ยังมีหลายคนสับสนระหว่างการเลือกทำ Hifu กับ Botox ว่าควรเลือกทำอย่างไหนดี? แล้วสองแบบนี้แตกต่างกันตรงไหน ใครที่ยังข้องใจไม่หาย วันนี้เรามีคำตอบมาให้สาว ๆ ได้ทำความเข้าใจเสียใหม่ พร้อมวิธีการเลือกว่าควรทำแบบไหน และทำไฮฟู Hifu ที่ไหนดี Botox คือ
นวัตกรรมที่ถูกสกัดขึ้นมาจากเชื้อโรค แต่มีประโยชน์ต่อการรักษาหากใช้ในปริมาณที่พอดี โดยการฉีด Botox ไปตามส่วนต่าง ๆ บนร่างกายหรือใบหน้า เช่น หน้าผาก หางตา ร่องแก้ม เป็นต้น เป็นการฉีกเชื้อโรคเข้าไปทำให้ประสาทส่วนนั้นตาย และร่องรอยต่าง ๆ จากที่ยบหรือบ่นจะค่อย ๆ จางไปภายใน 3-14 วันหลังจากได้รับการฉีด โดยการฉีดโบท็อกสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 7 ขวบขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางด้านรอยเหี่ยวย่น ไม่เต่งตึงต่าง ๆ และต้องการให้ผลการรักษาอยู่ได้นาน การทำ Hifu (ไฮฟู) คือ ราคาแลกความเจ็บ เพราะมีนวัตกรรมที่แตกต่างจากการฉีดโบท็อก เนื่องจากไฮฟูเป็นแค่ตัวเครื่องที่ฉายพลังงานคลื่นความถี่เสียงแรงสูงเข้าไปกระตุ้นเซลล์คอลลาเจนชั้นในของผิว ให้เกิดการทำงานอย่างเข้มข้น ส่งผลให้ผิวบริเวณที่ถูกกระตุ้นสร้างเซลล์มาใหม่ ลดความหย่อนคล้อยลง และเพิ่มความกระชับเต่งตึงมากขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องฉีดสารพิษใด ๆ เข้าร่างกาย ไม่เกิดบาดแผล ซึ่งสาว ๆ
หลายคนที่อยากเสริมความสวยแต่ไม่อยากเจ็บตัวก็มักจะใช้วิธีนี้ โดยการทำ Hifu จะให้ผลในทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มทำ แต่อาจจะต้องคอยมาทำซ้ำให้ยิ่งกระชับและได้ผลตามที่ตนต้องการ จึงเป็นสาเหตุให้การทำ Hifu กับ Botox แตกต่างกัน ระหว่างการทำ Hifu กับ Botox ควรเลือกททำแบบไหนดี? หากกำลังลังเลว่าการทำแบบไหนที่จะตรงใจและตอบโจทย์มากที่สุด คงต้องดูพื้นฐานความชอบของตนเองเป็นหลัก แม้ในระยะหลังการทำ Hifu จะมีความนิยมมากกว่าก็ตาม เพราะอย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วว่า
เป็นการเสริมความสวยด้วยนวัตกรรมแบบใหม่ล่าสุดที่ไม่จำเป็นต้องเจ็บตัวใด ๆ แถมยังไม่มีผลข้างเคียงอีกด้วย ที่สำคัญในปัจจุบันยังหาทำได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นตามโรงพยาบาลหรือตามคลินิกชั้นนำทั่วไปก็เปิดคอร์สให้บริการการทำ Hifu มากมาย ควรเลือกทำไฮฟู Hifu ที่ไหนดี เราขอแนะนำการทำ Hifu แบบครบวงจรกับกังนัมคลินิก ที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำกับสาว ๆ อย่างใกล้ชิด แถมยังเป็นคลินิกชั้นนำที่ส่งตรงมาเกาหลี สามารถทำให้สาว ๆ สวยอย่างเป็นธรรมชาติได้อย่างไม่ต้องกังวล
แถมตลอดคอร์สการรักษายังคอยแนะนำวิธีการเตรียมตัวและดูแลต่าง ๆ ไปจนจบคอร์ส รู้สึกอุ่นใจเหมือนได้นั่งสบาย ๆ เสริมสวยอยู่บ้าน ไม่ว่าจะการทำ Hifu กับ Botox จะแตกต่างกันอย่างไร แต่สิ่งที่สาว ๆ ควรคำนึงถึงมากที่สุดควรเป็นเรื่องการดูแลตัวเองก่อนได้รับการทำและหลังทำเพื่อให้การทำออกมาอย่างมีประสิทธิภาพและอยู่ได้อย่างยาวนานนั่นเอง HIFU กับ BOTOX ต่างกันอย่างไร? เชื่อว่าคงไม่มีใคร ไม่รู้จักการฉีด โบท็อกซ์ (Botulinum toxin A) ที่เป็นการฉีดเพื่อมีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว และเป็นการช่วยลดริ้วรอยต่างๆเช่น ริ้วรอยหางตา หน้าผาก ที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ความรู้สึก และช่วยปรับรูปหน้า โดย Botox