เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์ Show
ภาพคนเหมือน PORTRAIT ว่าแบบง่ายๆ คือการวาดภาพคนให้เหมือน คำว่าเหมือนมีความหมายครอบคลุมทั้ง(เหมือนโดย)รูปธรรม และนามธรรม โดยทั่วไปหมายถึงการวาดภาพคนครึ่งตัว จำเพาะว่าครึ่งบนนะไม่ใช่ครึ่งล่าง มุ่งแสดงที่ภาพใบหน้า จะด้านตรง ด้านเฉียง ด้านข้าง ก็ตามที แต่ก็มีบ้างที่ศิลปินอาจวาดภาพบุคคลจากด้านหลัง คำว่าภาพคนเหมือนนี้ บางคนอาจเสนอว่า น่าจะเปลี่ยนเป็น “ภาพเหมือนคน” ซึ่งนี่เป็นเรื่องเหลี่ยมมุมของภาษา เหมือนที่บางคนอาจตั้งคำถามว่า “สังคมสงเคราะห์” หรือ “สังเคราะห์สังคม” กันแน่ ผมได้เขียนภาพคนเหมือนมาบ้าง รู้สึกว่าตัวเองคงไม่สามารถเอาดีทางนี้ได้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ทักษะการวาดรูป เรื่องเส้น สัดส่วน, รูปทรง, น้ำหนัก, แสง-เงา นั้นไม่เป้ฯปัญหา แต่เรื่องความเหมือนทางด้านนามธรรมนั้นสิเป็นอุปสรรค ผมวาดภาพคนเหมือนทีไร ไม่ว่าวาดใครเป็นเหมือนตัวเองทุกที รูปธรรมเป็นคนอื่นแต่นามธรรมเป็นตัวเองไปเสียหมด ผมจึงวาดภาพคนเหมือนได้แต่ภาพตัวเอง (Self- portrait) ตอนสมัยเรียนวิชาเขียนภาพคนเหมือนที่เพาะช่างอาจารย์ที่สอนได้นำตัวอย่างภาพคนเหมือนจากทั่วโลกมาให้ชม จากหนังสือบ้าง จากสไลด์บ้าง ทั้งที่วาดด้วยสีน้ำมัน, สีพาสเทลล์, และภาพลายเส้น, ภาพที่วาดด้วยผงถ่าน, และจากการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง มีนางแบบตัวเป็นๆ มานั่งนิ่งๆ เหมือนรูปปั้นให้เรามองจ้องพินิจ ทำให้ผมรู้สึกถึงคุณค่าความหมายของ “ภาพคนเหมือน” อย่างน้อยการวาดภาพ Portrait ก็ทำให้เราได้มองดูคนใดคนหนึ่งอย่างพิจารณา ไม่เพียงรูปภายนอกเท่านั้นยังต้องมองให้เห็นถึงระดับกายวิภาค รู้ถึงรูปทรงของกะโหลกศีรษะ กระดูกแต่ละชิ้นส่วนที่ประกอบเข้าด้วยกัน รับรู้ถึงการทำงานของกล้ามเนื้อทุกชิ้นบนใบหน้า และที่สำคัญคือรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกซึ่งเป็นมิติทางนามธรรม ที่สำคัญยิ่งต่อการเขียนภาพคนเหมือน ผมเคยพยายามเขียนภาพบุคคลอันเป็นที่รักอยู่หลายครั้ง แต่ไม่เคยดีพอจะใส่กรอบมอบเป็นของขวัญให้ใครสักคน และผมก็เคยนั่งเป็นแบบให้ใครบางคนวาดภาพผม ซึ่งผมก็พบว่า ส่วนใหญ่วาดไม่เหมือน บางคนวาด “เหมือน” แต่ “ไม่ใช่” คือเหมือนโดยรูปธรรม แต่นามธรรมไม่เหมือน ก็คือ “เหมือนแต่ไม่ใช่” ผมเคยนั่งเป็นแบบให้ลูกชายคนเล็ก (ด.ช.