การเขียนย่อความหมายถึง การนำใจความสำคัญของเรื่องมาเรียบเรียงใหม่ เพื่อให้สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย เพื่อให้สะดวกในการอ่าน Show
การเขียนย่อความเป็นการเขียนจากการอ่านเก็บใจความสำคัญเรื่อง แล้วนำมาเรียบเรียงใหม่เป็นถ้อยคำสำนวนของผู้เขียนเอง โดยเขียนในรูปแบบของย่อความ หลังจากที่อ่านเนื้อหาที่ย่อความแล้วยังสามารถที่จะเข้าใจเนื้อหาได้ทั้งหมด จุดหมายในการเขียนย่อความ ๑. เพื่อนิยามความหมาย ๒. เพื่อสรุปย่อความ ๓. เพื่อเล่าเรื่องย่อ หลักในการเขียนย่อความ ๑. อ่านเนื้อเรื่องโดยละเอียดอย่างน้อย ๒ รอบ เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหา อะไร ใครทำอะไร กับใคร ที่ไหน เมื่อไร มีผลเป็นอย่างไร และสุดท้ายเป็นแบบใด ๒. แยกว่า เนื้อหาที่นำเสนอเป็นงานเขียนแบบใด ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น หรือแสดงอารมณ์ ๓. บันทึกเนื้อหาที่สำคัญเป็นถ้อยคำของผู้เขียน ๔. ตัดเนื้อหาที่ไม่จำเป็นออก เช่น การยกตัวอย่าง รายละเอียด ส่วนผสม การเปรียบเทียบ ๕. ถ้ามีเนื้อหาเกี่ยวกับคำพูด ต้องเปลี่ยนสรรพนามบุรุษที่ ๑ และ ๒ กลายเป็นสรรพนามบุรุษที่ ๓ ๖. ไม่ควรย่อความเป็นอักษรย่อ ยกเว้นคำที่เข้าใจดี เช่น พ.ศ. ๗. ใช้คำสั้นที่สุดและเข้าใจง่าย ๘. ใช้คำที่ครอบคลุม เช่น ชาวสวน ชาวนา ชาวไร่ ให้ใช้คำว่า เกษตรกร แทน ๙. ในกรณีที่เป็นคำราชาศัพท์ก็ต้องเขียนให้ถูกต้อง ห้ามย่อความ ๑๐. คำบางคำที่ต้องแปลความหมายควรเปลี่ยนเป็นคำที่อ่านง่าย เช่น มวลบุปผาชาติสุมาลีส่งกลิ่นขจรอบอวล ในไพรสณฑ์ ควรเขียนใหม่ว่า เหล่าดอกไม้ในป่าส่งกลิ่นหอม รูปแบบของการเขียนย่อความ การย่อโอวาทย่อโอวาทของ.................................... เนื่องในโอกาส..................................................... เมื่อวันที่.............เดือน....................พ.ศ. ..................จากหนังสือ.................................................. ความว่า ........................................................................................................................... การย่อประกาศย่อประกาศของ ............................................เรื่อง ........................................................... แด่ ...............................................................เนื่องในโอกาส.......................................................... เมื่อวันที่ ..............เดือน..................พ.ศ. ...................จากหนังสือ........................................................ ความว่า .......................................................................................................................... การย่อบทสัมภาษณ์ย่อบทสัมภาษณ์เรื่อง........................................................................................................ ผู้ให้สัมภาษณ์ ..................................................................มีอาชีพ................................................ ความว่า ......................................................................................................................... การย่อบทความบทความเรื่อง ...........................................................