นิยาย นางเอก เป็นพนักงานบริษัท ธัญ วลัย จบแล้ว ไม่ติดเหรียญ

ข่าวว่าท่านประธานใหญ่จะลงมาดูการถ่ายงานที่สตูดิโอในวันพรุ่งนี้ ทำเอาทั้งแผนกหรือความจริงต้องเรียกว่าทั้งบริษัทวุ่นวายกับการเตรียมความพร้อม จะไม่ให้ทุกคนร้อนใจได้ยังไงเพราะร้อยวันพันปีท่านประธานใหญ่จะลงมาดูงานเองที่ไหน บริษัทโฆษณานี้ถึงจะอยู่ในเครือเดียวกันและอยู่ตึกเดียวกัน แต่ก็มีคุณอนุชิตเป็นผู้อำนวยการบริษัทที่ดูแลอยู่แล้ว บางคนทำงานที่นี่มาเป็นปียังไม่เคยเห็นท่านประธานตัวจริงสักครั้ง ได้ยินเพียงแค่ข่าวลือว่า ท่านประธานเป็นชายหนุ่มที่รูปหล่อเหมือนสวรรค์ตั้งใจสร้าง แต่กลับเอาแต่ใจ ถือตัวเป็นที่สุด จนยากที่ใครจะเข้าหน้าติด

เมื่อเลขาของท่านแอบแจ้งแก่ผอ.อนุชิต ว่าท่านประธานจะมาที่สตูดิโอในเช้าพรุ่งนี้ ท่านผอ.ก็ถึงกับลงมาดูความเรียบร้อยด้วยตนเอง ขนาดจะออกไปติดต่องานข้างนอกยังสั่งนัทผู้จัดการฝ่ายผลิตคนเก่งมาคุมงานแทน ซึ่งมิกกี้เลขาสาวคนสวยขวัญใจหนุ่มๆ ก็ติดสอยห้อยตามมาด้วย

บัวที่เป็นเบ้ประจำแผนกก็ต้องเทียววิ่งขึ้นลงซื้ออาหารเครื่องดื่มให้รุ่นพี่จากนั้นก็ลงมือทำความสะอาดเก็บงานต่อ จนเธอนึกเกลียดอีตาท่านประธานขึ้นมาตงิดๆ อยู่ดีไม่ว่าดีนึกยังไงจะมาดูงานเอาวันพรุ่งนี้ด้วย บัวทั้งเหนื่อยทั้งง่วงถึงที่พักแล้วบัวก็ยังก็ปีนบันไดไปอีกห้าชั้นอีก

เช้านี้รัฐเสียเวลาเลือกชุดอยู่นานกว่าทุกวัน และไปทำงานเช้ากว่าปกติ เมื่อถึงเวลาเขาก็ออกจากห้องทำงานพร้อมกับอธิป ผู้ช่วยในการบริหารด้านธุรกิจ แล้วรัฐก็หยุดมองโต๊ะของเหล่าเลขาหน้าห้องทั้งสามคน

“ปานทิพย์ มีนา ตามมาด้วย” 

เลขาผู้ถูกกล่าวชื่อทำตามด้วยความงวยงง ถึงคุณอรทัยเลขาใหญ่บอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า เช้านี้คุณรัฐจะออกไปตรวจสตูดิโอที่ชั้น๓๒ แต่พวกเธอไม่คิดเลยว่าการตรวจสตูดิโอจะเป็นเรื่องสำคัญขนาดนี้  เพราะปกติแล้วคุณรัฐจะไปไหนมักจะไปคนเดียว แต่ครั้งนี้กลับมีคุณอธิปและเรียกพวกเธอตามไปอีก ซ้ำเมื่อมาถึงหน้าลิฟต์ยังมีร่างของเอกผู้ช่วยด้านกฎหมายและความปลอดภัยรออยู่อีกคน

ปานทิพย์และมีนาสบตากันอย่างสงสัย ดูเหมือนการไปครั้งนี้ต้องมีเบื้องหลังบางอย่าง ไม่แน่คุณรัฐอาจตรวจพบการทุจริตสำคัญก็เป็นได้ เลขาทั้งสองจึงเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น

