องค์ประกอบที่สําคัญของการจัดการเรียนรู้มีอะไรบ้าง

จากการนำ 8 องค์ประกอบ สอดแทรกในการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการตามที่ทาง กคศ. กำหนดใช้เป็นเกณฑ์ในการวัดของครู เพื่อขอมี/เลื่อนวิทยฐานะในสายการสอน หรือ ว9 นั้น เป็นการส่งเสริมให้ครูได้พัฒนาตนเองในด้านของความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skill) ความรู้สายวิชาชีพที่ชำนาญ ทักษะในการสอน หรือความเชี่ยวชาญในเรื่องที่สอน และเจตคติ จนเกิดเป็นสมรรถนะและใช้ความสามารถของสมรรถนะในการแสดงออกมาในห้องเรียน (Performance) ที่ส่งผลต่อผู้เรียน อีกทั้ง ก.ค.ศ. ต้องการให้วิทยฐานะของครูมีความน่าเชื่อถือและเชี่ยวชาญตามระดับวิทยฐานะ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ ก.ค.ศ. ที่ต้องการปรับมุมมองและพัฒนาวิชาชีพครูกลับสู่ห้องเรียน (Focus on classroom) จากการจัดการเรียนรู้ 8 ตัวชี้วัด เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้าถึงสิ่งที่เรียน เข้าใจบทเรียนจากเนื้อหามโนทัศน์ที่ถูกต้อง ตรงตามจุดประสงค์และตัวชี้วัดที่หลักสูตรกำหนดไว้

สำหรับรูปแบบการสอน Active Learning ได้มีการเริ่มสอนมานานเพียงแต่ว่าวิธีการสอนของแต่ละคนจะมีวิธีการของตนเอง ทาง ก.ค.ศ. จึงได้นำกระบวนการเหล่านี้มาใช้ในการประเมินวิทยฐานะของครู เพื่อเป็นแนวทางถ้าครูอยากพัฒนาตนเองให้มีวิทยฐานะสูงขึ้นควรจะทำแบบใด ในรูปแบบที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อที่ครูจะได้รู้ตนเองในการออกแบบกระบวนการสอนที่จะตอบโจทย์และเป็น Active Learning ที่แท้จริง และสามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาตนเองและวิทยฐานะในอนาคต ทั้งนี้ การออกแบบการเรียนรู้แบบ Active ตาม 8 องค์ประกอบ เริ่มจากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ดี โดยครูต้องเริ่มจากการนำประสบการณ์ของครู ความเข้าใจในเรื่องของ Active Learning, Passive Learning และ Action Learning มาสร้างแผนแบบ Active Learning แล้วนำ 8 ตัวชี้วัด ประกอบด้วย 

1) ผู้เรียนสามารถเข้าถึงสิ่งที่เรียนและเข้าใจบทเรียน 

2) ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ หรือประสบการณ์เดิมกับการเรียนรู้ใหม่ 

3) ผู้เรียนได้สร้างความรู้เอง หรือได้สร้างประสบการณ์ใหม่จากการเรียนรู้ 

4) ผู้เรียนได้รับการกระตุ้นและเกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้ 

5) ผู้เรียนได้รับการพัฒนาทักษะความเชี่ยวชาญจากการเรียนรู้ 

6) ผู้เรียนได้รับข้อมูลสะท้อนกลับเพื่อปรับปรุงการเรียนรู้ 

7) ผู้เรียนได้รับการพัฒนาการเรียนรู้ในบรรยากาศชั้นเรียนที่เหมาะสม 

8) ผู้เรียนสามารถกำกับการเรียนรู้และมีการเรียนรู้แบบนำตนเอง และองค์ประกอบย่อยมาจัดแผนการเรียนรู้ 

ซึ่งในการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning, Passive Learning และ Action Learning มีความเหมือนหรือต่างกันดังนี้ Active Learning เป็นการเน้นให้นักเรียนฝึกการคิดวิเคราะห์ หรือแนวคิดต่างๆ การระดมความคิด การที่นักเรียนได้ใช้ทักษะการคิดเป็นหลักในการนำเสนอความคิดต่างๆ Passive Learning เป็นการเรียนบรรยายผ่านครู และ Action Learning เป็นการที่ครูจัดกิจกรรมให้ผู้เรียน การทดลอง การประดิษฐ์ การทำกิจกรรม บทบาทสมมติ ซึ่งเกิดจากการกระทำ โดยแผนของครูจะต้องมีทั้ง 3 ส่วนนี้ เนื่องจากมีตัวชี้วัดว่าครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องของสหวิชาของครู กล่าวคือ Active Learning ประกอบด้วย Passive Learning และ Action Learning ฉะนั้น หากครูต้องการขอประเมินในการขอเลื่อนหรือขอมีวิทยฐานะ สิ่งที่ครูจะต้องจัดเตรียมประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ คลิปวิดีทัศน์การสอน และคลิปที่แสดงถึงปัญหา ที่มา และแรงบันดาลใจ ประกอบการประเมิน