รินคม อายุ 7 ขวบ) วาดอยู่บ่อยๆ ด้วยทักษะการใช้มือของเด็กทำให้เขาวาด “ไม่เหมือน” แต่ผมรู้สึกว่า “ใช่” แม้จะเหมือนไม่เหมือนแต่ผมก็มีความสุขที่ได้นั่งนิ่งๆ โดยมีสายตาของเด็กชายคนหนึ่งเฝ้าจ้องมองอยู่ ผมมองเขายกดินสอขึ้นกะสัดส่วน จ้องเล็งใบหน้าผมอย่างตั้งอกตั้งใจ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ภาพเหมือนเด็กชายชาวโรมัน-อียิปต์เป็นภาพเหมือนที่ใช้ปิดหน้าศพของผู้ตาย ภาพถ่ายภาพเหมือนของทอมัส ดิลวาร์ด โดยแม็ทธิว เบรดี ภาพเหมือน (ภาษาอังกฤษ: portrait) เป็นจิตรกรรม, ภาพถ่าย, ประติมากรรม หรือสื่ออื่นๆ ที่เป็นรูปของผู้เป็นแบบ ซึ่งส่วนที่สำคัญที่สุดจะเป็นหน้าและการแสดงออกทางความรู้สึกของผู้เป็นแบบ จุดประสงค์ในการสร้างภาพเหมือนก็เพื่อแสดงความละม้าย, บุคลิก, หรือแม้แต่อารมณ์ของผู้เป็นแบบ ฉะนั้นภาพถ่ายที่เป็นภาพเหมือนจึงมิใช่ภาพถ่ายแบบชั่ววินาที แต่เป็นภาพถ่ายที่ช่างถ่ายจะพยายามจัดท่าหรือองค์ประกอบของภาพที่ให้ผู้เป็นแบบนั่งนิ่ง ภาพเหมือนมักจะแสดงผู้เป็นแบบมองตรงมายังจิตรกรหรือช่างภาพ เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีความสัมพันธ์โดยตรงกับผู้ที่ดูรูปในภายหลัง ที่มา[แก้]ภาพเหมือน ในสมัยแรกที่พบเป็นภาพเขียนสำหรับปิดศพที่รู้จักกันว่า “เฟยุมมัมมี่” (Fayum mummy) ในประเทศอียิปต์ที่ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดีเพราะความแห้งของอากาศในทะเลทราย “เฟยุมมัมมี่” เป็นภาพเขียนจากสมัยจักรวรรดิโรมันอย่างเดียวที่พบนอกไปจากจิตรกรรมฝาผนัง ในสมัยโรมันศิลปะภาพเหมือนนิยมกันในการทำประติมากรรมซึ่งผู้เป็นแบบต้องการให้เหมือนตนเองจริงๆ ถึงแม้ว่าบางครั้งผู้เป็นแบบอาจจะมีรูปร่างลักษณะที่ไม่เรียกว่าสวย ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 4 ภาพเหมือนเริ่มละทิ้งความเป็นจริงมาหาความเป็นจินตนิยมเป็นภาพเหมือนที่ผู้เป็นแบบต้องการให้จิตรกรสร้างภาพที่ “ควรจะ” มีหน้าตาอย่างที่ต้องการ ซึ่งจะเห็นได้จากประติมากรรมเหมือนของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1[1] และจักรพรรดิทีโอโดเซียสที่ 1[2] ในยุโรปการเขียนภาพเหมือนแบบเหมือนจริงมานิยมกันอีกครั้งในสมัยปลายยุคกลาง ในบริเวณเบอร์กันดีในประเทศฝรั่งเศส งานภาพเหมือนที่มีชื่อที่สุดที่เป็นที่รู้จักันทั่วโลกคือภาพ “โมนาลิซา” โดย เลโอนาร์โด ดา วินชีเป็นภาพสตรีที่ไม่ทราบชื่อที่มีรอยยิ้มปริศนา ภาพเหมือนที่เก่าที่สุดเท่าที่ทราบพบเมื่อปี ค.