นิทานพื้นบ้าน (เป็นร้อยเรื่อง) Show ทั้งเรื่องโบราณ และปัจจุบัน ทั้งขบขันและภาษิต นิทาน ๑๐๘ เรื่องเป็นนิทานโบราณประยุคสมัยและเป็นคำโบราณคำใต้มาก ทั้งเป็นภาษาพื้นเมือง อ่านได้คลายเครียด เป็นภาษิตเทียบเคียงวิถีชีวิตสำหรับเป็นคู่มือของนักพูดนักเขียน นักเทศน์ เอาไปเข้ากับเรื่องนั้น เพราะหากเอานิทานเข้าประกอบ ผู้ฟังจะจำได้ง่าย หลวงวิจิตรวาทการท่านเล่าว่า ทนายความชั้นหนึ่งของประเทศอังกฤษชื่อใดข้าพเจ้าลืม ว่าความได้ดีมาก โดยท่านเอานิทานเข้าประกอบเรื่องที่ท่านเล่า ที่ข้าพเจ้าเขียนนี้ก็บางเรื่องเป็นนิทานประกอบของนักแสดงธรรม เช่น เรื่องเรียนวิชาเป็นเศรษฐี และเรื่องเพื่อนเลียนแบบ เป็นเรื่องไม่ควรทำจำเจ กลัวเพื่อนจะเลียนแบบจะเสียหายเรื่องควายฝากเครื่องมือไว้กับต้นกล้วย ฝากอันใหญ่ได้คืนอันเล็ก นักเลงโตตั้งแต่หัวโค้ตายายและลูกเรือปะทะลูกสิงห์ เรื่องตรวจใบผ่านทาง เรื่องยั่วโมโห เรื่องเสียทั้งไก่ทั้งเมีย (เป็นเรื่องดุ) และเรื่องขบขัน เช่นเรื่องตะเกียงเดินได้ เรื่องพ่อไม่ตาล่อ เรื่องให้แล้วไม่เอา เรื่องเหมิ่นหย่อง เรื่องกราบไหว้จอบ เรื่องบอกเงินฝัง คาถาเหาะ เสกคนให้เหาะ ลดงัว เป็นหมาตามเดิม เรื่องเกี่ยวกับผู้ใหญ่ด้วง เมาชอบสนุก เวสนู จะจบเหรอ กินข้าวกับไหร ยาถอนฟัน เรื่องไม่รู้ภาษา พูดผิดเสียวัว พ่อท่านลืมยะถาตาชีขี้โลภ (เป็นเรื่องขัน ๆ) และเรื่องที่ไม่ทันคิด เพื่อนจ้างให้งมพร้า พระอิศวรให้พรเสือ ทอนเบี้ยผิด เรื่องยิงเสือลำบาก หล่นสะพานรถไฟ ซี่ไหนซี่นั่น เรื่องผู้ใหญ่ด้วงหนีนาย แก้ผ้าตัดสาคู คนไม่มีบุญเช่นเรื่องเทวดาเห็นดูให้เงินก้อนนอนโก้รวย เรื่องแนวอภินิหาร เช่น เรื่องบารมีดีดั่งใครดีเข้ามา อาจารย์ให้ยิงคนศิษย์สัปดนท่ายิงผี เรื่องพ่อท่านทอง เรื่องราชานก เรื่องหละปาก เรื่องลูกเสือปะทะสิงห์ และสุดท้ายนิทานที่ ๑๐๘ เป็นนิทานยาวเล่าไม่จบ ๑...เรื่องเรียนวิชากับเศรษฐี เรื่องมีอยู่ว่า ชายคนหนึ่งอยากจะร่ำรวยเป็นเศรษฐี พยายามทำงานจนอายุใกล้จะกลางคนก็ยังไม่ร่ำรวย
