�Фþٴ Show �Фþٴ������������¾�кҷ���稾�Ш�Ũ���������������� ��ç��С�س��ô����� ����ա���ʴ��Фþٴ��Ѥ�����繤����á ��������ͧ�Фþٴ����ʴ�����¹�� �Ѵ�ŧ�Ҩҡ���Ф��ӷ�����ѡ�ѹ���ҧ������� �Фþٴ�����繻������˭�� ��� ����ʴ� ����觡�� ����ͧ����ʴ� �ФþٴẺ���¡�ͧ ��ṡ����ѡɳФӻ�оѹ��ѧ��� ��� �Фþٴ��Ѻ�� ���� ����ͧ�ԧ�ҧ ��л������ ����繢ͧ��º�� �ͧ�Թ ��кҷ���稾�����خ�������������� �ç����Ҫ�Ծ��캷��ͧ�á �����й��ὧ��� "�����ظ��" ��зç�ʴ�����ǧ���õԤس ����� �.�. 2449 ����ʴ� ����� �ŧ��ͧ ในฐานะราชินีแห่งมวลดอกไม้ กุหลาบถือเป็นตัวแทนแห่งความรักและความงาม ทุกเทศกาลวาเลนไทน์ผู้คนต่างใช้ดอกกุหลาบเพื่อส่งต่อความรักและความในใจ และโลกของเราก็มีตำนานเล่าขานถึงดอกไม้กลีบบางนี้มากมายเหลือเกิน แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมว่าตำนานดอกกุหลาบฉบับไทยในชื่อ ‘มัทนะพาธา’ นั้นเศร้าเคล้าน้ำตากว่าที่คิด มัทนะพาธาและความเป็นมาของตำนานแห่งดอกกุหลาบ (แบบไทย ๆ)กุหลาบเป็นดอกไม้ที่อยู่เคียงคู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน จากหลักฐานฟอสซิล กุหลาบอาจปรากฏขึ้นบนโลกตั้งแต่ ๓๕ ล้านปีก่อน ด้วยความที่อยู่มานาน เรื่องราวของดอกกุหลาบจึงแทรกซึมอยู่ในเรื่องเล่าและตำนานของชนชาติต่าง ๆ มากมาย ส่วนตำนานดอกกุหลาบแบบไทย ๆ นั้นมีจุดเริ่มต้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) ตำนานดอกกุหลาบที่ว่านั้นคือ ‘มัทนะพาธา’ บทละครพูดที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง ‘คิดพล็อต’ ขึ้นเองทั้งหมด รัชกาลที่ ๖ ทรงเริ่มพระราชนิพนธ์มัทนะพาธาเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ถึง ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ ใช้เวลาแต่งรวมแค่ ๑ เดือนกับ ๑๗ วันก็เสร็จสมบูรณ์ หลังจากได้เค้าโครงเรื่องของตำนาน ขั้นตอนต่อมาคือการหาชื่อดอกกุหลาบที่จะมาเป็นชื่อของนางเอกในภาษาบาลีสันสกฤต เบื้องต้นพระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) ได้เสนอชื่อ ‘กุพฺชก’ ซึ่งหากจะให้เป็นชื่อนางเอกต้องเปลี่ยนเสียงเป็นคำว่า ‘กุพฺชกา’ ให้ฟังดูไพเราะ แต่ความหมายของคำว่ากุพฺชกานั้นแปลว่านางค่อม สุดท้ายจึงได้ชื่อ ‘มัทนา’ ที่มาจากคำว่า ‘มทน’ อันมีความหมายว่า ‘ความลุ่มหลงหรือความรัก’ มาแทน ในส่วนของชื่อเรื่อง เมื่อคำว่า ‘มทน’ รวมกับคำว่า ‘พาธา’ ที่แปลว่าความทุกข์ ความหมายของ ‘มัทนะพาธา’ ในพจนานุกรมสันสกฤตจึงหมายถึง ‘ความเจ็บหรือเดือดร้อนแห่งความรัก’ ซึ่งตรงกับแกนเรื่องหลักของตำนานดอกกุหลาบไทย ๆ ฉบับนี้พอดี โดยวัตถุประสงค์ในการแต่งบทละครพูดคำฉันท์ เรื่องมัทนะพาธานี้ ก็เพื่อความบันเทิง และเพื่อชี้ให้เห็นถึงอานุภาพแห่งความรักที่สร้างความทุกข์ความเจ็บปวดได้หากไม่สมหวังในรัก