ขบวนของท่านประธานและผู้ติดตามลงมายังชั้น๓๒ สร้างความเกรงขามต่อสายตาผู้พบเห็น พนักงานหลายคนแอบมองมาอย่างอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านประธานถึงกับมาที่นี่พร้อมกับผู้ติดตามมากบารมีถึงสี่คน

พนักงานระดับหัวหน้าขึ้นไปเริ่มเหงื่อตก กลัวว่าจะถูกจับผิดงานที่ทำผิดพลาดไว้ ใครก็รู้ว่าท่านประธานนั้นเลือดเย็นขนาดไหน

ขบวนของท่านประธานเดินมาหยุดอยู่ในสตูดิโอดิโอ๑ ที่กำลังถ่ายงานภาพนิ่ง ช่างภาพและผู้ช่วยรู้สึกเกร็งขึ้นมากะทันหัน พนักงานภายในสตูดิโอดิโอต่างอยู่ในความสงบจนแลดูคล้ายค่ายทหาร

รัฐมองเห็นสายตากริ่งเกรงของเหล่าพนักงานแล้วรู้สึกกระหยิ่มในใจ

เป็นไงบ้างบัวบูชา เธอเห็นหรือยังว่าฉันน่าเกรงขามขนาดไหน

รัฐไล่สายตาผ่านพนักงานที่พอสบสายตากับเขาก็แสร้งมองไปทางอื่นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็พบเธอ...

บัวบูชา ทองวิเศษ เธอยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หญิงสาวหน้ากลม ตัวเตี้ย ขาสั้น กับผมที่ผูกเป็นหางม้ายุ่งๆ ของเธอ

รัฐขมวดคิ้วเมื่อเธอไม่เหลือบแลมาทางเขาแม้แต่น้อย เพราะง่วนอยู่กับการเช็ดน้ำที่เลอะอยู่บนพื้น เขาทำถึงขนาดนี้ยังไม่สามารถอยู่ในสายตาเธอแม้แต่น้อย รัฐชักสงสัยว่าตกลงผู้หญิงคนนี้ เธอทื่อ หรือโง่ หรืออะไรกันแน่!

รัฐยืนรออยู่นานจนบัวเช็ดพื้นเสร็จเธอก็เดินหายไป รัฐกัดฟันกรอด นี่เขาลงทุนพาผู้ติดตามมาเพื่ออะไรกัน ดวงตาของรัฐดำลึกขึ้น จนผู้ติดตามสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจอย่างรุนแรงที่แผ่ออกมา

เหล่าผู้ติดตามเห็นแบบนั้นก็ยิ่งหน้าเคร่งขรึมลงไปอีก  พนักงานในห้องเห็นแบบนั้นก็ยิ่งหน้าซีดเกร็งไปทั้งร่าง

ไม่เว้นแม้แต่นางแบบที่กำลังโพสท่าถ่ายรูปอยู่

ท่ามกลางบรรยากาศที่อึมครึมกดดันจนถึงที่สุด บัวก็ลากราวเสื้อผ้าเข้ามา เธอมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยสีหน้าสงสัย ทุกคนเป็นอะไรไปแล้วจนในที่สุดสายตาบัวก็สบเข้ากับกลุ่มคนห้าคน ที่สูงโดดเด่นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายบ่งบอกความแพง

“อ้อ... นี่เองสินะคณะท่านประธาน หล่อจริงๆ จะว่าไปทำไมดูค้นๆ แฮะ” บัวมองแล้วพยักหน้ากับตัวเองจากนั้นก็ทำงานของเธอต่อ

ถึงกลุ่มคนพวกนั้นจะดูดีแค่ไหนโดยเฉพาะผู้ชายตรงกลางนั้นหล่อกว่าพระเอกที่บัวเคยเห็นอีก แต่เธอไม่อยากจะมองนาน เพราะขนาดพี่แตนเป็นแค่รุ่นพี่ยังโหดขนาดนี้ แล้วนายนั่นเป็นถึงระดับบอสของบอส จะโหดขนาดไหน อยู่ไกลได้เท่าไหร่น่าจะดีที่สุด

ในที่สุดเธอก็เห็นเขาแล้ว...

