เมื่อเราใช้ความเร็วที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเราต้องใช้ระยะเบรคอย่างน้อยกี่เมตรเพื่อหยุดรถ

เมื่อเราใช้ความเร็วที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเราต้องใช้ระยะเบรคอย่างน้อยกี่เมตรเพื่อหยุดรถ

กดติดตาม ข่าวสารรถยนต์ เพียงกด Like ด้านล่างนี้

เมื่อเราใช้ความเร็วที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเราต้องใช้ระยะเบรคอย่างน้อยกี่เมตรเพื่อหยุดรถ

     ระยะเบรคของรถส่วนใหญ่จะการทดสอบที่ความเร็ว 100 – 0 km/hr  ซึ่งรถส่วนใหญ่จะทำได้ที่ระยะ 40 เมตร แต่ในvolvoxc90  ทำได้เพียง 36 เมตร

ในรถแข่งมักจะไม่มีระบบเบรค ABS เพราะการไม่มีจะทำให้รถระยะเบรคที่สั้นลง ระบบABS จะมีการจับและปล่อยเบรคเป็นระยะ  นักแข่งจะมีการฝึกการเหยียบเบรคลงน้ำหนักเท้าไม่ให้ล้อล๊อคหรือก่อนที่ระบบABS จะทำงาน  แต่ในคนทั่วไป ABSมีความสำคัญมากเพราะถ้าเหยียเบรคจนล้อล๊อคจะไม่สามารถควบคุมที่ทางักหลบสิ่งกีดขวางได้

เมื่อเราใช้ความเร็วที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเราต้องใช้ระยะเบรคอย่างน้อยกี่เมตรเพื่อหยุดรถ

ความเร็ว กับ อุบัติเหตุ…

การหยุดรถจะใช้ระยะทางมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับว่า รถวิ่งมาด้วยความเร็วเท่าใดและผู้ขับขี่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ (the reaction time) ได้ไวเพียงใด !!!

คิดที่จะเหยียบเบรค ที่ความเร็ว 100 กิโลเมตร / ชม. ใน 1 วินาที รถวิ่งไปกี่เมตร ?

ระยะหยุดรถ = ระยะคิด + ระยะเบรค

ระยะเบรค 100×100 /3600 = 27.7 เมตร

ระยะคิดได้ ในเวลา 0.75 x 27.7 = 20 เมตร
ระยะเบรค(รถเล็ก) = 60 เมตร

ระยะหยุดรถที่ความเร็ว 100 กม./ชม. = 20 + 60 = 80 เมตร (ถ้ารถบรรทุก x 3)

เมื่อเราใช้ความเร็วที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเราต้องใช้ระยะเบรคอย่างน้อยกี่เมตรเพื่อหยุดรถ

ระยะหยุด = ระยะคิด + ระยะเบรค

ระยะคิด : ขึ้นอยู่กับความสามารถทางสมองของผู้ขับขี่ ซึ่งเร็วช้าไม่เท่ากัน คนเดียวกันต่างเวลาต่างอารมณ์ก็ไม่เท่ากันทุกคน ระยะเบรค :เริ่มนับตั้งแต่เท้าเหยียบเบรคจนกระทั่งถึงจุดที่ระยะหยุด ซึ่งขึ้นกับชนิดของรถ ยาง, ลมยาง, ความเร็ว, ลักษณะถนน ฯลฯ

เมื่อคุณขับเร็วขึ้นสองเท่า คุณต้องการระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า”

ดังนั้นจึงต้องฝึกการตัดสินใจเหยียบเบรคให้เร็วและแรงขึ้น เพื่อลดเวลาทั้งระยะคิดและระยะเบรค เพราะถ้าคิดช้า 1วินาที ก็เสียระยะเบรคถึง27เมตรไปแล้ว

เมื่อเราใช้ความเร็วที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเราต้องใช้ระยะเบรคอย่างน้อยกี่เมตรเพื่อหยุดรถ

เมื่อเราใช้ความเร็วที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเราต้องใช้ระยะเบรคอย่างน้อยกี่เมตรเพื่อหยุดรถ

ชนที่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงรุนแรงแค่ไหน”

การตายและการบาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุ เกิดเนื่องจากการที่ร่างกายรับแรงจากการปะทะเกินกว่าขีดจำกัดที่ร่างกายมนุษย์จะรับได้
ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถทนต่อการบาดเจ็บ หากถูกชนด้วยความเร็วที่มากกว่า 30 กม./ชม.
การนั่งรัดเข็มขัดนิรภัยภายในรถสมัยใหม่ที่มีระบบความปลอดภัยเพียงพอ มักจะสามารถปกป้องชีวิตคนขับและผู้โดยสารได้ในกรณีที่
1. ขับรถยนต์ชนเสาหรือต้นไม้ที่ความเร็วต่ำกว่า 40 กม./ชม.
2. ถูกรถขนาดเดียวกันชนด้านข้างที่ความเร็วต่ำกว่า 50 กม./ชม.
3. ชนประสานงากับรถขนาดเดียวกันที่ความเร็วต่ำกว่า 70 กม./ชม.

