หูดับเฉียบพลัน (Sudden Sensorineural Hearing Loss) อาการดังกล่าวเป็นภาวะการสูญเสียการได้ยินที่เกิดจากประสาทรับเสียงบกพร่องทันทีทันใด พบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิงทุกช่วงวัย ส่วนสาเหตุของการเกิดโรคในปัจจุบันยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด อาจเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหู การติดเชื้อไวรัส เนื้องอกที่ประสาทหู หรืออาจเกิดจากมีความผิดปกติของสมอง โรคเบาหวานและไขมันในเลือดสูง อาการของภาวะหูดับเฉียบพลัน
การตรวจวินิจฉัย หากมีความผิดปกติตามอาการข้างต้นเกิดขึ้น แนะนำให้รีบพบแพทย์เฉพาะทาง หู คอ จมูก เพื่อซักประวัติและรับการตรวจร่างกาย รวมถึงตรวจการได้ยินด้วยเครื่อง Audiometer และตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ การรักษาภาวะหูดับเฉียบพลัน
การเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เฉพาะทาง หู คอ จมูก โดยเร็วที่สุดตั้งแต่เกิดความผิดปกติทางหู จะช่วยลดโอกาสในการสูญเสียการได้ยิน และเป็นการเพิ่มโอกาสทำให้ผู้ป่วยได้รับการได้ยินคืนมาเหมือนปกติอีกด้วย 2022-03-16T13:33:52+00:00
หูอื้อ หูอื้อ เป็นอาการอย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยได้รับความใส่ใจมากเท่าไรนัก เพราะบางคนคิดว่า เมื่อเกิดอาการหูอื้อ ไม่นานเดี๋ยวอาการก็หายไปเอง จึงมักจะถูกปล่อยปละละเลย และไม่เห็นถึงความสำคัญของอาการหูอื้อ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วนั้น เราควรจะทำความรู้จักเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นตามมาที่หลังเมื่อเกิดอาการหูอื้อขึ้น ดังนั้น วันนี้ เดียร์เฮียริ่ง เราจะพาไปดูกันว่า อาการหูอื้อ เกิดจากอะไร? และมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง? อาการหูอื้อ คืออะไร? หูอื้อ (Tinnitus) คือ อาการ หรือภาวะอย่างหนึ่งที่ทำให้การได้ยินลดน้อยลงไป เหมือนมีบางอย่างไปกั้นอยู่บริเวณรูหู แต่สำหรับบางรายที่มีอาการหูอื้ออาจจะได้ยินเสียงอยู่ในหู ไม่ว่าจะเป็นเสียงแมลง หรืออาจจะเป็นเสียงหึ่ง ไม่เพียงเท่านั้น ยังอาจจะได้ยินเสียงอื่นๆร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการกลืนอาหาร ดื่มน้ำ ทำให้เกิดความรู้สึกหงุดหงิด และชวนให้น่ารำคาญได้ตลอดเวลา ประเภทของอาการหูอื้อ อาการหูอื้อ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ซึ่งก็มีดังนี้
สาเหตุของอาการหูอื้อ อาการหูอื้อสามารถที่จะเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหูอื้อก็มีดังต่อไปนี้
การรักษาอาการหูอื้อ อาการหูอื้อจะใช้วิธีการรักษาตามสาเหตุที่เกิด ตัวอย่างเช่น
อาการหูอื้อ มีลักษณะอาการอย่างไร? อาการหูอื้อสามารถแบ่งออกไปได้จากรูปแบบลักษณะเสียง ดังนี้
ภาวะแทรกซ้อน เมื่อมีอาการหูอื้อ ก็สามารถที่จะส่งผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ ร่างกายอ่อนเพลียง่าย , เกิดปัญหาความเครียด , มีปัญหาด้านความวิตกกังวลมากยิ่งขึ้น และมีปัญหาด้านความจำ การวินิจฉัย การวินิจฉัยอาการหูอื้อ โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะมีการตรวจประวัติต่างๆ โดยละเอียด โดยเฉพาะหู เพื่อที่จะใช้ในการวินิจฉัย เช่น ที่มาของเสียงนั้นมาจากหูชั้นใด และบางรายอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับเส้นประสาท นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีปัญหาตรงที่ไม่สามารถทำการตรวจเจอสาเหตุของอาการหูอื้อได้อย่างชัดเจนตรงจุด เพราะฉะนั้นแพทย์อาจจะต้องมีการตรวจการได้ยิน (Audiogram) เพื่อตรวจดูความถี่ที่ได้ยินร่วมด้วย และอาจจะต้องมีการตรวจเพื่อหาโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ทั้งในเรื่องของเนื้องอกและการแสกนสมองด้วยคลื่นไฟฟ้า วิธีรักษาอาการหูอื้อ สำหรับวิธีรักษาอาการหูอื้อ สามารถที่จะแบ่งประเภทของการรักษาไปตามสาเหตุที่เกิดขึ้น ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งก็มีดังนี้
รักษาอาการหูอื้อจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
รักษาอาการหูอื้อด้วยตัวช่วยอื่นๆ
วิธีป้องกันอาการหูอื้อ สำหรับวิธีป้องกันอาการหูอื้อนั้น สามารถทำได้จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ โดยสามารถทำได้ดังนี้
การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันหูอื้อ
แม้หลายคนอาจคิดว่าหูอื้อ เป็นเพียงอาการที่อาจเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ชั่วคราวก็หายไปเองได้ แต่กระนั้นก็ไม่ควรชะล่าใจอย่างเด็ดขาด เพราะหากปล่อยให้เกิดหูอื้อนานๆ ก็อาจไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกายและสภาพจิตใจได้ ดังนั้น รีบไปพบแพทย์เมื่อมีอาการหูอื้อเป็นเวลานานหรือพบว่ามีอาการผิดปกติ เพื่อให้แพทย์หาสาเหตุและทำการรักษาอย่างถูกจุดต่อไป ขอขอบคุณที่มาจาก >>> https://www.honestdocs.co/ |