ส่วนประกอบของหน้าจอ from wattikorn_080 Show #เรียนภาษาอังกฤษ #ภาษาอังกฤษวันละคำ คำว่า Working Space กับ Working Place ต่างกันยังไง ความหมายเหมือนกันหมายถึงที่ทำงานค่ะ แต่ถ้าใช้คำว่า working space จะสื่อถึง พื้นที่ทำงาน ซึ่งอาจจะเป็นใน office ✔️✔️สอบถามเพิ่มเติม รับคำปรึกษาด้านการเรียนภาษาอังกฤษ และ ทดสอบภาษาอังกฤษ ฟรี https://www.thebestenglish.net/contact/ Work Area หรือพื้นที่การทำงานของโปรแกรม Adobe Photoshop จะประกอบด้วยเครื่องมือสำหรับการตกแต่งไฟล์ภาพต่าง ๆ ดังนี้1. Menu bar คือส่วนที่แสดงชื่อเมนูต่างๆ ของโปรแกรม2. Toolbox คือส่วนของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการสร้างชิ้นงานหรือตกแต่งภาพ3. Tool options bar คือส่วนที่กำหนดคุณสมบัติของอุปกรณ์ที่เลือกจาก Toolbox4. Palettes คือส่วนที่ใช้ตรวจสอบและกำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ ให้กับรูปภาพ5. Status bar คือส่วนที่แสดงรายละเอียดต่าง ๆ ของชิ้นงาน เช่น ขนาดของมุมมองรูปภาพ ขนาดของไฟล์ คำแนะนำการใช้งานของอุปกรณ์ที่เลือกจาก Adobe Photoshop CS คืออะไรAdobe Photoshop CS เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่รวบรวมเครื่องมือสำหรับตกแต่งภาพประสิทธิภาพสูง เพื่อการทำงานระดับมาตรฐานสำหรับนักออกแบบมืออาชีพที่ต้องการสร้างสรรค์งานกราฟิกที่โดดเด่น ทั้งงานที่ใช้บนเว็บและงานสิ่งพิมพ์ Work Area หรือพื้นที่การทำงานของโปรแกรม Adobe Photoshop จะประกอบด้วยเครื่องมือสำหรับการตกแต่งไฟล์ภาพต่าง ๆ ดังนี้ 1. Menu bar คือส่วนที่แสดงชื่อเมนูต่างๆ ของโปรแกรม ก็จะประกอบด้วย File , Edit , Image , Layer , Select , Filter , View , Window , Help 1.1 File หมายถึง คำสั่งเกี่ยวกับการจัดเก็บและเรียกใช้ไฟล์รูปภาพต่างๆ 1.2 Edit หมายถึง คำสั่งเกี่ยวกับการแก้ไขลักษณะของรูปภาพและ Image ต่างๆ 1.3 Image หมายถึง คำสั่งการจัดการรูปภาพและ Image ต่างเช่น การเปลี่ยนสีและการ เปลี่ยนขนาด 1.4 Layer หมายถึง ชั้นหรือลำดับของรูปภาพและวัตถุที่เราต้องการจะทำ Effects 1.5 Select เป็นคำสั่งการเลือกพื้นที่หรือส่วนต่างของรูปภาพและวัตถุในการที่จะเล่น Effects ต่างๆ 1.6 Filter เป็นคำสั่งการเล่น Effects ต่างๆสำหรับรูปภาพและวัตถุ 1.7 View เป็นคำสั่งเกี่ยวกับมุมมองของภาพและวัตถุในลักษณะต่างๆ เช่น การขยายภาพ และย่อภาพให้ดูเล็ก 1.8 Window เป็นส่วนคำสั่งในการเลือกใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆที่จำเป็นในการใช้สร้าง Effects ต่างๆ Training Service (ICT Center) เอกสารประกอบการอบรมเทคนิคการสร้างและตกแต่งภาพด้วย Adobe Photoshop CS3 หน้าที่ 3 1.9 Help เป็นคำสั่งเพื่อแนะนำเกี่ยวกับการใช้โปรแกรมฯและจะมีลายละเอียดของโปรแกรม อยู่ในนั้น 2. Toolbox คือส่วนของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการสร้างชิ้นงานหรือตกแต่งภาพ 3. Tool options bar คือส่วนที่กำหนดคุณสมบัติของอุปกรณ์ที่เลือกจาก Toolbox 4. Palettes คือส่วนที่ใช้ตรวจสอบและกำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ ให้กับรูปภาพ 5. Status bar คือส่วนที่แสดงรายละเอียดต่าง ๆ ของชิ้นงาน เช่น ขนาดของมุมมองรูปภาพ ขนาดของไฟล์ คำแนะนำการใช้งานของอุปกรณ์ที่เลือกจาก Toolbox