รัฐโล่งใจเพราะเขาไม่ชอบทนอยู่ในที่อับๆ แบบนี้นัก รัฐแกล้งทำเป็นไม่เห็นหญิงสาว แล้วเอ่ยถามหาผู้จัดการฝ่ายผลิต  มิกกี้เลขาสาวรีบตามนายของตนทันที ถึงจะทำงานที่นี่มาปีกว่าแล้วแต่นี่เพิ่งเป็นครั้งที่สองที่เธอได้เห็นตัวจริงของท่านประธานใกล้ๆ

มิกกี้ประหม่าไปหมดตั้งแต่พบท่านประธานครั้งแรก เมื่อตามคุณนัทไปประชุมที่สิงคโปร์เธอได้อยู่ภายในลิฟต์ตัวเดียวกับท่านประธาน ได้มองหน้าเขาระยะประชิด มิกกี้ก็ใจเต้นแรงและเก็บเอาไปนอนฝันอยู่นานนับเดือน

ทำไมท่านประธานถึงได้เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ขนาดนี้

สิ่งที่มิกกี้ชอบที่สุดคือดวงตาดำสนิทน่าค้นหาและขนตายาวๆ นั้น ช่างน่าชวนหลงใหลเหลือเกิน แต่เธอก็คงทำได้เพียงแค่มอง มิกกี้รู้ว่าเธอก็เป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งที่ท่านประธานไม่เห็นในสายตาด้วยซ้ำ

                รัฐพูดคุยซักถามนัทผู้เป็นญาติห่างๆ พอเป็นพิธี เพื่อหวังให้บัวได้เห็นถึงบารมีของตนเอง อวดบารมีพอแล้วรัฐก็เบือนสายตาไปยังจุดที่บัวบูชายืนอยู่ แต่ตอนนี้เขากลับไม่เห็นเธออยู่ตรงนั้นเสียแล้ว

“บ้าเอ้ย!

รัฐเผลอสบถออกมา มีผลทำให้ภายในห้องเงียบกริบลงทันที เพราะดูเหมือนท่านประธานไม่พอใจอะไรบางอย่าง เหล่าผู้ติดตามก็รีบเดินจ้ำตามท่านประธานไปยังลิฟต์

 ท่านประธานออกไปแล้วพนักงานทุกคนก็ถอนหายใจเฮือกออกมาด้วยความโล่งใจ ยกเว้นระดับหัวหน้าที่ยืนหน้าซีดเพราะดูเหมือนท่านประธานจะโกรธมาก ไม่รู้ว่าหน้าที่การงานของพวกเขาจะเป็นอย่างไร

“ไปไหนมา?” พี่แตนเห็นบัวที่เดินสบายใจเข้ามาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ก็ถามเสียงขุ่น

“ไปกินกาแฟมาค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” บัวที่หลบไปกินของว่างในห้องครัวกลับเข้ามาเห็นบรรยากาศแปลกก็สงสัย

“มีอะไรล่ะ จะโดนไล่ออกยกแผนกกันอยู่แล้ว” พี่แตนตะคอกบัวเพื่อระบายอารมณ์ เธอทำงานบริษัทนี้มาสามปีท่านประธานไม่เคยมาเหยียบที่นี่สักครั้ง พอเด็กใหม่เข้ามาก็พาความซวยมาด้วยแท้ๆ

                “ไล่ออกทำไมหรอคะ? ” 

“โอ้ย เบื่อจริงพูดกับคนโง่เนี๊ย” แล้วพี่แตนก็เดินจากไป

บัวเกาหัวตัวเอง ดูเหมือนว่าเธอทำอะไรก็ผิดไปหมด บัวยักไหล่เลิกสนใจพี่แตนแล้วนั่งลงดูนางแบบคนสวย ในชุดวาบหวิวโพสท่าถ่ายรูปต่อไป

เย็นนั้นคุณนัทพาเหล่าพนักงานไปเลี้ยงฉลองสร้างขวัญกำลังใจที่เสียไปคืนมา แต่บัวกลับถูกพี่แตนสั่งให้เก็บของและทำความสะอาดในสตูดิโอคนเดียว

 ที่จริงชั้น ๓๒ ก็มีแม่บ้านทำความสะอาดประจำชั้นอยู่แล้ว แต่คุณแม่บ้านวัยหกสิบสองปีที่แสนจะกระฉับกระเฉงและไม่ยอมเกษียนตัวเอง คุณแม่บ้านหรือที่ใครๆ เรียกว่าคุณยายนั้น ทำงานบริษัทวาทินมาหลายสิบปีจึงเป็นพนักงานอาวุโสที่ใครๆ ต่างเกรงใจ และถึงคุณยายจะอายุมากแล้ว แต่หัวใจของคุณยายเหมือนสาวน้อยวัยละอ่อนอยู่เสมอ