“เลือกความเร็วที่ใช้ = เลือกความเร็วที่ชน”

การเลือกใช้ความเร็วอย่างปลอดภัย…

หลักการคือ “ เลือกใช้ความเร็วที่จะสามารถหยุดได้ทัน ”

Comments

comments

หน่วยที่ 6 การขับรถยนต์ให้ปลอดภัย

6.1 ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการขับรถ

6.1.1 ทราบถึงสิ่งที่เป็นสาเหตูที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุว่าเกิดจากเหตุใด 

เช่น เกิดจากสถาพบุคคล เกิดจากสภาพยานพาหนะ เป็นต้น

6.1.2 สามารถจำแนกได้ว่าในแต่ละสาเหตุที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุนั้นมีปัจจัยใดมาเกี่ยวข้อง

เช่น คนหนึ่งขับรถใช้ความเร็ว 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง

6.1.3 การตัดสินใจว่าจะทะอย่างไรให้ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด ในสถานการณืนั้น จะนำประสบการณ์ความรู้หรือข้อสังเกตุต่างๆ

6.1.4 มุมอันตรายในตัวรถยนต์ รถยนต์รอบคันจะมีมุมอันตราย มีจุดบอดในตัวรถ 

เช่น การมองด้านซ้าย (แถบซ้าย) การมองด้านขวา (แถบขวา) ของตัวรถ หรือการมองด้านหลังตัวรถยนต์ขณะขับขี่นั้นจะมองเห็นเฉพาะจุดไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด

6.1.5 การมองขณะขับรถ ขณะที่ขับรถต้องมองโดยคำนึงถึงระยะทางและเวลา 

เช่น ถ้าขับรถยนต์ด้วยอัตราความเร็ว 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง

6.1.6 ระยะทางสำหรับการหยุดรถยนต์ ป็นสิ่งจำเป็นในการขับขี่ที่ปลอดภัยที่จะต้องทราบ ระยะเบรกมี 2 ช่วง คือ

-ช่วงที่คุณคิดว่าจะต้องใช้เบรก คุณจะเสียระยะทางไปจำนวนหนึ่งก่อนที่เบรกจะเริ่มทำงาน
-ช่วงที่เบรกทำงาน จะใช้ระยะทางหนึ่งตั้งแต่เบรกเริ่มทำงานจนกระทั่งรถหยุดเคลื่อนที่
ระยะที่ต้องใช้ในการหยุดรถยนต์จะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัย หลายอย่าง ได้แก่
-อัตราเร็วในการขับขี่ของคุณ
-การขับขี่นั้นขึ้นทางชันหรือลงทางลาดหรือพื้นราบ
-สภาพภูมิอากาศและถนน
-สภาพของเบรกและยางรถยนต์ของคุณ
-การตอบสนองต่อการใช้เบรกของตัวคุณเองนั้นรวดเร็วเพียงใด