องค์กรนักสุขศาสตร์อุตสาหกรรมภาครัฐแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นองค์กรด้านวิชาการของนักสุขศาสตร์อุตสาหกรรม ที่มีความน่าเชื่อถือสูงของประเทศสหรัฐอเมริกา วิชาชีพนักสุขศาสตร์อุตสาหกรรมนี้ เป็นผู้เชี่ยวชาญสาขาหนึ่งซึ่งมีความรู้ในด้านการตรวจวัดระดับสิ่งคุกคามและระดับสารเคมีในสถานที่ทำงานโดยเฉพาะ องค์กร ACGIH เป็นผู้กำหนดค่ามาตรฐานระดับสารเคมีในบรรยากาศการทำงาน (เรียกว่าค่า Threshold Limit Values หรือ TLVs) และในร่างกายคนทำงาน (เรียกว่าค่า Biological Exposure Indices หรือ BEIs) ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่ได้รับความเชื่อถือสูงจากทั่วโลก โดยจะจัดทำเป็นหนังสือออกปีละครั้งในชื่อหนังสือ TLVs and BEIs ACGIH TLVs ACGIH - Threshold Limit Values [1] คือค่ามาตรฐานของสารเคมีในบรรยากาศการทำงานซึ่งกำหนดโดยองค์กร ACGIH โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้
ACGIH BEIs ACGIH – Biological Exposure Indices [1] คือค่ามาตรฐานตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ (Biomarker) สำหรับประเมินการสัมผัสสารเคมีในคนทำงาน เป็นค่ามาตรฐานที่แนะนำโดยองค์กร ACGIH โดยค่ามาตรฐานนี้จะมีข้อกำหนดในเรื่องชนิดของตัวอย่างทางชีวภาพ (Specimen) ที่ใช้ส่งตรวจ คือ เลือด (Blood), ปัสสาวะ (Urine), หรือลมหายใจออก (Exhaled air) ซึ่งต้องเก็บตัวอย่างทางชีวภาพจากคนทำงานให้ถูกชนิด รวมถึงมีข้อกำหนดในเรื่องเวลาเก็บตัวอย่าง (Sampling time) คือ หลังเลิกกะ (End of shift; EOS), หลังสัปดาห์การทำงาน (End of workweek; EWW), ก่อนเข้ากะ (Prior to shift; PS), ก่อนเข้ากะสุดท้ายของสัปดาห์การทำงาน (Prior to last shift of workweek; PLSW), ระหว่างกะ (During shift; DS), เพิ่มขึ้นระหว่างกะ (Increased during shift), เวลาใดก็ได้ (Not critical; NC), หรือขึ้นกับดุลยพินิจของผู้สั่งการตรวจ (Discretionary) ซึ่งต้องเก็บตามเวลาที่กำหนดด้วยเช่นกัน จึงจะได้ผลตรวจที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถแปลผลได้อย่างถูกต้อง ค่ามาตรฐานตัวบ่งชี้ทางชีวภาพบางตัว จะมีสัญลักษณ์พิเศษ (Notation) หนึ่งสัญลักษณ์หรือหลายสัญลักษณ์กำกับเอาไว้ สัญลักษณ์พิเศษที่พบได้มีความหมายดังนี้
ACGIH Carcinogenicity คือค่าบ่งชี้การก่อมะเร็งของ สารเคมี / กิจกรรม ซึ่งกำหนดโดยองค์กร ACGIH แบ่งเป็น 5 ระดับ ดังนี้ [1]
[หมายเหตุ ในกรณีที่เป็นการประเมิน “สารเคมี” จะใช้คำว่า “เป็นสารก่อมะเร็ง” แต่ในกรณีที่เป็นการประเมิน “กิจกรรม” จะใช้คำว่า “เป็นกิจกรรมที่ก่อมะเร็ง” แทน] CAS Number Chemical Abstracts Service (CAS) registry number [2] เป็นหมายเลขรหัสของสารเคมีซึ่งกำหนดโดยหน่วยงาน American Chemical Society หมายเลขรหัสนี้เป็นรหัสสากลที่ได้รับความนิยมสูงในการกำหนดรหัสสารเคมีทั่วโลก รหัสจะกำหนดให้กับสารเคมีทุกชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีเลขเฉพาะตัว การกำหนดรหัสจะไล่เรียงกันไปเรื่อยๆ ทำให้จำนวนตัวเลขไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ รหัสจะประกอบไปด้วยเลข 3 กลุ่มคั่นด้วยเครื่องหมายขีด (-) ดังนี้ XXXXXXX-XX-X (กลุ่มแรกสูงสุด 7 หลัก กลุ่มที่สองสูงสุด 2 หลัก และกลุ่มสุดท้ายจะเป็นเลขหลักเดียวเสมอ) ตัวอย่างเช่น CAS Number ของน้ำคือ 7732-18-5 เป็นต้น DFG Deutsche Forschungsgemeinschaft [3] องค์กร Deutsche