📣 ใครที่เป็นภูมิแพ้ต้องมีเครื่องดูดไรฝุ่นติดบ้านไว้เลย วันนี้เลยจะขอมารีวิว เครื่องดูดไรฝุ่นรุ่น Deerma CM800 จาก Xiaomi 👾 บอกเลยว่าตัวนี้เด็ดสุดๆ หากใครยังตัดสินอยู่ลองเข้ามาอ่านรีวิวนี้ก่อนได้เลย รับรองเลยว่าการตัดสินใจจะง่ายขึ้นอย่างแน่นอนน~ 😍 Show
รีวิว เครื่องดูดไรฝุ่น Deerma CM800💬 ต้องบอกเลยว่าเรื่องฝุ่นเนี่ยสำคัญต่อผู้ที่เป็นภูมิแพ้อย่างมากเลย ไม่ใช่แค่ฝุ่นตามพื้นบ้านหรือตามผนังห้องอย่างเดียวเท่านั้นที่ต้องระวัง แต่ฝุ่นบนที่นอนก็เป็นอีกหนึ่งที่ที่สำคัญเช่นกัน เพราะบนที่นอนมักจะมีฝุ่นที่มองไม่เห็น หรือแม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆ ที่เล็กมากๆ อย่าง ตัวเรือด ตัวไร นั่นเอง ชาวภูมิแพ้คนไหนที่กำลังมองหาเครื่องดูดไรฝุ่นดีๆ อยู่วันนี้มีเครื่องดูไรฝุ่นจาก Xiaomi มารีวิวให้ทุกคนกัน เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomiคุณสมบัติชั่นเลิศ ☑ พลังการทำความสะอาดและการดูดที่ทรงพลัง ☑ การสั่นสะเทือนสูง 8000 ครั้ง / นาที ☑ พลังดูด 13000 PA ☑ ฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV ☑ กำจัดไรฝุ่นมากถึง 99.9% ☑ คลื่นความร้อน 50 องศาเซลเซียส เพื่อให้ฝุ่นหลุดจากพื้นผิว ☑ กำจัดไรฝุ่นที่พื้นผิวได้ถึง 4 ชั้น เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomiบอกเลยว่าปุ่มเปิด - ปิด สวิตส์ ใช้งานง่ายมาก เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomiด้ามจับถูกออกแบบใช้งานได้สะดวกมือ ถูกหลักสรีรศาสตร์แน่นอนหายห่วง 🚨 หากใช้งานต่อเนื่องประมาณ 10 นาที เครื่องจะร้อน เครื่องดูดไรฝุ่นจะตัดอัตโนมัติ และเมื่อเครื่องเย็นลงจะกลับมาใช้งานได้ปกติอีกครั้ง 🚨 เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomiสามารถถอดกล่องเก็บฝุ่นและตัวกรองล้างเพื่อทำความสะอาดได้ง่าย กำลัง (W) : 450W แรงดันไฟฟ้า (V) : 220V แรงดันไฟฟ้าขาเข้า (V) : 200V ความถี่ (Hz) : 50Hz น้ำหนักสินค้า : 1.4 กิโลกรัม ขนาดของสินค้า : 37.00 x 24.00 x 18.00 เซ็นติเมตร น้ำหนักรวมผลิตภัณฑ์ : 2.0 กิโลกรัม ระดับขอเสียงรบกวน : ≤ 75 เดซิเบล ประสิทธิภาพ 7/10 การใช้งาน 8.5/10 ความคุ้มค่า 9.5/10 💸 ราคา 1,599.-
เป็นภูมิแพ้ อยากจะทำความสะอาดเครื่องนอน โซฟา กำจัดไรฝุ่น แต่เบื่อที่จะต้องเอาสิ่งเหล่านี้ไปตบ ไปตากแดด งั้นเรามาลองหา “เครื่องดูดไรฝุ่น” ใช้กันดีกว่าครับ เพียงแค่เสียบปลั๊ก เปิดสวิตช์ ตัวเครื่องก็จะทำการสั่นสะเทือน เพื่อตีให้เจ้าไรฝุ่นตัวร้ายหลุดออกมา แล้วถูกดูดไปเก็บไว้ แถมยังมีรังสี UV ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วยเพิ่มความสะดวกสบายขึ้นมากเลย นอกจากนี้ยังสามารถกำจัดตัวเรือด และละอองเกสรดอกไม้ได้อีกด้วย แล้วเราจะเลือกยี่ห้อไหน รุ่นไหนดี เรามีตัวเลือกให้ครับ
