเองชอบ ได้ใช้ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาซักที อีกอย่างที่ทำให้ประพันธ์ดีใจคือได้เลื่อนยศขึ้นเป็นนายหมู่เอก

การที่ฉันได้เคยเข้าไปฝึกหัดอยู่ในกองฝึกหัดนายทหารที่อ๊อกฟอร์ดนั้นเป็นผลดีแก่ฉันมากทีเดียว.  ตั้งแต่ที่ฉันได้เข้าไปประจำในกรมม้าหลวงแล้วฉันไม่ได้ขาดฝึกหัดเลย,  และฉันได้ตั้งใจฝึกหัดและฟังคำสั่งสอนจริงๆ.  มาถึงเวลานี้เขากำลังบรรจุตำแหน่งผู้บังคับบัญชา,  เตรียมสำหรับไปซ้อมรบในปลายปีนี้,  ฉันได้เป็นผู้รั้งผู้บังคับหมวดผู้ ๑,  และได้เลื่อนยศเป็นนายหมู่เอก,  เพราะฉะนั้นขอให้พ่อประเสริฐแสดงความยินดีกับฉันด้วย. 

ประพันธ์

เป็นคนขยันทำงาน ตั้งใจและแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ดี

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๑๔

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

ฉันได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นหลวงบริบาลบรมศักดิ์.  พอท่านเจ้ากรมบอกให้ฉันทราบฉันรู้สึกตัวเบาวูบขึ้นพิลึก, เพราะมิได้นึกเลยว่าจะได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเร็วเช่นนี้.  เมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่เขาเรียกไปเข้าแถวในพระที่นั่งไพศาลฉันรู้สึกว่าหน้าร้อนไปหมด, และรู้สึกประหม่าจนแทบไม่รู้ว่าเอาหัวหรือเอาตีนเดิน.  เมื่อถึงเวลาเข้าไปรับพระราชทานสัญญาบัตร  ฉันรู้สึกเหมือนคนทั้งหมดพากันจงใจจ้องดูฉันคนเดียว, ซึ้งทำให้ฉันประหม่าเหลือสติกำลัง;  แต่พอเข้าไปถึงหน้าพระบัลลังก์และเงยหน้าขึ้นรับพระราชทานสัญญาบัตร  เห็นพระเจ้าอยู่หัวทรงยิ้มน้อยๆฉันยินดีจนบอกไม่ถูก, กลับมาบ้านแล้วยังมานึกกระหยิ่มใจไม่หายเลย!

ประพันธ์เป็นคนที่ทำงานดีเพราะเขาสามารถเลื่อนขึ้นตำแหน่งหลวงได้โดยที่ตนเองอายุยังน้อย

- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

การชุมนุมและสวนสนามเสือป่าเมื่อวานนี้เป็นการเรียบร้อยดีตลอด, และฉันได้ทำหน้าที่ผู้บังคับหมวดออกงานเป็นครั้งแรก, รู้สึกภูมิพิลึก!

ประพันธ์

การทำงานครั้งนี้เป็นการทำงานครั้งแรกจึงมีความรู้สึกหลากหลายด้วยกันหนึ่งในนั้นคือความภูมิใจ

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๑๕

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

งานเฉลิมพระชนมพรรษาปีนี้อยู่ข้างจะสนุกมาก,   และไม่ใช่แต่ฉันที่เห็นเช่นนั้น;  คนอื่นก็เห็นด้วยเช่นเดียวกัน. เจ้าคุณตระเวนนครก็สนุกมากเหมือนกันตามประสาของเขา. เมื่อวันที่ ๑ มีการเต้นรำของกระทรวงต่างประเทศ พระยาตระเวนพาลูกสาวของเขาไป, แต่ไม่ได้พาแม่อุไรไปด้วย, เพราะยังไม่ได้เป็นผัวเมียกัน โดยทางราชการ

การที่ชายหญิงอยู่กินด้วยกันแล้วแต่ยังไม่ได้จัดทะเบียนสมรสจะไม่ถูกยอมรับในสังคมและไม่สามารถออกงานสังคมร่วมกันได้

มีผู้พูดกันอยู่หลายคนว่าถึงเวลาแล้วที่ไทยเราควรจะใช้ธรรมเนียมมีเมียคนเดียว,  แต่ก็ดูไม่มีใครเต็มใจที่จะเป็นผู้เริ่มถือธรรมเนียมนั้นโดยเคร่งครัดเลย.  แม้ผู้ที่ได้ไปเรียนยุโรปกลับมาก็มามีเมียมากๆเหมือนกัน