ของ ............................................ จากหนังสือ ............................................................................................................................... ความว่า ....................................................................................................................... รู้และใบงาน การเขียนย่อความ เป็นการเก็บความเรื่องหรือข้อความที่นักเรียนได้อ่านหรือได้ฟังจากสื่อต่าง ๆ มาเขียน โดยยังคงเนื้อความที่สำคัญและจำเป็นสำหรับเรื่องราวนั้น รวมทั้งเกี่ยวข้องกับจุดมุ่งหมายของผู้เขียน การย่อความนั้นจะต้องเรียบเรียงด้วยภาษาที่กระชับชัดเจน มีเนื้อหาถูกต้องตามต้นเรื่องเดิม ๑.อ่านต้นเรื่องอย่างละเอียดตลอดเรื่อง
ถ้ามีประโยคหรือข้อความใดที่สงสัย ก็ต้องอ่านทบทวนและตีความให้แตก อย่าปล่อยให้เนื้อความตอนใดผ่านไปโดยที่ยังเข้าใจไม่ชัดเจน ส่วนประกอบของย่อความ ย่อ นิทานคำกลอน เรื่อง พระอภัยมณี ของ สุนทรภู่ ตอน พระอภัยมณีหนีผีเสื้อสมุทร จากหนังสือเรื่องพระอภัยมณี หน้า ๑๔๕- ๑๖๐ ความว่า พระอภัยมณีอยู่กับผีเสื้อสมุทรจนมีลูกอยู่ด้วยกัน คือสินสมุทร..................................... ๒.งานเขียนประเภทร้อยแก้ว เช่น นิทาน ตำนาน บทความ สารคดี ต้องบอก ประเภทของความเรียงร้อยแก้ว ชื่อเรื่อง ผู้แต่ง ชื่อหนังสือ หน้าใดแบบฟอร์มย่อ.....(ประเภทของความเรียงร้อยแก้ว).......เรื่อง......( ชื่อเรื่อง).......ของ.......(ชื่อผู้แต่ง)..... จาก.......(ชื่อหนังสือ)........หน้า.......(เลขหน้า)........ความว่า............... (ใจความ)....................................................................................................................................................................................................................................................................................ตัวอย่างย่อ บทความ เรื่อง กรุงเทพฯ เมืองสีเขียว ปลอดขยะ ของ สุนิรินธน์ จิระตรัยภพ จากเนชั่น สุดสัปดาห์ ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๘๕๙ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ หน้า ๑๕ ความว่า กรุงเทพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นเมืองที่ติดอันดับน่าท่องเที่ยว....................๓.งานเขียนประเภท ประกาศ แถลงการณ์ กำหนดการณ์ ระเบียบคำสั่ง ให้บอกชื่อประเภท ชื่อเรื่อง ผู้แต่ง วัน เดือน ปีแบบฟอร์มย่อ.....(ประเภทของงานเขียน).......เรื่อง......( ชื่อเรื่อง)..............ของ.......(ชื่อผู้แต่ง)........ วัน เดือนปี ............. ความว่า............... (ใจความ)............................................................................................................................................................................................................................... ตัวอย่างย่อ กำหนดการ เรื่อง พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ของ สำนักพระราชวัง (วัน เดือน ปี)ระหว่างวัน ที่ ๑๔-๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ความว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีเสด็จพระราชดำเนินยังพิธีเพื่อ.............. ๔.