สำหรับองค์ประกอบที่สำคัญของแผนการจัดการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ ว9/2564 ประกอบด้วย จุดประสงค์ต้องชัดเจน สาระการเรียนรู้ กิจกรรม(ขั้นนำ/ขั้นสอน/โค้ช/ขั้นสรุป) สื่อประกอบ การวัดและประเมินผล การบันทึกหลังสอน ผลงาน/ผลลัพธ์ของผู้เรียน(ปรากฎในด้านที่ 2) แบบประเมินต่างๆ ทั้งนี้ สิ่งที่จะช่วยให้เห็นตัวชี้วัดมากขึ้น เช่น การใช้คำพูดและคำถามที่ตอบโจทย์ตัวชี้วัด การใช้คำถามปลายเปิด การใช้คำถามตรวจสอบความเข้าใจ การตั้งคำถามที่นักเรียนพอจะตอบได้ เป็นต้น สำหรับคุณลักษณะเสริมของครูจะต้อง มีความยืดหยุ่น ผ่อนคลายแต่ทรงพลัง เช่น เข้าใจ เข้าถึงและช่วยเหลือเมื่อนักเรียนตอบผิด ใส่ใจนักเรียนทุกคนในห้อง ใช้น้ำเสียงและสีหน้าท่าทางอย่างเหมาะสม แม่นยำในเนื้อหา เป็นต้น เพื่อเป็นการพัฒนาการสอน และเข้ากับบริบทของเด็กได้มากขึ้น

ยกตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้มีการวิเคราะห์และเก็บคะแนนแต่ละตัวชี้วัด โดยการบันทึกแต่ละตัวชี้วัดหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นผลการจัดการเรียนรู้ ปัญหา/อุปสรรค แนวทางแก้ไข และผลการแก้ไขปัญหาที่ส่งผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้เรียน ภาพรวมของแผนประกอบด้วย ขั้นการจัดการเรียนรู้ (ขั้นกระตุ้นเตรียมความพร้อมและนำเข้าสู่บทเรียน ขั้นโค้ช ขั้นฝึกปฏิบัติ) ขั้นนำเสนอ ขั้นอภิปรายและสรุป เวลาที่ใช้ บทบาทของครู/นักเรียน และกระบวนการจัดการเรียนรู้

สำหรับผลลัพธ์จากการจัดการเรียนการสอนแบบ Active ตาม 8 องค์ประกอบที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ก่อให้เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนเกิดองค์ความรู้ มีความสามารถในการดำเนินการต่างๆ และนำความรู้ไปใช้แก้ไขปัญหาในอนาคตได้

ดังนั้น การจัดการเรียนรู้เพื่อตอบโจทย์ ครูจะต้องมีการตรวจสอบความรู้เดิม เข้าถึงนักเรียนที่ยังไม่พร้อม และให้การช่วยเหลือ ครูจะต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนฝึกคิด ฝึกทำงานกลุ่ม ใช้ทักษะที่ตรงกับวิชาเอกที่ครูสอน และทักษะอื่นๆ แบบบูรณาการ ให้นักเรียนได้สะท้อนคิด ให้นักเรียนได้นำเสนอ ครูมีการสังเกตระหว่างสอนและนำสิ่งเหล่านั้นสะท้อนกลับในภาพรวม ครูจะต้องให้นักเรียนประเมินตนเองหรือเพื่อนประเมินเพื่อน รวมถึงการมอบหมายงานให้นักเรียนศึกษา ค้นคว้าเพิ่มเติม และใช้คำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียน ทั้งนี้ สามารถรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ www.StarfishLabz.com

ควรพิจารณาองค์ประกอบของการเรียนการสอนในลักษณะของเหตุการณ์และกิจกรรมสำคัญที่จะไม่มีมิได้