ในท้องตลาดจะมีประเภทและยี่ห้อที่แตกต่างกันมากมายซึ่งจะมีระยะเวลาอยู่ได้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ ข้อดีของ Botox 1. แก้ปัญหาริ้วรอยได้ 2. ช่วยปรับรูปหน้าเรียวเล็กลง 3. ปลอดภัย เห็นผลเร็ว ผลข้างเคียงน้อย ข้อเสียของ Botox 1. อาจมีผลกับการขยับกล้ามเนื้อบางส่วน เช่นการเคี้ยวอาหาร 2. ใบหน้าอาจดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติ 3. ผลไม่ถาวร การฉีด1 ครั้ง จะอยู่ได้ 3 – 6 เดือน อยู่ที่การดูแลรักษา 4.ห้ามทำกิจกรรมที่มีความร้อน เช่น อบไอน้ำ สตรีม 5. ต้องเตรียมตัวก่อนฉีด ไม่แนะนำให้ทานอาหารเสริมบางชนิดเพราะจะทำให้เลือดออกง่ายบวมแดง หรืออาจจะต้องหยุดวิตามินก่อนประมาณ7วัน ดังนั้นปัจจุบันในวงการความงามเลยมีการพัฒนาเทคโนโลยี ที่สามารถตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย ความหย่อนคล้อย แต่ใบหน้ายังดูธรรมชาติ ไม่แข็งเกร็ง นั่นคือ Hifu (High Intensity Focused Ultrasound) เป็นอีก 1 วิธีที่ดีที่สุดในการยกกระชับใบหน้า และยังเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก จากทางการแพทย์ทั่วโลก โดยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ทำให้เกิดความร้อนใต้ชั้นผิวระดับชั้นผ่าตัด (SMAS) โดยสามารถกำหนดความลึกได้ โดยการทำ Hifu จะทำให้เซลล์ผิวเกิดการบาดเจ็บ เพื่อกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนโดยส่งพลังงานลงไปในชั้นผิวอย่างสม่ำเสมอ จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อผิวชั้นบนเหมือนการฉีด โบท็อกซ์ ที่อาจเกิดการบวม ช้ำ เขียว บริเวณที่ฉีดได้ แต่การทำ Hifu จะรู้สึกเพียงอุ่นๆ ใต้ชั้นผิวเท่านั้น โดยสามารถทำได้ในบริเวณกรอบหน้า หรือได้ทั้งใบหน้า ข้อดีของ Hifu 1.มีเทคนิคพิเศษในการยิงตามแนวแพทย์ศัลยกรรมเพื่อให้ได้ลัพธ์ที่ดีที่สุด 2.สามารถปรับหัวยิงได้หลายขนาด 3.ไม่เจ็บตัวไม่ต้องผ่าตัด ปลอดภัยไม่มีความเสี่ยง 4. เห็นผลทันที 30% หลังการทำ และจะเห็นผลได้ชัดเจนภายใน 30 วัน 5. ช่วยลดริ้วรอยใต้ตา, หางตา, ร่องแก้ม, ลดเหนียง, คางสองชั้น, หน้าผาก, มุมปาก, ปรับโครงหน้า, ลดไขมันที่แก้ม 6.หน้าดูเรียบเนียน แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น และดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งเกร็ง 7.สามารถอยู่ได้ราว 4 - 6 เดือน อยู่ที่การดูแล ข้อเสียของ Hifu 1.อาจจะมีการเมื่อยตึงที่ใบหน้า ประมาณ 1-2 ชั่วโมง สรุปง่ายๆ ก็คือ การทำ โบท็อกซ์ จะใช้ตัวยาที่รบกวนการทำงานของระบบประสาทส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานลดลง ลดริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์บนใบหน้า ส่วน Hifu เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวน์ยิงลงไปในชั้นผิวระดับชั้นผ่าตัด ช่วยให้ผิวยกกระชับขึ้น สามารถเก็บริ้วรอยเล็กๆได้ดี แต่อย่างไรในการหัตถการนั้นอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อนทำนะคะ ต้องการปรึกษาการฉีด Botox และ Hifu ปรึกษาฟรีที่ Orianna Clinic โดย โอเรียนน่าคลินิก มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทีมงานมืออาชีพ คอยให้คำแนะนำกับทุกปัญหาความงามและใช้เครื่องมือที่ได้รับมาตรฐานระดับโลกที่วงการแพทย์ยอมรับ แถมเดินทางสะดวกมากๆ ติดบีทีเอสเซ็นต์หลุยส์ค่ะ โทร.084-2464445 / Line @orianna ข้อมูลจาก : Goal PR Consulting |