งานเขียนประเภท พระราชดำรัส พระบรมราโชวาท โอวาท ปาฐกถา สุนทรพจน์ คำปราศัย ให้ระบุว่าพระราชดำรัส พระบรมราโชวาท โอวาท ฯลฯ เป็นของใคร แสดงแก่ใคร ชื่อเรื่อง โอกาส สถานที่ วัน เดือน ปีแบบฟอร์มย่อ.....(ประเภทของงานเขียน)....... ของ.......(ชื่อผู้แต่ง)........ พระราชทานแก่.................เรื่อง......( ชื่อเรื่อง)..............ในโอกาส..............ณ..............เมื่อวันที่............. ความว่า...............(ใจความ)......................................................................................................................................................................................... ตัวอย่างย่อ พระราโชวาท ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาส พิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประจำปีการศึกษา ๒๕๔๙ ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตองครักษ์ จังหวัดนครนายก เมื่อ วันจันทร์ ที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๔๙ ความว่า ขอให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาพึงตระหนักไว้ว่าทุกท่านเป็นผู้ซึ่ง..............๕.งานเขียนประเภทจดหมาย ให้ระบุว่าเป็นจดหมายของใคร ถึงใคร ชื่อเรื่อง วัน เดือน ปีแบบฟอร์มย่อจดหมายของ.....(ผู้เขียน).......ถึง......( ผู้รับ)............เรื่อง.......(ชื่อเรื่อง)........ วัน เดือนปี ............. ความว่า...............(ใจความ)......................................................................................................................................................................................................................... ตัวอย่างย่อจดหมายของ นายแพทย์ประเวศ วะสี ถึง บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชน เรื่อง การดำรงชีวิตตามแนวพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียง วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ความว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระอัฉริยภาพและทรงห่วงใยผสกนิกร..............๖.หนังสือราชการ ให้ระบุว่า เป็นหนังสือราชการของใคร ถึงใคร ชื่อเรื่อง เลขที่หนังสือ วัน เดือน ปีแบบฟอร์มย่อหนังสือราชการของ.........(ผู้เขียน).......ถึง......( ผู้รับ)............เรื่อง.......(ชื่อเรื่อง)........เลขที่......(เลขที่หนังสือ)...... วัน เดือนปี ............. ความว่า..............(ใจความ)............................................................................................................................................................................................ ตัวอย่างย่อหนังสือราชการของ กระทรวงศึกษาธิการ ถึง มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เรื่อง ขอเชิญสัมมนาเรื่อง “แนวโน้มการพัฒนามหาวิทยาลัยในอีก ๒๐ ปีข้างหน้า” เลขที่ ศธ ๒๕๕๑/๒๓๔ ลงวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ความว่า จากการพัฒนาทางด้านการศึกษาเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นสากล..............