ในสมัยนั้นค่านิยมการมีภรรยาเพียงคนเดียวนั้นไม่ได้รับความนิยมเนื่องจากไม่มีใครเต็มใจทำและไม่มีใครคิดจะเริ่มต้น

ได้. ใครมีเมียคนเดียวออกจะถูกหาว่าเป็นคนโง่ด้วยซ้ำ. การมีเมียหลายๆคนไม่ทำให้ต้องรับความเสื่อมเสียอย่างไรเลย,

การมีภรรยาหลายๆคนในสมัยนั้นเป็นสิ่งถูกต้องและดูดีแต่การมีภรรยาเพียงคนเดียวกลับดูไม่ได้เรื่อง

ฝรั่งเขาถือว่า การเช่นนี้เป็นการส่วนตัวภายในบ้าน,  ซึ่งที่จริงก็ถูกอยู่,  เพราะถ้าเราไปใส่ใจมองดูการในบ้านของฝรั่งเขาบ้าง  ก็อาจจะไปพบเมียมอญเมียลาวของเขา,  ซึ่งเขาไม่อยากให้เราล่วงรู้ไปถึงเลย.

ฝรั่งจะไม่ยุ่งเรื่องครอบครัวของกันและกันเนื่องจากมันเป็นการละเมิดพื้นที่ส่วนตัว

- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

พระยาตระเวนแนะนำว่าถ้าแม่อุไรอยากไปในการเต้นรำนั้นด้วยก็ให้ไปกับพ่อ,แต่แม่อุไรฉุนเลยไม่ไป.  ข้อนั้นกลับทำให้พระยาตระเวนสนุกมากขึ้น, เพราะได้ไปวางท่าเป็นชายโสดได้อย่างถนัดดีตามเขาชอบ. ในคืนนั้นมีผู้สังเกตเห็นว่าเขาจะออกจะชอบผู้หญิงสาวคนหนึ่งมาก,  เพราะเห็นเต้นรำด้วยกันหลายหน, และเมื่อกินของว่างก็ไปนั่งกินอยู่ด้วยกัน. หญิงคนนี้ชื่อสร้อย,  เป็นลูกหลวงอะไรฉันก็ฟังไม่ถนัด,  รู้แต่ว่าเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนกับแม่ส่องแสงลูกสาวพระยาตระเวน, ฉะนั้นจึ่งรู้จักกันได้โดยสะดวกดีทีเดียว. ในคืนนั้นเมื่อกลับจากเต้นรำเขาเลยพากันไปกินข้าวต้มราชวงศ์ด้วยกัน.

พระยาตระเวนนคร

พระยาตระเวนเมืองเป็นคนเจ้าชู้มากเมื่อสบโอกาสก็มันจะเข้าไปจีบผู้หญิงคนอื่นที่ตนเองถูกใจในงานเสมอ


วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๑๖

- ด้านวิถีชีวิตและค่านิยม

เนื้อความในจดหมาย

วิเคราะห์

หน้า

เพื่อทำการฝึกซ้อมวิธียุทธอย่างเช่นที่เสือป่ากองเสนาหลวงรักษาพระองค์มาทำอยู่ในเวลานี้ 

เหล่าข้าราชการต้องเข้าฝึกวิธียุทธเสือป่าทุกคน

คือการสมาคม, ได้พบปะพูดจาอยู่ร่วมกับคนมากที่เป็นเพื่อนร่วมราชการ, ทำให้มีโอกาสได้รู้อกรู้ใจ  รู้ความคิดความเห็นของคนมากได้กว้างขวางขึ้นกว่าที่จะมีโอกาสในเวลาอยู่โดยปรกติ;  เพราะในเวลาอยู่ในกรุงเทพฯ  ต่างคนต่างมีราชการไปทำที่ออฟฟิศ, และพอหมดเวลาแล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป, ไม่ใคร่จะได้พบพบปะสมาคมกัน.

