สำหรับวิชาภาษาไทย ๒ ชั้น ม. ถ Show วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรม ๑. ความหมายของการวิเคราะห์วรรณกรรม ๒. แนวในการวิเคราะห์วรรณกรรม
สะท้อนถึงอารมณ์โกรธแค้นและสะเทือนใจ ...ยิ่งคิดเดือดดาลทะยานใจ ฉวยได้กระดานชะนวนมา มีการพรรณณาถึงเรื่องฝันร้าย ...ครั้งนี้น่าจะมีอันตราย ฝันร้ายสาหัสตัดตำรา ใช้ถ้อยคำเกิดความเศร้าสะเทือนใจสงสารในชะตากรรมของตัวละคร ...วันนี้แม่จะลาพ่อพลายแล้ว จะจำจากลูกแก้วไปสูญสิ้น การบรรยายโวหาร
ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสว่าง จันทร์กระจ่างทรงกลดหมดมฆสิ้น เชิงเปรียบเทียบ อีวันทองตัวมันเหมือนแก้ว ถ้าตัดโคนขาดแล้วก็ใบเหี่ยว
อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา กรุงศรีอยุธยาล่มสลายไปแล้ว กลับลอยลงมาจากสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง นั่นคือกรุงเทพมหานคร พระราชอาสน์ พระปรางค์ ประดับประดาด้วยแก้วมณีงามเด่นในโลก เป็นเพราะผลบุญพระมหากษัตริย์ได้ทรงกระทำไว้แต่เก่าก่อน
พระพุทธศาสนาจึงได้เจริญรุ่งเรือง ช่วยปิดทางแห่งความชั่ว เปิดทางสู่ความดีงาม ฟื้นฟูจิตใจราษฎรให้พ้นจากความงมงายในบาปต่าง ๆ
กวีแทรกอารมณ์ขันในการแต่ง ขุนช้างเห็นข้าไม่มาใกล้
ขัดใจลุกขึ้นทั้งแก้ผ้า มาดูสำนวนจาก เสภาขุนช้างขุนแผน ตอนที่ยกมานี้ เป็นฉากคืนแต่งงานของพลายแก้วกับนางบัวคลี่ การนำเหตูการณ์จากธรรมชาติมาเปรียบเทียบให้เห็นภาพอีกอย่างหนี่งที่ไม่ต้องแปล เกิดพยับพยุห์พัดอัศจรรย์
สลาตันเป็นระลอกกระฉอกฉาน ความไพเราะ ๑.การเล่นคำ การส่งสัมผัสด้วยคำตาย ให้ความรู้สึกสะเทือนใจ “จะว่าโศกโศกอะไรที่ในโลก ก็ไม่โศกใจหนักเหมือนรักสมร จะว่าหนักหนักอะไรในดินดอน ถึงสิงขรก็ไม่หนักเหมือนรักกัน” ๒.
การเลือกสรรคำมาใช้ ตัวอย่าง บรรยากาศที่สวยเงียบ นิ่มนวล แฝงลีลาอ่อนโยนชวนเคลิบเคลิ้ม “หนาวอารมณ์เรื่อยเฉื่อยเฉื่อยชื่น ระรวยรื่นรินรินกลิ่นเกสร แสนสงสารบ้านเรือนเพื่อนที่นอน จะอาวรณ์อ้างว้างอยู่วังเวง” ตัวอย่าง บรรยากาศหรืออารมณ์ที่รุ่มร้อน รุนแรง กวีก็เลือกใช้คำและลีลาที่ แข็งกร้าว เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร ทุทาสสถุลฉะนี้ไฉน ก็มาเป็น ศึกบ่ถึงและมึงก็ยังมิเห็น จะน้อยจะมากจะยากจะเย็น ประการใด อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ ขยาดขยั้นมิทันอะไร ก็หมิ่นกู (สามัคคีเภทคำฉันท์) ก. การใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ
ทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหรือเห็นภาพ ทำให้เกิดความไพเราะและสะเทือนอารมณ์ตามไปด้วย เช่น ไผ่ซออ้อเอียดเบียดออด ลมลอดไล่เลี้ยวเรียวไผ่ ออดแอดแอดออดยอดไกว แพใบไล้น้ำลำคลอง (คำหยาด – เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์) ข. ใช้คำน้อยแต่กินความมาก เป็นการกล่าวอย่างกระชับ แต่มีเจตนาจะให้สื่อ ความหมายคลุมกว้างขวางออกไปยิ่งกว่าที่กล่าวไว้นั้น เช่น ตัวอย่าง “อันของสูงแม้ปองต้องจิต ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้หรือ” คำว่าของสูง มีความหมายตามศัพท์ หมายถึง สิ่งที่อยู่สูง ๆ แต่เจตนาของผู้ส่งสาร มีความหมายกว้างออกไปอีก หมายถึง