 ริมฝีปากของคุณยายแต่งแต้มสีแดงไม่เคยซีด และชอบแต๊ะอั๋งหนุ่มหล่อๆ ให้กระชุ่มกระชวยเล่น โดยไม่มีใครกล้าต่อว่าหรือขัดขืน

ทุกเช้าคุณยายจะเข้ามาทำความสะอาด และนั่งเล่นกับเหล่าพนักงาน ตกเย็นคุณยายก็จะรีบกลับบ้านเพื่อพักผ่อน เพราะคุณยายบอกว่าเป็นผู้หญิงต้องกินให้อิ่มนอนให้พอจะได้เป็นสาวอยู่เสมอ

ดังนั้น.. มันจึงกลายเป็นหน้าที่ของบัวไปโดยปริยายที่ต้องอยู่ทำความสะอาดช่วงเย็น เพราะหากมีอะไรรกหูรกตาพี่แตนจะพาลอารมณ์เสียและมาลงที่บัวอยู่ดี 

บัวดูดฝุ่นเก็บเศษกระดาษเสร็จก็นอนแผ่ลงกับพื้นหลับตาหอบแฮ่กๆ เธอชักสงสัยแล้วว่าเธอทำงานในตำแหน่งอะไรกันแน่ ทำไมชีวิตของเธอถึงได้แสนจะจืดชืดแบบนี้นะ ทำไมมันช่างแตกต่างจากที่เธอเคยจินตนาการชีวิตวัยทำงานที่คาดหวังไว้โดยสิ้นเชิง

นี่เธอต้องอดทนเก็บเงินเรียน เพื่อจบมาทำงานแล้วแก่ตายไปอย่างแห้งเหี่ยวหรือเนี๊ย

บัวออกจากออฟฟิศเมื่อค่ำแล้วเหมือนเดิม ระหว่างเดินออกจากตึกรถสีดำยี่ห้อไม่คุ้นสายตาก็เคลื่อนตามเธอมาด้วย

บัวหันไปมองแล้วคิดว่าไม่รู้จักคนในรถแน่จึงเดินต่อไป แต่รถคันนั้นก็เหมือนจะตามเธอมาเรื่อยๆ

เธอหยุดรถก็หยุด เธอเดินรถก็เคลื่อน

 หัวใจของบัวเต้นแรง เธอนึกถึงข่าวการลักพาตัวหัวใจก็พลันตื่นเต้น อา... นี่เธอกำลังจะเจอเรื่องเร้าใจแล้วสินะ

บัวลองหยุดเดินแล้วมองเข้าไปในกระจกรถที่มืดสนิทนั้น สักครู่ประตูรถด้านหน้าก็เปิดออก ชายชุดดำคนหนึ่งก้าวลงมาเปิดประตูด้านหลังให้เธอ

“เชิญครับคุณบัว”  ชายคนนั้นกล่าว

คุณบัว.. คุณบัว... มีคนเรียกเธอว่าคุณบัว!!’

หลังจากถูกจิกหัวใช้มายาวนาน วันนี้กลับมีชายหนุ่มแสนดูดีมาปฏิบัติกับเธออย่างให้เกียรติ บัวปลื้มปริ่มแทบน้ำตาไหลมองชายคนนั้นอย่างตื้นตันใจ

 “ขอบคุณนะคะ”  แล้วบัวก็ก้าวเข้าไปนั่งในรถโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น

“เธอไม่คิดจะถาม หรือสงสัยอะไรก่อนก้าวขึ้นรถเลยหรอ”

รัฐที่มองอยู่ตลอดเวลาเริ่มรู้สึกหงุดหงิด ในความไม่รู้จักระวังตัวของหญิงสาว

“เอ๊ะ!” บัวมองชายหนุ่มรูปงามในชุดสูทราคาแพงที่นั่งข้างๆ แล้วนึกแปลกใจว่าทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นนัก

