Show หลังจากที่เราคุยเรื่องลักษณะภูมิอากาศของทวีปอเมริกาเหนือไปแล้ว พอพูดถึงทวีปเอเชีย สิ่งที่ทุกคนคิดคงเป็นหาดทราย ทะเลทราย และแสงแดดอันร้อนระอุ ผู้คนล้วนผิวเหลือง สีผมและสีตาดำสนิท แต่จริง ๆ แล้ว ทวีปเอเชียของเรามีความหลากหลายมากกว่าที่คิด หากเพื่อน ๆ ได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศจอร์เจีย อาจได้พบกับหนุ่มสาวผมทองตาสีฟ้า และหากไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ก็จะได้สัมผัสกับความหนาวเย็นไม่ต่างกับทวีปยุโรป ดังนั้น ก่อนจะออกไปท่องเที่ยวทั่วโลกกว้าง เราจึงอยากให้ทุกคนมาทำความรู้จักทวีปของเราให้ดีเสียก่อนกับบทเรียนออนไลน์เรื่องลักษณะทางกายภาพ ภูมิอากาศ และภูมิภาคของทวีปเอเชีย ลักษณะทางกายภาพของทวีปเอเชียทวีปเอเชียเป็นทวีปที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีขนาดพื้นที่ประมาณ 44.5 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่กว่าทวีปแอฟริกาถึงครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เป็นแผ่นดินของทวีปเอเชียกินพื้นที่ตั้งแต่ละติจูด 11 องศาใต้ จนถึง 81 องศาเหนือ โดยครอบคลุมพื้นที่ในเกือบทุกละติจูดของซีกโลกเหนือ ส่วนลองจิจูดนั้น ครอบคลุมตั้งแต่ 26 องศาตะวันออก จนถึง 169 องศาตะวันตก ซึ่งกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างของซีกโลกตะวันออกเช่นกัน ดังนั้น หลาย ๆ คนจึงเรียกทวีปเอเชียว่า “โลกตะวันออก” จุดที่อยู่ไกลที่สุดของของทวีปเอเชีย
พื้นที่รอบ ๆ ทวีปเอเชีย และพรมแดนธรรมชาติ
ภูมิภาคของทวีปเอเชียทวีปเอเชียมีจำนวนประเทศประมาณ 50 ประเทศด้วยกัน โดยบางประเทศมีดินแดนคาบเกี่ยวระหว่างสองทวีป เพื่อน ๆ สามารถแบ่งประเทศออกเป็น 5 ภูมิภาคย่อยได้ ดังนี้
นอกจากนั้น ยังมีอีก 1 ประเทศ ที่ถือเป็นประเทศพิเศษ เพราะเป็นดินแดนที่คาบเกี่ยวกับทั้งทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย คือ สหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งมีดินแดนส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย แต่เมื่อพิจารณาทางการเมืองการปกครองแล้ว ถือว่าประเทศนี้อยู่ในทวีปยุโรป ดังนั้น ในบทเรียนของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 นี้ จึงบรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับประเทศรัสเซียไว้ด้วย ลักษณะภูมิอากาศของทวีปเอเชียจริงๆ แล้วภูมิอากาศของทวีปเอเชียนั้นมีหลากหลายไม่ต่างจากทวีปอื่น ๆ โดยมีทั้งบริเวณที่อากาศร้อนชื้นตลอดทั้งปี และบริเวณที่หนาวเย็นเต็มไปด้วยหิมะ แต่วันนี้ StartDee จะขอนำเสนอภูมิอากาศแบบร้อนและแบบแห้งแล้งก่อน ส่วนที่เหลือ เตรียมตัวเรียนกันได้ที่แอปพลิเคชัน StartDee คลิกแบนเนอร์ด้านล่างเลย