สิ่งที่สูงค่ายิ่ง ตัวอย่าง รอนรอนสุริยะโอ้ อัสดง เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง ค่ำแล้ว รอนรอนจิตจำนง นุชพี่ เพียงแม่ (กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้ากุ้ง) ง. การใช้คำอัพภาส คือ การซ้ำคำชนิดหนึ่ง โดยใช้พยัญชนะซ้ำเข้าไปข้างหน้า เช่น ริก เป็นระริก ยิ้ม เป็น ยะยิ้ม แย้ม เป็น ยะแย้ม เช่น ตัวอย่าง “เพื่อชื่นชมรมณีย์กับชีวิต ที่จะคิดที่จะทำตามคิดเห็น จ. การเล่นเสียงวรรณยุกต์ คือ การนำคำที่มีพยัญชนะต้น สระ ตัวสะกดอย่างเดียวกัน แต่ ต่างวรรณยุกต์กัน นำมาเรียงไว้ใกล้กัน ทำให้เกิดเสียงไพเราะดุจดนตรี เช่น ตัวอย่าง “สกัดไดใดสกัดน้อง แหนงนอน ไพรฤา เพราะเพื่อมาราญรอน เศิกไซร้ สละสละสมร เสมอชื่อ ไม้นา นึกระกำนามไม้ เหม่นแม้นทรวงเรียม” (ลิลิตตะเลงพ่าย) ๓. กวีโวหารและสำนวนโวหาร ตัวอย่าง "แม้มีความรู้ดั่ง สัพพัญญู ผิบ่มีคนชู ห่อนขึ้น" "ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคคะใดใด" วิธีที่ ๒ การเปรียบสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง มักจะมีคำว่า คือ หรือ เป็น ปรากฏ อยู่ เช่น ตัวอย่าง “เงินตราหรือคือกระดาษ ผู้สร้างขึ้นมาซิอนาถ หลงใหลเป็นทาสอำนาจเงิน” “แม้เธอเป็นดวงดารา ฉันจะเป็นฟ้ายามราตรีกาล” “ขอกายเจ้าจงเป็นเช่นต้นไม้ ยืนอยู่ได้โดยภพสงบนิ่ง เพื่อแผ่ร่มเป็นหลักให้พักพิง แต่งดอกพริ้งผลัดฤดูอยู่ชั่วกาล” ข. การใช้บุคลาธิษฐาน หมายถึง การสมมุติสิ่งต่าง ๆ ให้มีกิริยาอาการของมนุษย์ เช่น ตัวอย่าง
“มองซิมองทะเลเห็นลมคลื่นเห่จูบหิน บางครั้งมันบ้าบิ่นกระแทกหินดังครืน ๆ” “หางนกยูงระย้าเรี่ยคลอเคลียน้ำ แพนดอกฉ่ำช้อยช่อวิจิตร” สีขาว หมายถึง
..................................................................................................................... “ถึงโลกแตกแหลกเป็นผงคลี รักเต็มปรี่ไม่มีรู้คลาย” แปลความ........................................................................................................................................ “ความหวานชื่นอันขมขื่น”
สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน แนวคิด.โคลงบทนี้แสดงแนวคิดว่า ผลของความชั่วเป็นสิ่งร้ายกาจ ทำลายผู้ประพฤติชั่ว เหมือนสนิมที่กัดกินเนื้อเหล็กจนกร่อนผุ ผู้ที่ทำบาปทำชั่วก็จะเป็นโทษภัยแก่ผู้นั้นเอง ๒. สาระด้านหลักฐานความเป็นจริง ตัวอย่างวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี ด้านเนื้อหา คำนมัสการครุณานุคุณในแต่ละตอนมีความดีเด่นด้านเนื้อหา ดังนี้ คำนมัสการพระพุทธคุณ มีเนื้อหาสำคัญ คือ การสรรเสริญพระคุณของพระพุทธเจ้า โดยกวีได้กล่าวยกย่องพระพุทธเจ้าไว้ว่า ทรงพระพุทธเจ้าไว้ว่า ทรงพระคุณอันประเสริฐ 3 ประการ คือ พระปริสุทธิคุณ คือ พระพุทธเจ้าทรงปราศจากกิเลส และไม่เกี่ยวข้องกับความมัวหมองหรือราคีใด ๆ พระกรุณาธิคุณ คือ พระพุทธเจ้าทรงมีพระกรุณามากมายเหมือนกับน้ำในมหาสมุทร ทรงช่วยเหลือมนุษย์ให้หลุดพ้นจากกิเลสด้วยการแนะแนวในการดับทุกข์ เพื่อมุ่งไปสู่ความสุขอันแท้จริง คือ พระนิพพาน พระปัญญาธิคุณ