การทำงานในสมัยก่อนไม่ค่อยได้พูดคุยทำความรู้จักกับคนอื่นๆเนื่องจากเมื่อมาถึงที่ทำงานทุกคนก็ต่างพากันทำงานของตนและเมื่อหมดเวลาก็แยกย้ายกันกลับจึงไม่ได้รู้จักกับคนมากมาย

สโมสรที่มีสมาชิกเป็นอังกฤษอยู่มาก, และกรรมการเป็นอังกฤษ  เช่น  ราชกรีฑา, หรือเป็นสโมสรของอังกฤษแท้ๆ,เช่นบริติชคลับ  เป็นต้น

คนอังกฤษชอบเล่นกีฬาเห็นได้จากการเข้าร่วมสโมสรกีฬาของเขาและมีส่วนรับผิดชอบกับสโมสรเสมอ

ฝรั่งเศสมีสมาคมเรียกว่า  อัลลิยองส์ฟรังเซส

คนฝรั่งเศสไม่ชอบคบค้าสมาคมกับใคร

เมื่อก่อนสงครามมีสโมสรเยอรมันอยู่ที่ถนนสุริวงศ์แห่ง  ๑, ซึ่งพวกเยอรมันมันเข้าเป็นสมาชิกด้วยความมุ่งหมายทางการเมืองมากกว่าทางการสมาคม, คือเป็นที่ประชุมชมชาติเยอรมัน  สำหรับการคิดการเพื่อประโยชน์ของพวกเขา, หรือพูดกันตรงๆก็คือเป็นซ่องอั้งยี่กลายๆนั้นเอง.

คนเยอรมันเน้นคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าการคบค้าสมาคมซึ่งมี สโมสรเป็นที่รวมตัว

สโมสรจีนต่างๆฉันบอกไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร, เพราะไม่เคยเข้าไปพบไปเห็นของเขา, เป็นแต่เคยได้ยินเขาโจษกันว่าถ้าไม่เป็นบ่อนลับก็เป็นเทือกซ่องอั้งยี่, แต่ฉันไม่รับรองว่ามีความจริงแค่ใด.

คนจีนส่วนมากชอบดื่มสุราเล่นการพนันดูได้จากคำที่เขาพูดต่อกันมา

สโมสรไทยที่ตั้งยั่งยืนมาได้นานที่สุดก็คือสามัตยาจารย์สมาคม, ซึ่งออกจะผิดกับสโมสรธรรมดาอยู่หน่อย, โดยเป็นเจ้าของสำหรับจำเพาะข้าราชการกระทรวงเดียว, และราชการกระทรวงนั้นหนุนหลังอยู่จึงตั้งยืดอยู่ได้.

สโมสรไทยจะมั่นคงได้ต้องมีคนใหญ่คนโตคอยอุปถัมภ์

การที่สโมสรตั้งไม่ใคร่ติดได้ในเมืองเรา  เพราะคนไทยเราโดยมากเป็นผู้ที่รักบ้าน;  แต่ต้องอย่าเข้าใจผิดว่าเป็นอย่างเดียวกับที่เรียกว่า  โฮมไลฟ  ของอังกฤษ, เพราะบ้านของเราไม่ได้แปลว่าอยู่ในท่ามกลางลูกเมียโดยเงียบๆ.  บ้านของเราโดยมากตรงกันข้ามกับเงียบ  เมื่อในบ้านเดียวกันมีผู้หญิงที่ร่วมผัวอยู่ด้วยกันหลายๆคน, และผู้หญิงนั้นๆต่างคนต่างมีลูก, ซึ่งแก่งแย่งแข่งดีในระหว่างกันแลกันอยู่เสมอ, มีการหึงกันอยู่เสมอไม่มากก็น้อย, จะหาความเงียบที่ไหนมา?

ครอบครัวในสังคมไทยเป็นสัมคมที่ไม่สงบเนื่องจากมีเมียมากมีลูกมากและต่างคนก็ต่างแบ่งพรรคพวกแก่งแย่งชิงดีกัน

ตามประเพณีเดิมผู้ชายกับผู้หญิงเขาไม่เคยให้พบปะสมาคมกันเลยตามที่พ่อประเสริฐรู้อยู่แล้ว

ชาย หญิงในสมัยก่อนไม่มีโอกาสสนิทชิดเชื้อกันได้

        ในเวลานี้ได้เกิดมีของเปลี่ยนแปลงใหม่ขึ้นอีกอย่าง  ๑, คือการเล่นละครพูดให้ผู้ชายเป็นตัวผู้ร้าย, ผู้หญิงเป็นตัวผู้หญิง.  ฉันได้ดูมาหลายคราวแล้ว, ดูเป็นการเข้าทีดีอยู่. 