หนังสือที่แต่งได้โดยยากลักษณะคำประพันธ์ของบทละครพูดคำฉันท์ เรื่องมัทนะพาธาหากเพื่อน ๆ สังเกตดี ๆ ก็จะพบว่าวรรณคดีไทยหลาย ๆ เรื่องที่เราได้ศึกษากันในระดับชั้นมัธยมนั้นมีผลงานพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๖ อยู่มากมายทีเดียว และจากการที่ได้ไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดละครพูดตามแบบตะวันตกมาก และได้พระราชนิพนธ์บทละครพูดเองอยู่หลายเรื่อง เช่น บทละครเรื่องเห็นแก่ลูก ตามใจท่าน เวนิสวาณิช วิวาห์พระสมุทร และอื่น ๆ โดยบทละครเหล่านี้มักเป็นร้อยแก้วหรือคำกลอน แต่มัทนะพาธาเป็นบทละครพูดเรื่องเดียวที่แต่งเป็นฉันท์ ประกอบด้วยฉันท์ทั้งหมด ๒๑ ประเภทภายในเรื่องเดียว ได้แก่ อินทวงศ์ฉันท์ ๑๒ วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ อุปชาติฉันท์ ๑๑ จิตรปทาฉันท์ ๘ อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ สาลินีฉันท์ ๑๑ อุปัฏฐิตาฉันท์ ๑๑ สวางคตาฉันท์ ๑๑ รโธทธตาฉันท์ ๑๑ โตฏกฉันท์ ๑๒ กมลฉันท์ ๑๒ ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ ปิยังวทาฉันท์ ๑๒ วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ มันทักกันตาฉันท์ ๑๗ กุสุมิตลดาเวลิตาฉันท์ ๑๘ สัททุลวิกีฬิตฉันท์ ๑๙ เมฆวิปผุชชิตาฉันท์ ๑๙ อิทิสังฉันท์ ๒๐ สัทธราฉันท์ ๒๑ ฉันท์เป็นร้อยกรองชนิดหนึ่งที่มีความไพเราะและโดดเด่นแตกต่างกันไปแต่ละชนิด โดยลักษณะเด่นของฉันท์คือมีการกำหนดครุและลหุ และมีสัมผัสกำหนดเป็นมาตรฐาน ซึ่ง ‘ครุ’ คือคำที่ประสมด้วยสระเสียงยาว และคำที่มีตัวสะกดทั้งหมด ส่วน ‘ลหุ’ คือคำที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นและไม่มีตัวสะกด ยกตัวอย่างเช่น อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ เป็นฉันท์ที่มีลีลางดงามประดุจสายฟ้าที่เป็นอาวุธของพระอินทร์ นิยมแต่งในบทชม หรือบทโศกที่มีการคร่ำครวญ จิตรปทาฉันท์ ๘ เป็นฉันท์ที่มีส่วนหรือข้อความวิจิตรงดงาม นิยมแต่ง ๒ บทคู่กันเป็นตอนหนึ่ง กมลฉันท์ ๑๒ ฉันท์ที่มีลีลากล่อมใจให้เพลิดเพลิน วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ เป็นฉันท์ที่มีความงดงามประดุจสายฝน มักใช้เพื่อพรรณาหรือสดุดีสิ่งใดสิ่งหนึ่ง วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ เป็นฉันท์ที่เปล่งสำเนียงยาวดุจสายฟ้าแลบ สาลินีฉันท์ ๑๑ เป็นฉันท์ที่มากไปด้วยครุ เนื่องจากมีการใช้ฉันท์หลายประเภทมาก มัทนะพาธาจึงนับว่าเป็นวรรณคดีไทยที่มีคุณค่าและแต่งได้ยากเรื่องหนึ่ง นอกจากฉันท์ยังมีส่วนของร้อยแก้วและกาพย์อื่น ๆ เช่น กาพย์ฉบัง ๑๖ กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ กาพย์ยานี ๑๑ มัทนะพาธามีความยาวทั้งหมด ๕ องก์ โดยองก์ที่ยกมาให้เพื่อน ๆ ได้เรียนกันในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ เป็นองก์ที่ ๑ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนสวรรค์ แนะนำตัวละครและฉากในบทละครพูดคำฉันท์ เรื่องมัทนะพาธาในองก์ที่ ๑ เรื่องราวจะเกิดขึ้นบนสวรรค์ทั้งหมด ตัวละครที่สำคัญได้แก่ มัทนา: มัทนาเป็นเทพธิดาที่สุเทษณ์หมายปอง มีรูปโฉมงดงามและมีจิตใจซื่อตรง ในอดีตชาติเคยเกิดเป็นธิดาของท้าวสุราษฎร์ แห่งแคว้นสุราษฎร์ สุเทษณ์: ในอดีตชาติ สุเทษณ์นั้นเกิดเป็นกษัตริย์ปกครองแคว้นปัญจาละ ได้ทำพลีกรรม (การบูชาเทพเจ้า) จนได้มาเกิดในสวรรค์ สุเทษณ์เป็นเทพผู้มีฤทธิ์ มีนิสัยเอาแต่ใจ และหลงใหลนางมัทนาเป็นที่สุด มายาวิน: เป็นวิทยาธรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ สุเทษณ์ใช้มายาวินให้ใช้เวทมนตร์เรียกมัทนามาที่วิมานของตน ท้าวชัยเสน: กษัตริย์หนุ่มรูปงามผู้ครองเมืองหัสตินาปุระ เมื่อได้ไปท่องเที่ยวล่าสัตว์ในป่าก็ได้พบมัทนาและตกหลุมรักนางทันที ฤาษีกาละทรรศิน: ฤาษีผู้บำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าหิมวันต์ และคอยดูแลนางมัทนาเสมือนบุตรสาวของตน เรื่องย่อของบทละครพูดคำฉันท์ เรื่องมัทนะพาธาในดินแดนสวรรค์ เทพบุตรสุเทษณ์กำลังกลัดกลุ้มและทุกข์ใจมากเพราะหลงรักมัทนา เทพธิดาผู้มีรูปโฉมงดงามแต่นางกลับไม่สนใจเขาเลย สุเทษณ์จึงให้มายาวิน วิทยาธรผู้เชี่ยวชาญด้านมนตร์คาถาใช้มนตร์เรียกมัทนามายังวิมานของตน แต่ด้วยฤทธิ์มนตร์ทำให้มัทนามึนงงจนพูดจาไม่รู้เรื่อง สุเทษณ์จึงสั่งให้มายาวินคลายมนตร์สะกดและพูดเกี้ยวรำพึงรำพันขอให้มัทนารับรัก แต่นางมัทนาไม่มีใจให้สุเทษณ์จึงกล่าวปฏิเสธไป สุเทษณ์โกรธมากจึงสาปให้มัทนาไปจุติเป็นดอกกุหลาบบนโลกมนุษย์ ให้นางคืนร่างเป็นหญิงสาวได้ในคืนวันเพ็ญ หากนางมีความรักเมื่อใดก็จะคงรูปเป็นมนุษย์ไปตลอด ไม่กลับคืนร่างเป็นกุหลาบอีก พร้อมบอกแก่มัทนาว่า หากวันใดมัทนาผิดหวังในความรักขึ้นมา ก็ให้อ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากสุเทษณ์ มัทนาในร่างดอกกุหลาบจึงลงมาจุติ ณ กลางป่าหิมวันต์ ฤาษีกาละทรรศินผู้มีตบะแก่กล้ารู้ว่ากุหลาบดอกนี้เป็นเทพธิดาที่ลงมาจุติ จึงขุดดอกกุหลาบไปปลูกไว้ใกล้อาศรมและดูแลมัทนาเหมือนลูกสาว จนกระทั่งวันหนึ่งท้าวชัยเสน กษัตริย์ผู้ครองเมืองหัสตินาปุระเสด็จมาท่องเที่ยวล่าสัตว์ในป่า เมื่อชัยเสนได้พบกับมัทนาก็ตกหลุมรักนางทันทีและมัทนาเองก็มีใจให้ชัยเสนเช่นกัน ทั้งสองกล่าวคำสัญญารักแก่กัน ฤาษีกาละทรรศินจึงจัดพิธีวิวาห์อย่างเรียบง่ายให้แก่ทั้งสอง จากนั้นชัยเสนจึงพานางมัทนากลับเมืองหัสตินาปุระ แต่ชัยเสนมีมเหสีอยู่แล้วคือนางจันฑี เมื่อเห็นความรักที่ชัยเสนมีต่อมัทนานางจึงเจ็บปวดและโกรธแค้นมาก