ถ้ามนุษย์มี KPI ไว้วัดประสิทธิภาพการทำงาน เครื่องจักรก็มีสิ่งที่เรียกว่า Overall Equipment Effectiveness (OEE) เพื่อวัดประสิทธิผลการผลิตโดยรวมเช่นกัน โดยในบทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับรูปแบบการวัดผลนี้ เพื่อความเข้าใจและการทำงานที่ถูกต้องมากขึ้น Show OEE คืออะไร ทำไมถึงต้องรู้จักOverall Equipment Effectiveness (OEE): ประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร คือวิธีการคำนวณความสามารถในการทำงานทั้งหมดของเครื่องจักรภายในโรงงาน โดยอ้างอิงจากปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและสรุปออกมาเป็นตัวเลข โดยการคำนวณ OEE จะมีส่วนประกอบหลัก 3 อย่าง คือ
ซึ่งส่วนประกอบ 3 อย่างนี้ก็จะมีปัจจัยแยกย่อยลงไป เพื่อให้การคำนวณนั้นตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นภายในโรงงานมากที่สุด การคำนวณ OEEสำหรับการคำนวณ OEE ทางผู้ประกอบการจำเป็นต้องแยก Factor ย่อยๆ ของ OEE ออกมาก่อน แล้วจึงนำไปเข้าสูตรการคำนวณ OEE โดยมีรายละเอียดดังนี้ OEE = อัตราเดินเครื่องจักร x ประสิทธิภาพการเดินเครื่อง x อัตราคุณภาพ อัตราการเดินเครื่องจักร (Availability) อัตราการเดินเครื่องจักร = เวลาเดินเครื่องจักร/เวลารับภาระงาน เวลาเดินเครื่องจักร = เวลารับภาระงาน – เวลาในการหยุดเดินเครื่องจักร เวลารับภาระงาน = เวลาทำงานทั้งหมด-เวลาหยุดตามแผนงาน ตัวอย่างการหาอัตราเดินเครื่องจักร เครื่องจักรในโรงงานตัวหนึ่งมีเวลาทำงานทั้งหมด 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีการหยุดตามแผนงานสัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง มีเวลาสูญเสียจากการที่เครื่องจักรหยุด 2 ชั่วโมง ใน 1 สัปดาห์อัตราการเดินเครื่องจักรจะเป็นเท่าใด แทนค่าตัวแปร เวลารับภาระงาน = เวลาทำงานทั้งหมด – เวลาหยุดตามแผนงาน = 36-4 = 32 ชั่วโมง เวลาเดินเครื่องจักร = เวลารับภาระงาน – เวลาในการหยุดเดินเครื่องจักร = 32-2 = 30 อัตราการเดินเครื่องจักร = เวลาเดินเครื่องจักร/เวลารับภาระงาน = 30/32 = 93.75% ประสิทธิภาพการเดินเครื่องจักร (Performance Efficiency) การคำนวณประสิทธิภาพการเดินเครื่องจักรสามารถคำนวณได้ 2 แบบ โดยอ้างอิงจากเวลาในการใช้ตัวแปรด้านเวลาเพื่อคำนวณ หรือการคำนวณจากการผลิตชิ้นงาน โดยจะมีรายละเอียดดังนี้ การคำนวณประสิทธิภาพโดยคิดจากเวลา ประสิทธิภาพในการเดินเครื่องจักร = (เวลาเดินเครื่องทั้งหมด – เวลาในการหยุดเดินเครื่องจักร)/เวลาเดินเครื่องทั้งหมด การคำนวณประสิทธิภาพโดยคิดจากการผลิตชิ้นงาน ประสิทธิภาพการเดินเครื่องจักร = จำนวนชิ้นงานที่ผลิตได้/จำนวนชิ้นงานที่ควรผลิตได้ตามมาตรฐาน ตัวอย่างการหาประสิทธิภาพการเดินเครื่องจักร เวลาทำงานของเครื่องจักรเครื่องหนึ่ง มีการใช้เวลาทำงานจริงทั้งหมด 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งในช่วงเวลาการทำงานนั้นมีการหยุดทำงานเครื่องจักรไป 10 ชั่วโมง ประสิทธิภาพการเดินเครื่องจักรนี้คิดเป็นเท่าใด แทนค่าตัวแปร = (48-10)/48 = 79% อัตราคุณภาพ (Quality Rate) การคำนวณอัตราคุณภาพ เป็นอีกตัวแปรที่สามารถผ่านการคำนวณได้ 2 รูปแบบ รูปแบบแรกคือการหาอัตราคุณภาพผ่านตัวแปรด้านเวลา ส่วนอีกรูปแบบคือการหาอัตราคุณภาพผ่านชิ้นงานที่ผลิตได้ โดยมีการคำนวณดังนี้ การหาอัตราคุณภาพโดยคิดจากเวลา เวลาเดินเครื่องที่เกิดมูลค่า = เวลาเดินเครื่องสุทธิ – เวลาที่เสียไปจากการผลิตของเสีย อัตราคุณภาพ = เวลาเดินเครื่องที่เกิดมูลค่า/เวลาเดินเครื่องสุทธิ การหาอัตราคุณภาพโดยคิดจากสิ่งที่ผลิต อัตราคุณภาพ = (จำนวนชิ้นงานที่ผลิตได้-จำนวนชิ้นงานเสีย)/จำนวนชิ้นงานที่ผลิตได้ ตัวอย่างการหาอัตราคุณภาพ แทนค่าตัวแปร อัตราคุณภาพ = (จำนวนชิ้นงานที่ผลิตได้-จำนวนชิ้นงานเสีย)/จำนวนชิ้นงานที่ผลิตได้ = (500-50)/500 = 90% จากตัวอย่างที่ยกมา สมมติค่าตัวแปรดังนี้ การคิด OEEสมมติโจทย์ โดยคิดจากการทำงานของเครื่องจักรในตัวอย่าง อัตราเดินเครื่องจักร ประสิทธิภาพการเดินเครื่องจักร และอัตราคุณภาพของเครื่องจักร OEE = อัตราเดินเครื่องจักร x ประสิทธิภาพการเดินเครื่อง x อัตราคุณภาพ = 93.75% * 79% *90% = 66% ข้อควรระวังในการใช้ OEEต้องมีการเก็บข้อมูลที่ครบถ้วน แม่นยำ ทุกการคำนวณในโรงงานอุตสาหกรรม จะต้องมีการจดบันทึกที่ครบถ้วน ถูกต้อง หากขาดตัวแปรใดตัวแปรหนึ่งจะทำให้ข้อมูลในการคำนวณน้อยเกินไป ทำให้ผลการคำนวณออกมาไม่ตรงกับความเป็นจริง เกิดผลเสียในระยะยาว หน่วยการคำนวณต้องเหมือนกัน หากข้อใดข้อหนึ่งใช้ตัวแปรด้านเวลาเป็นหน่วยชั่วโมง ตัวแปรด้านเวลาของข้อที่เหลือจำเป็นต้องใช้หน่วยชั่วโมงเช่นกัน หากเป็นนาที ก็ต้องเปลี่ยนให้เป็นนาทีเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นข้อมูลที่คำนวณได้จะผิดเพี้ยน สำหรับการทำงานจริงแล้ว นอกจากการคำนวณด้วยบุคคล การใช้เครื่องมือประเภท IoT ในการเก็บข้อมูลการทำงาน ก่อนทำผ่านการประมวลผลด้วยโปรแกรมคำนวณค่าสำหรับโรงงาน อาจจะเป็นวิธีที่ดีกว่า ง่ายกว่า ลดความผิดพลาดได้มากกว่า เหมาะสำหรับการทำงานในระยะยาวเป็นอย่างยิ่ง สรุปบทความOEE ถือเป็นอีกหนึ่งการคำนวณสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย และภายในการคำนวณนั้นยังสามารถแบ่งส่วนประกอบย่อยๆ ออกมา เพื่อตรวจสอบการทำงานได้อีกด้วย ซึ่งการใช้ OEE ให้ดีที่สุดนั้น ต้องมีการเก็บข้อมูลที่ครบถ้วน และการคำนวณที่ถูกต้อง ถ้าคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการคำนวณในระบบอุตสาหกรรมหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ คุณสามารถสอบถามได้ที่นี่ ด้วยบริการให้คำปรึกษาจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค เครื่องมือ และเครื่องจักรกลคุณภาพสูง พร้อมให้บริการกับคุณอย่างเต็มที่
บริการด้านปรับปรุงไลน์การผลิตจากสุมิพลสุมิพลให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการปรับปรุงไลน์การผลิต ด้วยการวิเคราะห์ไลน์การผลิตของคุณจากหน้างานจริงเพื่อพัฒนาวางแผนระบบควบคุมการผลิตและการใช้งานเครื่องจักรที่เกี่ยวข้อง ด้วยบุคลากรคุณภาพ อุปกรณ์อัตโนมัติที่ทันสมัยและระบบเก็บข้อมูลด้วย IoT |