Edt กับ perfume ต่าง กัน อย่างไร

“กลิ่นตัวเหม็น” คือหนึ่งในสิ่งที่อันตรายที่สุดที่จะทำลายบุคลิกภาพที่ดีของผู้ชาย การจัดการกลิ่นตัวของตัวเองให้ดีอยู่เสมอ หรืออย่างน้อยไม่มีกลิ่นเหม็นจนคนอื่นเบือนหน้าหนี เท่านี้ก็ช่วยให้ผู้ชายดูดีขึ้นได้อย่างมากแล้วครับ และเมื่อเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ไม่มีกลิ่นตัวรบกวน การหา น้ำหอมคุณภาพดีมาพรมลงบนตัว สักนิดจะช่วยสร้างเสน่ห์ให้เราได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยครับ

เมื่อพูดถึงการเลือกซื้อน้ำหอม ผู้ชายมักให้ความสำคัญกับ “กลิ่น” ของน้ำหอมจนละเลย “ประเภท” ของน้ำหอมที่เรากำลังจะซื้อ จึงอาจทำให้เกิดปัญหาว่า น้ำหอมบางกลิ่นอยู่ไม่ค่อยทน ส่วนบางกลิ่นที่ติดทนแต่ก็ฉุนเกินไป ฯลฯ วันนี้ MenDetails จึงขอนำประเภทของน้ำหอมแต่ละแบบมาอธิบายความแตกต่าง โดยจัดประเภทตามความเข้มข้นของน้ำหอม ซึ่งเราสามารถสังเกตพบคำศัพท์เหล่านี้ได้บนกล่องหรือขวดน้ำหอมที่เราจะซื้อ เพื่อให้ผู้ชายเข้าใจว่า น้ำหอมมีกี่แบบ และสามารถซื้อน้ำหอมได้ตรงตามความต้องการมากขึ้นนะครับ

Edt กับ perfume ต่าง กัน อย่างไร


1. น้ำหอมประเภท Eau Fraiche (โอ แฟร้ช)

น้ำหอมที่มีคำว่า Eau Fraiche เขียนอยู่บนกล่อง คือน้ำหอมประเภทที่เจือจางที่สุด โดยมีส่วนผสมของน้ำมันหัวน้ำหอมแค่ 1%-3% เท่านั้น นอกนั้นอีกกว่า 97% จะเป็นแอลกอฮอล์กับน้ำ น้ำหอมประเภทนี้จึงมีกลิ่นค่อนข้างอ่อน และกลิ่นของน้ำหอมจะอยู่บนตัวไม่ทนนัก เพียงแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง กลิ่นของน้ำหอมแบบ Eau Fraiche ก็จะหายไปจนเกือบหมดแล้วครับ


2. น้ำหอมประเภท Eau de Cologne (โอ เดอ โคโลญจน์) (EDC)

เข้มข้นขึ้นมาอีกนิดหนึ่งกับน้ำหอมประเภท Eau de Cologne หรือที่เรามักเรียกกันสั้น ๆ ว่า โคโลญจน์ นั่นเอง น้ำหอมประเภทนี้จะมีหัวน้ำหอมประมาณ 2%-4% กลิ่นของโคโลญจน์จึงติดได้นานขึ้นอีกนิดเมื่อเทียบกับ Eau Fraiche โดยอยู่ที่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นกลิ่นก็จะจางหายไป

Edt กับ perfume ต่าง กัน อย่างไร
น้ำหอม “Innovation” จาก Jaguar มีระบุว่าเป็น Eau de Cologne ทั้งที่กล่องและที่ขวด


3. น้ำหอมประเภท Eau de Toilette (โอ เดอ ตัวแล้ท) (EDT)

เป็นน้ำหอมประเภทที่เราจะพบเห็นได้บ่อยที่สุดตามเคาท์เตอร์ขายน้ำหอม และยังเป็นประเภทน้ำหอมที่ส่วนใหญ่เรามักออกเสียงเรียกกันว่า “ท็อยเหล็ท” (Toilet) ซึ่งในปัจจุบันถูกจำกัดความหมายว่าเป็น “ห้องส้วม” ในภาษาอังกฤษ แต่ความจริงแล้วเราควรออกเสียงตามภาษาฝรั่งเศสว่า “ตัวแล้ท” (Toilette) จึงจะถูกต้องตามความหมายที่แปลว่า น้ำหอมที่เอาไว้ใช้ในการตกแต่งตัวหลังอาบน้ำ เพราะคำว่า “ตัวแล้ท” ในภาษาฝรั่งเศสนั้นมีความหมายที่กว้างกว่า และเกี่ยวพันถึงการตกแต่งร่างกายด้วย ไม่ได้หมายความว่าห้องส้วมเพียงอย่างเดียวเสมอไปครับ

Edt กับ perfume ต่าง กัน อย่างไร
น้ำหอม Eternity จาก CK มีระบุว่าเป็น Eau de Toilette ทั้งที่กล่องและที่ขวด

