น้ำหอม edt กับ edp ต่าง กัน อย่างไร

น้ำหอม edt กับ edp ต่าง กัน อย่างไร

     

น้ำหอมทุกขวด ทุกยี่ห้อ มีส่วนผสมหลักเป็น หัวน้ำมันหอม และ แอลกอฮอล์

แอลกอฮอล์ซึ่งเป็นตัวช่วยระเหยน้ำมันหอม สารเคมีจากน้ำหอมสังเคราะห์

ในอุตสาหกรรมการผลิตมีการแบ่งเกรดน้ำหอมตามความเข้มข้นของน้ำมันหอม

ที่ถูกทำให้เจือจางด้วยแอลกอฮอล์

Eau de เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “ น้ำ ” ซึ่งจะเอามาเขียนรวมกับความเข้มข้นของหัวน้ำหอม

เพื่อที่จะบอกถึงความเข้มข้นและความคงทนของกลิ่นน้ำหอม และแบ่งแยกได้เป็นประเภทต่างๆ ดังนี้


1.Eau de Cologne ( EDC )หรือโคโลญจ์ มีส่วนผสมของน้ำมันหอมเพียง 3-5%

กลิ่นจะจางเร็ว ราคาค่อนข้างถูก เพราะมีหัวน้ำหอมที่น้อยมาก


2.Eau de Toilette ( EDT ) มีส่วนผสมของน้ำมันหอม 4-8%

กลิ่นจะจางกว่า คงทนได้น้อยกว่าประมาณ 3-4 ชั่วโมง และราคาจะถูกกว่าแบบ EDP


เพราะมีความเข้มข้นหัวน้ำหอมน้อยกว่า ส่วนใหญ่น้ำหอมของผู้ชายจะทำออกมาเป็นแบบ EDT

เพราะจะมีกลิ่นไม่ฉุนมาก แต่กลิ่นน้ำหอมมักจะอยู่ไม่ค่อยติดตลอดวัน


3.Eau de Parfum ( EDP )มีส่วนผสมของน้ำมันหอม 15-18%

จะมีราคาค่อนข้างแพง เนื่องจาก % หัวน้ำมันหอมสูง คงทนประมาณ 6-8 ชั่วโมง

** ความติดทนของน้ำหอม ความฉุนของกลิ่น และลักษณะของกลิ่น

อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้หรือแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของน้ำหอม

การฉีดน้ำหอมและลักษณะของผิวของแต่ละคน

เป็นการแบ่งตามความเข้มข้นของหัวน้ำหอมที่ผสมลงไปครับ
Parfum หรือ extrait มีหัวน้ำหอมผสมอยู่ 15–40% (IFRA: typical 20%)
Esprit de Parfum (ESdP)  มีหัวน้ำหอมผสมอยู่ 15–30%
Eau de Parfum (EdP)   มีหัวน้ำหอมผสมอยู่ 10–20% (typical ~15%)  บางแบรนด์เรียก  Parfum de Toilette (PdT) หรือ Millésime เช่น น้ำหอมของ Creed
Eau de Toilette (EdT)  มีหัวน้ำหอมผสมอยู่ 5–15% (typical ~10%)
Eau de Cologne (EdC)  มีหัวน้ำหอมผสมอยู่ 3–8% (typical ~5%)
Perfume mist  มีหัวน้ำหอมผสมอยู่ 3–8%
Splash (EdS) หรือ aftershave  มีหัวน้ำหอมผสมอยู่ 1–3%

น้ำหอมของผู้ชายส่วนใหญ่ ความเข้มข้นจะอยู่ในระดับ EDT เพราะแต่เดิมแล้ว ผู้ชายจะไม่ใช้น้ำหอมกลิ่นแรงๆหรือที่มีการกระจายกลิ่นมาก
สมัยก่อนผู้ชายใช้แค่ระดับ Cologne ด้วยซ้ำ ทำให้คำว่า Colonge กลายเป็นคำแทนเรียกน้ำหอมสำหรับผู้ชาย แม้ว่าจะมีความเข้มข้นระดับ EDT หรือ EDP ก็ตาม

ตรงกันข้ามผู้หญิงนิยมใช้น้ำหอมที่มีการกระจายกลิ่นมากพอให้คนรอบข้างได้กลิ่นด้วย น้ำหอมของผู้หญิงส่วนใหญ่ความเข้มข้นจึงอยู่ในระดับ EDP

โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งมีหัวน้ำหอมมาก น้ำหอมขวดนั้นกลิ่นก็ยิ่งชัดและติดทนมาก แต่ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับขนาดโมเลกุลของกลิ่นที่ใช้ด้วย
ยิ่งโมเลกุลมีขนาดใหญ่กลิ่นยิ่งติดทน เช่นพวกมัสก์หรือไม้หอม ส่วนโมเลกุลที่มีขนาดเล็ก เช่นกลิ่นผลไม้จำพวกซิตรัสที่ให้โทนสดชื่น จะระเหยได้เร็วกว่า

ดังนั้นน้ำหอม EDT ของแบรนด์หนึ่งอาจติดทนได้เท่ากับหรือดีกว่า EDP ของอีกกลิ่นหรืออีกแบรนด์ก็ได้ ถ้า EDT ขวดนั้นมีแต่กลิ่นแน่นๆที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่

ความเชื่อที่ว่าน้ำหอมจริงกลิ่นติดทน น้ำหอมปลอมหรือน้ำหอมซีซีทนน้อยกว่า จึงไม่จริงเสมอไป น้ำหอมแบรนด์เนมบางกลิ่นหรือบางแบรนด์ที่ราคาเฉียดหมื่น กลิ่นติดทนแค่ 2-3 ชม. มีเยอะครับ

น้ำหอม edt กับ edp ต่าง กัน อย่างไร

การเลือกซื้อน้ำหอม เรามักให้ความสำคัญกับ “กลิ่น” ของน้ำหอม จนละเลย “ประเภท” ของน้ำหอมที่เรากำลังจะซื้อ คนรักน้ำหอม คงพอรู้และเข้าใจความหมายของน้ำหอมประเภท EDP, EDT, EDC ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร แต่มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มหลงไหลเสน่ห์ของน้ำหอม อาจจะยังไม่เข้าใจเท่าไร วันนี้เราจะมาบอกประเภทของน้ำหอมทั้ง 5 แบบ จะได้เลือกความหอมได้ถูกต้องตามการใช้งาน เพราะ “กลิ่นตัวเหม็น” คือหนึ่งในสิ่งที่อันตรายที่สุดที่จะทำลายบุคลิกภาพที่ดี

การจัดการกลิ่นตัวของตัวเองให้ดีอยู่เสมอ ช่วยให้ดูดีขึ้นได้อย่างมาก การหาน้ำหอมคุณภาพดีมาใช้ จะช่วยสร้างเสน่ห์ให้เราได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย เราจึงขอนำประเภทของน้ำหอมแต่ละแบบมาอธิบายความแตกต่าง โดยจัดประเภทตามความเข้มข้นของน้ำหอม ซึ่งเราจะสังเกตเห็นคำศัพท์เหล่านี้ได้บนกล่องหรือที่ขวดน้ำหอม เพื่อให้ซื้อน้ำหอมได้ตรงตามความต้องการมากยิ่งขึ้น

น้ำหอม 5 ประเภทที่ต้องรู้!

  1. น้ำหอมประเภท Parfum หรือ Perfume
  2. น้ำหอมประเภท Eau de Parfum หรือ EDP
  3. น้ำหอมประเภท Eau de Toilette หรือ EDT
  4. น้ำหอมประเภท Eau de Cologne หรือ EDC
  5. น้ำหอมประเภท Eau Fraiche


#1: น้ำหอมประเภท Parfum หรือ Perfume

น้ำหอม edt กับ edp ต่าง กัน อย่างไร

น้ำหอมประเภท “Parfum” หรือ “Perfume” หลายๆคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตัวเดียวกันกับ “Eau de Parfum” นั้นเป็นคนละตัวกันนะ น้ำหอมประเภทนี้จะมีความเข้มข้นของหัวน้ำหอมมากที่สุด จึงมีเนื้อสัมผัสที่ “มันวาว” มากกว่าน้ำหอมชนิดอื่นๆ เหมือนกับน้ำหอมแบรนด์ Blotto Fragrance ด้วยส่วนผสมของน้ำมันหัวน้ำหอมที่มากกว่านั่นเอง ด้วยความเข้มข้นที่มากขนาดนี้มันจึงมีราคาที่แพงกว่าน้ำหอมประเภทอื่น และกลิ่นจะอยู่ติดตัวเราได้ทนกว่า โดยอาจจะติดตัวได้นานถึง 12-24 ชั่วโมงได้เลย