            เฉลิมลาภ   ทองอาจ

โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม

คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

            คำว่าการสอน (teaching)  และการเรียนการสอน  (instruction) ที่แปลและใช้กันอยู่โดยมากในวงการศึกษาในปัจจุบัน  ที่จริงแล้วมีสาระสำคัญที่เหมือนกัน คือ เป็นกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ใดๆ ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรหรือโปรแกรมใดๆ  แต่ลักษณะที่อาจจะต่างกันไปนั้น นักวิชาการด้านการสอนในต่างประเทศมักจะให้น้ำหนักว่า  การเรียนการสอนอาจเกิดขึ้นได้โดยปราศจากผู้สอน  แต่เป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและประสบการณ์การเรียนการรู้ อันได้แก่ เนื้อหาและการฝึกหัดต่างๆ ซึ่งผู้เรียนสามารถที่จะเรียนรู้ด้วยตนเองได้  ในลักษณะของชุดการเรียนหรือโมดูลต่างๆ    ในขณะที่การสอนจะเกิดขึ้นโดยปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูและผู้เรียนเป็นสำคัญ  การสอนจึงปราศจากครูไปมิได้ แต่ถึงจะอย่างไรก็ตาม ทั้งการสอนและการเรียนการสอนก็คือ  การทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ค่อนข้างจะถาวร ด้วยการปรับเปลี่ยนสิ่งที่อยู่แวดล้อมผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางปัญญาหรือได้ฝึกหัดทักษะต่างๆ เป็นสำคัญ 

            โดยทั่วไป มักจะมีการแบ่งองค์ประกอบของการเรียนการสอนในลักษณะของโครงสร้าง  (structure)  และกระบวนการ (process)  ในลักษณะโครงสร้าง คือ แบ่งการเรียนการสอนออกเป็น  วัตถุประสงค์  เนื้อหาสาระ  กิจกรรมหรือประสบการณ์การเรียนรู้ และการวัดและประเมินผลการเรียนรู้  ในขณะที่การแบ่งตามกระบวนการนั้น โดยทั่วไปมักใช้เป็นขั้นตอน ได้แก่ ขั้นนำ  ขั้นสอนและขั้นสรุป      โดยหากจะขยายออกไปตามแนวคิดการปรากฏขึ้นของการสอนของ Gagne ก็จะทำให้สามารถแบ่งองค์ประกอบของการเรียนการสอนไปตามขั้นตอนต่างๆ   9  ขั้นตอน ประกอบด้วย การทำให้ผู้เรียนเกิดความตั้งใจ  การแจ้งวัตถุประสงค์  การนำเสนอเนื้อหา  การทบทวนความรู้และประสบการณ์เดิม  การนำเสนอเนื้อหา  การให้คำแนะนำโดยครู  การให้ฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง  การให้ผลป้อนกลับ  การประเมินและการถ่ายโอนการเรียนรู้  อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่า แม้จะมีการแบ่งขั้นตอนของการเรียนการสอนออกเป็นโครงสร้างหรือลำดับต่างๆ แล้วก็ตาม  แต่โดยสรุปแล้ว  สภาพหรือปรากฏการณ์ของการเกิดการเรียนการสอนดังที่กล่าวมานั้น ย่อมมีองค์ประกอบที่สำคัญอยู่สามประการ ได้แก่  การเกิดขึ้นของ  การนำเสนอสาระการเรียนรู้  การเกิดขึ้นของการเรียนรู้ด้วยตนเองโดยอิสระ  และการเกิดขึ้นของปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูและผู้เรียน  ซึ่งองค์ประกอบดังกล่าว อาจจะถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สามารถนำไปพิจารณาการออกแบบการจัดการเรียนการสอน (instructional design) ได้ 