เทคนิคในการสังเกตเนื้อหาของบทความไม่ว่าจะเป็นในบทพูดหรือบทเขียน แบ่งออกเป็น ๓ ลักษณะ ดังนี้๑. ข้อเท็จจริง คือ เรื่องราวหรือเหตุการณ์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร มีสภาพ มีลักษณะ มีขนาด มีปริมาณ ที่สามารถพิสูจน์ได้ เช่น “นายวิโรจน์ ประพฤติดี สอบได้ที่ ๑”๒. ข้อคิดเห็น คือ ข้อความแสดงความเชื่อ หรือแสดงแนวคิด หรือแสดงความรู้สึกที่ผู้กล่าวมีต่อบุคคลใด หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่อาจพิสูจน์ได้ เพราะเป็นเรื่องของความรู้สึกนึกคิดของผู้พูดหรือผู้เขียน เช่น “นายวิโรจน์ ประพฤติดี คงขยันเรียน”๓. ข้อความแสดงอารมณ์ความรู้สึก เป็นข้อความที่ทำให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านรู้ได้ว่าผู้ส่งสารมีอารมณ์หรือความรู้สึกอย่างไร เช่น เศร้าโศก เหงา ดีใจ ฯลฯ เช่น “ผมสะท้อนใจทุกครั้งที่เอาผลการเรียนไปให้คุณแม่ ผมไม่เคยทำตามที่ท่านหวังได้เลยสักครั้ง”ประเภทของการย่อความการย่อความอาจแบ่งได้ ๒ แบบ ดังนี้๑. แบ่งตามรูปแบบของบทความที่นำมาย่อ ได้ ๒ ประเภท คือ๑.๑ การย่อบทความที่เป็นร้อยแก้ว๑.๒ การย่อบทความที่เป็นร้อยกรอง๒. แบ่งตามลักษณะของเนื้อเรื่องที่ย่อแล้ว ได้ ๒ ประเภท คือ๒.๑ การย่อความอย่างธรรมดา คือ การย่อที่นำเอาเฉพาะเนื้อหาที่สำคัญหรือที่เรียกว่าใจความและพลความที่สำคัญ ที่เด่นในแต่ละย่อหน้ามาเรียบเรียงด้วยถ้อยคำสำนวนของผู้ย่อเองประโยชน์ของการย่อความแบบธรรมดา คือ๑. การเก็บข้อมูลเพื่อเขียนเรียงความและเขียนรายงานวิชาการ๒. การบันทึกทางวิชาการ เพื่อทบทวนความคิด ความจำในการเตรียมสอบ๒.๒ การย่อความอย่างสั้นที่สุด หรือที่เรียกว่า การสรุปความ คือ การย่ออย่างสั้นที่สุดจะกล่าวเฉพาะความคิดที่สำคัญที่สุด โดยไม่ต้องนำพลความที่สำคัญมาประกอบ แล้วนำมาเรียบเรียงใหม่ด้วยถ้อยคำสำนวนของผู้ย่อเอง ผู้ย่อต้องตีความหรือจับความคิดของผู้เขียนให้ได้ว่าต้องการเสนอเรื่องใดเป็นสำคัญประโยชน์ของการสรุปความ คือ๑. เมื่อต้องการกล่าวเฉพาะประเด็นความคิดที่สำคัญที่สุด๒. เป็นประโยชน์ในการสรุปเรียงความ และการตอบข้อสอบที่ต้องการให้ตอบสั้น ๆหลักการเขียนย่อความ๑.อ่านเรื่องที่ต้องการย่อความให้ละเอียด สรุปให้ได้ว่าเรื่องอะไร ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร บังเกิดผลเช่นไร๒.แยกข้อความที่อ่านให้ได้ในแต่ละย่อหน้าว่า ข้อความใดเป็นใจความสำคัญ ข้อความใดเป็นพลความ จากนั้นจดบันทึก๓.นำใจความทั้งหมดที่จับได้มาเรียบเรียงใหม่โดยใช้ภาษาของตนเอง และต้องมีคำเชื่อมเพื่อให้เนื้อความสัมพันธ์กันโดยต้องตัดข้อความที่ซ้ำซ้อนกันออก แต่ข้อความที่ไม่สัมพันธ์กันให้ย่อหน้าเป็นตอน ๆ๔.ความสั้นยาวของการย่อความไม่สามารถกำหนดเป็นอัตราส่วนได้ ขึ้นอยู่กับ จุดประสงค์ของการย่อและลักษณะของเรื่องที่ย่อ ลักษณะของเรื่องก็คือเรื่องใดที่มีใจความ ประกอบมากถ้าเราเก็บเฉพาะใจความสำคัญก็ย่อได้สั้น ถ้าเก็บใจความประกอบที่จำเป็นด้วย อัตราส่วนความยาวจะเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีเกณฑ์กำหนดเรื่องอัตราส่วนของย่อความ๕.