จึงมาคิดขึ้นได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้จะต้องมีครูอาจารย์สอน ก็เมื่อเราไม่ไปศึกษาหาอาจารย์มาก่อนจึงร่ำรวยไม่ได้ คิดได้เช่นนั้นก็เตรียมตัวไปหาเศรษฐี ซึ่งอยู่ต่างตำบลกัน ท่านผู้นี้ปัจจุบันเป็นกำนันสืบทราบมาว่าเมื่อก่อนท่านเป็นลูกกำพร้ามาก่อน อาศัยวัด มีอาจารย์เป็นเจ้าอาวาสสั่งสอนท่านจนออกมาทำงานสร้างฐานะได้ จนสมัยนั้นคนฐานะดี ความประพฤติดี มีจนนับหน้าถือตาอยู่ก่อน ท่านนายอำเภอจึงลงมาแต่งตั้งให้เป็นกำนันเมื่อตำแหน่งว่าง ๒...เรื่องเวสนู คนพูดจมูกอี้ น้าปลอด เวสนู ท่านเป็นคนรุ่นน้องของพ่อข้าพเจ้าและเป็นเพื่อนต่อนกเขากับพ่อข้าพเจ้า และอีกคนเป็นไทยอิสลามพูดติดอ่าง (อ้ง) สามคนทั้งพ่อผม คอเดียวกัน กลางคืนนั่งคุยกันจนดึกดื่น ไม่ค่อยมีเรื่องอื่นปน เรื่องนกเขาชวาเขาใหญ่เท่านั้น แต่คืนหนึ่งมีเรื่องพิเศษขึ้นเมื่อบังเหล็มถามว่า ปลอด บ้านเดิมเอ็งเกิดที่ไหนและเหตุผลกลใดจึงได้มาอยู่คลองรำนี้ ชื่อจริงชื่อปลอด เวสนู เป็นนามฉายา
เพราะพูดจมูกอี้ ๓....เรื่องราชานก พระอิศวรผู้เป็นเจ้าป่าวร้องให้พวกนกทั้งหลายน้อยใหญ่ให้มาประชุมกันเลือกตั้งหัวหน้าให้เป็นราชานกเพื่อเป็นตัวแทนได้ขึ้นเฝ้า พระอิศวรจะสั่งการงานอะไรมาง่ายขึ้น นกทั้งหมดมีเหลือร้อยแปดพันนกต่างประชุมกันเสนอให้นกดุกซึ่งอยู่เคร่งขรึมน่าเกรงขาม แต่พวกนกเล็ก ๆ มากมายตื่นกลัวความเคร่งขรึมและเสียงดุของนกดุจึงไม่เอา เสนอนกอินทรีย์มีฤทธิ์อำนาจมากเกินพวก
นกน้อย ๆ ไม่ชอบอีก จึงเสนอนกกาดำ เพราะไม่เล็กไม่ใหญ่ นกต่าง ๆ ก็ตกลงตั้งให้กาเป็นราชานก พอรุ่งเช้าพระอิศวรสั่งให้ขึ้นเฝ้าเวลาเช้า ๘.๐๐ น. ๔...เรื่อง พูดจริงไปนรก พูดหกได้สวรรค์ เรื่องมีอยู่ว่าคืนนั้นมีงานมหรสพในวัด ชาวบ้านสมัยนั้นเมื่อหนังโนราเล่นในวัดต่างแห่กันไปดูหมดบ้าน ทิ้งเรือนไว้ให้คนที่ไม่คนเฝ้าเพียงคนเดียวหรือผลัดคืนกันไปดูการละเล่นในวัด ๕...เรื่องพูดโกหกได้สวรรค์ ผัวเมียคู่หนึ่งทะเลาะกันเข้าขั้นแตกหัก จึงแยกกันอยู่คนละหมู่บ้านเสียหลายวัน มีชายพูดโกหกคนหนึ่งเมื่อไปพบนางเมียก็พูดว่า ผัวเอ็งปรารถถึงความดีความงามของเอ็งอยู่ ขอคืนดีก็ไม่กล้ามา แล้วอยู่มาก็ไปพบฝ่ายผัวอีก ก็พรรณาโกหกปั้นน้ำเป็นตัวให้ฝ่ายผัวฟังอีกว่า เมียหมึงเจอกูก็พูดถึงอยู่ ชายขี้โกหกคนนั้น ไปพูดข้างผัวบ้าง ไปโกหกให้เมียฟังมั่งหลาย ๆ ครั้งเข้า ผัวเมียคู่นั้นก็กลับคืนดีกัน อันนี้พูดโกหกได้สวรรค์ ๖...