ศ. 2006 โดย เจอราร์ด โจดีย์ นักโทษท้องถิ่นในถ้ำวิลโอเนอร์ไม่ใกลจากอังโจเลม ที่เชื่อว่ามีอายุถึง 27,000 ปี[1] ภาพวาดคนเหมือนตนเอง[แก้]เมื่อจิตรกรวาดภาพเหมือนของตนเองภาพนี้ก็จะเรียกว่า “ภาพเหมือนตนเอง” (self-portrait) ซึ่งเป็นที่นิยมกันในสมัยปลายยุคกลาง การสร้างภาพเหมือนตนเองอาจจะเริ่มมาตั้งแต่สมัย อียิปต์โบราณเมื่อประติมากรแบ็คของฟาโรห์อเคนาเตนแกะรูปของตนเองและภรรยาเมื่อ หรืออาจจะเริ่มมาตั้งแต่สมัยที่มนุษย์ยังอยู่ในถ้ำก็ได้ตามหลักฐานที่ปัจจุบันสูญหายไป ภาพถ่ายภาพเหมือน[แก้]“ภาพถ่ายภาพเหมือน” เป็นที่นิยมกันทั่วไปในโลก บางครั้งลูกค้าก็จะต้องการภาพเหมือนของตนเองและครอบครัว หรือภาพเหมือนในโอกาสพิเศษเช่นงานแต่งงานหรืองานจบปริญญา ภาพถ่ายภาพเหมือนเริ่มพร้อมกับการเริ่มต้นการถ่ายภาพ ความต้องการเป็นที่นิยมกันมากเพราะผู้ต้องการสามารถเป็นเจ้าของภาพเหมือนได้โดยไม่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก กิจการร้านถ่ายรูปก็รุ่งเรืองตามไปด้วยบางร้านถ่ายถึง 500 เพลทต่อวัน ลักษณะการถ่ายภาพเหมือนสมัยต้นๆ นี้ต้องเปิดหน้ากล้องถึง 30 วินาทีจึงจะถ่ายได้ และจะใช้ลักษณะคล้าย “วาด” (painterly) ผู้เป็นแบบมักจะนั่งหน้าฉากเกลี้ยงๆ แสงเป็นแสงอ่อนเหนือแบบและแสงสะท้อนจากกระจก เมื่อวิธีการถ่ายภาพวิวัฒนาการขึ้นช่างภาพก็ออกถ่ายภาพเหมือนนอกสถานที่เช่นในสนามรบ หรือ สถานที่ไกลจากผู้คน เช่นงานของวิลเลียม ชู (William Shew) โรเจอร์ เฟ็นตัน (Roger Fenton) และ แม็ทธิว เบรดี (Mathew Brady) ซึ่งเป็นผู้สร้างทฤษฏีการถ่ายภาพเหมือน การเมือง[แก้]ในทางการเมืองภาพเหมือนของผู้นำมักจะใช้เป็นสัญลักษณ์ของรัฐ ในหลายประเทศจะมีประเพณีในการแขวนภาพเหมือนของผู้นำในสถานที่ราชการ การใช้ภาพเขียนกันเป็นอย่างมากอาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าลัทธินิยมบุคคล วรรณกรรม[แก้]ในทางวรรณกรรม คำว่า “ภาพเหมือน” หมายถึงคำบรรยายหรือคำวิจัยของคนหรือสิ่งของ คำบรรยายของบุคคลมักจะเป็นคำบรรยายที่บอกลักษณะที่แท้จริงที่เกินไปกว่าที่เห็นอย่างผิวเผิน เช่นงานเขียนของนักประพันธ์อเมริกันแพทริเชี คอร์นวอล ในหนังสือ “ภาพเหมือนฆาตกร” (Portrait of a Killer) ซึ่งบรรยายบุคลิก, เบื้องหลัง, และสาเหตุที่ แจ็คเดอะริปเปอร์เป็นฆาตกรซึ่งรวมทั้งเรื่องที่สื่มวลชนเขียนและการสืบสวนของตำรวจ อ้างอิง[แก้]
ดูเพิ่ม[แก้]
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ภาพเหมือน วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ภาพเหมือนตนเอง
สมุดภาพ[แก้]
|