นิยาย เจ้าชาย ทะเลทราย ธัญ วลัย จบแล้ว

นิยาย เจ้าชาย ทะเลทราย ธัญ วลัย จบแล้ว

'ชีคคาลีม บิน ฮาซาน อัล คาลิฟา' ไม่คิดสักนิดว่าการมาเยือนเมืองไทยคราวนี้จะทำให้ได้พบเจอ

'ของเล่น'ชิ้นใหม่เอาไว้บำเรอสิเน่หา  เขาใช้ 'เล่ห์ลวง' หลอกล่อหญิงสาว

ให้ยอมเดินทางมาอาณาจักรกลางทะเลทรายด้วยกันจนได้

และไม่แน่เชื่อว่าตลอดเวลาหนึ่งเดือนเธอจะสอนให้เขารู้ซึ้งถึงสิ่งที่มากกว่า 'เซ็กซ์'อย่างถ่องแท้

คาลีมกำลังหลงใหลกับความอบอุ่นทางใจที่หาจากสตรีใดไม่ได้

อีกทั้งความถือดี  ความเร่าร้อน  และกิริยาไร้เดียงสาของเธอก็ยิ่งทำเขาหลงวนในห้วงรักโดยไม่รู้ตัว

ก่อนทุกอย่างจะพลิกผันเมื่อเธอกล้า 'เหยียบย่ำ'หัวใจเขาแบบคาตา

ถ้าเลือกที่จะทรยศ!  ต่อจากนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้รับความปรานีจากเขาอีก

'ญารินดา'ยอมรับข้อเสนอแสนร้ายกาจโดยไม่รู้ว่านั่นคือแผนปล้นพรหมจรรย์ชัดๆ

เธอยอมทิ้งทุกอย่างที่เมืองไทยแล้วไปทำงานกับคาลีม

ด้วยหวังว่าเขาจะทำตามสัญญา  เมตตาคนรอบตัวเธอไม่ให้ต้องเดือดร้อน

แต่แล้วกลับพบว่าเธอก็กลายเป็นเพียง 'เหยื่อสวาท' ให้เขาปลดปล่อยอารมณ์ปรารถนาเท่านั้น

ไม่ใช่แค่ 'ความบริสุทธิ์'ที่เสียไป  รู้ตัวอีกที 'หัวใจ' ทั้งดวงก็โดนชีคหนุ่มขโมยไปด้วยเช่นกัน

เธอรักเขาเสียแล้ว...  รักทั้งที่รู้ว่าคาลีมคงจะไม่รักตอบ

แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อจู่ๆ เธอก็ถูกตราหน้าว่าเป็น 'ผู้หญิงทรยศ'และต้องเป็นฝ่ายจากไป

แล้วคาลีมจะรู้หรือไม่ว่ากำลังทำร้ายหัวใจตัวเองอย่างแสนสาหัส

เพราะญารินดาไม่ได้ไปเพียงลำพัง  ทว่ายังมี 'ทายาทเลือดทะเลทราย'ของเขาอยู่ในท้องด้วย!

E-Book มาแล้วค่ะ

เป็นเจ้าของ 'ท่านชีค' ง่ายๆ ได้ตามลิงก์ข้างล่างเลยจ้า

Meb Market ฮาเร็มรักเจ้าทะเลทราย

สวัสดีค่าาา ^__^ หลังจากหายหน้าหายตาหายตัวไปน้านนาน 

ด้วยความคิดถึงคนอ่านและนิยายที่รักเราจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้ง

คราวนี้ฝนพาท่านชีคมารายงานตัวกับสาวๆ ในรูปแบบ E-Book นะคะ

เนื่องจากหลายคนตามหาหนังสือไม่ได้แล้ว แอบหายากนิดนึง 

(***เรื่องนี้เคยตีพิมพ์เป็นรูปเล่มมาก่อนนะจ้า ใช้ชื่อเดียวกันนี้เลย***)

ท่านชีคขาาา...ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกรอบด้วยนะคร้าบบบ //ทำตาอ้อน 555+// 

สำหรับเนื้อเรื่องที่จะอัพลงครั้งนี้ฝนเรียบเรียงและเกลาสำนวนใหม่

ให้กระชับและอ่านได้อรรถรสมากยิ่งขึ้นค่ะ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ

ยินดีต้อนรับทั้งคนที่เคยและไม่เคยอ่านค่ะ การันตีความแซ่บบบบเหมือนเดิม! อิอิ >__<

บทนำ

'วาฌิตา'

เด็กแสบของเจ้าชายชารีฟ

นิยาย เจ้าชาย ทะเลทราย ธัญ วลัย จบแล้ว

                         ..................................

"หมอว่าอย่างไรนะ?"

"เข้าใจถูกแล้วพะยะค่ะ คนไข้กำลังท้องอ่อนๆ น่าจะประมาณสี่สัปดาห์แล้วกระหม่อม"

"แล้วแบบนี้จะมีผลกระทบต่อเด็กในท้องหรือไม่?"