เรื่อง โง่เหมือนควายพาของที่ท่านให้ไปไม่รอด เรื่องเล่าว่าควายถอดของที่พระอิศวรให้ ตั้งฝากต้นกล้วยไว้ข้างสระน้ำ แล้วลงเล่นน้ำดำผุดอยู่เพลิน เจ้าม้าก็กลับมาจากขอของใช้จากพระอิศวรเหมือนกัน ได้มาโดยความจำใจเล็กเกินไปไม่สมดุลย์ จึงผ่านมาเห็นของควายตั้งพิงต้นกล้วยอยู่ ก็เอาอันเล็กตั้งไว้ ได้เครื่องใช้ที่ใหญ่โต ม้าก็ดีใจ รีบเดินไป หัวเราะฮิ ๆ ๆ ส่วนควายนั้นอาบน้ำจนเย็นก็ขึ้นจากสระน้ำ เห็นของม้าอันเล็กตั้งอยู่ก็เสียใจร้องไห้หวะ หว้า ๆ ๆ มาจนทุกวันนี้ และความอาฆาตพยาบาทกับต้นกล้วยยิ่งนัก เพราะก่อนลงอาบน้ำถอดฝากต้นกล้วยไว้ แต่กลับได้ม้าไป ควายจึงเห็นต้นกล้วยไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ เห็นกล้วยแล้วจะฟันด้วยเขาควายจนละเอียด ๗...เรื่อง ยากินข้าวได้ มีชายคนหนึ่งอายุเกือบกลางคนแล้ว เบื่อข้าวจึงมาหาหมอพื้นบ้านหมอยาสมุนไพร
เดินมากลางงายเช้ามาพบลุงหมอที่กำลังขุดตอเพื่อจะหักเป็นบิ้งนาอยู่ เข้ามายกมือไหว้ หมอถามว่าธุระอะไรหรือ ชายคนนั้นก็บอกว่ามาหายากินข้าวได้ เบื่อข้าว ๘...เรื่องพ่อท่านทองทายแม่น เรื่องมีว่าสำนักสงฆ์ของพ่อท่านทองนั้น เป็นศาลาสงฆ์ตั้งอยู่ไม่ห่างทุ่งนาและบ้านคนอาศัยมากนัก พ่อท่านทองท่านอยู่สำนักองค์เดียว มีศิษย์วัดอยู่คนหนึ่ง มาอาศัยท่านอยู่ด้วย อยู่มา ๆ ก็ท่านที่มีความรู้น้อย คนชาวบ้านก็ถอยศรัทธา ทำท่าจะอดเพราะไม่มีใครใส่บาตรและเอาข้าวมาสำนักสงฆ์ ท่านจึงออกหัวคิดให้ศิษย์ไปลักคันไถแล้วพาไปซุ่ม
แล้วกลับมาบอกท่านว่าซ่อนอยู่ตรงไหน มีต้นไม้หรือปลวกอะไรเป็นเครื่องสังเกตุ เมื่อลักแล้วรุ่งเช้า เจ้าของคันไถจะไถนาก็หาคันไถไม่พบ ส่วนเด็กศิษย์ท่านทองนั้นก็ไปเที่ยวเดินเล่นอยู่ ถามกันรู้ว่าคันไถหาย ศิษย์ท่านทองว่าลองไปให้พ่อท่านทองทายดู เจ้าของคันไถก็ไปที่พ่อท่านทอง ท่านก็ทายได้ตรงทุกครั้ง คนก็เริ่มนับถือท่าน ทำท่าดังและไม่อด ๙...เรื่องเขยอวดแรงพ่อตาอวดรู้
ได้เขยใหม่เรือนยังเล็กอยู่ สมัยก่อนก็ต้องพาลูกเขยไปฟันไม้ทำเสาเรือน เพื่อต่อเรือนให้ใหญ่พอได้อยู่ ฟันไม้กันสองคนตา-เขย เขยนั้นฟันไม้ไม่ชำนาญ ฟันไปเก็บเกล็ดไม้ไป ส่วนพ่อตานั้นรู้ทำจึงไม่ต้องเก็บเกล็ด พอกลับถึงบ้าน กินข้าวมื้อค่ำร่วมกัน ลูกสาวตักข้าวตักแกงออกมา พ่อตาพูดเย้ยเขยว่า ไหนแกงเห็ดละอีสาว ลูกสาวว่าเห็ดที่ไหนไม่มีเห็ดแกง ก็กูเห็นเณรฟันเสา เก็บเห็ดพลาง (คือหยิกเกล็ดไม้พลาง เรียกเก็บเห็ด) ๑๐...