Forschungsgemeinschaft (DFG) [ภาษาอังกฤษ: German Research Foundation] เป็นองค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศเยอรมัน ทำหน้าที่สนับสนุนการศึกษาวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์หลากหลายสาขา โดยรับทุนการดำเนินการหลักจากรัฐบาลเยอรมัน องค์กรนี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 ในชื่อดั้งเดิมคือ Notgemeinschaft der Deutschen Wissenschaft ก่อนที่จะผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง จนในปี ค.ศ. 1951 ได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า Deutsche Forschungs-gemeinschaft (DFG) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองบอนน์ (Bonn) องค์กร DFG มีบทบาทสำคัญอย่างหนึ่งทางด้านอาชีวอนามัย คือเป็นผู้กำหนดค่ามาตรฐานระดับสารเคมีในบรรยากาศการทำงาน และค่ามาตรฐานตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ (Biomarker) สำหรับประเมินการสัมผัสสารเคมีในร่างกายคนทำงาน ที่ใช้ในประเทศเยอรมัน รายละเอียดดังนี้
Explosive limit ค่า Explosive limit หรือบางครั้งใช้คำว่าค่า Flammability limit เรียกแทนกันก็ได้ [5] คือปริมาณของแก๊ส ไอระเหย หรือฝุ่นติดไฟได้ที่กระจายตัวอยู่ในอากาศ ในปริมาณที่สามารถลุกติดไฟหรือเกิดการระเบิดขึ้นได้เมื่อมีตัวกระตุ้นการเผาไหม้ (Ignition source) เช่น สะเก็ดไฟ (Arc) เปลวไฟ (Flame) หรือความร้อน (Heat) ค่า Explosive limit จะมี 2 ค่า ได้แก่
IARC International Agency for Research on Cancer [7] คือองค์กรหน่วยย่อยหนึ่งของ World Health Organization (WHO) มีสำนักงานอยู่ที่เมืองลียง (Lyon) ประเทศฝรั่งเศส ทำหน้าที่หลักในการพัฒนาและสนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็ง องค์กร IARC เป็นผู้ประเมินและจัดกลุ่มสิ่งก่อมะเร็งที่ได้รับความเชื่อถือสูงที่สุดในโลก โดยทางองค์กรจะเชิญผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศ มาพิจารณา ทบทวน ประเมิน ข้อมูลงานวิจัยทั่วโลกเกี่ยวกับ สารเคมี / เชื้อโรค / กิจกรรม / สภาพการณ์ ที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ทำการจัดกลุ่มแล้วตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือเรียกว่า IARC Monograph เล่มหนึ่งจะมีการทบทวนข้อมูลสิ่งก่อมะเร็งหลายรายการ รายชื่อ สารเคมี / เชื้อโรค / กิจกรรม / สภาพการณ์ ที่ได้ทำการประเมินและจัดกลุ่มแล้ว จะประกาศไว้ในเว็บไซต์ http://monographs.iarc.fr ระบบการจัดกลุ่มสิ่งก่อมะเร็งขององค์กร IARC นี้เรียกว่าระบบ IARC Classification ซึ่งมีความหมายของแต่ละกลุ่ม เป็นดังนี้
[หมายเหตุ คำแปลไทยที่ใช้ในฐานข้อมูล OCCTOX ในกรณีที่เป็นการประเมิน “สารเคมี” จะใช้คำว่า “เป็นสารก่อมะเร็ง” แต่ในกรณีที่เป็นการประเมิน “เชื้อโรค” จะใช้คำว่า “เป็นเชื้อโรคที่ก่อมะเร็ง” ในกรณีที่เป็นการประเมิน “กิจกรรม” จะใช้คำว่า “เป็นกิจกรรมที่ก่อมะเร็ง” และในกรณีที่เป็น “สภาพการณ์” จะใช้คำว่า “เป็นสภาพการณ์ที่ก่อมะเร็ง” แทนตามลำดับ] IDLH Immediately Dangerous to Life or Health เป็นค่ามาตรฐานระดับสารเคมีที่ใช้เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและรุนแรง จากการสัมผัสสารเคมีอันตรายซึ่งมีความเข้มข้นสูงในอากาศ รวมถึงใช้เพื่อประกอบการพิจารณาเลือกอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจ (Respirator) หากต้องเข้าไปกู้ภัยในบริเวณที่มีสารเคมีอันตรายความเข้มข้นสูงดังกล่าวด้วย ค่ามาตรฐาน IDLH นี้ แรกเริ่มถูกกำหนดขึ้นโดยองค์กร National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH) ร่วมกับองค์กร Occupational Safety and Health Administration (OSHA) ในช่วงราวปี ค.