เจ้าชายหนุ่มทรงรับรู้เรื่องราวอันน่ายินดีแต่ก็แสนตกใจนั้น

*ร่างกายของเนตรอัปสรยังไม่อยู่ในภาวะปกติ คำว่า **'เจ้าหญิงนิทรา'*คือคำที่เหมาะสมสำหรับเธอ ณ ขณะนี้ สภาพร่างกายและจิตใจของหญิงสาวจึงดูเหมือนไม่น่าจะพร้อมสำหรับการมีชีวิตน้อยๆ ฝังฝากในครรภ์?

"ร่างกายของคนไข้ยังอยู่ในภาวะเฝ้าระวังพะยะค่ะ และเนื่องจากอายุครรภ์ของเธอพึ่งจะสี่สัปดาห์เท่านั้น บางทีคนไข้อาจเกิดภาวะแท้งได้หากร่างกายของเธอยังอ่อนแออยู่แบบนี้"

                       .........................................   

3 เดือนก่อนหน้า.....

หลังจากเจ้าชายชารีฟรับปากพี่ชายของพระองค์ว่าจะช่วยดูแลเนตรอัปสรให้ในระหว่างที่อดีตเจ้าชายเจเดนต้องเดินทางไปสะสางภารกิจสำคัญที่ซามัส แพทย์เจ้าของไข้บอกกับเจ้าชายหนุ่มว่าเนตรอัปสรนั้นกำลังตั้งครรภ์ไม่ต่ำกว่าสี่สัปดาห์แล้ว

หัวใจแกร่งของเจ้าชายชารีฟปวดหนึบเมื่อได้ยินข่าวดีนั้น แน่นอนว่าพระองค์ย่อมต้องปิติสุขและพลอยยินดีไปกับพี่ชายไปด้วย แต่ส่วนลึกภายในจิตใจกลับรู้สึกหม่นหมอง 

รักแรกพบของพระองค์กับคนผู้มีเจ้าของอยู่ก่อนแล้ว ช่างน่าเศร้าเสียยิ่งกระไร....

ปัจจุบัน.....ณ โรงแรม Hyatt Muscat กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน

นิยาย เจ้าชาย ทะเลทราย ธัญ วลัย จบแล้ว
เครดิต. ขอขอบคุณรูปภาพจากกูเกิ้ล

เจ้าชายชารีฟกำลังทอดพระเนตรดูศิลปะการร่ายรำแบบไทยประยุกต์ที่สถานฑูต ณ กรุงมัสกัตจัดขึ้นตามโครงการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยในกลุ่มประเทศ Gulf Cooperation Council (GCC) ซึ่งเจ้าชายชารีฟ รัชทายาทหนุ่มจากนครดูไบก็มีโอกาสได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย 

คณะนาฏศิลป์การร่ายรำและการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมประจำชาติจากประเทศแคว้นแดนต่างๆ ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกเข้าร่วมต่างก็นำเอาศิลปะอันเลื่องชื่อของตนมาแสดงอย่างหลากหลาย ซึ่ง ณ ขณะนี้ ก็เป็นลำดับการแสดงนาฏศิลป์การฟ้อนรำทวารวดีจากประเทศไทยนั่นเอง 

บนเวทีด้านหน้านั้น นางรำทุกนางล้วนร่ายรำตามอย่างที่ได้ร่ำเรียนมาอย่างอ่อนช้อยและงดงาม เจ้าชายหนุ่มเพ่งพระเนตรมองเหล่านางรำนิ่ง ภาพสะท้อนของหญิงสาวที่พระองค์เคยแอบหลงรักครั้งแรกเห็น ปรากฏชัดอยู่บนลานร่ายรำนั้น....

"ซูดาน เจ้าช่วยเรามองหน่อยสิ นางรำที่สวยที่สุดบนนั้น ใช่มิโยโกะพี่สะใภ้ของเราหรือไม่?"

เจ้าชายหนุ่มคิดว่าตาของพระองค์คงฝาดแน่แล้ว จะมีใครที่มีใบหน้าละม้ายจนเกือบเรียกว่าเหมือนกับอีกคนซึ่งอยู่อีกประเทศหนึ่งได้?