เรื่องจะจนเหลย (จะจนอีก) ไชยชาย คำว่า ไชยชายสมัยก่อนก็คนชายโสดสมัยนี้ ๑๑...เรื่องเสือขอพรพระอิศวร สมัยนั้นสัตว์และมนุษย์จะต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาของพระอิศวรทั้งสิ้น เพราะตามมติพราหมณ์ พระอิศวรเป็นเจ้าผู้สร้างโลก เรื่องมีว่าเสือก็ต้องขึ้นไปขอพรพระอิศวรด้วยเช่นเดียวกับมนุษย์และสัตว์อื่น พระอิศวรจึงให้พรให้เสือมีลูกได้ ปีหนึ่งเจ็ดครอก ครอกละ ๗ ตัว และให้เลี้ยงลูกรอดทุกตัว ๑๒...เรื่องฝึกทำได้ พระราชาหนุ่มพระองค์หนึ่ง ราชาภิเษกกันใหม่ ๆ ก็พามเหสีประพาสป่า
พระองค์ยิงธนูหน้าไม้แม่นฉมังยิ่งนัก จึงประลองฝีมืออวดพระมเหสี เห็นนกจับอยู่ปลายไม้สูง ๆ พระองค์บอกราชินีว่าจะยิงให้ถูกปลายปากนกคอยรอดู พอพระองค์ลั่นธนูไปก็ถูกปลายปากนกจริง ตกลงมาตรงหน้าพระองค์หันไปถามพระมเหสีว่า ยิงได้แม่นหรือไม่ พระมเหสีตอบว่า ฝึกทำได้ พระองค์ก็ยิงใหม่อีก ตัวหนึ่งที่จะยิงให้ถูกปีก ตัวนั้นถูกปีกจริง ๆ ตกลงมา พระองค์หันไปถามราชินีอีก ก็ตอบเช่นเดิมว่าอะไร ๆ ถ้าฝึกหัดก็ทำได้ ตกลงว่ามเหสีไม่ได้ยกยอว่าเก่งสักครั้งเดียว เพียงพูดว่าอะไร ๆ
ฝึกหัดแล้วทำได้ พระราชาโมโหจึงไล่พระมเหสีให้จากไปเสีย (แปลว่าเลิกจากกัน) ๑๓...เรื่องยาถอนฟัน นายบ้านต้าเหย็บ หมู่ ๑๐ สมัยก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ท่านเล่าว่าท่านไปตลาดนัดคลองแงะ เห็นหมอแขกเทศ (อินเดีย) ถอนฟันให้ คนมุงกลุ้มอยู่ชายตลาดนัด นายบ้านตะเหย็บเข้าไปดูวิธีถอน เอาน้ำยาชุบสำลีเล็กน้อย จุ่มเข้าที่โคนฟันที่จะถอน อยู่ไม่กี่นาทีใช้ให้ทำไอ ฟันซี่นั้นจะหลุดโดยง่ายดาย หรือไม่ก็เอามือไปจับโยกเล็กน้อยก็หลุด
นายบ้านเห็นใช้ได้ง่ายเช่นนั้นถามว่า ขายขวดเท่าใด ก็สมัยนั้นขวด ๑๐ บาทใช้ได้ไม่ต่ำแต่ ๑๐๐–๒๐๐ ซี่ฟัน ท่านว่าใช้ได้ผลเงินค่าถอนฟันพอได้จ่ายและคนเจ็บก็สรรเสริญท่านด้วย ท่านกลับมาถึงบ้าน ฟันท่านโยกอยู่สองซี่กราม ท่านก็ทดลองดูก่อน เพื่อจะได้มั่นใจ ค่อยถอนให้คนอื่นภายหลัง หัวค่ำท่านเอาสำลีชุบยาแล้วจุ่มเหมือนหมอแขกเจ้ายาทำ แล้วนั่งสักพักทำไอ ก็ไม่หลุด จนง่วงนอนคืนนั้นใกล้ดึก ลองเอามือโยกก็ไม่หลุด จึงนอนหลับรุ่ง วันรุ่งขึ้นท่านลุกขึ้นบ้วนปากล้างหน้าหัวเช้า
