Show
ความรู้เรื่องเสียง
มนุษย์เราที่มีความปกติทางการได้ยินโดยทั่วไปจะสามารถรับฟังเสียงได้ตั้งแต่ความถี่ 20-20000 Hz (เฮิร์ตซ์) และจะรับรู้การได้ยินดีที่สุดที่ความถี่ 4,000 Hz แต่สำหรับความถี่ที่ต่ำกว่า 20 Hz เราแทบจะไม่ได้ยินเสียงในย่านความถี่นั้นเลย แต่อาจจะรับรู้การกำเนิดเสียงในย่านความถี่นั้นเป็นความรู้สึกสั่นสะเทือนขึ้นมาแทน แท้จริงแล้วเสียงคือพลังงานทางกลในรูปแบบของความสั่นสะเทือนที่ถูกส่งผ่านโมเลกุลของตัวกลาง เช่น อากาศ ซึ่งเสียง (sound) จะกลายเป็นเสียงรำคาญ (noise) ต่อเมื่อเรารู้สึกว่าเสียงนั้นเป็นเสียงที่เราไม่ต้องการได้ยินนั่นเอง เสียงที่เราสามารถรับรู้ได้นั้น จะมีอยู่ 2 ลักษณะคือ 1) Air-Borne Noise หรือเสียงที่เดินทางผ่านอากาศแล้วผ่านเข้าหูผู้รับเสียงเกิดเป็นการได้ยินเสียง และ 2) Structure-Borne Noise หรือเสียงที่เดินทางผ่านโครงสร้าง เช่น โครงสร้างเหล็กของอาคาร โดยผู้รับเสียงสามารถรับรู้ได้ผ่านทางผิวหนังและกระดูก หรือเรียกอีกอย่างว่า "ความสั่นสะเทือน" คุณสมบัติของเสียง (Properties of Sound) เนื่องจากเสียงมีลักษณะเป็นคลื่นเสียง ในทางฟิสิกส์จึงเปรียบเสียงเหมือนคลื่นอื่นๆ และมีคุณสมบัติต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเสียง เช่น ความถี่เสียง ความยาวคลื่น ความดัง ความเร็วเสียง มีการแพร่ การเลี้ยวเบน และการหักเหของคลื่นเสียงได้ “เสียงเป็นคลื่นตามยาว การเกิดเสียงมีความสัมพันธ์กับการสั่นสะเทือน การสั่นสะเทือนของวัตถุแหล่งกำเนิดเสียงมีผลให้โมเลกุลของอากาศที่อยู่รอบๆ สั่นสะเทือนตามไปด้วยและเกิดเป็นคลื่น เรียกว่า คลื่นเสียง ซึ่งจะเดินทางไปตามตัวกลางที่เป็นอากาศเข้าสู่หู ในขณะที่การสั่นสะเทือนของโมเลกุลของอากาศยังคงอยู่ และส่งต่อไปยังแก้วหูของมนุษย์ในคลื่นความถี่เดียวกับที่เกิดจากแหล่งกำเนิด ทำให้อวัยวะภายในหูสั่นและส่งผลการสั่นไปสู่สมองเพื่อแปรสัญญาณเสียงทำให้เกิดการได้ยินขึ้น”
ความถี่เสียง (Frequency) ความถี่เสียง คือ จำนวนรอบที่เกิดคลื่นเสียงซ้ำไปมาในเวลาหนึ่งวินาที (มีหน่วยเป็น รอบต่อวินาที หรือเฮิรตซ์, Hertz: Hz) เช่น ถ้ามีแรงดันทำให้โมเลกุลในอากาศเคลื่อนที่กลับไปกลับมาจำนวน 1000 ครั้งต่อวินาที เราจะเรียกว่าความดันเสียงที่ความถี่ 1000 เฮิรตซ์ ความยาวคลื่น (Wavelength) ความยาวคลื่น คือ ระยะทางระหว่างจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดในช่วงหนึ่งรอบที่เกิดคลื่น ซึ่งความยาวคลื่นจะขึ้นอยู่กับความเร็วเสียงที่เดินทางผ่านตัวกลางหารด้วยความถี่ของคลื่นเสียง แอมพลิจูด (Amplitude) แอมพลิจูด (หรือความดัง: loudness) คือ ระดับความสูงของคลื่นเสียงที่เกิดขึ้น หรือเป็นจุดสูงสุดที่โมเลกุลของอากาศมีการสั่นสะเทือน