คำที่ยากและยาวให้เปลี่ยนใช้คำธรรมดาที่เข้าใจง่าย สั้น กระทัดรัด ได้ใจความ ไม่เยิ่นเย้อ เลือกใช้คำได้ความหมายครอบคลุม เช่น เมื่อกล่าวถึงหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ควรใช้คำว่า “สื่อสารมวลชน” หรือเมื่อกล่าวถึงสมุด ดินสอ ปากกา ยางลบ ไม้บรรทัด ควรใช้คำว่า “เครื่องเขียน” แทน เป็นต้น๖.หากความเดิมใช้ราชาศัพท์ เมื่อนักเรียนย่อความต้องยังคงใช้คำราชาศัพท์ด้วย๗.ไม่ย่อคำ หรือใช้อักษรย่อ เว้นแต่อักษรย่อ หรือคำย่อนั้นเป็นที่เข้าใจและยอมรับใช้กันทั่วไปแล้ว เช่น พ.ศ. , ร.ร., ฯลฯและไม่ใช้เครื่องหมายอัญประกาศ(เครื่องหมายคำพูด)และเครื่องหมานนขลิขิต(วงเล็บ)๘.ให้เปลี่ยนสรรพนามบุรุษที่ ๑ และ ๒ เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๓ โดยอาจเอ่ยชื่อแทน สรรพนามบุรุษที่ ๓ เพราะผู้ย่อทำหน้าที่เล่าต่อ และเครื่องหมายใด ๆ ที่มีอยู่ในข้อความเดิม จะไม่ใช้ในย่อความ เช่น มาลีพูดว่า “พ่อมาแล้ว” เปลี่ยนเป็นเธอพูดว่าพ่อมาแล้ว คือให้ย่อรวมกันไป ไม่แยกกล่าวหรือขึ้นบรรทัดใหม่๙.ถ้าเป็นบทสนทนาต้องเปลี่ยนเป็นแบบเรื่องเล่า๑๐.ถ้าเป็นร้อยกรองต้องเปลี่ยนเป็นภาษาธรรมดา ใช้ถ้อยคำภาษาง่าย ๆ ได้ใจความชัดเจน เช่น อันมวลบุปผามาลีอยู่ในไพรสณฑ์ เปลี่ยนเป็นดอกไม้อยู่ในป่า๑๑.ย่อจดหมายต้องใช้ข้อความบอกเล่า โดยใช้สรรพนามบุรุษที่ ๓ ทั้งหมด๑๒.เนื้อความที่ย่อแล้วไม่จำเป็นต้องเรียงตามลำดับของเรื่องเดิม แต่ให้คำนึงถึงการที่จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายที่สุด และได้ใจความดีที่สุด๑๓.อ่านทบทวนเพื่อแก้ไขให้สมบรูณ์ถูกต้องตัวอย่างย่อความเรื่องพ่อค้า ๒ คนพ่อค้าคนหนึ่ง มีความจำเป็นต้องเดินทางไปค้าขายยังแดนไกล เขามีความเป็นห่วงในทรัพย์สินและบ้านเรือนของเขาเป็นอันมาก แต่ก็จำเป็นที่จะต้องไป เขามีเพื่อนบ้านเรือนเคียงอยู่คนหนึ่งซึ่งได้คบกันมาเป็นเวลานาน เพราะมีฐานะเป็นพ่อค้าเช่นเดียวกันกับเขาในครั้งนี้เนื่องจากเขาจะเดินทางเป็นเวลานานมาก จึงคิดว่าควรจะฝากของมีค่าของเขาไว้เสียกับเพื่อนบ้านเพื่อจะได้เป็นที่ปลอดภัยจากการถูกขโมย คิดดังนั้นแล้วเขาก็นำเงินแท่งหนักถึงหนึ่งร้อยกิโลกรัม บรรจุใส่ถุงผ้าอย่างดีนำไปฝากเพื่อนบ้านตามที่คิดไว้ แล้วก็ออกเดินทางไปค้าขายตามความตั้งใจเดิมหลังจากวันเดินทางหนึ่งเดือนพอดี พ่อค้าผู้นั้นก็ได้กลับมาถึงบ้านเดิม เขารีบตรงไปหาเพื่อนบ้าน และออกปากขอเงินแท่งที่เขาได้ฝากไว้ เพื่อนบ้านเขาร้องว่า “เงินทองเพื่อนนะหรือ ? อนิจจา.... เราเสียใจจริงๆ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกันดี หนูมันกินเสียจนหมดแล้วซี เราดุด่าว่าคนของเรามากมาย เพราะไม่ค่อยระวังรักษาทรัพย์สินที่เพื่อนนำมาฝากไว้ แต่ก็นั่นแหละอะไรจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ทุกเวลาไม่ใช่หรือ? ” พ่อค้าผู้นั้นแม้จะรู้สึกประหลาดใจเต็มทีแต่ก็ทำเป็นซื่อ เชื่อถือในเรื่องโกหกที่เขารับฟังจากเพื่อนบ้าน แต่ในใจของเขานั้นครุ่นคิดหาอุบายที่จะนำเงินแท่งทั้งหมดของเขาคืนมาให้ได้หลายวันต่อมาพ่อค้าผู้นั้นบังเอิญได้พบกับบุตรชายอายุประมาณ ๑๐ ขวบ ของเพื่อนบ้านซึ่งโกงเงินของเขาไป จึงได้พาตัวเด็กไปซ่อนไว้ที่บ้านของเขาเองโดยไม่มีใครรู้เห็น แล้วตัวเขาเองก็ออกไปเชิญเพื่อนบ้านคนนั้นให้ไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกับเขา แต่ชายพ่อค้าพ่อของเด็กรีบบอกว่า “ขอโทษด้วยเถิด