"ไม่แน่ใจกระหม่อม นางรำทุกคนล้วนแต่งหน้าแต่งตาหนาเตอะขนาดนั้น บางทีเครื่องสำอางพวกนั้นก็หลอกลวงสายตาเราได้นะพะยะค่ะ"

ซูดานองครักษ์และสหายคนสนิทของเจ้าชายชารีฟกล่าว ถึงแม้ว่านางรำบนเวทีผู้นั้นจะงดงามและอ่อนหวานดูคล้ายกับเนตรอัปสรมากเพียงใด แต่ในเมื่อไม่ใช่ มันก็ต้องไม่ใช่อยู่ดี

"อืม เราคิดว่าก็คงเป็นแบบที่เจ้าพูดนั่นแหล่ะ นี่เราบ้าไปแล้วหรือไงนะซูดาน พี่จเดนกับมิโยโกะเพิ่งแต่งงานกันได้แค่สองเดือนกว่าเอง ที่สำคัญเธอก็กำลังท้องอยู่ด้วย มิโยโกะจะมาเป็นนางรำอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน"

เจ้าชายหนุ่มรีบสลัดความคิดเรื่องเนตรอัปสรออกจากสมองของเขา มันเป็นไปไม่ได้ในทุกทางและยิ่งพี่สะใภ้ของเขากำลังท้อง5 เดือนอยู่ด้วย ความเป็นไปได้จึงเท่ากับศูนย์

หลังจากจบการแสดงของนางรำทั้ง5 นางแล้ว การแสดงชุดถัดไปก็เริ่มต้นขึ้น..... 

เจ้าชายหนุ่มทอดพระเนตรชมการแสดงไปเรื่อยๆ แต่ในใจของพระองค์กลับไม่ได้สนใจสิ่งบันเทิงรอบข้างเลยแม้แต่น้อย

โอเอซิสวาดิ (Wadi Shab).....

นิยาย เจ้าชาย ทะเลทราย ธัญ วลัย จบแล้ว

เช้าวันถัดมา...

หลังจากที่เจ้าชายซารีฟพร้อมด้วยผู้ติดตามได้เข้าร่วมประชุมเจรจาเรื่องธุรกิจระหว่างประเทศแล้วเสร็จ ในช่วงบ่ายของวัน มัคคุเทศนำเที่ยวก็ได้นำขนวนเสด็จรัชทายาทแห่งนครดูไบพร้อมคณะไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อของประเทศโอมาน

โอเอซิสวาดิ *(Wadi Shab)* คือ แอ่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งเป็นแอ่งทะเลสาปสีครามอันล้อมรอบไปด้วยผาหินสีขาว เป็นความงามที่หาชมได้ยากมากและให้ความรู้สึกคล้ายกับเป็นสถานที่ที่ลึกลับน่าค้นหา เปรียบประหนึ่งผู้เข้ามายังดินแดนแห่งนี้กำลังหลุดไปสู่โลกล้านปียุคจูราสิคพาร์ค อย่างไรก็อย่างนั้น

เช่นเดียวกับหนุ่มสาววัยรุ่นคู่หนึ่ง ซึ่งก็ชื่นชอบและหลงใหลไปกับความลี้ลับแต่กลับสวยงามของสถานที่แห่งนี้ด้วย...

"โอ๊ย! นี่ คิมหันต์ ถ้านายยังไม่ข้ามมาล่ะก็ แซนวิชส่วนของนายฉันจะกินให้หมดเลยนะ แล้วอย่ามาบ่นหิวอีกล่ะ ไม่มีให้แล้วนะ"

เสียงหวานแว่วหูของหญิงสาวในชุดเสื้อยืดคอตต้อนสีขาวกับกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงินเข้มตะโกนข้ามชะแง่งหินดังโหวกเหวก

"โธ่ ชะนี ฉันบอกให้เรียกคิมมี่ๆๆ ไง เวลาที่อยู่กันสองคนน่ะ เรียกอยู่นั่นแหล่ะคิมหันต์ เชิญหล่อนกินไปเถอะย่ะ กระเพาะวัวอย่างหล่อน กินแซนวิชของฉันจนหมดก็คงไม่อิ่มอยู่ดีนั่นแหล่ะ"

คิมหันต์ คำพูนพินิจ หรือ คิมมี่ เพื่อนคนไทยเพียงคนเดียวของเด็กสาวตะโกนกลับมาเป็นภาษาไทยเพื่อให้เข้าใจกันแค่สองคนเท่านั้น 

ด้วยดินแดนแห่งนี้ ถึงแม้ว่าเรื่องของการเหยียดเพศและประเด็นเกี่ยวกับสตรีข้ามเพศจะเริ่มเป็นที่ยอมรับในวงกว้างแล้ว แต่การแต่งกายของบุรุษก็ยังคงต้องเป็นไปตามธรรมเนียมประเพณีเดิม รวมไปถึงกิริยาท่าทางการแสดงออกของเพศชายและหญิงด้วย

"ฮ่าๆๆๆ แกนี่ รู้ใจฉันจริงๆ คิมมี่ แบบนี้เดี๋ยวเย็นพรุ่งนี้จะพาข้ามพรหมแดนไปท่องราตรีที่ดูไบเป็นไง เห็นพูดว่าอยากเจอหนุ่มแขก หล่อ รวย เคราดก ลามไปถึงหน้าอก ยาวลงไปถึงข้างล่างไม่ใช่เหรอ เพื่อนคนสวยช่วยได้นะจะบอกให้"