น้ำหอมประเภท Eau de Toilette จะมีหัวน้ำหอมผสมอยู่ประมาณ 5%-15% (ส่วนใหญ่จะใส่อยู่ที่ราว 10%) ความเข้มข้นจึงมีมากกว่าโคโลญจน์และอยู่ได้นานกว่า โดยทั่วไป โอ เดอ ตัวแล้ท จะมีกลิ่นติดอยู่บนตัวเราได้ประมาณ 3-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นว่ามากน้อยแค่ไหน ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าเราซื้อน้ำหอมจากเคาท์เตอร์แล้วมันอยู่ได้แค่ 3-4 ชั่วโมงกลิ่นก็เริ่มจาง นั่นเพราะตามหลักการแล้ว Eau de Toilette ก็มีกลิ่นคงทนอยู่ได้แค่ประมาณนั้นนั่นแหละครับ


4. น้ำหอมประเภท Eau de Parfum (โอ เดอ ปาฟูม) (EDP)

น้ำหอมประเภท Eau de Parfum (โอ เดอ ปาฟูม) ที่เรามักนิยมเรียกกันสั้นๆว่า “เพอร์ฟูม” ตามแบบภาษาอังกฤษ แต่อันที่จริงต้องระวังว่าจะเกิดความสับสนด้วยนะครับ เพราะอันที่จริง Eau de Parfum กับ Perfume นั้นเป็นน้ำหอมคนละประเภทกัน โดย Eau de Parfum จะมีหัวน้ำหอมผสมอยู่ที่ราว 15%-20% (ส่วนใหญ่จะใส่อยู่ที่ราว 15%-16% ไม่ค่อยเกินจากนี้มากนัก) ซึ่งจะเข้มข้นขึ้นมามากกว่า Eau de Toilette อีกระดับ และกลิ่นจะติดตัวเราได้ประมาณ 6-10 ชั่วโมง

Edt กับ perfume ต่าง กัน อย่างไร
น้ำหอม “the one” จาก D&G สังเกตที่กล่องจะบอกว่าเป็น “Eau de Parfum”


5. น้ำหอมประเภท Parfum (ปาฟูม) หรือ Perfume (เพอร์ฟูม)

อย่างที่เราบอกไว้แล้วว่าน้ำหอมประเภท “Eau de Parfum” กับ “Parfum” นั้นเป็นคนละตัวกัน นั่นเพราะหากเราเรียกว่า Parfum หรือ Perfume แบบโดด ๆ เดี่ยว ๆ ตามหลักการย่อมหมายถึงนำ้หอมประเภทที่มีน้ำมันหัวน้ำหอมประมาณ 20%-40% ผสมอยู่ น้ำหอมประเภท ปาฟูม หรือ เพอร์ฟูม จึงมีเนื้อสัมผัสที่ “มันวาว” มากกว่าน้ำหอมชนิดอื่น ๆ ด้วยความเข้มข้นที่มากขนาดนี้มันจึงมีราคาที่แพงกว่า และกลิ่นจะอยู่ติดตัวเราได้ทนกว่า โดยอาจจะติดตัวได้นานถึง 12-24 ชั่วโมงได้เลยทีเดียว และด้วยราคาที่แพง แถมยังหาซื้อยากอีกด้วย เราจึงไม่ค่อยได้พบเห็นใครใช้น้ำหอมประเภท “Parfum” แบบนี้มากนัก ตัวอย่างของน้ำหอมประเภทนี้เช่น น้ำหอมกลิ่น ‘No1’ จาก Clive Christian ซึ่งมีน้ำมันหัวน้ำหอมผสมอยู่ 25% ในราคา 20,250 บาทต่อ 50 มิลลิลิตร


Edt กับ perfume ต่าง กัน อย่างไร
ภาพสรุปความเข้มข้นของน้ำหอมแต่ละแบบให้เห็นชัด ๆ อีกสักรอบ

ครบถ้วนกับการตอบคำถามว่า น้ำหอมมีกี่แบบ คราวต่อไปเวลาที่เราซื้อน้ำหอม อย่าลืมสังเกตประเภทของน้ำหอมว่าเป็นแบบไหน มีความเข้มข้นเท่าไหร่ ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่ากลิ่นน้ำหอมน่าจะติดตัวเราได้นานขนาดไหน เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมาบ่นทีหลังว่า “กลิ่นน้ำหอมที่ซื้อมานั้นมันติดตัวไม่ทนเอาซะเลย” หากที่ใช้อยู่เป็น Eau de Cologne ก็ลองขยับเป็น Eau de Toilette หรือ Eau de Parfum ก็จะช่วยได้นะครับ

สุดท้ายฝากย้ำอีกทีว่า “Toilette” บนขวดน้ำหอมนั้น อ่านว่า “ตัวแล้ท” ไม่ใช่ “ท็อยเหล็ท” นะครับผม

Related Topics
  • eau de cologne
  • eau de parfum
  • eau de toilette
  • eau fraiche
  • fragrance
  • parfum
  • perfume
  • ฉีดน้ำหอม
  • น้ำหอม
  • น้ำหอมผู้ชาย
  • น้ำหอมมีกี่แบบ
  • วิธีฉีดน้ำหอม

You May Also Like