อะไรคือไรฝุ่นไรฝุ่นเป็นสิ่งที่มีขนาดเล็กเล็กเกินกว่าจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในสภาวะที่เหมาะสม ไรฝุ่นสามารถเจริญเติบโตจากไข่เป็นตัวเต็มวัยภายใน 1 เดือน แล้วมีชีวิตอยู่ต่ออีก 1-2 เดือน ตัวเมียสามารถวางไข่ได้ถึง 50 ฟองก่อนตาย อุณหภูมิที่เหมาะแก่การเจริญเติบโต 23.8 – 26.6 องศา และมีความชื้นประมาณ 70-80% แต่ถ้าความชื้นน้อยกว่า 60% ก็จะขาดน้ำตาย เพราะไรฝุ่นต้องการน้ำจากความชื้น ไรฝุ่นชอบอาศัยในเนื้อผ้า และกินเศษซากผิวที่หนังที่ตายแล้วของคนเรา สัตว์เลี้ยง ของเสียจากไรฝุ่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเราเกิดภูมิแพ้ อาการคัน และหอบหืดอีกด้วย วิธีกำจัดไรฝุ่น
วิธีเลือกเครื่องทำความสะอาดไรฝุ่น
สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อเครื่องทำความสะอาดไรฝุ่น
1. Xiaomi Jimmy WB55
Xiaomi Jimmy WB55 รุ่นใหม่ล่าสุด ด้วยสเปคเทพแบบสุด ๆ มาพร้อมกับพลังดูดระดับ 16000 Pa แรงกว่าอีกหลาย ๆ ตัวในท้องตลาด ทำงานคู่กับแปรงลูกกลิ้ง ที่ตีได้ความถี่สูงสุดถึง 62,000 ครั้งต่อนาที มาพร้อมไฟ LED ที่ปล่อยรังสี UV-C ที่สามารถฆ่าแบคทีเรียได้อีกด้วย และที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ในรุ่นนี้เลยก็คือ สามารถปล่อยอัลตราโซนิกไปทำลายระบบเส้นประสาทของไรฝุ่น ช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของไรฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถปรับระดับความแรง เพื่อให้เหมาะกับพื้นผิวที่แตกต่างกัน มีกล่องเก็บฝุ่นขนาด 0.5L แบบไซโคลน แกะออกมาทิ้งสิ่งสกปรกได้ง่าย ส่วนพื้นที่ดูดหน้ากว้าง 24.5 cm ช่วยให้ทำความสะอาดได้สะดวกอีกด้วย
2. Xiaomi Jummy JV35
เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomi Jimmy JV35 รุ่นใหม่สามารถสร้างความร้อนสูงสุด 60 องศาเซลเซียสภายใน 5 วินาที ฆ่าไรฝุ่นได้อย่างหมดจด พร้อมแสง UV จากหลอดไฟขนาด 6W ช่วยทำลายเชื้อแบคทีเรียได้อย่างดี สามารถทำความสะอาดพื้นผิวต่าง ๆ ของโซฟา เตียงได้สะอาดแบบสุด ๆ ด้วยแปรงปัดไรฝุ่น และพลังในการดูดสูงถึง 14000 Pa ดูดทำความสะอาดได้สะดวกด้วยช่องดูดที่มีความกว้าง 24.5 cm มาพร้อมระบบกรองฝุ่นแบบดูอัลไซโคลนช่วยให้อากาศออกมาสะอาดยิ่งขึ้น แล้วยังมีกล่องกักเก็บฝุ่นได้มากถึง 0.5 ลิตร ที่สามารถถอดทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย
3. เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomi Jimmy JV11
Xiaomi Jimmy JV11 รุ่นแรก สามารถตีฝุ่นได้ความเร็วที่ 14000 ครั้งต่อนาที พร้อมแปลงลูกกลิ้งช่วยปัดทำความพื้นผิวได้ดียิ่งขึ้น และมีกำลังดูดสูงสุดที่ 4000 Pa อาจจะน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับอีกหลาย ๆ รุ่น ด้วยช่องดูดกว้าง 22 cm ทำให้สามารถทำความสะอาดเจ้าไรฝุ่นตัวร้ายได้กว้างขึ้น แถมยังมาพร้อมแสง UV กำลัง 6 Watt ที่จะช่วยฆ่าแบคทีเรีย ด้วยระบบกรองฝุ่นแบบไซโคลน สามารถเก็บฝุ่นได้สูงสุด 0.4 ลิตร แล้วยังถอดทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย
4. เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomi Deerma CM800
เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomi Deerma CM800 สามารถสั่นสะเทือนได้ถึง 8000 ครั้งต่อนาที ช่วยตีไรฝุ่นและสิ่งสกปรกได้ดี มีกำลังดูดสูงถึง 13000 Pa ด้วยพลังมอเตอร์ 450 Watt ทำความสะอาดได้ลึกยิ่งขึ้น แล้วก็ยังมีหลอดไฟ UV ที่ปล่อยแสงอัลตร้าไวโอเลตซีเพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรค กล่องเก็บฝุ่นก็สามารถเอามาเคาะทำความสะอาดได้ แถมยังมีไส้กรองแบบ Hepa มั่นใจได้ว่าจะฝุ่นละอองขนาดเล็กจะไม่สามารถหลุดรอดออกได้มาอีกด้วย ตัวไส้กรอง Hepa นั้นหาซื้อตาม Shopee / Lazada ได้เลยครับ จุดอ่อนของเครื่องรุ่นนี้จะอยู่ที่เซ็นเซอร์หลอดไฟยูวี จะต้องกดให้แบนไปกับพื้นซึ่งเวลาเราทำความสะอาดหมอนที่มันโค้ง ๆ จะลำบากหน่อย อาจจะลองแก้ปัญหาโดยการเอาสก็อตเทปติดที่ล้อเซ็นเซอร์ไว้ทั้ง 2 ข้างก็ได้ แต่ต้องระมัดระวังอย่าให้แสง UV ส่องโดนเราด้วย ส่วนเรื่องความทนทานก็ดูเหมือนจะทนกว่า Jimmy JV11 จากคอมเม้นท์ของคนที่อยู่ในกลุ่ม Xiaomi บนเฟสบุ๊ก ก็ทำให้รุ่นนี้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้รุ่นนี้ขายดีพอสมควรแม้จะออกมาสักระยะแล้ว
5. เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomi Mijia Wireless Mites Vacuum Cleaner
เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomi Mijia Wireless Mites Vacuum Cleaner เป็นแบบไร้สาย สามารถชาร์จแบตเต็มภายใน 3.5 ชั่วโมง เมื่อชาร์จไฟเต็มแล้ว การใช้งานในโหมดปกติสามารถใช้งานได้ 30 นาที ส่วนโหมดที่ใช้พลังงานสูงสุดจะอยู่ได้ประมาณ 10 นาที สำหรับใครที่คิดว่าไม่พอใช้งาน แนะนำลองดูรุ่นที่มีสายแทน แต่สเปคก็จะเบากว่านิดหน่อย เครื่องดูดไรฝุ่น Xiaomi แบบไร้สายรุ่นนี้มีพลังในการดูดสูงถึง 16000 Pa มากกว่าอีกหลาย ๆ รุ่นเลยทีเดียว มีความเร็วในการตีไรฝุ่น 12800 ครั้งต่อนาที พร้อมกับปล่อยลมร้อนเพื่อฆ่าไรฝุ่น และมีแสง UV ความยาวคลื่น 253.7 nm ช่วยเชื้อโรคได้อย่างหมดจด ตัวกล่องเก็บฝุ่นเป็นแบบไซโคลน สามารถถอดออกเพื่อทิ้งสิ่งสกปรกได้ง่ายมาก ข้างในยังมีไส้กรอง Hepa 13 ป้องกันการเล็ดลอดของฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ดีแบบสุด ๆ อีกด้วย ส่วนช่องดูดมีกว้าง 20 cm ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด ง่ายและสะดวกในการใช้งาน
6. Xiaomi Mijia Dust Mite Vacuum Cleaner
