Show
ลีสซิ่ง / เช่าซื้อ
การเช่าแบบลีสซิ่ง (Financial Lease)
การเช่าซื้อ (Hire Purchase)
การขายและเช่า/เช่าซื้อกลับ (Sale and Lease Back/Hire Purchase Back)
ประโยชน์ของการใช้บริการ ลีสซิ่ง / เช่าซื้อข้อแตกต่างระหว่าง ลีสซิ่ง / เช่าซื้อเช่าซื้อ VS ลิสซิ่ง“เช่า” “เช่าซื้อ” “เช่า” “เช่าซื้อ” ตัดสินใจไงดี ? ...เอ๊ะ!! แล้ว 2 สัญญานี้คืออะไรกันนะ แตกต่างกันยังไง?? ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับความหมายของ 2 สัญญานี้กันก่อน เช่าซื้อ (Hire Purchase) เราในฐานะลูกค้าหรือผู้เช่าซื้อจะทำสัญญากับผู้ให้เช่าซื้อว่าจะชำระค่าสินค้าเป็นงวด ๆ ตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่กำหนด โดยระหว่างนั้นผู้เช่าซื้อสามารถนำสินค้าหรือทรัพย์สินนั้นมาใช้งานได้ก่อน โดยที่กรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ จนกว่าจะจ่ายเงินครบตามสัญญาจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นมาเป็นของกิจการ เช่น การเช่าซื้อรถยนต์, เช่าซื้อรถจักรยานยนต์, เช่าซื้อเครื่องจักร เป็นต้น กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของการเช่าซื้อ จะเป็นของเราทันที เมื่อชำระเงินครบ!!! ลีสซิ่ง (Leasing) มีลักษณะคล้ายกับสัญญาเช่าซื้อ คือ เราจะต้องชำระเงินค่าเช่าเป็นงวด ๆ ตามจำนวนเงินและเวลาที่กำหนดในสัญญาเช่า ต่างกันตรงที่เมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่า เราสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อ ต่อสัญญาเช่า หรือส่งคืนทรัพย์ให้กับผู้ให้เช่า ส่วนมากผู้ที่ทำสัญญาลักษณะนี้ มักเป็นบริษัทหรือนิติบุคลที่ต้องการเช่าทรัพย์สินที่มีราคาแพงหรือเช่าทรัพย์สินในปริมาณมาก เช่น เครื่องจักร รถยนต์ หรืออาจเป็นการเช่าสินค้าที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร สัญญาเช่าลิสซิ่ง มี 2 ประเภท 1. สัญญาเช่าดำเนินงาน(Operating Lease) บริษัทผู้เช่าจะถือว่าเงินที่จ่ายออกไปทุกเดือนนั้นเป็น “ค่าเช่า” และกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์นั้นไม่ได้เป็นของผู้เช่า แม้จนหมดอายุในสัญญาบริษัทผู้เช่าก็ไม่ได้มีเจตนาจะซื้อหรือโอนสินทรัพย์นั้นมาเป็นสมบัติของตน 2. สัญญาเช่าทางการเงิน(Financial Lease) ผู้เช่าจะบันทึกสินทรัพย์ที่เช่าเป็น “สินทรัพย์” ของบริษัท และนำมาคำนวณค่าเสื่อมราคา ตั้งแต่เริ่มต้นตามสัญญา การพิจารณาว่าสัญญาเช่าลิสซิ่งใดเป็น สัญญาเช่าดำเนินงานหรือสัญญาเช่าทางการเงิน ? พิจารณาจากเนื้อหาที่แท้จริงในสัญญา โดยปกติหากสัญญาเช่ามีเงื่อนไขว่า ผู้เช่าซื้อสามารถซื้อสินทรัพย์นั้นได้ในราคาต่ำ ก็ตีความหมายได้ว่า เจตนาของสัญญาต้องการให้ผู้เช่านั้น ซื้อสินทรัพย์ไปภายหลังจากชำระค่างวดครบตามสัญญาแล้ว ดังนั้น กรณีเช่นนี้ ถือว่า บริษัทต้องบันทึกสินทรัพย์ที่เช่านั้น เป็นสินทรัพย์ของบริษัทตั้งแต่ต้น
นอกจากเราจะต้องชำระดอกเบี้ยแล้ว การทำสัญญาเช่าซื้อและลีสซิ่งก็ยังมีค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ผู้ทำสัญญาอาจต้องเป็นผู้รับภาระหรืออาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้น ควรศึกษาทำความเข้าใจวิธีการคิดดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีและเหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด... ข้อมูลเหล่านี้ คงพอช่วยให้ผู้ประกอบการหลายๆท่านตัดสินใจได้แล้วนะคะว่าจะเลือกทำสัญญาเช่าซื้อแบบไหนดี …Sammy
Operating Lease หมายถึง ข้อใด2. สัญญาเช่าดำเนินการ (Operating lease) เป็นสัญญาเช่าที่เหมือนการเช่าจริงๆ มีระยะสั้นประมาณตั้งแต่ 6 เดือนถึง 3 ปี สินเชื่อเช่าดำเนินการนี้จะถูกใช้กับการซื้อทรัพย์สินประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องใช้สำนักงาน โดยผู้ให้เช่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินจะซื้อทรัพย์สินมาให้บริษัทที่เป็นนิติบุคคลเช่าโดยกำหนดระยะ ...
เช่าแบบการเงิน คืออะไรการเช่าแบบการเงินเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับการเช่ารถยนต์ระยะยาว 36 -72 เดือน เหมาะสำหรับลูกค้านิติบุคคลเนื่องจากจะสามารถรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการเช่า และเมื่อสิ้นสุดสัญญาคุณยังสามารถเลือกซื้อรถยนต์คันดังกล่าวได้ในราคาที่ตกลงกันไว้ ณ วันเซ็นสัญญา
Leasing มีกี่ประเภทLease หรือ Operating Lease) นอกจากนี ลีสซิงยังแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ สัญญาเช่าการเงิน (Financial Lease) และ สัญญาเช่าดําเนินงาน (Operating Lease) ซึงมีความแตกต่างในด้านต่าง ๆ ตามตารางดังนี สัญญาเช่าการเงิน
สัญญาให้เช่าทรัพย์สินแบบลีสซิ่ง (Leasing) คืออะไรคือ สัญญาที่เจ้าของทรัพย์สิน (Leasor) ตกลงให้ผู้เช่าทรัพย์สินแบบแบบลีสซิ่ง (Leasee) ใช้ประโยชน์จากทรัพย์นั้นได้ โดยมีเงื่อนไขและข้อจำกัดตามที่ระบุในสัญญา และต้องชำระราคาตามที่กำหนดไว้ โดยเจ้าของทรัพย์สินตกลงจะขายทรัพย์สินที่ให้ลิสซิ่งนั้นให้แก่ผู้เช่าทรัพย์สินแบบลิสซิ่งเมื่อครบกำหนดตามสัญญา หรือเรียกง่าย ๆ ว่า สัญญา ...
|