            การนำเสนอสาระการเรียนรู้ หากพิจารณาในมิติของการสร้างความรู้  คือ การจัดประสบการณ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้  ด้วยการสร้างความหมายจากข้อมูลที่ครูนำเสนอหรือจัดให้  เช่น ค้นพบมโนทัศน์  หลักการหรือแก้ปัญหาบางประการตามวัตถุประสงค์  การนำเสนอสาระการเรียนรู้ดังกล่าว สามารถทำได้ในรูปแบบที่ต้องอาศัยครูและไม่ต้องอาศัยครู  ตัวอย่างเช่น  ในชั้นเรียนหนึ่ง ครูอาจเป็นผู้บรรยายและอธิบายความหมายของคำศัพท์ในวรรณคดีไทยบางคำแก่นักเรียนโดยตรง  หรืออาจจะให้นักเรียนไปสืบค้นความหมายของคำศัพท์ดังกล่าวจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ แล้วมานำเสนอให้เพื่อนในชั้นก็ได้ หลักการสำคัญในการนำเสนอสาระการเรียนรู้ คือ  จะต้องให้ภาพรวมเกี่ยวกับสาระความรู้นั้นเสียก่อน    โดยจะต้องนำเสนอในลักษณะที่สัมพันธ์กับประสบการณ์ของผู้เรียนให้มากที่สุด พยายามทำให้หัวข้อเรื่องที่ยากหรือซับซ้อนกลายเป็นเรื่องที่ง่าย เหมาะสมกับวัยและพัฒนาการของผู้เรียน  ในการนำเสนอจะต้องมีส่วนสรุปอันเป็นการสร้างความเข้าใจความคิดรวบยอดของสาระการเรียนรู้ทั้งหมด และจะต้องมีการทดสอบความรู้ความเข้าในสาระจากการรับฟังของผู้เรียนด้วย  จึงจะทำให้การนำเสนอสาระการเรียนรู้ครั้งมีประสิทธิภาพ    

            องค์ประกอบที่สำคัญประการต่อมา คือ  การเรียนรู้ด้วยตนเองโดยอิสระ การเรียนรู้โดยอิสระนั้น มิใช่การปล่อยปละให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาและทำแบบฝึกหัดไปตามลำพัง แต่เกิดจากการให้ผู้เรียนพิจารณาวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนในครั้งนั้น ว่าตนเองสามารถบรรลุหรือไปถึงวัตถุประสงค์นั้นแล้วหรือไม่  ทั้งนี้ก็เพื่อให้เขาเป็นผู้เลือกและกำหนดแนวทางในการพัฒนาตนเอง  เช่น หากนักเรียน      ทราบว่า ตนเองยังไม่เข้าใจคำศัพท์บางคำในวรรณคดีที่อ่าน ก็จำเป็นที่เขาจะต้องดำเนินการสืบค้นความหมายของคำศัพท์ด้วยวิธีการต่างๆ ที่คิดขึ้นด้วยตนเอง  ซึ่งครูจะต้องเข้าไปมีบทบาทในการชี้แนะแนวทางการฝึกหัดปฏิบัติด้วยตนเองนั้นว่า สามารถจะดำเนินการในลักษณะใดบ้าง  ทั้งนี้ การจะทำให้การเรียนรู้ด้วยตนเองโดยอิสระมีประสิทธิภาพ  ครูผู้สอนจะต้องคอยตรวจสอบการเรียนรู้ดังกล่าวเป็นระยะๆ ในลักษณะของการช่วยเหลือและแก้ไข บนพื้นฐานของการให้เกียรติผู้เรียน และให้ผลป้อนกลับเพื่อแก้ไขให้ดำเนินการเรียนรู้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง  เช่น ในขณะที่ให้ผู้เรียนได้ฝึกอ่านและสรุปสาระสำคัญของวรรณคดีบางเรื่อง  ครูอาจจะต้องเรียกผลงานการสรุปนั้นมาให้คำแนะนำเป็นระยะๆ เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาและปรับปรุงการเรียนรู้ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง 

            ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูและผู้เรียน ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของการเรียนการสอนประการสุดท้าย เนื่องจากเป็นที่ยอมรับกันว่า การเรียนการสอนควรจะมีครูในฐานะผู้จัดการและอำนวยความสะดวกให้เกิดปฏิสัมพันธ์ทางปัญญา  ระหว่างผู้เรียนกับเนื้อหาสาระ ผู้เรียนกับผู้เรียนคนอื่น ผู้เรียนและตัวของผู้เรียนเอง (ในลักษณะของการคิดสะท้อนไตร่ตรอง) และผู้เรียนกับผู้เชี่ยวชาญ (ซึ่งก็คือครู) การอำนวยความสะดวกดังกล่าว คือ การพยายามทำให้ผู้เรียนในฐานะตัวแปรที่ผู้สอนให้ความสนใจ ได้  “แปรค่า” หรือเกิดปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้ได้มากที่สุด  เพราะนี่เป็นช่องทางสำคัญที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะจากครูและเพื่อน  การศึกษาด้วยตนเองแต่เพียงลำพังนั้น แม้จะทำให้เกิดการเรียนรู้ได้ก็จริง แต่ก็เป็นการเรียนรู้ในมิติการรับรู้ของตนเอง ด้วยมุมมองของตนเองเพียงอย่างเดียว ในขณะที่การเรียนรู้อย่างมีปฏิสัมพันธ์กับสังคม จะทำให้ผู้เรียนได้เข้าใจมิติหรือมุมมองอื่นๆ ที่ต่างไปจากตน ซึ่งก็จะทำให้สามารถพัฒนาและปรับปรุงพฤติกรรมให้ครอบคลุมมิติอื่นๆ ด้วย  การเรียนรู้ก็จะมีลักษณะที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายขึ้น ส่งผลให้ไม่ใช่การเรียนรู้ที่  “ตนเอง”  เท่านั้น ที่เป็นผู้ยอมรับตนเอง  แต่จะเป็นการเรียนรู้อันบุคคลอื่นๆ ให้การยอมรับและรับรู้ตรงกัน