เด็กสาวยังกล่าวทีเล่นทีจริงกับเพื่อนชายด้วยสีหน้าระรื่นเรื่องว่าจะพาเขาตะเวณเที่ยวดูไบในค่ำคืนของวันพรุ่งนี้ เพราะเธอก็ต้องบินตามพี่สาวซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ต้องบินไปโชว์การแสดงที่นู่นอยู่แล้ว 

ภาณุมาศ วัฒนตรีรัตน์ ลูกพี่ลูกน้องของเธอเป็นนางรำสาขานาฏศิลป์ที่โดดเด่นและงานชุกที่สุดเลยก็ว่าได้ หญิงสาวได้รับว่าจ้างจากสถานฑูตประเทศไทยให้เดินทางมาโชว์การแสดงที่โอมานแล้วต่อไปเมืองดูไบด้วยค่าตัวสูงลิบลิ่ว 

ความสวยของภาณุมาศมักถูกเปรียบเทียบกับเด็กสาวเสมอ ซึ่งหากไม่นับรวมบิดาและมารดาของพี่สาวซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าแท้ๆ ของเธอเองแล้วล่ะก็ ก็คงไม่มีใครมองเห็นความน่ารักและสดใสอย่างเป็นธรรมชาติของเธอคนนี้เลยแม้สักคน

"อ๊ายยยย ชะนีที่รัก เอาจริงสิ งั้นเรารีบกลับเลยกันดีกว่า ฉันต้องรีบไปขัดสีฉวีวิไลอีกเยอะ ขนหน้าแข้งนี่ด้วย ต้องรีบกำจัดโดยด่วนนะยะ หล่อนด้วยนะ สวยๆ แบบนี้อย่าให้เสียของ นมตั้งเต้าก็ต้องหัดแรดเลยนะวาวา เป้าหมายสำคัญก็คือการคว้าเศรษฐีดูไบหรือเจ้าชายอาหรับมาให้ได้สักคนสองคนจ้ะ"

คิมหันต์หรือคิมมี่ตะโกนกลับบอกเพื่อนสาวของเขา ความที่อยากไปท่องทิวาลั่นล้าราตรีที่นครดูไบ มันคือความฝันอันสูงสุดของกะเทยสาว ความคิดจินตนาการและความใฝ่ฝันของคิมหันต์จึงพุ่งกระฉูดยิ่งกว่าเขื่อนทะลักเลยก็ว่าได้

"ไม่ต้องเลยแก เขาห้ามกะเทยแปลงเพศหรือแต่งกายไม่ตรงกับเพศของตัวเองเดินทางเข้าประเทศเขาเหอะ มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่นี่นักหรอกน่า อย่าเพิ่งตื่นเต้นจนเกินงามเดี๋ยวความลับแตกนะยะ ฉันยังไม่อยากอยู่เมืองนี้โดยไม่มีเพื่อนซี้อย่างแกนะ นายคิมหันต์ คำพูนพินิจ"

เด็กสาวหัวเราะท้องคัดท้องแข็งเมื่อเห็นอาการเพื่อนสาวแตก ที่ส่งสีหน้าท่าทางจ้องจะจิกเลือดกินเนื้อเธอแบบนั้น ถึงจะอยู่กันคนละด้านของโขกหินใหญ่ก็ตาม

"ฮ่าๆๆๆ..........."

ทางฝั่งของซูดานที่เกรงว่าเจ้าชายของตนจะทรงรำคาญกับเสียงดังแปดหลอดของเด็กสาวและชายหนุ่มอีกคนลิบๆ องครักษ์หนุ่มจึงตัดสินใจรุดไปตักเตือนเธอกับเขาเสียก่อนที่เจ้าชายจะเข้ามาถึง

"คุณครับ กรุณาเบาเสียงตะโกนของคุณหน่อยเถอะครับ เจ้านายของผมท่านไม่ชอบเสียงดังโหวกเหวกแล้วก็ต่างชาติต่างภาษาแบบนี้"

คำตักเตือนของซูดานมีผลให้สาวน้อยหันกลับไปหาตามเสียง แล้วในวินาทีนั้นเองที่องครักษ์หนุ่มผู้ไม่ทันระวังตัว เพราะความเร่งรีบเขาจึงก้าวพลาดเหยียดแง่งหินสะดุดล้มจนเกือบคะมำพลัดตกไปยังแอ่งน้ำเบื้องล่าง

"เห้ย!!! ระวังหน่อยสิคุณ แก่แล้วยังไม่เจียมสังขารอีกนะ ถ้าตกไปลองคิดดูสิ ความสวยงามจะต้องแปดเปื้อนเพราะคุณมากแค่ไหน?"