จึงขอให้พระบิดาผู้เป็นราชาครองแคว้นมคธยกทัพมาทำศึกกับหัสตินาปุระ ชัยเสนจึงต้องไปออกรบ และเมื่อสบโอกาส จัณฑีจึงออกอุบายลวงว่ามัทนาป่วย เมื่อชัยเสนมาเยี่ยมมัทนา จัณฑีก็ร่วมมือกับคนใช้ช่วยกันจัดฉากใส่ร้ายมัทนาว่าแอบเป็นชู้กับศุภางค์ ทหารเอกคู่ใจของชัยเสน ชัยเสนเมื่อได้ทราบก็โกรธมาก สั่งให้เพชฌฆาตประหารมัทนาและศุภางค์ทันที แต่เพชฌฆาตสงสารจึงปล่อยทั้งคู่ไป มัทนาจึงกลับเข้าไปในป่าพร้อมกับศิษย์ของฤาษีกาละทรรศินด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ส่วนศุภางค์เองก็ปลอมตัวเข้าไปในกองทัพและออกรบจนเสียชีวิตในหน้าที่ ชัยเสนมารู้ความจริงในภายหลังจากพราหมณ์เฒ่าผู้เคยรับใช้จัณฑีว่าจริง ๆ แล้วมัทนาไม่เคยคิดคบชู้กับศุภางค์เลย ทั้งหมดเป็นแผนของนางจัณฑีที่ต้องการใส่ร้ายมัทนา เมื่อรู้ดังนั้นชัยเสนก็เสียใจอย่างมากและคิดจะฆ่าตัวตายตามมัทนาไปแต่เพชฌฆาตบอกว่าตนละเมิดคำสั่ง ไม่ได้ประหารศุภางค์และมัทนา ชัยเสนจึงรีบไปตามหามัทนาทันที แต่ในขณะนั้นมัทนาผู้เศร้าเสียใจในความรักก็ได้อ้อนวอนขอให้สุเทษณ์ช่วยตน สุเทษณ์จึงปรากฏตัวพร้อมกับรำพันขอความรักจากมัทนาอีกครั้งโดยเสนอตำแหน่งมเหสีให้ แต่มัทนาก็ยังคงปฏิเสธเช่นเดิม สุเทษณ์โกรธมากจึงสาปให้มัทนากลายเป็นกุหลาบตลอดไป และเมื่อชัยเสนมาถึงก็สายเกินไป จึงนำกุหลาบกลับไปปลูกที่เมืองหัสตินาปุระพร้อมขอพรจากฤาษีกาละทรรศินให้กุหลาบนี้ไม่โรยราจนกว่าตนจะสิ้นอายุขัย ฤาษีกาละทรรศินก็อวยพรให้และบันดาลให้กุหลาบไม่มีวันสูญพันธุ์ไปจากโลก หากผู้ใดมีใจรักต่อกันก็ให้ดอกกุหลาบนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักสืบไป ถอดคำประพันธ์บทละครพูดคำฉันท์ เรื่องมัทนะพาธาเนื้อเรื่องขององก์ที่ ๑ ส่วนที่ยกมาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านนั้นเป็นบทสนทนาโต้ตอบระหว่างมัทนาและสุเทษณ์ ทั้งตอนที่มัทนาโดนมนตร์สะกดของมายาวิน และตอนที่คลายมนตร์จนได้สติ รวมถึงตอนที่มัทนาโดนสุเทษณ์สาปให้ลงไปเกิดเป็นดอกกุหลาบ ซึ่งตอนต้นที่ถูกตัดออกไปจะเล่าถึงสวรรค์และวิมานของสุเทษณ์เทพบุตรที่มีนางอัปสรคอยให้ความสำราญอยู่มากมาย แต่สุเทษณ์ก็ยังไม่มีความสุขเพราะใจยังพะวงรักอยู่แต่กับนางมัทนา แม้ข้ารับใช้จะหารูปของสตรีอื่นมาให้ชมแต่สุเทษณ์ก็ไม่สนใจ ข้ารับใช้จึงได้แนะนำ ‘มายาวิน’ วิทยาธรที่มีความรู้ด้านเวทมนตร์ให้ได้เข้าพบ สุเทษณ์แม้จะไม่แน่ใจในผลลัพธ์แต่ก็ตื่นเต้นมาก เรียกให้มายาวินเข้ามาพบทันที เมื่อได้พบ สุเทษณ์ก็พูดถึงนางมัทนา หญิงที่ตนหมายปอง มายาวินก็เล่าถึงความบาดหมางที่เกิดขึ้นในชาติก่อน อันเป็นเหตุให้มัทนาและสุเทษณ์ไม่สามารถครองรักกันได้ ในอดีตชาติ สุเทษณ์นั้นเป็นกษัตริย์ปกครองแคว้นปัญจาละและหลงรักนางมัทนา