หน้าที่ของนายจ้าง
Show 1. การจ่ายเงินสมทบ ตามกฎหมายนั้นนายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพตั้งแต่ 2%-15% ของเงินเดือนของสมาชิก อย่างไรก็ดี นายจ้างแต่ละรายจะจ่ายเงินสมทบไม่เท่ากัน ขึ้นกับข้อบังคับกองทุนที่กำหนดจำนวนเงินการจ่ายเงินสมทบไว้ ซึ่งนายจ้างต้องปฏิบัติตามข้อบังคับกองทุนอย่างเคร่งครัด 2. การส่งเงินสะสมและเงินสมทบ นายจ้างมีหน้าที่เป็นผู้หักเงินสะสมของลูกจ้างที่เป็นสมาชิกจากเงินเดือนทุกเดือน จากนั้นต้องรวบรวมเงินสะสมของลูกจ้างและเงินสมทบของนายจ้าง ส่งเข้ากองทุนภายใน 3 วันทำการนับตั้งแต่วันที่จ่ายเงินเดือน หากล่าช้ากว่า 3 วันทำการ นายจ้างต้องจ่ายเงินเพิ่มเติม 5% ต่อเดือนของจำนวนเงินสะสมหรือเงินสมทบที่ล่าช้า ดังนั้น การส่งเงินเข้ากองทุนจะต้องทำอย่างถูกต้องและตรงเวลาเพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งนายจ้างและลูกจ้าง 3. ค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนที่นายจ้างต้องรับผิดชอบ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการจัดตั้งกองทุน (initial fee) อย่างไรก็ดี ภายหลังการจัดตั้งมีค่าใช้จ่าย 2 ประเภทที่นายจ้างอาจต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงว่าจะเป็นความรับผิดชอบของกองทุนหรือนายจ้าง ได้แก่ ค่าผู้สอบบัญชี (auditor fee) และค่าทะเบียนสมาชิก (registrar fee) 4. การสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการกองทุน การสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการกองทุนเป็นหน้าที่สำคัญอีกหน้าที่หนึ่งของนายจ้าง คณะกรรมการกองทุนไม่ว่าจะเป็นฝั่งนายจ้างหรือฝั่งลูกจ้าง ในข้อเท็จจริงทุกคนคือลูกจ้างที่ทำงานให้นายจ้างนั่นเอง การสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการกองทุนทั้งหมดก็หมายถึงการสนับสนุนการทำงานขององค์กรด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ นายจ้างอาจจัดตั้งคณะอนุกรรมการจัดการลงทุนเพื่อตรวจสอบการทำงานของบริษัทจัดการให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมแก่สมาชิก และอาจจัดตั้งคณะอนุกรรมการสมาชิกสัมพันธ์เพื่อดูแลการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เรื่องราวสำคัญที่มีผลกระทบทั้งด้านบวกและลบแก่สมาชิก ซึ่งจะทำให้สมาชิกทราบข่าวสารได้ทันท่วงที 5. การเชื่อมโยงฐานข้อมูล การเชื่อมโยงฐานข้อมูลสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพขององค์กรและฐานข้อมูลทรัพยากรบุคคลขององค์กร จะทำให้นายจ้างสามารถวิเคราะห์และวางแผนงานเพื่อแก้ปัญหาการไม่สมัครเป็นสมาชิกกองทุน ปัญหาการเลือกอัตราเงินสะสมต่ำ ปัญหาการเลือกแผนการลงทุนที่ไม่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ โดยการแก้ปัญหาอาจอยู่ในรูปแบบกิจกรรมให้คำปรึกษาและให้ความรู้แก่ลูกจ้างหรือสมาชิกเฉพาะเรื่องและเฉพาะกลุ่ม 1. เวลาทำงานปกติ งานทั่วไปไม่เกิน 8 ชม./วัน หรือตามที่นายจ้างลูกจ้างตกลงกัน และไม่เกิน 48 ชม./สัปดาห์ งานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้าง ได้แก่ งานที่ต้องทำใต้ดิน