อมน้ำบ้วนปาก ฟันก็ค่อยหลุดไปครั้งละซี่สองซี่ หยุดบ้วนปาก ไอก็หลุด จามก็หลุด ตกลงว่าไม่ใช่สองซี่ที่จุ่มหลุด หลุดยกเบ้าไปเลย แต่ดีว่าหมันไม่เจ็บ ปากผล่อไปเลย ตกลงยาขวดนั้นขว้างเข้าป่าทั้งขวดไป ไม่กล้าใช้กับคนอื่น ๑๔...เรื่องยาเท่าเมล็ดนุ่น ยาถ่ายสมุนไพรสี่ห้าอย่างตามตำราโบราณ เอามาตำให้ละเอียดทานครั้งละเท่าเมล็ดนุ่น คนโบราณมักเขียนเช่นนั้น คนกินทำเสร็จกินเท่าเมล็ดขนุน ก็ถ่ายจนเงยหัวไม่ขึ้น เพื่อนจึงไปอ่านดูตำราเท่าเมล็ดนุ่น หนุ่น คำเขียนโบราณ ๑๕...ตายทั้งคนไข้ทั้งหมอ เรื่องระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ น่าจะรุ่นเดียวกับนายบ้านตะเหย็บใช้ยาแขกมาถอนฟัน เรื่องมีอยู่ว่า คนเกิดใหม่ ๆ ไม่สบาย หมอพื้นบ้านจึงหายาสมุนไพรมาต้มให้กิน ปรากฏว่าคนไข้ตายในเวลากะทันหัน แสดงอาการหนักตายเลยหลังจากกินยา หมอที่ต้มยาจึงลองกินดูเอง อยู่ไม่นานนักหมอเองก็ตายตามไป ทำศพพร้อมกัน ก็ยาที่ต้มนั้น หัวดองดึงรวมอยู่ด้วย ยาที่มีรสเมาอย่างนี้ ตามปกติหมอจะนำมาแซกเพียงเล็กน้อย และจะต้องเผาไฟเสียก่อนด้วย อันนี้เอาเท่าตัวยาอื่น ใช้ทั้งสด ๆ อันนี้ตายเพราะรู้ไม่ถ้วนไม่ถึง ๑๖...เรื่องชิมเห็ดดิบเมาเกือบตาย
เรื่องพบมากับตัวเอง ข้าพเจ้ากลับจากนาข้าว ฤดูเดือนหกฝนตกลงมา เห็ดนางอก ข้าพเจ้าพบเห็ดโคนเก็บมาได้สักหม้อแกง และเห็ดที่คอกควายเก่างอกเป็นรูปซีกเดียวคล้าย ๆ เห็ดชิง ข้าพเจ้าก็เก็บมาล้างให้แม่ยายแกงกินหน้าตะวันเที่ยง แม่ยายแกงเฉพาะเห็ดโคนได้ ๑ หม้อ ส่วนเห็ดซีกนั้นแม่ยายแกงเป็นหม้อหลัง พอตั้งขึ้นไฟก็กินเห็ดโคนกันจนหมดหม้อทั้ง 4 คนผัวเมีย ๑๗...เรื่องนักเลงโตแต่หัวโค้ตายาย โนราขำ จันทร์เขียว เล่าว่าสมัยรำโนราแกเป็นนางรำของโนราแคล้วโหละยาว โนราขำว่าอีติดหราง (ตะราง) กับเล่นโนรา เรื่องมีว่าที่พัทลุง บ้านใดผู้เขียนจำไม่ได้ มีการรับโนรา เชิญครูเข้าทรง คืนนั้นโนราแคล้วเชิญครูหมอให้หาทรงใหม่
ก็บังเอิญไปจับที่ลูกสาวเจ้าของเรือนที่รับโนราไปเชิญครู เสียงลงลั่นสะเทือนอยู่ในห้องนอน รู้เช่นนั้นก็มีคนผู้เฒ่าไปช่วยแต่งตัวให้รัดกุม เพื่อผ้านุ่งจะไม่หลุด ๑๘...เรื่องนับญาติไม่โร้เทียมครั้งโป่ครั้งย่า คนหรำบางพวก มีเหมือนกันที่ไม่รู้จักหัวโค้โป่ย่าตายาย คือไม่รู้จักนับญาติกัน (เรื่องที่เขียนมานี้เป็นคำใต้มาก นักเรียนสมัยนนี้อาจไม่เข้าใจ ๑๙...