ธิดาของท้าวสุราษฎร์ แต่เมื่อสุเทษณ์ส่งทูตไปสู่ขอนางมัทนาท้าวสุราษฎร์ก็ไม่ยอมยกธิดาให้ สุเทษณ์โกรธมากจึงยกทัพไปตีเมืองสุราษฎร์จนแตกและขู่ว่าจะประหารชีวิตท้าวสุราษฎร์ ถ้านางมัทนาไม่ยอมเป็นของตน มัทนาจึงยอมถวายตัวเป็นบาทบริจาริกา (ภรรยา) ของสุเทษณ์ แต่เมื่อปฏิบัติหน้าที่แล้วนางก็ฆ่าตัวตายต่อหน้าสุเทษณ์ทันที จากนั้นนางจึงมาเกิดในภพสวรรค์นี้ ส่วนสุเทษณ์ก็ทำพลีกรรมจนได้มาเกิดในสวรรค์และตกหลุมรักนางมัทนาเช่นเดิม สุเทษณ์ได้รับทราบเรื่องราวในอดีต แต่ก็ยังมีความหวังว่ามนตร์ของมายาวินจะช่วยให้ตนสมปรารถนาได้ จึงให้มายาวินทำพิธีกรรมเรียกนางมัทนามาที่วิมานของตน (มายาวินประนมมือและนั่งบริกรรม. พิณพาทย์ทำเพลงตระสันนิบาต. ทุก ๆ คนตั้งตาคอยมองดู. พอรัวท้ายตระ มัทนาเดิรออกมา, ตาจ้องเป๋งไม่แลดูใครและกิริยาอาการเปนอย่างคนที่ยังหลับอยู่, และพูดหรือแสดงกิริยาอย่างคนที่ฝัน. สุเทษณ์ลุกจากบัลลังก์ลงมาต้อนรับด้วยความยินดี แต่ครั้นเห็นมัทนาจังงังอยู่ไม่ยิ้มแย้มก็ชงัก, แล้วหันไปพูดกับมายาวิน.)
(มายาวินประนมมือแล้วร่ายมนตร์ต่อไปนี้)
(พิณพาทย์ทำเพลงรัว. มายาวินยกมือไหว้แล้วเสกเป่าไปทางมัทนา. ฝ่ายมัทนาค่อย ๆ รู้สึกตัว, เอามือลูบตาเหมือนคนตื่นนอน, และพอจบรัวก็พอได้สติบริบูรณ์. บัดนี้นางเหลียวแลไปเห็นสุเทษณ์ก็ตกใจ, ตั้งท่าเหมือนจะหนีไป, แต่สุเทษณ์ขวางทางไว้.)
(มัทนาร้องไห้. พิณพาทย์ทำเพลงโอด สุเทษณ์ปลอบ.)
(พิณพาทย์ทำเพลงคุกพาทย์, สุเทษณ์แผลงฤทธิ์, ฟ้าแลบแวบวาบตลอดเพลง พอถึงรัวท้าย มัทนาร้องกรี๊ดและล้มลมกับพื้น) (ปิดม่าน.) นอกจากเนื้อเรื่องที่สนุกสนานชวนติดตาม ความน่าสนใจของตำนานดอกกุหลาบยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชนิพนธ์แปลมัทนะพาธาเป็นร้อยกรองภาษาอังกฤษไว้ด้วย บทละครพูดเรื่องมัทนะพาธาจึงสะท้อนพระปรีชาสามารถด้านภาษาศาสตร์ของพระองค์ไว้ ได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังมีงานพระราชนิพนธ์เรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น บทเสภาสามัคคีเสวกที่มุ่งเน้นสร้างความรักความสามัคคีในหมู่ข้าราชการ ถ้าเพื่อน ๆ สนใจก็สามารถไปอ่านต่อกันได้ ที่นี่ หรือจะดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน StartDee ในรูปแบบแอนิเมชันสุดสนุกก็ได้เช่นกัน ! ขอบคุณข้อมูลจาก: สิริพัชร์ ชัยกิตติภรณ์ (ครูดรีม)
“กุหลาบ.” RakDok (รักดอก), 2 Sept. 2020, rakdok.com/flower-gallery/the-book-of-flowers/%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%9A/. “บทละครพูดคำฉันท์เรื่องมัทนะพาธา.” วรรณคดีวิจักษ์: หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขุ้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ, 2555. |