บัวเริ่มมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วร้องอ๋อออกมา

รัฐรู้สึกยินดี ในที่สุดผู้หญิงบื้อคนนี้ก็จำเขาได้สักที แต่ชั่วครู่รัฐก็หน้าบึ้งอีกครั้ง

“สวัสดีค่ะ ท่านประธาน” บัวพนมมือไหว้อย่างนอบน้อม เธอจำได้แล้วผู้ชายคนนี้เป็นท่านประธานขี้เก๊กเมื่อเช้านี้เอง เอ...ว่าแต่เขาให้เธอขึ้นรถมาด้วยทำไมนะ หรือว่านี่จะเป็นสวัสดิการหนึ่งของบริษัท ที่มีรถมาคอยรับส่งพนักงานที่กลับบ้านดึก

อืม.. บริษัทนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ

แล้วบัวก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจในสวัสดิการของตนเอง

เห็นท่าทางของผู้หญิงตรงหน้ารัฐก็มืดครึ้มลง “นี่เธอจำฉันไม่ได้จริงเหรอ”

“จำได้สิคะ ท่านประธานคนเมื่อเช้าไงคะฉันจำได้” 

“เธอ...”  รัฐพูดช้าๆ “แค่ไม่กี่เดือนเธอก็จำผู้ชายที่เคยอยู่กับเธอที่บ้านไม่ได้แล้วหรือไง”

บัวมองคนขี้โมโหตรงหน้าเริ่มพินิจพิเคราะห์ หมอนี่โครงหน้าสวย คิ้วเรียงสวย จมูกสวย ดวงตาสวย เอโครงหน้าแบบนี้มันคล้ายกับ... แล้วดวงตาของบัวก็เบิกตากว้างเมื่อนึกออก

“ไอ้หน้าเยินคนนั้นนี่!”  บัวตบเข่าฉาด รู้สึกนับถือตัวเองที่จำผู้ชายตรงหน้าได้ ทั้งที่หน้าตาเปลี่ยนไปขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่าหมอนั่นจะเป็นท่านประธานผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ

“ขอบคุณที่นึกออก” รัฐประชด

“ไม่เป็นไร ฉันความจำดีน่ะ”  บัวตอบรับ “เอ๊ะ! ถ้านายเป็นท่านประธานจริงนายก็ใหญ่มากใช่ไหม”

“ใช่แล้ว” รัฐรู้สึกพอใจเมื่ออีกฝ่ายเริ่มมองเห็นหัวเขาเสียที

“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยบรรจุฉันเป็นพนักงานประจำ แล้วย้ายไปอยู่งานสบายๆ เจอหนุ่มหล่อๆ บ้างสิ”

“ไม่”  รัฐตอบทันที ผู้หญิงคนนี้เห็นเขาอยู่ตรงหน้ายังคิดจะไปมองหาหนุ่มหล่อๆ ที่ไหนอีก ไม่รู้หรือไงว่าเขาถูกจัดให้เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาดีที่สุด ช่างเป็นผู้หญิงที่ตาไร้แววจริงๆ...

“นายมาเพื่อตอบแทนบุญคุณฉันไม่ใช่เหรอ?”

“เปล่า... ฉันมาแก้แค้นเธอ”  เพราะเคืองที่เธอคิดจะไปหาผู้ชายคนอื่น รัฐเลยตอบไปแบบนั้นโดยไม่ได้คิดอะไร แต่... ใครจะเชื่อว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาคิดจริงๆ

“นายจะแก้เค้นฉัน!!

เห็นอีกฝ่ายเบิกตากว้างแบบนั้นรัฐก็เริ่มสนุกจึงตอบไปว่า “ใช่” เล่นๆ แต่บัวกลับอ้าปากค้างแล้วจับมือของรัฐขึ้นมากุม

“สุดยอด! ในที่สุดฉันก็จะมีประสบการณ์อันร้อนแรงแล้ว”

“เธอพูดอะไรของเธอ” รัฐรู้สึกระแวงผู้หญิงตรงหน้าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“อ้าว นายไม่ได้คิดจะจับฉันไปเป็นนางบำเรอหรอกเหรอ” บัวจิ๊ปากเสียดาย

“จะบ้าหรือไง เอาอะไรมาคิด”  รัฐส่ายหน้าเริ่มปวดหัวกับผู้หญิงที่ชื่อบัวบูชาเหลือเกิน

