�ѹ�ظ ��� 5 �ѹ��¹ 2555 Posted by LannawayChiangmai , �����ҹ : 1247 , 15:05:51 �. ����ѵԡ�д��������ѵԤ������Ңͧ��д���� ��д����
�繡�д�ɾ�����ͧ�ҧ�Ҥ�˹�ͷ���Ե��������Ըա�÷���д�����١���������� �鹻��� �繵���������������� �ӵ鹤���ҧ����ᵡ��觡�ҹ�͡�ͺ�� ���͡���բ�ǻ��������������� ��� 2 ��Դ ��� ���ѡ���������ѡ��բ���硹��µ鹻��Ҫͺ���㹾�鹷�������ҡ�Ȫ�� �蹵���غ�� ���������� ���������Ѻ������͡�� ����ǹ�ҡ�ѡ�١������ӡ�д��������������ӡ�д�ɨе�ͧ����鹼���ٹ���ҧ�ͧ�ӵ� ����ҳ 7-10 ૹ���������������ػ���ҳ 3– 4 �� ���觼�Ե����Ӥѭ�ͧ������� ��ǹ�˭������ࢵ�Ҥ�˹�ͤ�ͨѧ��Ѵ��§���� ��§��� �Ӿٹ ����� ��ҹ �صôԵ�� ��ü�Ե��д�������ѡɳС�ü�Ե������㹤������������դ�����ͧ��������繻���ª��ҡ��д�����ҡ��� �֧�ա�û�Ѻ����¹���ѵ�������Ҵ�����͡�ҡ�л�д�ɰ��繢ͧ������ �� �ѧ�ա�þѲ�Ҽ�Ե�ѳ�������繢ͧ������֡�ҡ��� 㹻Ѩ�غѹ�ա�ù�����µ�ҧ � �� ����� ˭�Ҥ� ��С� �������繼�Ե�ѳ���д�ɴ��� �Թ�����ҹ���ҡ����Ҥ����������������͡��ä� �Ѻ����� "��ҹ������" www.lannaway.com, www.lannawaypro.com, www.lannaway.webiz.co.th กระดาษสาสานฝันเพื่อน้อง บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง ในการศึกาโครงงานเรื่อง โครงการกระดาษสา ส่งเสริมฝัน การนำกระดาษที่ไม่ใช้แล้วมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ ใช้หลักการเศรษฐกิจพอเพียง กระดาษสา เป็นกระดาษพื้นเมืองทางภาคเหนือ
ที่ผลิตด้วยมือวิธีการทำกระดาษสาถูกเผยแพร่เข้ามา พร้อมกับพุทธศาสนา ต้นปอสา เป็นต้นไม้ประเภทไม่มีแก่น ลำต้นค่อนข้างเปราะแตกกิ่งก้านออกรอบต้น เปลือกมีสีขาวปนเทาหรือสีเขียวอ่อน ใบมี 2 ชนิด คือ
ใบหยักและใบไม่หยักใบมีขนเล็กน้อยต้นปอสาชอบขึ้นในพื้นที่ที่มีอากาศชื้น เช่นตามหุบเขา ตามริมห้วย เหมาะสำหรับทำเป็นเชือกได้ แต่ส่วนมากมักถูกนำมาใช้ทำกระดาษปอสาที่นำมาใช้ทำกระดาษจะต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้น แหล่งผลิตที่สำคัญประวัติกระดาษสาของประเทศไทย ส่วนใหญ่อยู่ในเขตภาคเหนือคือจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย
ลำพูน พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ ลำปาง การผลิตกระดาษสา เมีลักษณะการผลิตเพื่อใช้ในครัวเรือนเมื่อมีความต้องการและเห็นประโยชน์จากกระดาษสามากขึ้น ประวัติกระดาษสาเป็นวัสดุที่ผลิตขึ้นมาสำหรับการจดบันทึก มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เชื่อกันว่ามีการใช้กระดาษครั้งแรกๆ โดยชาวอียิปต์โบราณ และชาวจีนตั้งแต่สมัยโบราณ แต่กระดาษในยุคแรกๆ ล้วนผลิตขึ้นเพื่อการจดบันทึกด้วยกันทั้งสิ้น จึงกล่าวได้ว่าระบบการเขียน คือแรงผลักดันให้เกิดการผลิตกระดาษขึ้นในโลกกระดาษของชาวอียิปต์โบราณ ผลิตจากหญ้าที่เรียกว่าปาปิรุส (papyrus) และเรียกว่ากระดาษปาปิรุส พบว่ามีการใช้จารึกบทสวดและคำสาบาน บรรจุไว้ในพีระมิดของอียิปต์ นักประวัติศาสตร์เชื่อว่ามีการใช้กระดาษที่ทำจากปาปิรุสมาตั้งแต่ปฐมราชวงศ์ของอียิปต์ (ราว 3000 ปีก่อนคริสตกาล) สำหรับวัสดุใช้เขียนนั้น ในสมัยโบราณมีด้วยกันหลายอย่าง เช่น แผ่นโลหะ หิน ใบลาน เปลือกไม้ ผ้าไหม ฯลฯ ผู้คนสมัยโบราณคงจะใช้วัสดุต่างๆ หลากหลายเพื่อการบันทึก ครั้นเมื่อราว ค.