ขอให้ฉันได้ขอโทษในการที่ต้องปฏิเสธความใจดีของเพื่อนในครั้งนี้สักครั้งเถิด” ชายเพื่อนบ้านกล่าวด้วยน้ำตานองหน้า ส่วนพ่อค้าแกล้งทำหน้าฉงนอย่างไม่เข้าใจ ชายเพื่อนบ้านจึงเล่าให้ฟังต่อไปว่า “ฉันเห็นจะหมดความสุขไปชั่วชีวิตนี้เสียแล้ว ฉันมีลูกเพียงคนเดียวเท่านั้นเอง ฉันรักเขายิ่งกว่าตัวฉันเองเสียอีก แต่ว่าโธ่เอ๋ย! อนิจจา... ฉันคงไม่เห็นหน้าเขาอีกแล้ว เขาหายไปไม่รู้ว่าใครมาลักพาเขาไปเสียแล้ว” กล่าวจบเพื่อนบ้านของพ่อค้าก็ปล่อยโฮออกมาอีกโดยไม่ละอายเลยแม้สักนิด เมื่อเห็นดังนั้นพ่อค้าจึงเอ่ยขึ้นว่า“ก็เรื่องนี่แหละที่เราชวนเพื่อนมากินอาหารเย็นด้วยกัน เพื่อจะได้ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรดี เพราะเมื่อวานนี้ตอนตะวันตกดิน เราได้เห็นนกเค้าแมวตัวหนึ่งถาลงมาโฉบเอาลูกชายของท่านบินหายไปในอากาศ เราช่วยเขาไว้ไม่ทัน เพราะมันมืดมองไม่เห็นถนัดว่า นกตัวนั้นมันพาลูกชายของเพื่อนบินไปทางไหน ? ”ชายผู้เป็นพ่อของเด็กที่หายไปพูดขึ้นว่า “เพื่อนจะให้เราเชื่อได้อย่างไรกัน? นกเค้าแมวตัวเล็กนิดเดียวเท่านั้นเองจะสามารถโฉบเอาลูกของเราซึ่งมีน้ำหนักมากมายอย่างนั้นไปในอากาศได้อย่างไรกัน? เพื่อนเอาเรื่องอะไรมาเล่าให้เราฟังกันนี่? ความจริงแล้วลูกเราน่าจะเป็นฝ่ายที่จับนกเค้าแมวตัวนั้นมาขังไว้มากกว่า ที่จะถูกมันโฉบแล้วพาหายไปในอากาศอย่างที่เพื่อนบอกให้ฟัง” ชายพ่อค้าตอบว่า “อันนี้เราก็ไม่รู้จะบอกเพื่อนอย่างไรดี แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะเราก็ได้เห็นมากับตาของเราเอง แต่ก็รู้สึกว่าไม่น่าสงสัยอะไรเพราะมันน่าจะเป็นไปได้ที่นกเค้าแมวตัวเล็กๆ โฉบเอาลูกของเพื่อนไปได้ เพราะหนูตัวเล็กๆ ก็ยังสามารถกินเงินแท่งซึ่งมีน้ำหนักตั้งร้อยกิโลไปได้อย่างสบายๆ นี่นา” พ่อของเด็กเริ่มเข้าใจว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร จึงได้รีบวิ่งกลับไปที่บ้านนำเอาเงินแท่งทั้งหมดมาคืนให้พ่อค้าไป แล้วเขาก็รับตัวลูกชายคืนไป“นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อุบายของเราอาจทำลายตัวเราเองได้เช่นเดียวกัน”(คัดจากนิทานอีสป รวบรวมโดย วิณณา หน้า ๗๖ – ๘๐)เมื่ออ่านแล้วอาจพิจารณาได้ดังนี้ย่อหน้าที่ ๑ประโยคใจความสำคัญ -พ่อค้าคนหนึ่งต้องเดินทางไปค้าขายแดนไกล เขาจึงเอาเงินแท่งหนักหนึ่งร้อย กิโลกรัมไปฝากเพื่อนประโยคพลความที่เด่น -เพื่อนอยู่บ้านใกล้กัน สนิทสนมกันมานานย่อหน้าที่ ๒ประโยคใจความสำคัญ -๑ หนึ่งเดือนต่อมาเขากลับบ้านและไปทวงเงินแท่งคืน เพื่อนไม่มีจะคืน-๒ พ่อค้าทำเป็นเชื่อคำพูด และคิดอุบายในใจประโยคพลความที่เด่น -๑ เพื่อนบอกว่าหนูกัดกินเงินหมดแล้ว สุดวิสัยที่จะช่วยได้-๒ พ่อค้าคิดอุบายที่จะเอาเงินคืนมาย่อหน้าที่ ๓ประโยคใจความสำคัญ -๑ หลายวันต่อมาพ่อค้าจับลูกเพื่อนไปขังไว้-๒ พ่อค้าไปเชิญเพื่อนมารับประทานอาหารด้วยกัน-๓ เพื่อนปฏิเสธ-๔ พ่อค้าบอกว่าเห็นนกเค้าแมวคาบลูกชายเพื่อนไปประโยคพลความที่เด่น -๑ พ่อค้าพบลูกเพื่อนโดยบังเอิญจึงจับไปขังไว้-๒ เพื่อนกำลังเศร้าโศกที่ลูกหายไปย่อหน้าที่ ๔ประโยคใจความสำคัญ -๑ เพื่อนไม่เชื่อพ่อค้า-๒ พ่อค้าบอกว่าเห็นมากับตาประโยคพลความที่เด่น -๑ เพื่อนไม่เชื่อว่านกเค้าแมวจะคาบลูกชายได้-๒ พ่อค้าเปรียบเทียบว่าหนูตัวเล็กๆ ยังกินเงินแท่งได้ย่อความได้ ดังนี้ย่อนิทาน เรื่องพ่อค้าสองคน ของอีสป จากหนังสือนิทานอีสป