ละครพูดเป็นที่ถูกใจของคนในสมัยก่อน

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๑๗

- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

ตลอดเวลาเดือนก่อนนี้ฉันได้เขียนจดหมายมาถึงเพื่อนได้แต่ฉบับเล็กๆและเล่าแต่เรื่องซ้อมรบ, ซึ่งน่ากลัวจะได้ทำให้เพื่อนเบื่อมากกระมัง?  ถ้าเช่นนั้นก็ขอโทษเถิด, แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ฉันหาเรื่องอะไรมาเล่าให้ฟังไม่ได้จริงๆ, ธรรมดาอยู่เองที่ฉันจะหาเรื่องอะไรเล่ามาให้ฟังไม่ได้นอกจากเรื่องกิจการของฉันในหน้าที่เสือป่า, ที่กระทำอยู่เป็นการประจำ.  ฉันมีความยินดีที่ฉันได้เลื่อนยศเป็นนายหมู่ใหญ่ขึ้นแล้ว, นับว่าได้ขึ้นเร็วเกินกว่าที่ตัวฉันเองคาดหมาย.

ประพันธ์

แสดงให้เห็นว่าตั้งใจทำงานหมั่นฝึกฝนจนได้เลื่อนยศอย่างรวดเร็ว

พอฉันกลับมาถึงบ้านนี้ได้ไม่กี่วันก็ได้รับแขกอย่างผิดความคาดหมาย, คือแม่อุไร!  แปลกไหม?  ค่ำวันนั้นฉันนั่งอ่านหนังสืออยู่  คนใช้มาบอกว่าแม่อุไรมาหา, ในชั้นต้นฉันไม่เชื่อ; ฉันถามมันไปว่า:  “อุไรไหม?  คนใช้ทำหน้าเลิกลั้กแล้วตอบว่า:  “คุณอุไรน่ะสิขอรับ  ฉันทราบแน่ว่าคือเมียเก่าของฉันนั่นเอง, แล้วฉันก็ลุกออกไปหาที่ห้องรับแขก.  หล่อนแต่งตัวเรี่ยม, เสื้อแพรสีชมพูบางๆ, นุ่งผ้าซิ่นไหมชมพู, ประดับเครื่องเพชรพลอยน้อยๆพองาม, แล้วผัดหน้ามากไปสักหน่อย.  พอหล่อนเห็นฉันเข้าไปในห้องรับแขกหล่อนก็ลุกขึ้นยืน, ท่าทางออกจะไม่สู้สบายนักแต่ฝืนยิ้ม.  ฉันคำนับอย่างหน้าเฉยๆ, เชิญให้หล่อนนั่ง, และนั่งลงในที่ไม่ห่างเกินไป, แล้วถามว่าหล่อนมีความประสงค์อะไร, หล่อนเอ่ยขึ้นว่า :  “พูดยากนัก-!”  แล้วก็นิ่งอึ้ง; ฉันก็นั่งนิ่งรอฟังอยู่เฉยๆ.  สักครู่หนึ่งหล่อนพูดต่อไปว่า:  “คุณไม่ช่วยดิฉันบ้างเลยนี่คะ  ฉันตอบว่าฉันเสียใจ, ไม่ทราบว่าจะช่วยหล่อนได้อย่างไร.  หล่อนนิ่งอยู่อีกครู่ใหญ่ๆแล้วจึงพูด:  “ดิฉันผิดไปแล้ว, ผิดมากแต่ต้นจนปลาย; ดิฉันได้ทำให้คุณหลวงต้องรับความเดือดร้อนรำคาญมาแล้วมากมาย, และคุณหลวงควรจะเกลียดดิฉันจริงๆ.  แต่ถึงคุณหลวงจะเกลียดฉันสักปานใดก็คงไม่มากเท่าดิฉันชังตัวเองเป็นแน่.  พูดดังนี้แล้วหล่อนก็ควักผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตา.

ประพันธ์

ประพันธ์ไม่มีความยินดียินร้ายกับอุไรเลยแม้แต่แม่อุไรจะร้องไห้ก็ตามแต่ก็เพราะประพันธ์รู้จักปรามตัวเองไม่ให้เจ็บซ้ำสอง