“เอามาจากนิยายไงนายไม่เคยอ่านหรือไง ที่เอะอะอะไรพระเอกก็จับนางเอกไปลงโทษเป็นนางบำเรอน่ะ สนุกนะ” 

“ใครจะไปเชื่อเรื่องแบบนั้น” 

“โถ นายนี่น่าสงสารจริงเลยนะ ช่างไม่รู้อะไรกับเขาเล๊ย... เรื่องแบบนั้นแหล่ะที่เร้าใจ” บัวส่ายหน้านึกสงสารอีกฝ่าย ชีวิตหมอนี่คงเอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาได้ผ่อนคลายสินะ

“หึๆ”  รัฐหัวเราะอย่างเสแสร้งให้

“ว่าไง นายคิดจะจับฉันไปเป็นนางบำเรอหรือยัง” บัวยังคงย้ำถาม รัฐมองสำรวจอีกฝ่ายไปทั่วร่างกายแล้วส่ายหน้า “ไม่ล่ะมาตรฐานฉันสูง”

“นายก็หัดลดมาตรฐานลงบ้างดูสิ เผื่อชีวิตจะได้เจออะไรดีๆ บ้างนะ” บัวพยายามแนะนำอย่างหวังดี

“อะไรดีๆ คืออะไร?”

“ก็ฉันไง” บัวชี้ตัวเอง “นายคิดดูสิฉันเคยอ่านนิยายมา ส่วนใหญ่ผู้ชายเย็นชาก็ต้องคู่กับผู้หญิงสดใส นายกับฉันก็เข้าข่ายเลยนะ ท่านประธานรูปหล่อกับสาวน้อยผู้ไร้เดียงสาแถมน่าสงสาร”

บัวเริ่มทำท่าเพ้อฝันเธอชอบอ่านนิยายตั้งแต่เด็ก และเฝ้าฝันว่าเรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นกับเธอบ้าง ไม่คิดเลยว่าสวรรค์จะมีตาในที่สุดก็ส่งประสบการณ์เร้าใจมาให้เธอ

“เธอน่ะเหรอ? ไร้เดียงสา น่าสงสาร” รัฐถามด้วยสีหน้ากังขา บัวก็พยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ ฉันนี่แหล่ะ”

 “ไม่เอา ฉันลดมาตรฐานไม่ลง” รัฐเบือนหน้าไปทางอื่น คู่นอนของเขาอย่างน้อยต้องสวยระดับประกวดนางงามได้สบาย ไม่ใช่ผู้หญิงบื้อๆ ที่ดูไม่เป็นสาวเต็มตัวอย่างนี้

“โธ่ ถ้าอย่างนั้นนายก็เลื่อนตำแหน่งแล้วก็เงินเดือนให้ฉันเป็นการตอบแทนบุญคุณก็แล้วกัน เรื่องประสบการณ์เร้าใจฉันไปหากับคนอื่นเอาเองก็ได้”

“ไม่ได้!” รัฐตอบเสียงเข้ม “ฉันจะไม่เลื่อนตำแหน่งหรือขึ้นเงินเดือนอะไรให้เธอทั้งนั้น กฎก็ต้องเป็นกฎ”

“นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ โถไอ้ขี้งก คนเนรคุณ” 

บัวออกปากด่าเมื่อไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ทำเอาเอกที่ทำหน้าที่ขับรถมาเงียบๆ ตลอดทางถึงกับสะดุ้งที่ผู้หญิงคนนี้ถึงกับด่าคุณรัฐ

ที่จริงเขาแปลกใจตั้งแต่คุณรัฐดูเหมือนจะสนใจผู้หญิงคนนี้เป็นพิเศษ ถึงขั้นให้เขาส่งคนตามดูแลเธอแล้ว

ไม่คิดเลยว่าคุณรัฐยังยอมให้เธอต่อล้อต่อเถียงได้ถึงขนาดนี้ เขาติดตามคุณรัฐมาเกือบสิบปีไม่เคยเห็นคุณรัฐอดทนใครได้นานเท่านี้มาก่อน ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ คนที่ถูกด่าแบบนั้นแต่นอกจากจะไม่โกรธแล้ว ดูเหมือนคุณรัฐจะพอใจด้วยซ้ำ

ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้พิเศษต่อท่านประธานกว่าที่เขาคิดไว้เสียแล้ว

“เนรคุณ อย่างนั้นหรอ?”  รัฐยิ้มเย็น “ดี ไหนๆ ก็โดนเธอด่าไปแล้วฉันจะเนรคุณให้สุดๆ ไปเลย”

“นายจะทำอะไร”  บัวรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง หมอนี่ต้องโกรธแล้วกระชากเธอเข้าไปจูบแน่เลย

“ฉันจะให้เธอทำงานอย่างไม่มีความสุข ถ้าเธอทนไม่ไหวแล้วลาออกไป ฉันจะทำให้เธอหางานไม่ได้อีก”

“นาย!” บัวตกใจ หมอนี่นอกจากจะไม่กระชากเธอไปจูบ แล้วยังคิดจะรังแกเธออีกเหรอ

“อ้อ แล้วถ้ามีใครรู้เรื่องของเราฉันจะทำให้ชีวิตเธอแย่ยิ่งกว่าเดิม”

“นาย!!” บัวโมโหจนพูดไม่ออก รัฐเห็นแบบนั้นก็รู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก ที่ในที่สุดเขาก็สามารถทำให้เธอโกรธเขาได้แล้ว แต่ความดีใจก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อบัวเอ่ยปากขึ้นมาว่า

“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว นายไม่คิดจะจูบฉันเลยเหรอ?” บัวยังคงข้องใจ เท่าที่เธอเคยอ่านนิยายมาพระเอกต้องปล้ำจูบนางเอกไปแล้วนะ

“ยังไม่หยุดคิดเรื่องนี้อีกเหรอ!!

“แล้วเมื่อไหร่นายจะจูบฉันสักทีล่ะ” 

“ไม่มีทาง”

ได้ยินอีกฝ่ายตอบแบบนั้น บัวก็คว้าหมับไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มเอาไว้ทั้งสองมือ “นายไม่ทำ ฉันทำเองก็ได้” โดยไม่ทันได้ตั้งตัวปากจู๋ของบัวก็ลงมาแตะริมฝีปากกับอีกฝ่ายอย่างแรงจนรัฐรู้สึกเหมือนถูกกระแทกเข้าอย่างจัง แล้วหญิงสาวก็ผละใบหน้าออก

“เห็นไหมแค่นี้เอง ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย” บัวกล่าวด้วยสีหน้าแสนจะภาคภูมิใจ

“เธอ...”

อีกครั้งที่รัฐพูดไม่ออกเพราะผู้หญิงตรงหน้าเป็นสาเหตุ หัวใจของเขาเต้นแรง รัฐกุมหน้าอกตัวเองเพียง เท่านี้หัวใจเขาถึงกับเต้นแรงขนาดนี้เลยเหรอ

 “เฮ้อ..นะ ฉันก็นึกว่านายจะเก่งกว่านี้เสียอีก” บัวถอนหายใจดังเฮือกเพราะเห็นใจอีกฝ่าย

 “เธอไม่อายบ้างหรือไง” รัฐเหลืออด เธอไม่เห็นหรือไงว่าในรถไม่ได้มีเธอกับเขาแค่สองคน ยางอายของเธออยู่ที่ไหนกัน!

ได้ยินรัฐถามแบบนั้นบัวก็ทำหน้างง “นายอายเหรอ?

ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่เห็นใบหน้าอีกฝ่ายแดงจัดบัวก็สรุปเองว่ามันเกิดจากความอาย บัวมองไปด้านหน้าก็นึกออกว่ารถคันนี้มีผู้ชายอีกคนอยู่ด้วยนี่เอง บัวพยักหน้าเข้าใจเธอรู้สึกนับถือตัวเองขึ้นทุกทีที่เธอฉลาดแบบนี้

“ฉันเข้าใจละ”  บัวพยักหน้าโดยที่สายตายังคงจับจ้องชายหนุ่มผู้นั่งกุมพวงมาลัยรถอยู่ รัฐเห็นแบบนั้นก็โล่งอกในที่สุดเธอก็เข้าใจอะไรเหมือนคนทั่วไปได้เสียที