โดยแอมพลิจูดอธิบายได้โดยค่าของระดับความดันเสียง ซึ่งเสียงที่มีความยาวคลื่นและความถี่เหมือนกัน อาจจะมีแอมพลิจูดหรือความดังที่ไม่เท่ากัน การได้ยินเสียง ประกอบด้วยสี่กลไก ได้แก่ การรับเสียง (Reception) การรับรู้ว่าเป็นเสียงได้ยิน (Perception) การรู้ความหมายของเสียงเป็นคำพูด (Interpretation) และการสื่อสารหรือการโต้ตอบ (Expression) กระบวนการการได้ยินเสียงของมนุษย์เริ่มจากใบหูที่รวบรวมคลื่นเสียงที่ผ่านมาตามอากาศเข้าไปในช่องหูทำให้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นที่เยื่อแก้วหู และมีแรงสั่นสะเทือนส่งต่อไปยังกระดูกอ่อนสามชิ้น (กระดูกค้อน กระดูกทั่ง กระดูกโกลน) ภายในหูชั้นกลางและหูชั้นใน ซึ่งแรงสั่นสะเทือนจะทำให้ของเหลวที่อยู่ในหูชั้นในเกิดการเคลื่อนไหวร่วมกับการเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้เกิดสัญญาณคลื่นไฟฟ้าส่งต่อไปยังสมองเพื่อให้ทำหน้าที่แปลผล ทำให้มนุษย์รับรู้และเข้าใจความหมายของเสียงที่ได้ยิน การได้ยินเสียงจากการนำเสียงทางอากาศ (Airborne conduction noise) เกิดจากการเปลี่ยนแปลงความดันบรรยากาศ ที่ทำให้มนุษย์มีช่วงความถี่ที่ได้ยินประมาณ 20-20,000 Hz และระดับความดันเสียงที่ประมาณ 0-130 dB
คุณสมบัติของเสียงคืออะไรบ้างคุณลักษณะของเสียง
คุณลักษณะเฉพาะของเสียง ได้แก่ ความยาวช่วงคลื่น แอมปลิจูด ความเร็ว และ ความเข้มเสียง เสียงแต่ละเสียงมีความแตกต่างกัน เสียงสูง-เสียงต่ำ, เสียงดัง-เสียงเบา, หรือคุณภาพของเสียงลักษณะต่าง ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดเสียง และจำนวนรอบต่อวินาทีของการสั่นสะเทือน
สมบัติใดของคลื่นเสียงสมบัติของคลื่นเสียง ได้แก่ ความสามารถเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางแต่ละชนิด ด้วยอัตราเร็วที่ไม่เท่ากัน อัตราเร็วของเสียงจะขึ้นอยู่กับความหนาแน่น และสภาพยืดหยุ่นของตัวกลาง และขึ้นอยู่กับอุณหภูมิสัมพัทธ์ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น โมเลกุลของอากาศจะมีพลังงานจลน์มากขึ้น เสียงจึงเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น และเมื่อตัวกลางที่เสียงเคลื่อนที่ผ่าน ...
คุณสมบัติของคลื่นเสียงมีทั้งหมดกี่ประเภทจากที่นักเรียนทราบแล้วว่าเสียงเป็นคลื่นกลชนิดคลื่นตามยาว ดังนั้นเสียงจึงแสดงสมบัติของคลื่นครบทั้ง 4 ข้อ ได้แก่ การสะท้อน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบน
คุณสมบัติของคลื่นมีอะไรบ้างสมบัติพื้นฐานของคลื่น. การจะดูว่า สิ่งที่สังเกตเป็นคลื่นหรือเปล่า หรือ การเคลื่อนที่ที่สังเกตเป็นการเคลื่อนที่แบบคลื่นหรือเปล่า น้องๆ ต้องพิจารณาจากสมบัติของคลื่นทั้ง 4 อย่าง ตามนี้คร้าบ. ❶ การสะท้อน. ❷ การหักเห. ❸ การแทรกสอด. ❹ การเลี้ยวเบน. |