เป็นอันได้ความว่า  พระยาตระเวนเจาต้องการบ้านที่ถนนราชประสงค์นั้นสำหรับให้แม่สร้อยเมียรักของเขาอยู่, เขาจึงขอให้แม่อุไรย้ายไปอยู่ที่อื่น.  ครั้นว่าแม่อุไรจะกลับไปอาศัยบ้านพ่อของตัวก็ยังกลัวเสียรัศมี, เหตุที่ได้พูดไว้แล้วว่าจะไม่พึ่งพาอาศัยพ่ออีกต่อไป.  นอกจากการที่จะไม่มีบ้านอยู่, มิหนำซ้ำเงินก็จะไม่มีใช้สอย,เพราะเงินที่พระยาตระเวนเคยให้อยู่นั้นก็ลดจำนวนลงทุกที, จนในที่สุดเขาไม่ได้ส่งไปให้สองเดือนแล้ว.  ฉันได้ทราบเรื่องราวตลอดแล้วเช่นนั้นฉันก็บอกแม่อุไรโดยตรงว่า  ฉันก็เสียใจที่หล่อนต้องรับความลำบากเช่นนั้น, แต่ขอให้หล่อนนึกดูว่า  หล่อนได้ขุดอู่ตามใจตนเองแล้ว  เมื่อนอนในอู่นั้นไม่สบายจะโทษใครได้, ส่วนการที่หล่อนกับฉันจะกลับดีกันใหม่นั้น, ฉันไม่แลเห็นหนทางที่จะเป็นไปได้, และผลที่จะได้ก็จะมีแต่ความร้อนใจไร้สุขด้วยกันทั้งคู่เท่านั้น, ขออย่าให้คิดต่อไปดีกว่า, และในที่สุดฉันแนะนำว่าให้หล่อนกลับไปง้อพ่อของหล่อน, และกลับไปอยู่กับพ่อดีกว่า.

ประพันธ์

ประพันธ์แสดงความเห็นใจแก่แม่อุไรแต่ก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือแม่อุไรเนื่องจากทั้งหมดแม่อุไรผิดเองและแนะนำให้แม่อุไรไปขอโทษคุณพ่อของอุไร

วิเคราะห์จดหมายฉบับที่๑๘

- ด้านนิสัยและลักษณะของตัวละคร

เนื้อความในจดหมาย

ตัวละคร

วิเคราะห์

หน้า

จริงอยู่หลวงพิเศษนั้นรูปร่างไม่ใช่เทวดาถอดรูป, แต่หวังใจว่าคงจะเข้าลักษณะขุนช้าง, คือ  ถึงรูปชั่วใจช่วงเหมือนดวงเดือน.

หลวงพิเศษผลพานิช

หลวงพิเศษเป็นคนไม่หล่อแต่จิตใจดี มีเมตตา

ฉะนั้นฉันขอบอกตรงๆว่าฉันได้รักผู้หญิงอยู่รายหนึ่งแล้ว, ซึ้งฉันหวังใจว่าจะได้เป็นคู่ชีวิตกันต่อไปโดยยั่งยืนจริงจัง.  หล่อนชื่อนาวสาว ศรีสมาน.  เป็นลูกสาวพระยาพิสิฐเสวก.  ฉันกับหล่อนได้คุ้นเคยพูดจากันเป็นที่ต้องใจแล้ว, และเจ้าคุณพิสิฐกับคุณพ่อของฉันก็ชอบกันมาก.  ฉะนั้นพอพ่อประเสริฐกลับเข้ามาถึงกรุงเทพฯก็เตรียมตัวไว้เป็นเพื่อนบ่าวทีเดียวเถิด!

ประพันธ์

ประพันธ์มีความรักครั้งใหม่และสันนิฐานว่ารักครั้งนี้จะยืดยาวและมีความสุข

 ด้านการนำความรู้ไปใช้

ลักษณะนิสัยของอุไร ใน ข้อใดที่สังคมไทยไม่ยอมรับมากที่สุด

ด้านเนื้อหา

ลักษณะนิสัยของอุไร ใน ข้อใดที่สังคมไทยไม่ยอมรับมากที่สุด

ด้านการนำความรู้ไปใช้

ลักษณะนิสัยของอุไร ใน ข้อใดที่สังคมไทยไม่ยอมรับมากที่สุด

ลักษณะนิสัยของอุไร ใน ข้อใดที่สังคมไทยไม่ยอมรับมากที่สุด


        จุดประสงค์ข้อที่ ๓ เพื่อสร้าง google sites ชื่อ  giftedyrc   เพื่อเป็นสื่อรวบรวมข้อมูลเรื่องหัวใจชายหนุ่มให้แก่ผู้ที่สนใจต้องการศึกษาสามารถเรียนรู้ได้ได้จัดทำgoogle sitesและ

ลักษณะนิสัยของอุไร ใน ข้อใดที่สังคมไทยไม่ยอมรับมากที่สุด

ลักษณะนิสัยของอุไร ใน ข้อใดที่สังคมไทยไม่ยอมรับมากที่สุด