นับเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจ ถ้าทำงานได้เร็วแต่ขาดความน่าเชื่อถือก็ถือว่าใช้ไม่ได้ ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นเมื่อนำระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มาใช้งาน ทำระบบงานมีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือของข้อมูล เพราะจะมีการทำสำรองข้อมูลไว้ เมื่อเครื่องที่ใช้งานเกิดมีปัญหา ก็สามารถนำข้อมูลที่มีการสำรองมาใช้ได้ อย่างทันที เป็นสายสำหรับเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆในระบบเข้าด้วยกัน หากเป็นระบบที่มีจำนวนเครื่องมากกว่า 2 เครื่องก็จะต้องต่อผ่านฮับอีกทีหนึ่ง โดยสายสัญญาณสำหรับเชื่อมต่อเครื่องในระบบเครือข่าย จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ จัดการระบบเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่ออยู่กับเครือข่าย สามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่จัดการด้านการรักษาความปลอดภัย ของระบบเครือข่าย และยังมีหน้าที่ควบคุม การนำโปรแกรมประยุกต์ ด้านการติดต่อสื่อสาร มาทำงานในระบบเครือข่ายอีกด้วย นับว่าซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย มีความสำคัญต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างยิ่ง ตัวอย่าง ซอฟต์แวร์ประเภทนี้ได้แก่ ระบบปฏิบัติการ Windows NT , Linux , Novell Netware , Windows XP ,Windows 2000 , Solaris , Unix เป็นต้น เป็นอุปกรณืที่ทำหน้าที่แปลงข้อมูลให้สัญญาณต่างๆ เพื่อส่งสัญญาณไปในสื่อกกลางซึ่งแผนวงจรเชื่อต่อเครือข่ายแต่ละชนิดใช้ได้กับสื่อกลางต่างกัน และมีอัตราความเร็๋วในการส่งข้อมูลต่างกัน 2.1 แผนวงจรเชื่ีอมต่อเครือข่าย หรือการ์ดแลน 3. สนื่อกลางในการส่งข้อมูล (Communication media) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับ-ส่งข้อมูลต่างๆ ในเครือข่ายสามารถออกเป็น 2 ประเภท คือ สื่อกลางประเภทมีสาย และสื่อกลางประเภทไร้สาย 3.1 สื่อกลางประเภทไร้สาย 4. มาตรฐานในการับ-ส่งข้อมูล (Protocol) เป็นมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ในการสื่อสารข้อมูลระหว่างเครื่อคอมพิวเตอร์ต่างๆ ในระบบเครือข่าย โดยที่ไพรโตคอลนี้จะทำหน้าที่ควบคุมการรับ-ส่งข้อมูล กำหนดวืธีการรับ-ส่งข้อมูล กำหนดเส้นทางในการส่งข้อมูล และตรวจสอบความผิดพลาดในการส่งข้อมูล 5. ระบบปฏิบัติการเครือข่าย (Network Operating System: NOS) เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่บริหารและจัดการการใช้ทรัพยากรต่างๆ ในระบบเครือข่าย 5.1 ตัวอย่างระบบปฏิบัติการเครือข่าย 4. ลักษณะการเชื่อมต่อของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จุดปลายทางของการรับ-ส่งข้อมูล เรียกว่า โหนด (Node) ซึ่งการที่ีจะทำให้แต่ละโหนดติดต่อรับ-ส่งข้อมูล ถึงกันได้นั้นต้องมีการเชื่อมต่อที่เป็นระบบ ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์นี้สามารถแบ่งลักษณะของการเชื่อมโยงออกเป็น 4ลักษณะ คือ 1. เครือข่ายแบบดาว (Star Network) จะมีคอมพิวเตอร์หลักเป็นโฮสต์ (Host) ต่อสายสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ย่อยที่เป็นไคลเอนต์ (Client) คอมพิวเตรอ์ที่เป็นไคลเอนต์แต่ละเครื่อง ไม่สามารถติดต่อกันได้โดยตรง ต้ัองบผ่านคอมพิวเตอร์โฮสต์ที่เป็นศุนย์กลาง
ข้อเสียของเครือข่ายแบบดาว
2. เครือข่ายแบบแหวน (Ring Network) เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ด้วยสายเคเบิลเดียวในลักษณะวงแหวนไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลาง ข้อมูลจะต้องผ่านไปยังคอมพิวเตอร์รอบๆ วงแหวน และผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเพื่อไปยังสถานีที่ต้องการซึ่งข้อมูลที่ส่งไปจะไปในทิศทางเดียวกัน การวิ่งของข้อมูลในเครือข่ายวงแหวนจะใช้ทิศทางเดียวเท่านั้น เมื่อคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งส่งข้อมูลจะส่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องถัดไป ถ้าข้อมูลที่รับมาไม่ตรงตามที่คอมพิวเตอร์ต้นทางบระบุก็จะส่งไปให้คอมพิวเตอร์เครื่องถัดไป ซึ่งจะเป็นขั้นตอนแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงคอมพิวเตอร์ปลายทาง ที่ถูกระบุตามที่อยู่จากเครื่องต้นทาง ข้อดีของเครือข่ายแบบวงแหวน
ข้อเสียของเครือข่ายแบบวงแหวน
3. เครือข่ายแบบบัส (Bus Network) จะมีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์บนสายเคเบิล ซึ่งเรียกว่า บัสคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งๆ สามารถส่งถ่ายข้อมูลได้เป็นอิสระในการส่งข้อมูลนัี้นจะมีเพียงคอมพิวเตอร์ตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งข้อมูลได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ จากนั้นข้อมูลจะวิ่งไปตลอดความยาวของสายเคเบิล แล้วคอมพิวเตอร์ปลายทางจะรับข้อมูลที่ีวิ่งผ่านมา
ข้อเสียของเครือข่ายแบบบัส
เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทีร่ผสมผสานระหว่างรูปแบบต่างๆ แบบเข้าด้วยกัน คือ มีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ย่อยหลายๆ เครือข่ายเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานเครือข่ายบริเวณกว้าง ซึ่งเครือข่ายที่ถูกเชื่อมต่ออาจจะอยู่ห่างกันคนละจังหวัด หรืออาจจะอยู่คนละประเทศก็เป็นได้ |