#2: น้ำหอมประเภท Eau de Parfum หรือ EDP

น้ำหอม edt กับ edp ต่าง กัน อย่างไร

น้ำหอมประเภท Eau de Parfum หรือ EDP  สามารถกระจายกลิ่นได้ดี และมีความติดทนประมาณ 6-8 ชั่วโมง จากความเข้มข้นที่สุด น้ำหอมของแบรนด์ Blotto Fragrance จะจัดอยู่ในประเภท EDP แต่สิ่งที่พิเศษกว่าก็คือ เราใช้สูตรเฉพาะของแบรนด์ ทำให้มีความติดทนนานกว่า 8-12 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว กลิ่นก็จะชัดและแรงตามความเข้มข้นของน้ำหอมนั้นไปด้วย

แต่ก็มีบางกลิ่นที่มีความหอมอ่อนและติดทนน้อย ดังนั้นการเลือกฉีดน้ำหอมแท้ประเภท EDP จึงควรดูความพอเหมาะ เพื่อการสร้างเสน่ห์ที่ไม่ทำร้ายคนรอบข้างจนเกินไป


#3: น้ำหอมประเภท Eau de Toilette หรือ EDT

น้ำหอม edt กับ edp ต่าง กัน อย่างไร

น้ำหอมประเภท EDT หรือ Eau de Toilette เราจะพบเห็นได้บ่อยที่สุดตามเคาท์เตอร์ต่างๆ จะมีหัวน้ำหอมผสมอยู่ประมาณ 5%-15% (ส่วนใหญ่จะใส่อยู่ที่ราว 10%) จะมีราคาถูกกว่า Eau de Parfum มีกลิ่นติดอยู่บนตัวเราได้ประมาณ 3-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นว่ามากน้อยแค่ไหน

สำหรับบางคนก็ชอบใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นอ่อนๆ น้ำหอมประเภท EDT ดูจะตอบโจทย์มากกว่า ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าเราซื้อน้ำหอมจากเคาท์เตอร์แล้วมันอยู่ได้แค่ 3-5 ชั่วโมงกลิ่นก็เริ่มจาง


#4: น้ำหอมประเภท Eau de Cologne หรือ EDC

น้ำหอม edt กับ edp ต่าง กัน อย่างไร

น้ำหอมประเภท Eau de Cologne หรือ EDC ที่เรามักเรียกกันสั้นๆว่า โคโลญจน์ นั่นเอง เป็นน้ำหอมที่ให้ความหอมแบบอ่อนๆ กลิ่นจางเร็วที่สุดจากส่วนผสมของน้ำมันหอมที่เจือจางที่สุด

เหมาะสำหรับวัยรุ่นหรือแนวกลิ่นที่เน้นความสดชื่นสดใสแบบบางเบา และมีราคาถูกที่สุด คงความหอมได้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แต่สามารถเติมได้ตลอดระหว่างวัน น้ำหอมประเภทนี้จะมีหัวน้ำหอมประมาณ 2%-4% เท่านั้น


#5: น้ำหอมประเภท Eau Fraiche

น้ำหอม edt กับ edp ต่าง กัน อย่างไร

น้ำหอมประเภท Eau Fraiche คือน้ำหอมประเภทที่เจือจางที่สุด โดยมีส่วนผสมของน้ำมันหัวน้ำหอมแค่ 1%-3% เท่านั้น นอกนั้นอีกกว่า 97% จะเป็นแอลกอฮอล์กับน้ำ จะเป็นน้ำหอมประเภทนี้จึงมีกลิ่นอ่อน และกลิ่นของน้ำหอมจะอยู่บนตัวไม่ทนนัก ความหอมจะติดเพียงแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง กลิ่นของน้ำหอมแบบ Eau Fraiche ก็จะหายไปจนเกือบหมด

หากเรารู้ประเภทของน้ำหอมต่างๆกันแล้ว คงได้ความรู้ไปใช้ในการเลือกน้ำหอมที่เหมาะกับตัวเอง เลือกที่ชอบและใช้ให้เหมาะกับงาน ในปริมาณที่ลงตัว แล้วคุณจะเป็นคนที่มีเสน่ห์จากการใช้น้ำหอม จะทำให้คุณเป็นอีกคนที่น่าหลงใหลได้เลยล่ะ!!

สำหรับใครที่อยากใช้น้ำหอมให้ติดทนนานมากกว่าเดิม แนะนำให้อ่านบทความนี้เลย รับรองว่าใครทำตามจะทำให้น้ำหอมของเราติดทนนานมากยิ่งขึ้น >>> วิธีการใช้น้ำหอม: 11 เคล็ดลับในการทำให้น้ำหอมติดทนนานขึ้น

Post Views: 7,819

Recent Posts