น่าสงสาร! 5 นางในวรรณคดีที่ถูกเอาเปรียบและละเมิดสิทธิจากเพศชาย! พี่น้ำ - Columnist Show น่าสงสาร! 5 นางในวรรณคดี สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน กลับมาพบกับพี่น้ำในคอลัมน์ “สาระวรรณกรรม” กันอีกเช่นเคย เนื่องจากช่วงนี้เห็นข่าวของ ‘ลัลลาเบล’ กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งพอได้อ่านข่าวแล้วพี่คิดว่าเรื่องของลัลลาเบลนั้นเข้าข่ายการละเมิดสิทธิของสตรีมากเลยทีเดียว เอาจริงๆ เรื่องการละเมิดสิทธิสตรีนี่เราก็เห็นได้อยู่บ่อยๆ นะ จะว่าไปมันก็มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วแหละ ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยก็อย่างเช่นพวกเรื่องราวในวรรณคดีที่เราเคยอ่านกัน (วนเข้าเรื่องวรรณคดีได้สักที ฮ่าๆ) ที่มีการปกครองแบบชายเป็นใหญ่ สตรีมีสถานะที่ด้อยกว่า และเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำอยู่เสมอ เราก็ได้อ่านกันจนชินตา จนบางทีเราก็ไม่ทันได้ฉุกคิดถึงเรื่องการละเมิดสิทธิสตรีเลย วันนี้พี่ก็เลยอยากจะนำเสนอประเด็นเรื่อง ความเหลื่อมล้ำและการละเมิดสิทธิของสตรี ในวรรณคดีไทยค่ะ พอได้ลองมาพิจารณาดูดีๆ ก็พบว่ามีนางเอกในวรรณคดีไทยหลายเรื่องเลยที่ถูกละเมิดสิทธิของสตรี ซึ่งวันนี้พี่ก็ได้ยกตัวอย่าง นางในวรรณคดีมา 3 นางด้วยกันค่ะ มาดูกันว่ามีใครบ้างจะใช่คนที่น้องๆ คิดกันไว้หรือเปล่านะ 1. นางมัทนา : การถูกละเมิดสิทธิ และลิดรอนเสรีภาพคนแรกเลยที่พี่รู้สึกว่าน่าสงสารที่สุดก็คือ นางมัทนา ที่ถูกสาปให้กลายเป็นดอกกุหลาบ (พี่ขอเล่าคร่าวๆ นะคะ) นางมัทนา เดิมทีนั้นเป็นนางฟ้าที่มีรูปโฉมงดงาม จนเป็นที่ต้องตาต้องใจเทพผู้เป็นใหญ่บนสรวงสวรรค์ นามว่า สุเทษณ์ ที่หลงรักและใคร่อยากได้นางมาครอบครอง จึงพยายามเกี้ยวพาราสี รำพันรักต่างๆ ให้นางรับรู้ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร นางมัทนาก็ไม่เคยสนใจเลย เพราะนางได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะครองคู่กับชายที่ตนรักเท่านั้น สุเทษณ์จึงโกรธมากและได้สาปให้นางไปเกิดเป็นดอกกุหลาบในโลกมนุษย์ โดยนางจะสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้หนึ่งวันในคืนวันเพ็ญ หรือถ้าเมื่อใดนางพบรักกับบุรุษก็จะคงรูปมนุษย์ไว้ได้ แต่ถ้าเมื่อใดที่ต้องทุกข์ใจเพราะรักให้นางนึกถึงพระองค์ และเมื่อนั้นถ้านางอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ สุเทษณ์ก็ยินดีจะแก้คำสาปให้ ซึ่งต่อมานางมัทนาได้พบรักกับท้าวชัยเสน แต่ความรักของนางก็ต้องพบกับอุปสรรค ทั้งถูกใส่ร้าย ถูกสั่งประหาร นางจึงทุกข์ใจยิ่งนักจนต้องวิงวอนต่อสุเทษณ์ให้ช่วยเหลือ สุเทษณ์ยินดีรับนางกลับมายังสวรรค์ แต่นางก็ปฏิเสธอีกครั้ง สุเทษณ์ก็ยิ่งโกรธที่นางไม่สนใจตนเลย จึงได้สาปให้นางกลายเป็นดอกกุหลาบไปตลอดกาล ไม่ให้ใครได้เชยชมความงามของนางอีกต่อไป เรื่องราวความรักของนางมัทนาจึงกลายเป็น ตำนานรักดอกกุหลาบ อย่างที่เราเคยได้ยินกันมานั่นเอง จากเหตุการณ์ที่นางมัทนาต้องเจอ จะเห็นได้ชัดเลยว่านี่เป็นการละเมิดสิทธิ และลิดรอนเสรีภาพของสตรีเป็นอย่างมาก แค่เพราะนางมั่นคงต่อปณิธานที่ตั้งไว้ แต่สุเทษณ์กลับบงการชีวิตนางทุกอย่าง เหมือนเป็นเจ้าชีวิตทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับนางเลย แค่เพราะโกรธที่นางไม่รับรักก็ถึงกลับทำร้ายนางด้วยคำสาปที่จองจำนางไปตลอดกาล โดยที่นางไม่สามารถหลีกหนีได้ (เป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ซะเปล่า แต่ไม่มีเหตุผลเลย) แค่เป็นดอกกุหลาบที่ต้องอยู่แค่กับที่รอคืนวันเพ็ญถึงจะได้กลายเป็นมนุษย์พี่ว่าก็น่าอึดอัดมากแล้วนะ นี่ต้องกลายเป็นดอกกุหลาบไปตลอดกาล นางจะทุกข์ทรมานขนาดไหน แถมนี่ก็ไม่ใช่ความผิดของนางด้วย นางมีสิทธิ์ที่จะเลือกรักหรือไม่รักใครก็ได้ แต่สุเทษณ์ก็มาละเมิดสิทธิของนางซะอย่างงั้น พูดแล้วก็สงสารนางมัทนาจริงๆ 2. นางมโนราห์ : การตกเป็นเหยื่อเกมการเมืองของบุรุษ
มาต่อกันด้วยคนที่สอง นางมโนราห์ ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้น (พี่ขอเล่าแค่จุดสำคัญๆ นะคะ) อย่างที่เรารู้กันดีว่า นางมโนราห์ นั้นเป็นกินรีที่มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน และนางก็เป็นน้องเล็กคนที่ 7 นางมโนราห์ มีรูปโฉมที่งดงามกว่าพี่น้องคนอื่นๆ มาก วันหนึ่งที่นางและพี่น้องทุกคนได้ออกไปเล่นน้ำ บังเอิญว่าพรานบุญได้ผ่านมาเห็นเหล่านางกินรีที่งดงามก็นึกอยากจะจับไปถวายแก่พระสุธน และได้จับเอานางมโนราห์ไป เมื่อพระสุธนได้เห็นนางมโนราห์ก็เกิดความหลงใหลชอบพอ นางมโนราห์เองก็ชอบพอพระสุธนเหมือนกัน ทั้งคู่จึงตกลงอภิเษกอยู่ด้วยกัน แต่เรื่องราวของนางมโนราห์ยังไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เมื่อต่อมาปุโรหิตคนเก่าแก่ล่วงรู้มาว่าพระสุธนรับปากจะมอบตำแหน่งปุโรหิตในภายภาคหน้าให้คนอื่นแทนที่จะเป็นลูกชายตนเอง ด้วยความโกรธแค้นจึงคิดอุบายจะเอาชีวิตของนางมโนราห์ เพื่อเป็นการแก้แค้นพระสุธนโดยการบิดเบือนคำทำนายจากนิมิตดี ให้เป็นนิมิตร้าย เพื่อต้องการจับนางมโนราห์มาบูชายัญ ซึ่งในช่วงนั้นพระสุธนต้องไปออกรบ จึงไม่มีใครที่จะช่วยนางมโนราห์ได้ แต่ด้วยความสติดีนางจึงคิดที่จะหนี โดยการออกอุบายขอปีกกับหางคืนเพื่อใส่ร่ายรำ เมื่อสบโอกาสนางก็บินหนีไปได้ในที่สุด เมื่อพระสุธนกลับมารู้ข่าวก็แทบขาดใจจึงได้ออกเดินทางฝ่าอันตรายไปตามหานางจนได้พบกันอีกครั้งและครองรักกันอย่างมีความสุข จากเรื่องนี้การกระทำของปุโรหิตนั้นถือว่าโหดร้ายมาก แค่เพราะไม่ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ถึงกลับต้องใช้นางมโนราห์มาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น เพราะเห็นว่าพระสุธนรักนางมากจึงคิดที่จะใช้นางเป็นเหยื่อในการโจมตีเพื่อหวังจะทำให้พระสุธนทุกข์ทรมาน เพราะการใช้สตรีเป็นเหยื่อนั้นมักส่งผลกระทบกับฝ่ายตรงข้ามได้เร็วและได้ผลดี แต่เรื่องนี้ก็ยังโชคดีที่นางมโนราห์มีสติปัญญาพอ ไม่ยอมจำนนต่อเหตุการณ์ทำให้นางสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตนั้นได้ 3. นางกากี : การตกเป็นจำเลยของสังคมและวัฒนธรรมการปกครองแบบชายเป็นใหญ่ |