แบ่งออกเป็น 3 แบบย่อย ได้แก่ แบบศูนย์สูตร มักมีฝนตกเกือบทั้งปี แบบมรสุมเขตร้อน และแบบร้อนชื้นสลับแล้ง โดยแบบมรสุมเขตร้อนนั้น จำนวนเดือนที่มีฝนตกนั้นจะมากกว่าแบบร้อนชื้นสลับแล้ง (อ่านเรื่องฝนและพายุได้ในบทความ ฝนตกแบบนี้ พายุเป็นคนทำรึป่าว? รู้จักพายุและชื่อเรียกจากแต่ละภูมิภาคของโลก) แม้ว่าเพื่อน ๆ จะสามารถพบป่าดิบชื้นได้ในภูมิอากาศแบบร้อนทุกแบบย่อย แต่จะพบป่าชนิดนี้ได้มากในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศแบบศูนย์สูตร เช่นเดียวกับป่าดิบแล้งที่จะพบได้มากในภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน ส่วนแบบร้อนชื้นสลับแล้งนั้น สามารถพบต้นสัก มะค่า ประดู่ แดง และชิงชันในป่าโปร่งหรือป่าเบญจพรรณ รวมไปถึงทุ่งหญ้าสะวันนาด้วย (ทุ่งหญ้ายาว) ได้มากกว่าภูมิอากาศแบบอื่น ๆ ด้วย ประเทศที่มีภูมิอากาศแบบศูนย์สูตร ได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย บรูไน และ มาเลเซีย ส่วนประเทศที่มีภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน ได้แก่ ชายฝั่งทะเลของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงภาคใต้และภาคตะวันออกบางส่วนของประเทศไทย ทางใต้ของประเทศลาว บางส่วนของอินเดีย ศรีลังกา และบังคลาเทศ และประเทศที่มีภูมิอากาศแบบร้อนชื้นสลับแล้ง ได้แก่ พื้นที่ตอนในของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยส่วนใหญ่ เมียนมา และกัมพูชา
แบ่งออกเป็น 3 แบบย่อย แบบทะเลทราย และแบบกึ่งทะเลทราย โดยทั้งสองแบบนั้นมีปริมาณฝนตกน้อย แต่แบบแรกนั้นมีฝนตกน้อยกว่าแบบที่สอง โดยเพื่อน ๆ สามารถพบทุ่งหญ้าสเต็ปป์ (ทุ่งหญ้าสั้น) รวมถึงอาจะมีการปลูกพืชเศรษฐกิจอย่างฝ้าย ข้าวสาลี และข้าวฟ่าง ได้ในบริเวณที่มีภูมิอากาศแบบกึ่งทะเลทราย ส่วนบริเวณที่มีภูมิอากาศแบบทะเลทราย จะพบพืชมีหนามอย่างกระบองเพชร อีกทั้งยังสามารถปลูกอินทผลัมเป็นพืชเศรษฐกิจได้อีกด้วย สำหรับภูมิอากาศแบบทะเลทรายนั้นสามารถพบได้บริเวณเอเชียกลาง รวมไปถึงทะเลทรายสำคัญ 3 แห่งของทวีปเอเชีย คือ ทะเลทรายโกบี ทะเลทรายธาร์ และทะเลทรายอาหรับ ส่วนภูมิอากาศแบบกึ่งทะเลทราย สามารถพบได้บริเวณตอนเหนือของเอเชียกลางและเอเชียตะวันออก ประเทศตุรกี ตอนเหนือของคาบสมุทรอาหรับ ที่ราบสูงอิหร่าน และบางส่วนของประเทศอินเดีย ปัจจัยที่มีผลต่อภูมิอากาศของทวีปเอเชียปัจจัยที่ส่งผลให้ภูมิอากาศของแต่ละพื้นที่ในทวีปเอเชียแตกต่างกัน มีดังนี้
จากแผนที่ด้านล่างนี้ จะเห็นว่าเราแบ่งเขตลักษณะภูมิอากาศของทวีปเอเชียออกเป็น 3 เขต ได้แก่ เขตร้อน เขตอบอุ่น และเขตหนาว โดยประเทศที่อยู่ในเขตร้อน จะอยู่บริเวณละติจูด 23.5 องศาใต้ ถึง 23.5 องศาเหนือ โดยเส้นที่ลากตรงแนวละติจูด 23.5 องศาใต้ ถูกเรียกว่า เส้นทรอปิกออฟแคปริคอร์น ส่วนเส้นที่ลากตรงแนวละติจูด 23.5 องศาเหนือ จะถูกเรียกว่า เส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์ ขอบคุณรูปภาพจาก www.angelo.edu สำหรับเขตอบอุ่น อยู่ระหว่างละติจูด 23.5 เหนือ บริเวณแนวเส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์ ไปจนถึงละติจูด 66.5 องศาเหนือ บริเวณแนวเส้นที่ชื่อว่าอาร์กติกเซอร์เคิลนั่นเอง และเขตสุดท้าย คือเขตที่อยู่เหนือละติจูด 66.5 องศาเหนือหรือเหนือแนวเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลขึ้นไป ถึงละติจูด 90 องศาเหนือ
ความใกล้-ไกลจากทะเล เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อลักษณะภูมิอากาศ โดยพื้นที่ใกล้ทะเลก็มีโอกาสที่จะมีความชื้นสูงกว่าพื้นที่ที่ห่างไกลจากทะเล
หากพื้นที่ของประเทศใดอยู่ในบริเวณที่ทิศทางของลมพัดจากแผ่นดินออกสู่ทะเล พื้นที่นั้นแห้งแล้งและไม่ค่อยมีฝนตก ในทางกลับกัน หากพื้นที่ใดอยู่ในบริเวณที่ทิศทางของลมพัดจากทะเลเข้าสู่ฝั่ง พื้นที่บริเวณนั้นย่อมมีแนวโน้มที่จะมีฝนตกหนักนั่นเอง
โดยภูเขาที่วางตัวเป็นแนวทิวเขาหรือเทือกเขาอาจขวางกั้นลมและความชื้นที่พัดเข้ามาในบริเวณต่าง ๆ เช่น หากบ้านของเพื่อน ๆ ไม่ได้ไกลจากทะเลมากนัก และมีลมประจำที่พัดจากทะเลเข้ามาที่บ้าน แต่ดันมีภูเขามาใหญ่ขวางกั้นไว้ ก็อาจส่งผลให้ความชื้นและลมพัดมาไม่ถึงบ้านของเพื่อน ๆ ก็เป็นได้ การวางตัวของภูเขาที่ขวางแนวลมเช่นนี้ ทำให้มีด้านหนึ่งของภูเขาเป็นด้านรับลม ที่เกิดฝนตกและมีความชุ่มชื้นมากกว่า ส่วนด้านหลัง เราจะเรียกว่าเขตเงาฝน ซึ่งจะมีความแห้งแล้งมากกว่านั่นเอง
ยิ่งสูงยิ่งหนาวไม่ใช่แค่สำนวน แต่คือความจริงทางวิทยาศาสตร์ อย่างในประเทศไทยเองก็มีภูเขาและทิว เขากระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งมักจะมีอากาศหนาวกว่าบริเวณที่ราบลุ่ม
กระแสน้ำบนโลกนี้มี 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ กระแสน้ำอุ่น และกระแสน้ำเย็น ซึ่งบริเวณไหนที่มีกระแสน้ำอุ่นไหลผ่าน จะมีความชื้นสูงกว่าส่วนบริเวณที่มีกระแสน้ำเย็นไหลผ่านจะมีความแห้งแล้งมากกว่า
เช่นพายุหมุนเขตร้อน ที่อาจทำให้เกิดฝนตกมากขึ้น บทความนี้ยาวหน่อย แต่อ่านสนุกใช่มั้ยล่ะเพื่อน ๆ ถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และได้ออกไปเรียนรู้โลกกว้างในประเทศต่าง ๆ ไม่แน่นะ...เพื่อน ๆ อาจได้ทุนการศึกษาไปเรียนในประเทศที่มีลักษณะทางกายภาพ และภูมิอากาศต่างจากประเทศไทยมาก ๆ ก็ได้ แต่ก่อนจะออกไปเที่ยวไหน มาอ่านบทเรียนออนไลน์สำหรับชั้น ม.1 ให้จบก่อน เรามีทั้งวิชาภาษาไทย เรื่อง ศิลาจารึกหลักที่ 1 และนิราศภูเขาทอง วิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Modal Verb วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกลบจำนวนเต็ม และวิชาวิทยาศาสตร์เรื่อง การแพร่และออสโมซิส -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ขอขอบคุณข้อมูลจาก
|