บัวเขยิบตัวเข้าไปตบไหล่ชายหนุ่มด้วยสีหน้าแสดงความเห็นใจ “นี่คงเป็นครั้งแรกของนายเหมือนกันสินะ... นายก็อย่าคิดมากเลยเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติของวัยหนุ่มสาว ที่อารมณ์ร้อนแรงแบบเรา” 

“พอได้แล้ว” 

“อ่ะ นี่ทางไปห้องฉันนี่เลี้ยวซ้ายๆ”  บัวไม่สนใจรัฐอีก แต่ไปสะกิดไหล่คนขับรถด้านหน้าเมื่อเห็นว่าข้างหน้าคือซอยทางเข้าอพาร์ทเม้นท์เธอ คนขับรถทำตามอย่างว่าง่าย เพราะเอกรู้ที่พักของเธออยู่แล้ว รถยนต์สีดำคันหรูจอดหน้าอพาร์ทเม้นท์สีชมพูที่ซีดกร่อน แต่บัวยังไม่ยอมลงจากรถ

“อะไรอีกล่ะ” รัฐมองมือของบัวที่แบอยู่ตรงหน้า

“ค่าจูบเมื่อกี้ไง ค่าเสียหายของฉัน” 

“ฮะ! นี่เธอยังมีหน้ามาเรียกร้องค่าเสียหายกับฉันอีกเหรอ”

“อย่าลืมสินายจูบฉันไปแล้วนะ นายข่มเหงฉันแล้วก็ต้องเอาเงินฟาดหัว ให้ฉันรู้สึกเจ็บใจไง”

บัวให้เหตุผลซึ่งรัฐได้ยินแล้วก็อยากจะร้องไห้ออกมา เธออ้างว่าเธอคือผู้เสียหายเป็นนางเอกที่ถูกกระทำสินะ

“เอามาเลยห้าพัน” บัวกระดิกนิ้ว เธอเครียดมาหลายวันแล้วว่าจะเอาเงินที่ไหนใช้จ่าย เพราะเงินที่ติดตัวมาก็เอาไปจ่ายค่าห้องค่าน้ำค่าไฟจนเธอเหลือเงินใช้ไม่กี่ร้อยบาท

บัวคิดว่าที่นายท่านประธานโผล่มาวันนี้ต้องเป็นเพราะสวรรค์เข้าข้างคนดีอย่างเธอแน่ๆ ถึงได้ส่งผู้ที่ติดค้างหนี้บุญคุณเธอมาให้ในยามลำบากแบบนี้

รัฐเปิดประเป๋าสตางค์แล้วเงยหน้ามองบัวเงียบๆ ไม่ยอมขยับ “เอามาสิ” บัวกระดิกนิ้ว

“ฉันไม่มีเงินสดหรอก”  รัฐตอบ คนอย่างเขาจำเป็นต้องพกเงินสดติดตัวด้วยหรอ

“นายทำให้ฉันผิดหวังอีกแล้ว”  บัวรู้สึกห่อเหี่ยวในใจ แล้วเดือนนี้เธอจะเอาอะไรกิน ยัยข้าวปั้นไม่ยอมแบ่งมาม่าของหล่อนให้เธอแน่

“ใช้ของผมก่อนไหมครับ” เอกที่นั่งเงียบมาตลอดเสนอตัว แล้วยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้แก่บัว “นี่ครับคุณบัว”

บัวรับเงินจากเอกแล้วยิ้มให้ด้วยความรู้สึกขอบคุณ บัวคิดว่าคนขับรถคนนี้นอกจากหน้าตาดีแล้วยังจิตใจดีเหลือเกิน “ขอบคุณนะคะ” บัวพูดกับเอกอย่างนอบน้อมแล้วหันไปเขม่นมองนายท่านประธานผู้ไม่มีเงินติดตัว

“นี่นายน่ะ อย่าลืมใช้หนี้เขาด้วยล่ะ” บัวสั่งแล้วเปิดประตูลงไป

รัฐมองผู้หญิงที่เดินลั้นลาเข้าตึกไปแล้วก็ได้แต่ข่มลมหายใจเข้าออกช้าๆ วันนี้เขาดักรอพบเธอเพื่อจะทำให้เธอตกใจ และรู้สึกทึ่งในตัวเขาไม่ใช่หรอ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ... เขาเพิ่งถูกเธอขู่กรรโชกทรัพย์ใช่ไหม

**************************