เสียงหวานแต่แก่นเซี้ยวทั้งบ่นทั้งด่าและเตือนองครักษ์หนุ่มดังเจื้อยแจ้ว เธอไม่ได้ติดใจกับคำพูดเหยียดชาติและภาษากลายๆ สักเท่าไหร่ มันคือเรื่องจริงที่สถานที่สาธารณะก็ควรต้องมีใจเป็นสาธารณะด้วย และเมื่อเธอกับเพื่อนเสียงดังจริงจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องเคืองแค้นจนนำมาเป็นสรณะ แต่ก็อดจิกกัดตามประสาไม่ได้

แต่แทนที่ซูดานจะโกรธในคำว่ากล่าวของเด็กสาวจอมซ่า องครักษ์หนุ่มกลับลุกขึ้นยืนตีสีหน้านิ่ง ใช่ว่าเขาหยิ่งไม่ยอมรับความช่วยเหลือของเด็กสาว แต่เพราะนัยย์ตาสีน้ำตาลเข้มที่แสนสดใสกับใบหน้าเรียวรูปไข่และหวานหยดย้อยของเธอนั่นต่างหาก 

"น่ารัก"

ซูดานคล้ายคนละเมอตอนกลางวันเมื่อเห็นใบหน้าของเธอชัดๆ เรื่องที่เคยคิดว่าเจ้าชายชารีฟคงเพี้ยนไปแล้วที่ทรงเห็นนางรำคนหนึ่งมีใบหน้าคล้ายกับเนตรอัปสรนั้น ตอนนี้วินาทีนี้ ซูดานรู้แล้วว่าเขาก็เพี้ยนไม่ต่างจากเจ้าชายชารีฟเช่นกัน 

เพราะสาวน้อยที่โบกไม้โบกมือผ่านหน้าเขาคนนี้ เธอน่ารัก สดใส และมีชีวิตชีวามากกว่าหญิงนางใดที่ซูดานเคยพบ

"เฮ้ ลุง หรือว่าฟังภาษาอังกฤษไม่ออก? งั้นเอาภาษาอาหรับก็แล้วกันนะ หนูก็พูดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่หรอก แต่ลุงก็น่าจะฟังรู้เรื่องล่ะค่ะ...."

เด็กสาวยังพล่ามต่อเรื่องให้ซูดานระมัดระวังบรรดาก้อนหินสีขาวเหล่านั้น โดยที่คนตัวใหญ่ใจเลื่อนลอยก็ยืนนิ่งเหมือนจะตั้งใจฟังสิ่งที่เธอแนะนำเสียเต็มประดา

วาฌิตา เมฆไกรสร สาวน้อยหน้าหวานแต่แก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่า นักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้ายจากโรงเรียนนานาชาติแห่งกรุงมัสกัต ด้วยวัยกำหนัด 18ปีบริบูรณ์ในวันนี้ กำลังกล่าวตักเตือนคนตัวใหญ่แต่ซุ่มซ่ามตรงหน้าเธอ 

เนื่องจากโขดหินที่นี่ค่อนข้างขรุขระ ซึ่งหากใครไม่ระวังหรือไม่คุ้นชินกับพื้นที่แบบนี้ก็คงต้องสะดุดล้มได้โดยง่าย และหากโชคร้ายคนคนนั้นก็อาจตกลงไปในแอ่งน้ำลึกข้างล่าง เด็กสาวน่าตาดีจึงอดเป็นห่วงคนหล่อตัวใหญ่แต่ท่าทางไม่เต็มอย่างเสียไม่ได้ แต่เมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่พูดจาหรือตอบกลับใดๆ ทั้งที่มือน้อยของเธอก็ยังโบกส่ายไปมาผ่านใบหน้าคร้ามคมของเขา เด็กสาวร่างเล็กจึงตัดสินใจหันหลังกลับไปทันที ในใจก็คิดว่า 

'สงสัยตาลุงคนนี้คงท่าจะไม่เต็มสักเท่าไหร่แน่ๆ'

วาฌิตาเดินตรงไปหาคิมหันต์เพื่อนชายคนสนิทที่กำลังยืนกวักเรียกเธออยู่ข้างโขกหินอีกที่ แต่ก็ไม่วายทำตามนิสัยพลเมืองดีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจาก

"ลุงคะ ถ้างั้นหนูขอตัวไปก่อนนะ ต่อไปจะเดินไปไหนมาไหนก็ระวังเท้าระวังทางด้วยล่ะ เพราะลุงคงไม่โชคดีแบบนี้ทุกครั้งหรอกค่ะ อย่าประมาทแบบนี้อีกนะ โชคดีนะคะคุณลุงสุดหล่อ"

"ใช่ โชคดี"

ซูดานยืนฉีกยิ้มหวานและยังคงเพ้อต่อไม่เลิก โดยไม่ทันเฉลียวใจเลยว่าเด็กสาวตรงหน้าบังอาจเรียกเขาว่า ลุง เลยเชียวนะ?