ศ. 1974 ในโครงการที่มีชื่อว่า Standard Completion Program (SCP) และได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่อีกครั้งโดยองค์กร NIOSH ในปี ค.ศ. 1994 ซึ่งทำโดยการทบทวนข้อมูลทางวิชาการที่เกี่ยวกับพิษของสารเคมีต่างๆ เพิ่มขึ้น หลังจากการปรับปรุงในปี ค.ศ. 1994 แล้ว องค์กร NIOSH ได้ปรับปรุงค่า IDLH นี้ต่อมาอีกเป็นระยะ [8] นิยามของค่า IDLH ที่องค์กร NIOSH กำหนดนั้น [8-9] เป็นค่าที่แสดงถึงระดับความเข้มข้นสูงสุดของสารเคมีในอากาศ ที่หากคนทำงานต้องสัมผัส ณ จุดเกิดเหตุ ในภาวะที่อุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจไม่ทำงาน (Respiratory protection equipment failure) เป็นเวลาไม่เกิน 30 นาที เมื่อหลบหนีออกมาเชื่อว่าจะยังไม่ก่อให้เกิดการเสียชีวิต (Loss of life) หรือผลกระทบต่อสุขภาพอย่างถาวร (Irreversible health effect) รวมถึงผลกระทบที่จะลดความสามารถในการหลบหนี (Prevent escape) คือการระคายเคืองดวงตาและทางเดินหายใจอย่างรุนแรง (Severe eye or respiratory irritation) และภาวะอื่นๆ เช่น ภาวะสับสน (Disorientation) และปัญหาการเคลื่อนไหว (Incoordination) การเข้าไปกู้ภัยในพื้นที่ที่มีระดับความเข้มข้นของสารเคมีสูงถึงระดับ IDLH จะต้องใช้อุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจที่มีประสิทธิภาพสูงเพียงพอ (Highly reliable respirator) เสมอ สำหรับการใช้ค่า IDLH ประกอบการเลือกอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจนั้น องค์กร NIOSH ได้ระบุแนวทางเอาไว้ในหนังสือชื่อ NIOSH Respirator selection logic ฉบับปี ค.ศ. 2004 [9] โดยการเข้าไปในพื้นที่ที่มีระดับสารเคมีสูงถึงระดับ IDLH นั้น หน่วยกู้ภัยจะต้องใช้อุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจที่มีประสิทธิภาพสูงเพียงพอ (Highly reliable respirator) ซึ่งคำว่า “อุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจที่มีประสิทธิภาพสูงเพียงพอ” ในความหมายของ NIOSH นั้นหมายถึงอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจที่มีความสามารถในการป้องกันได้สูงสุด (Most protective respirator) นั่นเอง โดยอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจที่องค์กร NIOSH ยอมรับให้ใช้ในสถานการณ์ IDLH ได้นั้น มีเพียง 2 แบบ [8-9] คือ (1.) Pressure-demand self-contained breathing apparatus (SCBA) with a full-facepiece คือแบบที่มีถังบรรจุอากาศในตัว (Self-contained breathing apparatus; SCBA) ใช้กับหน้ากากชนิดเต็มหน้า (Full-facepiece) ความดันภายในหน้ากากเป็นบวก (Positive pressure) และจ่ายอากาศให้เมื่อหายใจเข้า (Pressure-demand) หรือ (2.) Pressure-demand supplied-air respirator (SAR) with a full-facepiece in combination with an auxiliary pressure-demand SCBA คือแบบท่อส่งอากาศ (Supplied-air respirator; SAR) ใช้กับหน้ากากชนิดเต็มหน้า (Full-facepiece) ความดันภายในหน้ากากเป็นบวก (Positive