หลายคนอาจจะยินชื่อของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด และ บริษัทมหาชนจำกัด แต่ยังไม่แน่ใจถึงความแตกต่างของบริษัททั้งสองประเภทนี้ เรามาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กันดีกว่าค่ะ จำนวนผู้เริ่มจดจัดตั้ง บจก. : 3 คนขึ้นไป หจก. : อย่างน้อย 2 คนขึ้นไป (จำกัดและไม่จำกัด อย่างน้อยจำพวก ละ 1 คน) เงื่อนไขความรับผิดชอบ บจก. : ทุกคนจำกัดความรับผิดชอบ หจก. : มีหุ้นส่วน 2 จำพวก คือ จำกัดความรับผิดชอบ และไม่จำกัดความรับผิดชอบ ความรับผิดชอบในหนี้สิน บจก. : รับผิดชอบเฉพาะเงินลงทุนที่ยังไม่ได้ชำระ หจก. : หุ้นส่วนที่จำกัดความรับผิดชอบ รับผิดชอบตามเงินลงทุน ส่วนหุ้นส่วนที่ไม่จำกัดความรับผิดชอบ รับผิดชอบในหนี้สินทั้งหมด (รวมถึงทรัพย์สินส่วนตัวด้วย) การบริหารงาน : บจก. : บริหารงานโดยคณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้ง หจก. : การตัดสินใจต้องมีการเห็นขอบจากหุ้นส่วน ผู้เซ็นต์รับรองงบการเงินประจำปี บจก. : CPA เป็นผู้เซ็นต์รับรองงบ หจก. : TA หรือ CPA เป็นผู้เซ็นต์รับรองงบ การรับรองงบการเงินประจำปี บจก. : ต้องมีการประกาศเชิญประชุมผู้ถือหุ้นในหนังสือพิมพ์ปีละครั้ง หจก. : ไม่ต้องมีการประกาศเชิญด้วยการลงโฆษณา ความแตกต่างของคือ ห้างหุ้นส่วนสามัญ และห้างหุ้นส่วนจำกัด 1. ห้างหุ้นส่วนสามัญ คือ ห้างหุ้นส่วนประเภทซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกันในหนี้สินของห้างทั้งหมดโดยไม่จำกัดจำนวน เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องให้ผู้เป็นหุ้นส่วนใช้หนี้จากสินทรัพย์ส่วนตัวได้ และผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมีสิทธิที่จะจัดการกับห้างหุ้นส่วนได้ ห้างหุ้นส่วนสามัญจำแนกเป็น 2 ประเภทคือ ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน และ ห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิได้จดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน เป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วน ใช้คำคำนำหน้าชื่อว่า “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” ห้างหุ้นส่วนนี้มีหุ้นส่วนประเภทเดียวคือ หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด โดยหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้สินทั้งปวงของห้างหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวน และผู้เป็นหุ้นส่วนจะตกลงให้มีผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนเป็นผู้จัดการขก็ได้ ห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิได้จดทะเบียน เป็นบุคคลธรรมดา ใช้คำคำนำหน้าชื่อว่า “ห้างหุ้นส่วนสามัญ” ถ้าไม่ได้ระบุลงในสัญญาห้าง ตามกฎหมายให้ถือว่าผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมีสิทธิจัดการได้ ลักษณะสำคัญของห้างหุ้นส่วนสามัญ • จดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนก็ได้ • มีผู้เป็นหุ้นส่วนเพียงประเภทเดียว คือ ประเภทไม่จำกัดความรับผิดชอบในหนี้สิน • ทุนที่นำมาเป็นเงินสด สินทรัพย์ต่าง ๆ และแรงงานได้ • ผู้เป็นหุ้นส่วนมีสิทธิเข้าจัดการกับห้างหุ้นส่วนได้ • เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องให้ผู้เป็นหุ้นส่วนใช้หนี้จากสินทรัพย์ส่วนตัวได้ • เมื่อหุ้นส่วนผู้ใดถึงแก่ความตายหรือลาออกจากห้างหุ้นส่วน หรือล้มละลาย สัญญาเข้าเป็นหุ้นส่วนเป็นอันสิ้นสุดต้องเลิกกิจการ 2. ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ ห้างหุ้นส่วนประเภทที่มีผู้เป็นหุ้นส่วน 2 จำพวก ได้แก่ หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด และ หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด ได้แก่ ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคน ต้องรับผิดในบรรดาหนี้สินทั้งปวงโดยไม่จำกัดจำนวน และหุ้นส่วนประเภทนี้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างได้ หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด ได้แก่ ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคน รับผิดจำกัดเพียงจำนวนเงินที่ตนรับว่าจะลงทุนในห้างหุ้นส่วนเท่านั้นและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างไม่ได้ ลักษณะสำคัญของห้างหุ้นส่วนจำกัด • ต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล • มีผู้เป็นหุ้นส่วน 2 ประเภท คือประเภทที่ไม่จำกัดความรับผิดชอบ และประเภทที่จำกัดความรับผิดชอบ • ผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดชอบไม่มีสิทธิเข้าจัดการกับห้างหุ้นส่วน และไม่สามารถลงทุนเป็นแรงงานได้ รวมถึงเมื่อตาย ลาออก ล้มละลาย ไม่ต้องเลิกกิจการ • เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ใช้หนี้จากสินทรัพย์ส่วนตัวของผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดชอบ 1. ห้างหุ้นส่วนสามัญ ห้างหุ้นส่วนซึ่งอาจจะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลกับนายทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัท ของกรมพัฒนาธุรกิจหรือไม่จดทะเบียนก็ได้ กฎหมายไม่ได้บังคับไว้ แต่ถ้าจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจะมีสภาพและได้ชื่อเป็น “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” ตัวอย่าง สมมุติว่า นาย ก.และนาย ข. ลงทุนทำกิจการร่วมกัน ใช้เงินลงทุน ประมาณ 5 แสนบาท นาย ก. ลงทุน 3 แสน นาย ข. ลงทุน 2 แสน ตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ ดังนั้นหุ้นส่วนทุกคนก็จะเป็นหุ้นสวนไม่จำกัดความรับผิด เป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วน มีหน้าที่บริหารกันทุกคน ถ้าสมมุติว่า ห้างฯ ได้ไปก่อหนี้ขึ้นมา 1 ล้าน ดังนั้น หุ้นส่วนทุกคนรับผิดชอบต่อหนี้ของบุคคลภายนอก 1 ล้านบาท ส่วนภายในก็มาไล่เบี้ยกับหุ้นส่วนกันเอง ตามส่วนที่ลงทุน เป็นต้น
ดังนั้นห้างหุ้นส่วนสามัญจึงแบ่งออกเป็นอีกมี 2 ชนิดคือ(จดกับไม่จด) 1. ห้างหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน 1. ต้องมีหุ้นส่วนอย่างน้อย 2 คน การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญ
จะคล้ายการจัดตั้งกิจการเจ้าของคนเดียว ซึ่งในสัญญาจะต้องประกอบไปด้วยรายการต่างๆ ดังต่อไปนี้ เอกสารที่ต้องใช้ในการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญ
มีดังนี้ ในกรณีห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกินจำนวน 30,000 บาท ให้ผู้มีอำนาจจัดการงานของห้างหุ้นส่วนสามัญ ยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินในชื่อของห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น สำหรับเงินที่ได้รับในระหว่างปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว โดยให้ผู้มีอำนาจจัดการงานของห้างหุ้นส่วนสามัญ รับผิดเสียภาษีในชื่อของห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น จากยอดเงินได้พึงประเมินทั้งสิ้น เสมือนเป็นบุคคลธรรมดาคนเดียวไม่มีการแบ่งแยก ทั้งนี้ผู้เป็นบุคคลในห้างหุ้นส่วนสามัญแต่ละคนไม่ต้องยื่นรายการเงินได้ สำหรับจำนวนเงินพึงประเมินดังกล่าว เพื่อเสียภาษีอีก แต่ถ้าห้างหุ้นส่วนสามัญนั้นมีภาษีค้างชำระ ให้ผู้เป็นบุคคลในห้างหุ้นส่วนสามัญทุกคนร่วมรับผิดในเงินภาษีที่ค้างชำระนั้นด้วย ตามมาตรา 56 วรรคท้าย แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ หน้าที่ทางภาษีของห้างหุ้นส่วนสามัญ จะเหมือนกับบุคคลธรรมดา โดยยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 เพื่อเสียภาษีเงินได้ประจำปี ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป และกรณีที่ ห้างหุ้นส่วนสามัญมีเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (5)(6)(7) หรือ (8) คณะบุคคลต้องมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี โดยใช้แบบ ภ.ง.ด.94 ภายใน 30 กันยายน ของทุกปี การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ขั้นตอนการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ต้องจัดเตรียมข้อมูลและเอกสารต่างๆ ดังนี้ ให้หุ้นส่วนทุกคนไปจดทะเบียนที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือจะมอบอำนาจให้บุคคลอื่นๆ ไปจดทะเบียน ก็ได้ ผลการจดทะเบียนเมื่อจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว ก็จะได้รับเอกสาร หนังสือสำคัญการจดทะเบียน หนังสือรับรอง และต้องมีหน้าที่ตามกฎหมายต่อไป อนึ่ง การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนสามัญ (ไม่จดทะเบียน)หรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล(จดทะเบียน)
ประเภทนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้รับความนิยมกัน |