องครักษ์หนุ่มทั้งตื่นเต้นดีใจ และรู้สึกถูกชะตาถูกใจกับนางในฝันของเขา แต่ใช่เพราะเขาหลงรักเด็กสาวคนนี้ หรอกนะ องครักษ์หนุ่มก็แค่คิดอยากจะพาความสาวสดใสของเธอไปถวายให้แก่เจ้าชายเหนือหัวของเขาต่างหาก!

นานหลายเดือนแล้วที่เจ้าชายชารีฟเอาแต่ทรงงานหามรุ่งหามค่ำ หากโชคดีมีหญิงงามนางใดสักคนช่วยฉุดความเหงาเศร้าระทมออกไปจากอกของเจ้าชายหนุ่มได้ ซูานก็คงจะเบาใจและโล่งใจไม่น้อย?

สาวน้อยนางนี้คือความเสี่ยงที่น่าลงทุน เธอคือแสงสว่างที่ควรไขว่คว้า ไม่แน่ว่าเด็กสาวหน้าใสคนนี้ เธออาจกลายเป็นเจ้าดวงใจของเจ้าชายชารีฟในอนาคตอันใกล้ก็ได้ 

ตั้งแต่เล็กจนโต ใครๆ ก็เชื่อในสายตาและเซ็นท์(ไซย่า)ขององครักษ์ ซูดาน นอมะทาร์ คิวจามาร์ กันทั้งนั้น....

"ซูดาน พี่มาทำอะไรตรงนี้ ขบวนนำเที่ยวอยู่ทางนู้น รีบมาเถอะ"

ซูราดีนทหารองค์รักษ์อีกคน ร้องเรียกชายหนุ่มจากด้านหลัง ภวังค์ที่ซูดานกำลังเผชิญพลันแตกสลายลงในพริบตา เด็กสาวผู้เปรียบเสมือนโลกใบใหม่ของเขา หายไปไหนเสียแล้ว?

"หึ่ย....นายน่ะไม่รู้อะไร"

"พี่นั่นแหล่ะ รีบกลับเข้ากลุ่มเร็วเข้า เจ้าชายทรงรออยู่นะ"

วันถัดมา......

ขบวนเสด็จของเจ้าชายชารีฟถึงกำหนดเดินทางกลับนครดูไบในเย็นวันนั้นเอง ประเทศโอมานและประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตต์นั้นอยู่ใกล้กันแค่นั่งเครื่องบิน2ชั่วโมงถึง เนื่องเพราะมีพรหมแดนที่ติดต่อกันทางด้านทิศตะวันออก ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจึงแน่นแฟ้นและแนบแน่นมาช้านาน

"เจ้าชายคิดจะกลับไปที่โอมานอีกหรือไม่พะยะค่ะ"

"ทำไม เจ้าถามเราแบบนี้ หลายหนแล้วนะ ซูดาน มีอะไรก็ว่ามาหรือเกิดติดตาต้องใจใครก็บอกเรา เผื่อว่าเราจะได้ย้ายเจ้ามาประจำอยู่มัสกัตนี่เสียเลย ดีไหม?"

เจ้าชายชารีฟเอ่ยกับองครักษ์คนสนิด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่ก็ผ่อนคลายในช่วงท้าย เพราะไม่ว่าซูดานจะคิดหรือทำอะไร ทุกเรื่องที่ซูดานคิดล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขาเสมอ ครั้งก็คงเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

"เอ่อ ถูกใจ เอ๊ย! ใช่ เอ๊ย! ไม่ใช่พะย่ะค่ะ"

องครักษ์หนุ่มยกมือปาดเหงื่อข้างขมับไปพลาง จะบอกอย่างไรดีที่จะทำให้เจ้าชายของเขาไม่เศร้าและไม่คิดมากกันนะ

"พูดมา"

คำสั่งระคนรำคาญก็ดังขึ้น เมื่อเริ่มรู้สึกว่าองครักษ์คนสนิทผู้นี้ชักจะลีลามากเกินไปแล้ว

"พะยะค่ะ คือวันนั้นที่เราไปเที่ยวแอ่งโอเอซิสวาดินั่นน่ะพะยะค่ะ คือกระหม่อมพบ เอ่อ พบนางฟ้า เอ๊ย คุณมิโยโกะ เอ๊ย เด็กผู้หญิงที่หน้าตาสวยมากพะยะค่ะ สดใส เห็นแล้วสดชื่น เธอมีเสน่ห์ล้นเหลือแบบที่ไม่ต้องทำอะไรเลย..."