pressure) และจ่ายอากาศให้เมื่อหายใจเข้า (Pressure-demand) ต่อเข้ากับ Pressure-demand SCBA เป็นอุปกรณ์เสริม โดย Pressure-demand SCBA ที่ต่อเสริมเข้ามานั้น ใช้เผื่อกรณีมีปัญหาในการส่งอากาศทางท่อ Pressure-demand SCBA ที่ต่อเสริมเข้ามาจะต้องมีปริมาณอากาศมากเพียงพอให้ใช้หนีออกมาจากพื้นที่ได้ [หมายเหตุ สาเหตุที่ต้องใช้หน้ากากชนิดที่ความดันภายในเป็นบวกเสมอ ก็เพื่อป้องกันอากาศที่มีสารเคมีปนเปื้อนรั่วเข้าทางด้านข้างของหน้ากาก] ค่า IDLH ที่ใช้ในฐานข้อมูล OCCTOX นั้น เป็นค่าที่อ้างอิงมาจากหนังสือ NIOSH Pocket guide to chemical hazards ฉบับปี ค.ศ. 2007 [6] ซึ่งค่า IDLH ที่ระบุไว้ในหนังสือเล่มนี้ อาจมีการระบุสัญลักษณ์พิเศษ (Notation) ประกอบไว้ด้วย โดยสัญลักษณ์พิเศษประกอบค่า IDLH จะมีดังนี้ [6]
NIOSH National Institute for Occupational Safety and Health [10] องค์กร National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH) เป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางประเทศสหรัฐอเมริกา อยู่ภายใต้การดูแลของ Centers for Disease Control and Prevention (CDC) ในสังกัด Department of Health and Human Services องค์กร NIOSH จัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1970 ทำหน้าที่วิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย รวมถึงส่งเสริมการนำองค์ความรู้นั้นไปใช้ในสถานประกอบการประเทศในสหรัฐอเมริกา NIOSH RELs NIOSH Recommended Exposure Limits [6] คือค่ามาตรฐานของสารเคมีในบรรยากาศการทำงานซึ่งแนะนำโดยองค์กร NIOSH โดยในฐานข้อมูล OCCTOX ค่า REL จะอ้างอิงมาจากหนังสือ NIOSH Pocket guide to chemical hazards ฉบับปี ค.ศ. 2007 ซึ่งมีความหมายของค่า REL ประเภทต่างๆ ดังนี้ [6]
OSHA Occupational Safety and Health Administration [11] องค์กร Occupational Safety and Health Administration (OSHA) เป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางประเทศสหรัฐอเมริกา สังกัด Department of Labor จัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1970 เช่นเดียวกับองค์กร NIOSH ทำหน้าที่ออกและบังคับใช้กฎหมาย เกี่ยวกับด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในสถานประกอบการในประเทศสหรัฐอเมริกา กฎหมายที่ OSHA กำหนดออกมานี้ รวมถึงค่า PEL ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานของระดับสารเคมีในบรรยากาศการทำงานด้วย OSHA PELs OSHA Permissible Exposure Limits [6] คือค่ามาตรฐานระดับสารเคมีในบรรยากาศการทำงาน ซึ่งองค์กร OSHA บังคับใช้กับสถานประกอบการในประเทศสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ในราวปี ค.ศ. 1970 ตามกฎหมายรหัส 29 CFR 1910.1000 ค่า PEL ที่องค์กร OSHA กำหนดขึ้น จะอยู่ในส่วนตาราง Z-1, Z-2, และ Z-3 ของเนื้อหากฎหมายนี้ ในฐานข้อมูล OCCTOX นั้น ค่า PEL ที่ใช้จะอ้างอิงข้อมูลมาจากหนังสือ NIOSH Pocket guide to chemical hazards ฉบับปี ค.ศ. 2007 โดยความหมายของค่า PEL ประเภทต่างๆ เป็นดังนี้ [6]