รวบรวมโดยวิณณา หน้า ๗๖- ๘๐ ความว่าพ่อค้าคนหนึ่งต้องเดินทางไปค้าขายยังแดนไกล เขาจึงเอาเงินแท่งหนักหนึ่งร้อยกิโลกรัมไปฝากไว้กับเพื่อนพ่อค้าซึ่งอยู่บ้านใกล้กันและสนิทสนมกันมานาน หลังจากนั้นหนึ่งเดือนเขากลับมาแล้วรีบไปหาเพื่อนเพื่อรับเงินแท่งที่ฝากไว้คืน เพื่อนบ้านบอกว่าหนูกัดกินเงินของเขาหมดแล้ว สุดวิสัยที่จะช่วยได้ พ่อค้าทราบว่าเพื่อนของเขาพูดเท็จจึงคิดอุบายที่จะเอาเงินคืนมา หลายวันต่อมาเขาได้พาบุตรชายของเพื่อนไปซ่อนไว้ที่บ้านของเขา แล้วไปเชิญเพื่อนบ้านให้มารับประทานอาหารกับเขา เพื่อนบ้านปฏิเสธเพราะกำลังมีความทุกข์ที่ลูกชายหายไป พ่อค้าจึงบอกว่าเขาเห็นนกเค้าแมวคาบลูกชายของเพื่อนไป แต่เขาช่วยไว้ไม่ทัน เพื่อนของเขาไม่เชื่อว่านกเค้าแมวคาบลูกชายเขาได้ พ่อค้าบอกว่าไม่น่าแปลกใจเลยเพราะหนูตัวเล็กยังกัดกินเงินแท่งได้ เพื่อนเขาจึงเข้าใจและรีบวิ่งกลับไปบ้านนำเงินแท่งทั้งหมดมาคืน และรับตัวลูกชายของตนกลับไปตัวอย่างย่อความ(ร้อยแก้ว)บทความเรื่อง เปรียบเทียบนามสกุลกับชื่อแซ่คนเรายังมีอยู่เป็นอันมาก ซึ่งยังมิได้สังเกตว่านามสกุลกับชื่อแซ่ของจีนนั้น ผิดกันอย่างไร ผู้ที่แลดูแต่เผิน ๆ หรือซึ่งมิได้เอาใจใส่สอบสวนในข้อนี้ มักจะสำคัญว่า เหมือนกันและมีพวกจีน พวกนิยมจีนพอใจจะกล่าวว่า การที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชปรารภออกพระราชบัญญัตินามสกุลขึ้นนั้น โดยทรง พระราชนิยมตามประเพณี ชื่อแซ่ของจีน ซึ่งถ้าจะตรองดูก็จะเห็นว่าคงจะไม่เป็น เช่นนั้นโดยเหตุที่จะได้อธิบายต่อไปนี้แซ่ของจีนนั้น ตรงกับ “แคลน” ของพวกสก๊อตคือ เป็นคณะหรือพวก หรือถ้าจะ เทียบทางวัดก็คล้ายสำนัก (เช่นที่เราได้ยินเขากล่าว ๆ กันอยู่บ่อย ๆ ว่าคนนั้น เป็นสำนัก วัดบวรนิเวศ คนนี้เป็นสำนักวัดโสมนัสดังนี้เป็นตัวอย่าง) ส่วนสกุลนั้น ตรงกับคำอังกฤษว่า “แฟมิลี่” ข้อผิดกันอันสำคัญในระหว่างแซ่กับนามสกุลนั้นก็คือ ผู้ร่วมแซ่ไม่ได้เป็นญาติ สายโลหิตกันก็ได้ แต่ส่วนผู้ร่วมสกุลนั้น ถ้าไม่ได้เป็นญาติ สายโลหิตต่อกันโดยแท้แล้ว ก็ร่วมสกุลกันไม่ได้ นอกจากที่จะรับเป็นบุตรบุญธรรม เป็นพิเศษเท่านั้น(ตัดตอนจากเรื่องเปรียบเทียบนามสกุลกับชื่อแซ่ จากหนังสือปกิณกคดี พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว ศิลปบรรณาคาร ๒๕๑๕ หน้า ๗๕ - ๗๖)การย่อความจะเก็บเฉพาะใจความสำคัญและใจความประกอบที่จำเป็นบางส่วนเพื่อให้ใจความย่อความสมบูรณ์ย่อหน้าที่ ๑ ใจความสำคัญว่า “คนเรายังมีอยู่เป็นอันมาก ซึ่งยังมิได้สังเกตว่านามสกุลกับชื่อแซ่ของจีนนั้นผิดกันอย่างไร” นอกนั้นเป็นใจความประกอบพลความหรือใจความประกอบย่อหน้านี้ไม่เก็บเพราะเห็นว่าไม่จำเป็น เนื่องจากใจความสำคัญสมบูรณ์ที่จะนำไปย่อได้อยู่แล้วย่อหน้าที่ ๒ ใจความสำคัญ “ข้อผิดกันอันสำคัญในระหว่างแซ่กับนามสกุลนั้นก็คือ ผู้ร่วมแซ่ไม่ได้เป็นญาติสายโลหิตกันก็ได้ แต่ผู้ร่วมสกุลนั้นถ้าไม่ได้เป็นญาติสายโลหิตต่อกัน โดยแท้แล้วก็ร่วมสกุลกันไม่ได้”พลความหรือใจความประกอบที่จำเป็น ที่ควรเก็บเพื่อเสริมใจความสำคัญให้ย่อความได้ใจความ สมบูรณ์ครบถ้วนคือ“แซ่ของจีนเป็นคณะหรือพวก หรือถ้าจะเทียบทางวัดก็คล้ายสำนัก”“……นอกจากที่จะรับเป็นบุตรบุญธรรมเป็นพิเศษเท่านั้น”เมื่อได้ศึกษาหลักการย่ออื่น ๆ ครบถ้วนกับดูรูปแบบการย่อที่ใช้แล้ว