Xiaomi Mijia Dust Mite Vacuum Cleaner รุ่นฝาแฝด แต่เป็นแบบมีสาย มาพร้อมกับราคาสุดแสนประหยัด มีการปรับลดสเปคลงบ้าง พลังในการดูดจะอยู่ที่ 12000 Pa ตีฝุ่นที่ความเร็ว 10000 ครั้งต่อนาที สามารถปล่อยความร้อนและแสง UV-C เพื่อฆ่าแบคทีเรียไปพร้อม ๆ กับการดูดไรฝุ่น ตัวกล่องเก็บฝุ่นสามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย ไส้กรอง Hepa ของรุ่นนี้จะไม่เหมือนกับรุ่นไร้สาย อย่าเผลอซื้อไส้กรองผิดน๊า ส่วนช่องดูดมีความกว้าง 20 cm ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดใช้ทำความสะอาดได้ง่ายแบบสุด ๆ
7. iSuper B6
iSuper B6 เป็นอีกยี่ห้อที่มียอดขายมากพอสมควร ดูไปดูมาทำไมมันแอบคล้ายกับเจ้า Jimmy เอามาก ๆ ต้องการประหยัดค่าออกแบบหรืออย่างไร ถึงได้เหมือนกันขนาดนี้ มีแรงดูดสูงถึง 14000 Pa มาพร้อมมอเตอร์คุณภาพทนทาน ใช้งานได้เป็นระยะเวลานาน สามารถฆ่าแบคทีเรียด้วยแสงอัลตร้าไวโอเลต ทำงานคู่กับแปรงลูกกลิ้ง ช่วยให้ดักจับฝุ่นละอองและไรฝุ่นได้มากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับกล่องเก็บฝุ่น 0.5 ลิตรแบบไซโคลนยอดนิยม ที่ถอดทำความสะอาดได้ง่าย หัวดูดกว้าง 24 cm ทำความสะอาดเตียงนอน โซฟาได้สะดวกรวดเร็ว
8. เครื่องดูดไรฝุ่น Philips Mite Cleaner FC6230
เครื่องดูดไรฝุ่น Philips Mite Cleaner FC6230 สามารถสั่นสะเทือนได้ถึง 10,800 ครั้งต่อนาที (3,600 x 3) ด้วยพลังมอเตอร์ 450 Watt ดูดทำความได้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมโหมดปรับความแรง 3 ระดับ และมีไฟบอกสถานะไส้กรองเต็ม กล่องกักเก็บฝุ่นสามารถทำความสะอาดได้ แล้วก็ยังมีไส้กรอง EPA 12 คุณภาพสูง ที่กรองฝุ่นขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน ป้องกันฝุ่นละอองหลุดลอยออกมา ตัวไส้กรองยังสามารถหาซื้อได้ง่ายตาม Shopee / Lazada อีกด้วย ตัวเครื่องก็รับประกันมากกว่าทุกยี่ห้อถึง 2 ปี (เงื่อนไขอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ลองสอบถามกับร้านค้าก่อนซื้อ)
เป็นยังไงกันบ้างครับ ได้เห็นกันไปแล้วกับทั้ง 8 ตัว สนใจอยากจะซื้อตัวไหนไปใช้กันบ้าง สำหรับใครที่ยังไม่ชัว อยากจะเห็นตารางเปรียบเทียบสเปคของเครื่องเหล่านี้ก่อน ก็สามารถกดปุ่มด้านล่างเพื่อเข้าไปดูตารางได้ เทียบกันมาให้เห็นแบบจะ ๆ เลยครับ เครื่องดูดไรฝุ่นที่เลือกมาในนี้ก็จะเป็นรุ่นที่ขายดีใน Shopee ทั้งนั้นเลย ส่วนใหญ่ก็จะมีฟังก์ชั่นสั่นสะเทือนหรือตีไรฝุ่นให้ออกมาจากเครื่องนอน พร้อมกับทำการดูดไรฝุ่น แถมยังฆ่าเชื้อโรคด้วย UV บางรุ่นก็มีอัลตร้าโซนิคมาทำลายระบบประสาทเจ้าไรฝุ่นอีก แถมแต่ละรุ่นก็มีราคาถูกมาก ถูกจนตกใจ เวลาซื้อออนไลน์ก็อย่าลืมอ่านเงื่อนไขการรับประกันด้วยนะ เพราะเท่าที่ดูไอ้ราคาถูก ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องหิ้วจีนทั้งนั้น อาจจะเข้าศูนย์ซ่อมในไทยไม่ได้ มีแต่ประกันจากร้านค้าอย่างเดียว อ่านคอมเม้นท์ก่อนซื้อจะเป็นการดีที่สุด ก็ขอให้ได้เครื่องที่ใช่ เครื่องที่ชอบกันนะครับ |