ศ. 105 ชาวจีนชื่อ เป็นคนแรกที่ได้ประดิษฐ์กระดาษจากเศษผ้าฝ้ายผ้าขี้ริ้วเพื่อเป็นวัสดุที่ใช้เขียนแทนผ้าไหมที่มีราคาแพง และหลังจากนั้นได้มีการใช้วิธีผลิตกระดาษเช่นนี้แพร่หลายอย่างรวดเร็วประวัติกระดาษในสมัยโบราณของไทย การศึกษาส่วนมากจะอาศัยการท่องจำต่อ ๆ กันมาในระดับท้องถิ่น และมีบางส่วนที่ได้จดบันทึกไว้เป็นตำราลงบนแผ่นศิลา แผ่นหนัง แผ่นดินเผา ใบลาน เมื่อมีการทำกระดาษก็จดบันทึกลงบนกระดาษ กระดาษในระยะแรก ๆ เป็นกระดาษที่ทำจากเยื่อข่อย เรียกว่า สมุดข่อย กระดาษข่อยในสมัยโบราณมี 2 สี ได้แก่ 1 กระดาษข่อยสีขาว เขียนด้วยสีดำ สีแดง หรือสีทอง ประโยชน์ในตำราการแพทย์ไทย ตำราสมัยโบราณนิยมทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมยาว ๆ ตามรูปของใบลาน แล้วเจาะร้อยรูด้วยเชือกมัดรวมกันเป็นเล่มเรียกว่า ผูก ภาษาที่ใช้ส่วนมาก จะใช้ภาษาตามพระไตรปิฎก หรือพระคัมภีร์ทางศาสนา เช่น ภาษาบาลีหรือสันสกฤต ภาษาขอม หรือภาษาลานนา ส่วนตัวอักษร จะใช้ ภาษาบาลีหรือสันสกฤต ที่พื้นบ้านเรียกว่า ตัวธรรม หรือใช้อักษรดั่งเดิมของท้องถิ่นนั้น ๆ เช่น ตัวอักษรขอม อักษรลานนา อักษรไทยสมัยสุโขทัย หรือสมัยอยุธยา เป็นต้น ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระราชดำริว่า พระคัมภีร์แพทย์ต่าง ๆ นั้น ใช้สำหรับบำบัดโรคภัยไข้เจ็บเป็นประโยชน์แก่มหาชนเป็นอันมาก ทั้งมีพระตำหรับหลวงเก่า ๆ อยู่มาก จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประชุมแพทย์หลวง นำพระคัมภีร์แพทย์ในที่ต่าง ๆ มาทำการตรวจสอบ และได้ทรงแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบพระคัมภีร์แพทย์ แล้วจดบันทึกไว้ในหอสมุดหลวงเมื่อได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งโรงเรียนราชแพทยาลัยขึ้นใน พ.ศ. ได้พิมพ์ตำราแพทย์สำหรับโรงเรียน เล่มแรกชื่อว่า แพทยศาสตรสงเคราะห์ เมื่อ พ.ศ. 2432 พิมพ์เป็นตอน ๆ เป็นตำรารวมทั้งวิชาแพทย์แผนโบราณและวิชาแพทย์แผนตะวันตก แต่ออกมาได้เพียง เล่มเล็ก ๆ ต่อมา พระยาพิศณุประศาสตร์เวช ได้กราบทูลขอประทานอนุญาตพิมพ์ คัมภีร์ฉบับหลวง ต่อพระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงดำรงราชานุภาพ เป็นครั้งแรกเมื่อ วันที่ 1 มีนาคม 2450 ให้ชื่อตำราว่า แพทยศาสตรสงเคราะห์ ฉบับหลวง มีสองเล่มต่อมาอีก 1 ปี ท่านได้จัดพิมพ์ตำราแพทยศาสตร์ฉบับสังเขป ซึ่งท่านได้เรียบเรียงไว้เป็นหลักการสอนในโรงเรียนแพทย์ ชื่อว่า เวชศึกษา หรือแพทยศาสตร์สังเขป แบ่งเป็น 3 เล่ม พิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2451 เป็นตำราชุดสำคัญในยุคนี้ รวม เล่ม คือแพทยศาสตรสงเคราะห์ ฉบับหลวง 2 เล่ม เวชศึกษา หรือแพทยศาสตร์สังเขป 3 เล่ม |