นำใจความที่เก็บไว้มาเรียบเรียงใหม่ด้วยถ้อยคำของตนเอง รูปแบบการย่อเป็นความเรียงที่ตัดตอนมา ดังนั้นจึงเขียนย่อความได้ดังนี้ย่อบทความเรื่อง เปรียบเทียบนามสกุลกับชื่อแซ่ ของพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คัดจากเรื่องเปรียบเทียบนามสกุล กับชื่อแซ่ จากหนังสือปกิณกคดี ความว่ามีคนจำนวนมากไม่ได้สังเกตว่านามสกุล กับแซ่ของจีนนั้นต่างกัน ผู้ร่วมแซ่ของจีนไม่ได้เป็นญาติสายโลหิตกันก็ได้ แต่เป็นคณะ หรือพวกเหมือนสำนักวัดหนึ่ง ส่วนร่วมสกุลต้องเป็นญาติสายโลหิตกันโดยแท้เท่านั้น เช่นนั้นก็เป็นบุตรบุญธรรมที่รับไว้เป็นพิเศษถ้าเป็นการย่อที่มุ่งเก็บเฉพาะใจความสำคัญ ขึ้นต้นรูปแบบเหมือนกัน แต่ใจความจะสั้นเข้าดังนี้ย่อบทความเรื่อง เปรียบเทียบนามสกุลกับชื่อแซ่ ของพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คัดจากเรื่องเปรียบเทียบนามสกุล กับชื่อแซ่ จากหนังสือปกิณกคดี ความว่ามีคนจำนวนมากไม่ได้สังเกตว่านามสกุลกับแซ่ของจีนนั้นต่างกัน ผู้ร่วมแซ่ ของจีนไม่ได้เป็นญาติสายโลหิตก็ได้ แต่ผู้ร่วมสกุลต้องเป็นญาติสายโลหิต หรือบุตร บุญธรรมที่รับไว้เป็นพิเศษเท่านั้นตัวอย่าง การเขียนย่อนิทานคำกลอนเรื่อง กวางกับเสือกวางตัวหนึ่งหากินตามชายป่า และเล็มหญ้าเหลือบเห็นนายพรานใหญ่ถือหน้าไม้เดินด้อมมาเเต่ไกล ก็ตกใจโดดหนีรี่เข้าดงพรานสะกดรอยรุกไม่ละลด กวางเห็นหมดช่องหวังดังประสงค์ก็หลบเข้าถ้ำเสือดังจำนง เสือหมอบลงไม่ให้กวางเห็นตัวปล่อยให้เข้าก้นถ้ำกระโจนจับ ปากงับคอฟัดสะบัดหัวก่อนสิ้นใจกวางร้องเสียงระรัว อันตรายย่อมมีทั่วทุกแห่งไปเราหนีคนพ้นเเล้วปะเสืออีก สุดเลี่ยงหลีกชีวิตปลิดตักษัย(จาก นิทานอีสปคำกลอน ของ ฉลอง ศุภการ)ย่อได้ดังนี้ ย่อนิทานเรื่อง กวางกับเสือ จากหนังสือ นิทานอีสปคำกลอน ของ ฉลอง ศุภการ ความว่ากวางตัวหนึ่งหนีนายพรานโดยเข้าไปหลบอยู่ในถ้ำของเสือ เสือจึงจับกวางกินเป็นอาหารสรุปเทคนิคการย่อความ:1. อ่านเรื่องที่ย่ออย่างน้อย 2 เที่ยว เที่ยวแรกให้รู้อย่างคร่าว ๆ ว่า เรื่องอะไร ใครทำอะไร ที่ไหน ทำอย่างไร เที่ยวที่สองอ่านจับใจความอย่างละเอียด2. พิจารณาเนื้อเรื่องทั้งหมดว่าอะไรเป็นสาระสำคัญ อะไรเป็นส่วนประกอบ หรือพลความ อะไรเป็นเพียงส่วนเสริมแต่ง หรือเป็นเพียงกลวิธี3. ตัดพลความหรือส่วนประกอบต่าง ๆ ออก เอาไว้แต่สาระสำคัญ สรุปเป็นข้อความใหม่โดยใช้ถ้อยคำของเราเอง4. การย่อไม่มีเกณฑ์กำหนดว่าจะต้องย่อให้เหลือกี่ส่วนจากข้อความเดิมถ้าพลความมากก็ย่อเหลือน้อย5. เลือกใช้คำที่มีความหมายเหมาะสมชัดเจน บางทีอาจใช้วลีแทนประโยค หรือใช้คำแทนวลีได้6. คำพูดโต้ตอบของบุคคล ให้เก็บใจความสำคัญย่อรวมกันไป ไม่แยกกล่าวหรือขึ้นบรรทัดใหม่ ไม่ใช้เครื่องหมายใด ๆ7. เรื่องที่ย่อเป็นเรื่องที่ผู้อื่นพูดกัน ผู้ย่อทำหน้าที่นำมาเล่าต่ออย่างย่อ จึงใช้สรรพนามบุรุษที่ 3 ทั้งหมด8. ถ้าในเรื่องเดิมมีราชาศัพท์เป็นความสำคัญ เมื่อย่อแล้วก็ต้องใช้ราชาศัพท์ด้วย9.ใช้คำสันธานเพื่อช่วยให้ความกระชับไม่เยิ่นเย้อ10. การย่อความไม่จำเป็นต้องใช้อักษรย่อ11. เขียนใจความที่ย่อให้ต่อเนื่องกันไปโดยตลอดไม่ต้องย่อหน้า เว้นแต่ความไม่สัมพันธ์กันให้แยกเป็นตอน ๆ12. ถ้าข้อความเดิมเป็นบทร้อยกรอง ให้ย่อเป็นร้อยแก้ว13. รูปแบบของย่อความขึ้นอยู่กับประเภทของเรื่องที่จะนำมาย่อจากหลักการ |