คือ พระพุทธเจ้าทรงมีพระปรีชาญาณอันลึกซึ้ง ทรงคิดค้นและทำความเข้าใจในทุกสิ่งที่ได้ทรงพบเสมอ พระพุทธเจ้าจึงทรงเป็นผู้มีพระคุณแก่เราอย่างสูงสุด เนื่องจากพระองค์ทรงแสวงหาหนทางหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงให้แก่มนุษย์ ทรงสั่งสอนให้มนุษย์กระทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว และประทานหลักธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้มนุษย์ประพฤติตนในทางที่ควร ซึ่งจะทำให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข คำนมัสการพระธรรมคุณ
พระธรรม คือ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ได้มีพระกรุณาแสดงพระธรรมเทศนาสั่งสอนสรรพสัตว์ เพื่อช่วยยกระดับจิตใจให้งดงามและทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข กวีจึงกล่าวสรรเสริญพระธรรมคุณว่าเป็นบ่อเกิดแห่งความดี (คุณากร) ที่ช่วยส่องทางสว่างให้แก่จิตใจของสรรพสัตว์ทั้งหลาย คำนมัสการพระสังฆคุณ
ถ้าพระพุทธองค์ไม่ได้สถาปนาคณะสงฆ์ขึ้น หลักธรรมที่พระองค์ทรงค้นพบจะสูญสิ้นไปพร้อมกับการปรินิพพาน พระสงฆ์จึงมีบทบาทสำคัญและมีพระคุณโดยเฉพาะแก่พุทธศาสนิกชน เพราะหากไม่มีพระสงฆ์ก็ไม่มีผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา ดังที่กวีกล่าวสรรเสริญไว้ว่า คำนมัสการมาตาปิตุคุณ บิดามารดา เป็นผู้มีพระคุณแก่เราโดยตรง เพราะเป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเราโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ตั้งแต่เราเกิดมาท่านก็ให้ความรักความเมตตาเอาใจใส่ดูแลห่วงใยโดยบริสุทธิ์ใจ คอยแนะนำตักเตือนชี้ทางที่ดีให้แก่เรา เมื่อเราทุกข์หรือเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านก็ทุกข์ด้วย แม้จะต้องทำงานด้วยความเหนื่อยยากก็ยอมสู้ทน กวีจีงกล่าวสรรเจริญพ คุณค่าด้านวรรณศิลป์มีความหมายว่าอย่างไร1. คุณค่าด้านวรรณศิลป์ เป็นคุณค่าทางด้านศิลปะการแต่ง โวหารภาพพจน์ ความไพเราะ สละสลวยของภาษาที่ใช้ การใช้รูปแบบเหมาะสมกับเนื้อหา วิธีแต่งน่าสนใจ สื่ออารมณ์ดี และ สื่อความคิดที่สร้างสรรค์
คุณค่าทางด้านวรรณศิลป์มีอะไรบ้างคุณค่าด้านวรรณศิลป์ ในวรรณคดีและวรรณกรรม “วรรณศิลป์” หมายถึง ลักษณะดีเด่นทางด้านวิธีแต่ง การเลือกใช้ ถ้อยคา สานวน ลีลา ประโยค และความเรียงต่าง ๆ ที่ประณีต งดงาม หรือ มีรสชาติเหมาะสมกับเนื้อเรื่องเป็นอย่างดี วรรณกรรมที่ใช้วรรณศิลป์ชั้นสูงนั้นจะทาให้คนอ่านได้รับผลในทาง อารมณ์ความรู้สึก
วรรณคดีสะท้อนคุณค่าในด้านใดบ้าง คุณค่าทางอารมณ์ ... . คุณค่าทางปัญญา ... . คุณค่าทางศีลธรรม ... . คุณค่าทางวัฒนธรรม ... . คุณค่าทางประวัติศาสตร์ ... . คุณค่าทางจิตนาการ ... . คุณค่าทางทักษะเชิงวิจารณ์ ... . คุณค่าทางการใช้ภาษา. คุณค่าของร้อยกรองมีกี่ประเภทคุณค่าของบทร้อยกรอง
๑. ช่วยให้เข้าถึงรสและเห็นความงามของบทร้อยกรองที่อ่าน ๒. ช่วยให้ได้รับความไพเราะและเกิดความซาบซึ้ง ๓. ช่วยให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ๔. ช่วยให้จำบทร้อยกรองได้รวดเร็วและแม่นยำ ๕. ช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้เป็นคนอ่อนโยนและเยือกเย็น ๖. ช่วยสืบสานศิลปวัฒนธรรมในการอ่านทำนองเสนาะไว้เป็นมรดกของ
|