ถยนต์จะเคลื่อนที่ไประยะทางหนึ่งก่อนที่เบรกจะเริ่มทำงาน ระยะทางนี้จะสั้นหรือยาวขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาการตอบสนองของตัวคุณเอง โดยเฉลี่ยทั่วไปแล้วจะใช้เวลามากกว่าครึ่ง วินาที แต่ถ้าคุณเหน็ดเหนื่อยหรือไม่สบายจะใช้เวลามากกว่านี้
ถ้าคุณขับขี่ด้วยอัตราเร็วประมาณ 30 กม./ชม. คุณจะใช้ระยะทางประมาณ 6 เมตรก่อนเบรกจะเริ่มทำงาน
ที่อัตราเร็ว 50 กม./ชม. ระยะทางช่วงการคิดว่าจะใช้เบรกจะเป็น 9 เมตร และที่อัตราเร็ว 80 กม./ชม. ระยะทางช่วงการคิดจะเป็น 15 เมตร
ระยะทางช่วงที่เบรกทำงานแล้วนั้นจะสั้นหรือยาวขึ้นอยู่กับอัตราเร็ว ขนาด และนํ้าหนักของรถยนต์ ระยะทางช่วงการเบรกนี้มีความสำคัญต่อระยะทั้งหมด
ที่อัตราเร็ว 30 กม./ชม. เบรกที่ดีจะหยุดรถได้ในระยะทางประมาณ 6 เมตร บนถนนแห้ง
ที่อัตราเร็ว 60 กม./ชม. (เพิ่มขึ้นเท่าตัว) จะหยุดรถได้ในระยะทางประมาณ 24 เมตร ซึ่งจะเป็น 4 เท่า ของระยะที่ต้องใช้ที่อัตรา 30 กม./ชม.
ในสภาพภูมิอากาศที่เลว จะต้องเผื่อระยะทางไว้มากขึ้นกว่าปกติ เพราะการยึดเกาะถนนของยางจะเลวลงในขณะที่ถนนเปียก
ระยะทางการเบรกทั้งหมดจะเป็นผลรวมระหว่างระยะทางช่วงการ คิดว่าจะใช้เบรกกับระยะทางช่วงที่เบรกทำงาน

6.1.7 การใช้สัญญาณ

    1. สัญญาณไฟเลี้ยว เป็นสัญญาณที่ถูกละเลยและทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งเมื่อรถที่จะเปลี่ยนช่องทางแต่ดันไม่เปิดสัญญาณ ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดความใส่ใจระลึก
    2. สัญญาณเสียงแตร แตรคือต่อย เสียงแตรในปัจจุบันท่ามกลางสภาพการจราจรในเมืองใหญ่กลายเป็นเสียงแห่งการกระตุ้นความโกรธสำหรับนักขับอารมณ์ร้อน ไม่ควรบีบแตรแบบ
    3. สัญญาณไฟฉุกเฉินหรือไฟขอทาง ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ สัญญาณฉุกเฉินที่เห็นกันจนชินตาในบ้านเราเกิดจากการใช้ตามความเข้าใจของตนเองเป็นหลัก 
    4. สัญญาณไฟสูง การกะพริบไฟสูงเปรียบเหมือนการแจ้งเตือนคล้ายกับการใช้สัญญาณแตร มักใช้ในเวลากลางคืนแต่ก็ใช้ตอนกลางวันในบางจังหวะจะโคนที่ต้องการเตือนรถ

    5. สัญญาณขอบคุณรถคันอื่น การก้มหัวขอบคุณให้กับรถที่หยุดให้ทางคุณอย่างมีน้ำใจนั้นแทบจะหายไปบนท้องถนนของประเทศไทย แม้จะติดฟิลม์จนมืดราวกับถ้ำหมี 
6.1.8  การใช้ไฟฉุกเฉิน

    1. ในกรณีที่ต้องข้ามสี่แยกที่ไม่มีไฟจราจร การเลือกเปิดไฟฉุกเฉิน “ถือว่าไม่ถูกต้อง” เพราะอย่างที่ผมบอกครับว่ามันจะทำให้เราเห็นไฟจากรถที่มาทางด้านซ้ายกับด้านขวากระพริบเพียงข้างเดียวเท่านั้น และทำให้เราเข้าใจผิดว่ารถคันนั้นจะเลี้ยว ดังนั้นวิธีที่ถูกต้องในกรณีที่ต้องขับรถข้ามสี่แยกที่ไม่มีไฟจราจร คือ ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน ใช้การชะลอรถ พร้อมกับสังเกตรถที่มาจากรอบด้านให้ดี เมื่อมั่นใจว่าสามารถขับผ่านไปได้แล้ว จึงค่อยๆ เหยียบคันเร่งไปครับ

    2. ไฟฉุกเฉินสำหรับรถที่จอดเสีย หรือจอดนิ่งเฉยๆ ซึ่งตาม พรบ. จราจร มาตรา 9 และกฏหมาย ข้อ 11 กำหนดให้ใช้ไฟฉุกเฉิน เฉพาะกรณีรถเสียที่จอดอยู่กับที่เท่านั้น

    3. ในกรณีที่ขับรถในขณะฝนตกหนัก หรือทัศนวิศัยแย่ การเปิดไฟฉุกเฉินถือเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะหากคุณต้องการเปลี่ยนเลน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เนื่องจากรถที่วิ่งมาในเลนที่คุณต้องการจะไป อาจไม่รู้ว่า จริงๆ คุณเปิดไฟฉุกเฉินหรือแค่ไฟเลี้ยว ฉะนั้นในกรณีที่ขับรถเมื่อฝนตกหนัก หรือทัศนวิศัยแย่ การชะลอความเร็วและเปิดไฟหน้าจึงเป็นวิธีที่ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างปลอดภัยและถูกต้องครับ

