ชาวพุทธส่วนมาก ทำกันแต่อย่างที่ 2 คือบำรุงให้พระเณรได้กินดีอยู่ดี แต่แล้วไม่สนใจว่า ตัวแท้ของพระพุทธศาสนานั้น คืออะไร ธรรมะนั้นเป็นอย่างไร จะปฏิบัติอย่างไร เพราะมานอนดีใจว่า ได้บำรุงพระศาสนาเป็นอย่างดียิ่ง ได้บุญได้กุศลอย่างเหลือเฟือแล้วจะต้องทำอะไรอีกเล่า... การปฏิบัติแบบนี้นี่แหละถือว่าเป็นการบำรุงพระศาสนาชนิดที่ถ้าเปรียบไปแล้ว ก็เหมือนกับ การเลี้ยงไก่ไว้ไข่ให้สุนัขกิน ถ้าสมมุติว่าเราจะมีแต่ตัววัดวาอารามเฉย ๆ ไม่มีพระที่เป็นเหมือนหมอ ไม่มีธรรมะที่เป็นเหมือนยา มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ตัวศาสนานั้นมัยอยู่ที่ตัวการดับทุกข์ หรือตัวการปฏิบัติเพื่อดับทุกข์นั้นเอง ดังนั้นถ้าจะบำรุงศาสนากันให้ถูกตัวกันจริงแล้ว ก็ต้องบำรุงให้เกิดความดับทุกข์ขึ้นมาจริง ๆ ตามพระพุทธประสงค์ที่ว่า “ภิกษุ ท. เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปสิ้นไม่เป็นธรรมดา ขอ ท. จงยังประโยชน์ตนประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด”
การบำรุงศาสนาที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การประพฤติปฏิบัติเองจนได้รับผลเป็นความ สะอาด สว่าง สงบเย็นในชีวิตประจำวัน
การดูแลรักษาเครื่องมือวัดและเทคนิคการดูแลเครื่องมือวัดแบบง่ายๆ1. ทำความสะอาดชิ้นงาน โดยขจัดสิ่งสกปรก, เศษผงออกให้หมดก่อนวัดงาน 2. รักษาเครื่องมือวัด ให้สะอาด และควรมีน้ำมันกันสนิมเคลือบบางๆ ก่อนเก็บเข้ากล่อง เช่น Hardness Tester 3. ใช้ แรงกด วัดชิ้นงานอย่างเหมาะสม อย่าฝืน, กดหรือบีบอัดแรงๆ เช่น เครื่องวัดความหนา, เครื่องวัดแรงดึงแรงกด 4. ป้องกัน เครื่องมือวัด ไม่ให้เกิดสนิม, การกระแทก, การกดทับ, การตกจากที่สูง หรือสิ่งใดๆที่จะทำให้เกิดความเสียหาย 5. เช็คหรือ คาลิเบรท เมื่อถึงเวลาที่กำหนดแค่นี้เครื่องมือวัดจะอยู่กับคุณไปอีกนาน เช่น pH Meter การปฏิบัติตนต่อศาสนสถาน • การปฏิบัติตนต่อวัด การไปวัดควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อย โดยใช้เสื้อผ้าสีอ่อน ๆ หรือสี ขาวไม่ควรสวมกางเกงขาสั้น หรือกระโปรงสั้น ขณะที่เราอยู่ในบริเวณวัด เราควรสำรวมกาย วาจา ไม่ควรส่งเสียงดัง และไม่ยิงนกตกปลาในวัด • การปฏิบัติตนต่อศาสนสถานอื่น ๆ ๑. ช่วยกันรักษาให้อยู่ในสภาพ เดิม ไม่ขีดเขียนสิ่งใด ๆ ให้สกปรก ๒. บำเพ็ญประโยชน์โดยการช่วยกันทำความสะอาด การทำความเคารพ เมื่อเดินผ่านวัดหรือ ศาสนสถานควรยกมือไหว้ด้วยความเคารพ การบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่วัด วัดเป็นสถานที่อำนวยคุณประโยชน์มากมาย วัดตั้งอยู่ทั่วทุกตำบลทุก หมู่บ้าน วัดมีความสำคัญต่อชีวิตส่วนบุคคลตลอดถึงส่วนรวม คือ ประเทศชาติ เป็นสถาบันสำคัญสถาบันหนึ่งใน ๓ สถาบัน คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ วัดเป็นสมบัติส่วนรวมของทุกคน เมื่อวัดเป็นสมบัติของเรา เราต้อง บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่วัด ดังนี้ ๑) ไม่ทำลายทรัพย์สมบัติของวัด เช่น ไม่ขีดเขียนกำแพงฝาผนัง หรือข้างฝา ๒) ไม่ลักขโมยทรัพย์สมบัติของวัด ๓) ป้องกันมิให้ผู้อื่นทำลายหรือลักขโมยทรัพย์สมบัติของวัด ๔) ช่วยบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุที่ชำรุดทรุดโทรมให้มั่นคงแข็งแรง โดยช่วยกันบริจาคทรัพย์ซ่อมแซมหรือชักชวนให้ผู้อื่นช่วยกันบำรุง รักษาวัด ๕) ช่วยกันรักษาความสะอาดศาสนสถานรวมทั้งบริเวณใด ๖) ปลูกต้นไม้และบำรุงรักษาต้นไม้ เพื่อให้วัดเป็นสถานที่ร่มรื่น สวยงาม ๗) บริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นเพื่อใช้ประโยชน์ส่วนรวมแก่วัด เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ภาชนะต่าง ๆ เป็นต้น นอกจากการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่วัดแล้ว พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติตนต่อวัด ดังนี้ ๑) แสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระ สงฆ์ รวมทั้งการสำรวมกิริยามารยาท ตลอดจนการเข้าไปในบริเวณ วัดควรจะแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ๒) ประพฤติตนอยู่ในขอบเขตศีลธรรมอันดีงาม เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมยไม่ก่อการทะเลาะวิวาทกัน ๓) หมั่นเข้าวัดเพื่อทำบุญตักบาตร ฟังธรรม สวดมนต์ไหว้พระใน วันพระหรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา การบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่วัด ถือว่าเป็นการบูชาพระคุณของ พระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ โดยถือว่าวัดเป็น สมบัติของพุทธศาสนิกชนทุกคน เราต้องรักและหวงแหนวัด โดย ช่วยกันทำนุบำรุงวัดเพื่อความมั่นคงถาวรของพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติไทย การแสดงความเคารพต่อศาสนสถาน
|