            แม้เดิมจะมีผู้เสนอแนวคิดว่า การเรียนการสอนโดยทั่วไปจะปราศจากครูไปเสียก็ได้  แต่ก็คงจะต้องกล่าวให้ต่างออกไปว่า การเรียนการสอนที่ “มีประสิทธิภาพ”  จะปราศจากครูไปเสียมิได้  เพราะปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูและผู้เรียนยังคงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้การเรียนรู้เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ  เพื่อให้ผู้เรียนได้ปรับปรุงและแก้ไขพฤติกรรมของตนเองโดยตลอด แต่การเรียนการสอนที่มิได้มีการนำเสนอเนื้อหาและการให้ผู้เรียนลองแสดงออกถึงสิ่งที่เรียนไปด้วยตนเอง ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการเรียนการสอนอยู่ดี   ดังที่ได้กล่าวมานี้  เราสามารถที่จะองค์ประกอบดังกล่าว  มากำหนดเป็นคำถามเพื่อพิจารณา การเรียนการสอนที่จะออกแบบขึ้นใหม่เสียก็ได้ว่า การเรียนการสอนครั้งนั้น  ครูได้นำเสนอเนื้อหาสาระใหม่หรือไม่  และใช้วิธีการใดในการนำเสนอ  ครูได้จัดช่วงเวลาสำหรับให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติสิ่งที่เรียนโดยลำพังหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด รวมทั้งจัดบรรยากาศที่เน้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวพวกเขา  ซึ่งรวมตัวครูอยู่ด้วยอย่างไร  ทั้งนี้ เพื่อที่ในการออกแบบการสอน  ครูจะได้ไม่ละเลยว่า การเรียนการสอนมิใช่เป็นเรื่องที่ผู้เรียนจะพึงใฝ่ใจศึกษาเองเท่านั้น แต่เป็นหน้าที่ของครู ที่จะต้องให้ข้อมูลและจัดประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้เรียนด้วยเช่นกัน 

_________________________________________________

องค์ประกอบการเรียนรู้ใดที่มีความสำคัญมากที่สุด

1. ผู้สอน ผู้สอนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งต่อการสอน เพราะต้องเป็นผู้รู้หลักสูตรและนำเนื้อหาสาระมาดำเนินการสอน มีการวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ตลอดเวลาของการเรียนการสอน โดยการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจในบทเรียน มีทักษะกระบวนการ และมีเจตคติที่ดีตามเจตนารมณ์ของบทเรียนและหลักสูตร นอกจากนั้น ...

องค์ประกอบของการศึกษาคืออะไร

การจัดการศึกษาของสถานศึกษามีองค์ประกอบที่สำคัญ ๕ ด้าน ได้แก่ ครู ผู้บริหารสถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา หลักสูตรและกิจกรรมของสถานศึกษา รวมทั้งสภาพแวดล้อมและการบริการ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามที่ต้องการได้ คือ ครู

ระบบการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบ 3 ตัวหลักอะไรบ้าง

ไม่ว่าจะเป็นระบบใดก็ตาม จะประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วน ได้แก่ ตัวป้อน (Input) หมาย ถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่นาเข้าสู่ระบบ กระบวนการ (process) หมายถึง การนาตัวป้อนมาจัด กระทาต่อกันเพื่อให้เกิดผลผลิตตามจุดประสงค์ และผลผลิต (product) หมายถึงผลลัพธ์ที่ได้

องค์ประกอบการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบกี่ประการ อะไรบ้าง

1. ผลการศึกษาองค์ประกอบของร่างรูปแบบการเรียนการสอนฯ พบว่าร่างรูปแบบการเรียนการสอน ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) เนื้อหา 4) กระบวนการจัด การเรียนการสอน และ 5) การวัดและประเมินผล ดังแผนภาพด้านล่าง