OSHA Regulated carcinogen คือสารเคมีที่องค์กร OSHA ได้กำหนดเอาไว้ตามกฎหมายรหัส 29 CFR 1910.1003 ให้เป็นสารก่อมะเร็ง (Carcinogen) โดยองค์กร OSHA เริ่มทำการกำหนดสารก่อมะเร็งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1974 สารเคมีกลุ่มนี้จะมีข้อกำหนดในการควบคุมการใช้งานเป็นกรณีพิเศษ เพื่อลดระดับการสัมผัสลงให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อความปลอดภัยของคนทำงาน [6] UN Number United Nations Number [12] UN Number หรือ UN IDs คือเลขรหัสสากลของสารเคมีซึ่งกำหนดโดยสหประชาชาติ (United Nations) รหัสนี้กำหนดขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัยในการขนส่ง จึงมักพบติดอยู่ด้านข้างรถขนสารเคมีเพื่อให้ผู้ที่พบเห็นสามารถทราบได้ว่าเป็นรถขนสารอะไร เลขรหัสจะเป็นเลข 4 หลักเสมอ ปัจจุบันกำหนดไว้ตั้งแต่ 0001 ถึงประมาณ 3500 โดยรวบรวมไว้เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ Recommendations on the transport of dangerous goods เลขรหัสแต่ละหลักไม่ได้บ่งบอกความหมายใดไว้ การจะทราบได้ว่ารหัสที่พบคือรหัสของสารเคมีใดจึงต้องเปิดดูจากหนังสือหรือฐานข้อมูลเอา ในบางครั้ง UN Number จะกำหนดไว้สำหรับสารเคมีตัวเดียวโดยเฉพาะ เช่น UN Number 1230 หมายถึง Methanol แต่บางครั้งจะกำหนดไว้สำหรับกลุ่มสารเคมี เช่น UN Number 1993 หมายถึง Flammable liquids, not otherwise specified บางครั้งสารเคมีชนิดเดียวกันแต่อยู่ในต่างสถานะกัน ก็อาจมี UN Number ต่างกันได้ เช่น UN Number 1845 หมายถึง Solid carbon dioxide (also called dry ice) ในขณะที่ UN Number 2187 หมายถึง Refrigerated liquid carbon dioxide ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง ขีดจำกัดความเข้มข้นของสารเคมีอันตราย (พ.ศ. 2560) ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง ขีดจำกัดความเข้มข้นของสารเคมีอันตราย (พ.ศ. 2560) [13] เป็นกฎหมายกำหนดค่ามาตรฐานระดับสารเคมีในบรรยากาศการทำงานที่บังคับใช้ในประเทศไทย เริ่มประกาศบังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 กฎหมายฉบับนี้ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย พ.ศ. 2556 [14] ซึ่งเป็นกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 [15] อีกทอดหนึ่ง เนื้อหาของประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง ขีดจำกัดความเข้มข้นของสารเคมีอันตราย (พ.ศ. 2560) เป็นการกำหนดค่ามาตรฐานระดับสารเคมีในบรรยากาศการทำงานที่บังคับใช้กับสถานประกอบการในประเทศไทย ค่ามาตรฐานระดับสารเคมีที่กำหนดนั้นเท่ากับค่า PEL ที่กำหนดโดยองค์กร OSHA ซึ่งเป็นกฎหมายที่บังคับใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา [6] แต่มีชื่อเรียกเป็นภาษาไทยแตกต่างออกไป รายละเอียดของค่ามาตรฐานแต่ละประเภทตามกฎหมายฉบับนี้ เป็นดังนี้
พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 [16] เป็นกฎหมายที่บังคับใช้ในประเทศไทยเพื่อควบคุมการใช้วัตถุอันตรายชนิดต่างๆ (ซึ่งรวมถึงสารเคมีเป็นพิษที่ใช้ในสถานประกอบการด้วย) การควบคุมจะครอบคลุมทั้งในแง่การผลิต การนำเข้า การส่งออก และการมีไว้ในครอบครอง พระราชบัญญัติฉบับนี้ออกบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2535 และได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมเป็น ฉบับที่ 2 ในปี พ.ศ. 2544 [17] และ ฉบับที่ 3 ในปี พ.ศ. 2551 [18] โดยการแบ่งประเภทของวัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ (ตามมาตรา 18 ของพระราชบัญญัติ) จะแบ่งวัตถุอันตรายออกเป็น 4 ชนิด มีรายละเอียดดังนี้ [16]
เอกสารอ้างอิง
|