4. การใช้ไฟฉุกเฉินพร่ำเพื่อ แถมจอดแช่นิ่งๆ อาจทำให้รถที่ขับตามมาเข้าใจผิดว่ารถคันนั้นเสีย จนทำให้เกิดการจราจรที่ติดขัดตามมา

6.1.9 การใช้ไฟเลี้ยว เพื่อให้เพื่อให้ทางการแซง

ให้ดูความเร็วของรถยนต์ตัวเองเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น หากใช้ความเร็ว 30 กม./ชม. ให้เปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าก่อนอย่างต่ำ 30 เมตร หรือหากใช้ความเร็ว 60 กม.ชม. ให้เปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าก่อนอย่างต่ำ 60 เมตร ทั้งนี้ เพื่อให้รถด้านหลัง เตรียมตัวชะลอ หรือตัดสินใจเปลี่ยนช่องทางเดินรถไป

6.2 การคาดคะเนล่วงหน้า

ในระหว่างการขับขี่จะต้องระมัดระวังข้างหน้า-ข้างหลัง อยู่ตลอดเวลา และจำเป็นจะต้องรู้อย่างถูกต้องและรวดเร็วเกี่ยวสถาพของถนนเป็นต้น

เมื่อเราใช้ความเร็วที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเราต้องใช้ระยะเวลาเบรคอย่างน้อยกี่เมตรเพื่อหยุดรถ

สำหรับระยะเบรกของการขับรถด้วยความเร็วในระดับต่างๆ สามารถประมาณได้ดังนี้เลยครับ ถ้าขับรถด้วยความเร็ว 60 กม. / ชม. จะต้องใช้ระยะเบรกอย่างน้อยที่สุดคือ 34 เมตร ถ้าขับรถด้วยความเร็ว 80 กม. / ชม. จะต้องใช้ระยะเบรกอย่างน้อยที่สุดคือ 54 เมตร ถ้าขับด้วยความเร็ว 100 กม. / ชม. จะต้องใช้ระยะเบรกอย่างน้อยที่สุดคือ 80 เมตร

เมื่อเราใช้ความเร็วที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเราต้องใช้ระยะเบรคอย่างน้อยกี่เมตรเพื่อหยุดรถ

ขับขี่รถอย่างปลอดภัยต้องเว้นระยะให้ห่างเพียงพอกันด้วยนะครับ การเว้นระยะเบรกที่ปลอดภัยกับความเร็วรถที่เราใช้อยู่ โดยทั่วไปแล้วทุก ๆ อัตราเร็ว 10 กม./ชม.จะเว้นระยะห่างไว้ 5 เมตร เช่น อัตราเร็ว 50 กม./ชม. จะเว้นระยะห่างไว้ 25 เมตร เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วระยะห่างขนาดนั้น คงเป็นเรื่องยาก ดังนั้น เราสามารถลดระยะลงมาได้ ...

ระยะเบรค คืออะไร

โดยระยะการหยุดปลอดภัย หรือระยะทางที่ผู้ขับขี่ใช้ในการหยุดรถเมื่อเห็นอุปสรรคอยู่ข้างหน้านั้น มาจากสูตรการคำนวณดังนี้ ทั้งนี้หากวิเคราะห์จากความเร็วของรถที่ขับขี่ จะคำนวณออกมาได้เป็นระยะเบรก ซึ่งมีทั้งระยะเบรกขั้นแรก คือ ระยะในช่วงของความคิดหรือการตอบสนองของผู้ขับขี และระยะหลังจากนั้น จนนำไปสู่ระยะหยุดรถได้

ควรเบรครถระยะกี่เมตร

ให้คันหลังที่ขับตามมาควรทิ้งระยะห่างจากคันหน้าในระยะที่ผู้ขับขี่คิดว่าปลอดภัย โดยสามารถเทียบเป็นระยะทางได้ง่ายๆ ถ้าขับด้วยอัตราเร็ว 10 กม./ ชม. ควรจะเว้นระยะห่างไว้ 5 เมตร ยกตัวอย่างเช่น ถ้าวิ่งด้วยอัตราเร็ว 60 กม./ชม. จะเว้นระยะห่างไว้ 30 เมตร