ใต้น้ำ ในถ้ำ ในอุโมงค์ หรือในที่อับอากาศ งานเกี่ยวกับกัมมันตภาพรังสี งานเชื่อมโลหะ งานขนส่งวัตถุอันตราย งานผลิตสารเคมีอันตราย งานที่ต้องทำด้วยเครื่องมือ หรือเครื่องจักร ซึ่งผู้ทำได้รับความสั่นสะเทือนอันอาจเป็นอันตราย และงานที่ต้องทำเกี่ยวกับความร้อนจัดหรือความเย็นจัดอันอาจเป็นอันตราย ซึ่งโดยสภาพของงานมีความเสี่ยงอันตรายสูงหรือมีภาวะแวดล้อมในการทำงานเกิน มาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดไว้ซึ่งไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขที่แหล่งกำเนิดได้ และต้องจัดให้มีการป้องกันที่ตัวบุคคล ให้มีเวลาทำงานปกติไม่เกิน 7 ชม./วัน และไม่เกิน 42 ชม./สัปดาห์ 2. เวลาพัก 3. วันหยุด 4. การทำงานล่วงเวลา การทำงานในวันหยุด 5. วันลา 6. ค่าตอบแทนในการทำงาน ค่าชดเชย ค่าชดเชยแทนการบอกกล่าวล่วงหน้านี้ ให้ถือว่านายจ้างได้จ่ายค่าสินจ้างแทน การบอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมายด้วยนายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษเพิ่มขึ้นจาก ค่าชดเชยปกติดังต่อไปนี้ 3. ในกรณีที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการไปตั้ง ณ สถานที่อื่นอันมีผลกระทบ สำคัญต่อการดำรงชีวิตตามปกติของลูกจ้างหรือครอบครัว ข้อยกเว้นที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย : ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนี้ ที่มา : กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายจ้างมีหน้าที่อะไรบ้าง(1) นายจ้างและลูกจ้างมีหน้าที่ในการปฏิบัติตาม พรบ. อาชีวอนามัย 2554. (2) นายจ้างมีหน้าที่จัดและดูแลสถานประกอบกิจการและลูกจ้างให้มีสภาพการทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของลูกจ้าง มิให้ลูกจ้างได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย จิตใจ และสุขภาพอนามัย
ลูกจ้างมีสิทธิและหน้าที่อย่างไรบ้างสิทธิหน้าที่ลูกจ้าง. 1. เวลาทำงานปกติ ... . 2. เวลาพัก ... . 3. วันหยุด ... . 4. การทำงานล่วงเวลา การทำงานในวันหยุด ... . 5. วันลา ... . 6. ค่าตอบแทนในการทำงาน ... . ลูกจ้าง มีสิทธิ์ลาเพื่อทำหมันได้และมีสิทธิ์ลาเนื่องจากการทำหมันตามระยะ เวลาที่แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งกำหนด และออกใบรับรองให้โดยลูกจ้างมีสิทธิ์ได้รับค่าจ้างในวันลานั้นด้วย. นายจ้างมีสิทธิอะไรบ้างสิทธิและหน้าที่นายจ้างลูกจ้าง ?. 1. เวลาทำงานปกติ. 2. เวลาพัก. 3. วันหยุด. 4. การทำงานล่วงเวลา การทำงานในวันหยุด นายจ้างอาจให้ลูกจ้างทำได้โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อนเป็นคราว ๆ ไป ... . 5. วันลา. 6. ค่าตอบแทนในการทำงาน. 7. การพักงาน ... . 8. การหยุดกิจการชั่วคราว. หน้าที่ลูกจ้างคืออะไรหน้าที่ของลูกจ้าง
1.ลูกจ้างต้องทำงานให้แก่นายจ้าง วัตถุประสงค์ของสัญญาจ้างแรงงานตามที่ปรากฏอยู่ในมาตรา 575 นั้นก็คือ การที่ลูกจ้างจะต้องทำงานให้แก่นายจ้าง เพื่อที่จะได้รับค่าตอบแทนเป็นสินจ้าง ดังนั้นเพื่อที่จะให้ได้รับสินจ้างจากนายจ้าง ลูกจ้างก็มีหน้าที่จะต้องทำงานให้แก่นายจ้าง
|