อยากก็สู้ยิ่งอิ่มยิ่งสู้ เรื่องนี้เกิดขึ้นที่บ้านคลองทรายสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ สมัยใช้เงินเหรียญไม้เท้า ใครมีนามีวัวควายช้างก็เป็นคนรวย คนร่ำรวยสมัยนั้นเก็บเงินไว้ใช้เอง ไม่มีธนาคารฝาก เรื่องของต้นตระกูลอมแก้ ดูเหมือนเป็นปู่ของพี่เณรเขียนน้องเณรเยื่อง เป็นคนมีเงินสมัยนั้น
โจรก็ส่งข่าวมาจากคลองหอยโข่งว่าระวังโจรจะมาปล้น ๒๐...เพื่อนเลียนแบบ
เรื่องมีอยู่ว่าชายหนุ่มคนหนึ่งเพิ่งได้เมียสวยอาชีพทอดแห ยืนหัวเรือทอดแหหัวเรือ ได้ปลากลับมาให้เมียขายในวันรุ่งขึ้น ธรรมดาคนเพิ่งได้เมียใหม่ พอไปทอดแหสักพักหนึ่งก็กลับมากินห่อตามธรรมดาข้าวใหม่ปลามัน นิทานพื้นบ้านภาคกลางมีอะไรบ้างรวมเรื่องเล่าขานตำนานท้องถิ่นไทยในภาคกลางที่รู้จักกันดี ในเล่มมี 7 เรื่อง ได้แก่เรื่อง ย่องเข้ เสาไห้ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง จระเข้สามพัน ตำนานวัดพระนอนจักรสีห์ ดงแม่นางเมือง และพระยากง-พระยาพาน
เนื้อหาของนิทานพื้นบ้านเป็นอย่างไรเจือ สตะเวทิน (2517 : 46) ได้กล่าวถึงลักษณะของนิทานพื้นบ้านว่ามีลักษณะ 5 ประการ ดังนี้ คือ 1. ต้องเป็นเรื่องเล่า 2. ต้องเล่ากันด้วยภาษาร้อยแก้ว 3. ต้องเล่ากันด้วยปากต่อปากมาก่อน 4. ต้องแสดงความคิดความเชื่อของชาวบ้าน 5. เป็นเรื่องที่มีคติก็นับอนุโลมเป็นนิทาน เช่น มะกะโทและชาวบ้านบางระจัน เป็นต้น
นิทานพื้นบ้านให้ความสำคัญในด้านใดบ้าง1. เพื่อความสนุกสนาน เป็นเครื่องบันเทิงใจในยามว่าง 2. เพื่อใช้สั่งสอน ได้แก่ นิทานคติต่างๆ 3. เพื่อให้ความรู้ในด้านต่างๆ เช่น นิทานเกี่ยวกับสถานที่ ปรากฏการณ์ ธรรมชาติ 4. เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแผ่ศาสนา เช่น รามายณะ นิทานเกี่ยวกับเทพเจ้าต่างๆ เป็นต้น
นิทานพื้นบ้านคืออะไรมีกี่ประเภทอะไรบ้างคาถาม 1. นิทานพื้นบ้านแบ่งออกได้ กี่ประเภท อะไรบ้าง ตอบ แบ่งได้ 14 ประเภท 1. นิทานปราปราหรือนิทานทรงเครื่อง 2. นิทานท้องถิ่น 3. นิทานอธิบายเหตุ 4. นิทานชีวิต 5. นิทานผี 6. นิทานวีรบุรุษ 7. นิทานคติสอนใจ 8. นิทานศาสนา 9. นิทานชาดก 10. นิทานตานาน หรือเทพนิทาน 11. นิทานสัตว์ Page 5 5 12. นิทานตลก 13. นิทานเข้าแบบ 14. ...
|