เมื่อพูดในสิ่งที่เก็บกลั้นไว้ในใจออกจนหมด ความโล่งอกโล่งใจก็บังเกิดขึ้น รอแต่ว่าเจ้าชายชารีฟจะทรงคิดเห็นประการใด

"แล้วทำไมไม่บอกเราตั้งแต่ตอนนั้น อืม แต่ก็ช่างเถอะ เราล้อเล่น ก็แค่ผู้หญิงสวยคนหนึ่งไม่ใช่หรือซูดาน ไม่มีใครแทนที่มิโยโกะได้หรอกนะ เธอคือความสดใสและก็เป็นพี่สะใภ้ของเราด้วย"

เจ้าชายชารีฟบอกกับซูดานองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์เช่นนั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว เจ้าชายหนุ่มพยายามบอกว่าตัวของพระองค์เองเสียมากกว่า เพราะปลายเสียงของพระองค์ดุจจะย้ำเตือนความจริงที่ไม่อาจเอื้อมถึง

ผู้หญิงสวยบนโลกใบนี้มีมากมายกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่ทุกความสวยก็หาได้มีนิสัยและจิตใจแบบเดียวกันไม่ ตั้งแต่เกิดมาเจ้าชายชารีฟก็ไม่เคยพบพานผู้หญิงนางไหนที่จะสวยสะกดใจจนทำให้พระองค์หลงใหลได้สักครั้ง ผ่านมาแล้วก็ผ่านเลยไป...นอกจากผู้หญิงที่ชื่อ เนตรอัปสร

"เราจะกลับเพ้นท์เฮ้าส์ นายกับทุกคนก็กลับไปพักผ่อนได้แล้วนะ วันนี้ทั้งวันเราคิดว่าคงไม่ออกไปไหนอีก"

เจ้าชายหนุ่มทรงกล่าวกับองครักษ์ผู้ติดตามทุกคนให้แยกย้ายไปพักผ่อนได้ อากาศที่ร้อนอบอ้าวในโอมานก็ไม่ต่างจากที่ดูไบมากนัก แต่ความร่มเย็นใจไม่ว่าที่ไหนๆ ก็สู้ในเพ้นท์เฮ้าส์ บ้านของเราไม่ได้

"บ้านของเราอย่างนั้นหรือ?" 

เจ้าชายหนุ่มผู้ทรงเคร่งขรึมเอ่ยกับตัวเองเบาๆ แน่นอนพระองค์ก็อยากมีครอบครัวเล็กๆ แต่อบอุ่นเฉกเช่นเดียวกับสามัญชนคนธรรมดามานานแล้ว เจเดนกับเนตรอัปสร พีระวัฒน์และมารียะ ทุกคนต่างมีความสุขกับความรักที่พวกเขาเลือกได้

แม้ว่าฐานันดรจะเปลี่ยนไปแต่ความสุขของเจเดนและเนตรอัปสรกลับเพิ่มมากขึ้น รวมถึงความสุขสงบในดินแดนแหลมทองไทยของพีระวัฒน์และมารียะด้วย

"ป่านนี้พวกคุณทุกคนคงจะมีความสุขกันดีสินะ"

ค่ำคืนอันแสนเงียบเหงาบนเพ้นท์เฮ้าส์สุดหรูของเจ้าชายหนุ่ม ทั้งๆ ที่เป็นคนไม่ชอบความวุ่นวายและติดจะหวงแหนความเป็นส่วนตัวมากที่สุดคนหนึ่งก็ว่าได้ แต่สำหรับวันนี้คืนนี้ เจ้าชายชารีฟกลับอยากออกไปเดินเล่นที่ถนนสายดูไบเดอะชีคซึ่งเป็นสถานที่ย่านชุมชนที่มีของกินของขายมากมายตลอดสองข้างทางเดินเท้า แหล่งท่องเที่ยวเลื่องชื่อที่ทั้งคนดูไบและคนทั่วโลกที่เดินทางมาถึง ต่างต้องมาลองสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนกลางนครใหญ่กันสักครั้ง

"ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย โจรกระชากกระเป๋า ช่วยจับทีค่ะ"

เสียงแหลมร้องตะโกนให้คนช่วยจับโจรวิ่งราวจากทางด้านหลัง ซึ่งดูเหมือนว่าเสียงคนวิ่งไล่จับกันกับเสียงร้องแสบแก้วหูค่อยๆ ใกล้เข้าหาเจ้าชายหนุ่มเรื่อยๆ

ตุ่บ ตุ่บ ผลั่ก พลั่วะ...

"นี่แหล่ะ งานดีดีมีไม่ชอบ ไม่ทำ ริอ่านอยากมาเป็นขโมยเหรอ บ้านนี้เมืองนี้มันยังไงนะ ตำรวจกับผู้ปกครองรัฐหายหัวไปไหนกันหมด ปล่อยให้พวกโจรกระจอกอย่างแกออกมาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเขาได้ยังไง ห๊ะ....นี่แหน่ะ นี่แหน่ะ"

ตั่บ พั่บ ตุ่บ...

เสียงกร่นด่าของเด็กสาวพร้อมกับกำปั้นน้อยและเท้าเล็กของเธอที่ทั้งชกทั้งต่อยเตะกระทืบไอ้โจรหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นจนหมอบราบลงกับพื้น ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนมากยิ่งขึ้น ความกล้าหาญของเธอเป็นที่ชื่นชมของผู้คนที่พบเห็น

พรึ่บ! ตุ่บ!

"ว้ายยยยย / กรี้ดดดด / เรียกตำรวจเร็ว / คนร้ายมีอาวุธ / ......."

เสียงอื้ออึงของผู้คนซึ่งกำลังตกใจกับความชุลมุนที่เกิดขึ้น เพราะโจรกระจอกที่คิดว่าสิ้นท่าไปแล้ว กลับลุกขึ้นมาชักมีดที่พกไว้พุ่งเข้าแทงเด็กสาวฤทธิ์เยอะ

ส่วบ!

"เห้ย! คุณ?"

"ไอ้เลวเอ้ย เล่นทีเผลอที่หว่า นี่แหน่ะ ทุกคนคะ ช่วยโทรเรียกตำรวจเลยค่ะ เดี๋ยวหนูจะพาคนเจ็บไปหาหมอ รบกวนด้วยนะคะ"

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ภายใต้ผ้าคลุมศีรษะแบบอิสลามสวมแว่นตาสีชาขนาดใหญ่เต็มกรอบหน้า เขาคือคนที่ทันกระชากร่างเด็กสาวออกจากวิถีการพุ่งของมีดแหลมเล่มนั้น

"อึบ อือ พาผมออกไปจากที่นี่ที"

เจ้าชายหนุ่มรู้สึกเจ็บหนึบตรงสีข้าง หยาดเลือดสีแดงสดกำลังไหลซึมผ่านชุดโต๊ปเนื้อดีสีดำสนิทจนเห็นเป็นคราบหนา เจ้าชายชารีฟรู้ทันทีว่าหากต้องเปิดเผยตัวตนในตอนนี้ ความมหาวุ่นวายคงเกิดขึ้นกับสถานที่แห่งนี้แน่ๆ และก็รู้ดีอีกว่าพระองค์เองก็ไม่สามารถเดินต่อไปจนถึงเพ้นท์เฮ้าส์ได้ด้วยพละกำลังที่มีอยู่น้อยนิด ณ ขณะนี้

ทางเดียวที่ต้องทำนั่นก็คือ ผู้หญิงตัวต้นเหตุคนนี้ ต้องเป็นคนรับผิดชอบ!

"แต่คุณต้องไปโรงพยาบาลนะ เดี๋ยวหนูพาไปเองค่ะ"

ด้วยความสำนึกในบุญคุณของผู้ช่วยชีวิต เพราะหากเขาไม่กระชากเธอออกจากวิถีการพุ่งแทงในตอนนั้น เขาก็คงไม่กลายเป็นคนถูกแทงเสียเองแบบนี้

"ถ้าอยากช่วย ก็รีบพาผมออกไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้!"

เสียงทรงอำนาจของชายหนุ่มผู้มีพระคุณ ทำให้วาฌิตารู้ด้วยสัญชาติญาณว่าเขาคงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่งของเมืองนี้ ไม่เช่นนั้นก็คงเรียกหารถพยาบาลตั้งแต่ถูกแทงตอนแรกไปแล้ว

"งั้นไปกัน นำไปเลยค่ะ ค่อยๆ เดินนะคะ หนูจะพยุงคุณไปเอง"

น้ำเสียงห่วงใยในตอนท้ายของเด็กสาว ทำให้เจ้าชายชารีฟต้องหันมามองใบหน้าของเธอชัดๆ ความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อกำเนิดขึ้น 

แน่นอน มันคงเป็นความชื่นชมในความกล้าหาญของเด็กผู้หญิงคนนี้ ก็คงเท่านั้น?

"อืม ไปสิ"

นิยาย เจ้าชาย ทะเลทราย ธัญ วลัย จบแล้ว

*************************************

มาแล้วค่ะ ตอนพิเศษของเจ้าชายชารีฟ กับเด็กแสบวาวาของเขาๆๆๆ....(ทำเสียงแอคโค่)

แสบ ซ่า ฮา ฉลาด เก่ง เด็กน้อยขี้อ้อนของเจ้าชายหน้าเฉย 

หากรี้ดท่านใดชอบอ่านแนวนี้ก็รออ่านกันต่อไปนะคะ ตามนโยบาย นิยายหื่น ฟิน จิ้น รักเมีย แถมเมียก็เด็ก(มากๆ) อีกด้วยล่ะค่ะ เปิดเรื่องเดือนธันวาจ้า...

เซ็ตเมียเด็ก :  เล่ห์รักจ้าวทะเลทราย + อัคนีสีเพลิง

*************************************