วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาการพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
ที่มารักษาโรงพยาบาลชัยภูมิ ด้วยระบบทางด่วน ดังนี้ ผู้ป่วยหญิงไทย 77 ปี ปฏิเสธโรคประจำตัว มาโรงพยาบาลโดยรถ EMS (Emergency Medical Services) อาการสำคัญ คือ ปากเบี้ยวด้านซ้าย แขนขาซ้ายอ่อนแรง เป็นก่อนมาโรงพยาบาล 1ชั่วโมง 40 นาที การวินิจฉัยแรกรับคือ Stroke Fast Track แพทย์ให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับการรักษา ให้ญาติลงชื่อยินยอมฉีดยาละลายลิ่มเลือด rt-PA ทางหลอดเลือดดำ ผู้ป่วยได้รับยา rt-PA ที่ห้องฉุกเฉิน ปฏิบัติตามแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน (Clinical
Practice Guidelines for Ischemic Stroke) พบปัญหาและข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลจากการดูแลผู้ป่วยที่ห้องฉุกเฉิน ดังนี้ 1)เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากยาละลายลิ่มเลือด (rt-PA) 2) เสี่ยงต่อภาวะความดันกะโหลกศีรษะสูง 3)เสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม 5) ญาติมีความเครียดและวิตกกังวลในการดูแลผู้ป่วย สรุปกรณีศึกษา และข้อเสนอแนะจากการศึกษา: ผู้ป่วยมาโรงพยาบาลด้วยระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) เมื่อพยาบาลศูนย์สั่งการได้รับแจ้งจากญาติว่ามีผู้ป่วยปากเบี้ยวด้านซ้าย แขนขาซ้ายอ่อนแรง
เข้าเกณฑ์โรคหลอดเลือดสมองอุดตันเฉียบพลัน (Stroke Fast Track) จึงได้แจ้งทีมกู้ชีพ ออกไปรับผู้ป่วยทันที พร้อมแจ้งอาการเบื้องต้น ว่าเข้าเกณฑ์ Stroke Fast Track การรับแจ้งทางโทรศัพท์ การประเมินอาการทางโทรศัพท์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่พยาบาลที่ศูนย์สั่งการผู้ปฏิบัติควรมีประสบการณ์และมีองค์ความรู้ที่ดี ในการรับแจ้งเหตุ ข้อดีของการใช้ระบบทางด่วน คือ รวดเร็ว ผู้ป่วยปลอดภัย ข้อเสนอแนะจากกรณีศึกษาผู้ป่วยรายนี้ ที่พบคือ องค์ความรู้การประเมินอาการผู้ป่วยทางโทรศัพท์ (Telephone Triage) ของพยาบาลศูนย์รับแจ้งเหตุ
และองค์ความรู้ทีมกู้ชีพชุมชนในการประเมินผู้ป่วยเบื้องต้น เป็นสิ่งที่สำคัญ ในผู้ป่วยรายนี้เมื่อประเมินอาการทางโทรศัพท์ได้รวดเร็ว แจ้งหน่วยกู้ชีพชุมชนออกไปรับผู้ป่วยทันที ทำให้ผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ทันเวลา และปลอดภัย กรรณิการ์ คงบุญเกียรติ, นรงฤทธิ์ เกษมทรัพย์, สมศักดิ์ เทียมเก่า, [บรรณาธิการ]. (2561). การรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในเวชปฏิบัติ. ขอนแก่น : โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา. สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข.
รายละเอียดตัวชี้วัดกระทรวงสาธารณสุข ประจำปีงบประมาณ 2563. [ออนไลน์]. http://bps.moph.go.th/new_bps/sites/default/files/Health%20KPI%2063.pdf [สืบค้นเมื่อ มิถุนายน 2563] เกรียงศักดิ์ ลิ้มพัสถาน. (2553). โรคหลอดเลือดสมอง. เชียงใหม่ : หน่วยประสาทศัลยศาสตร์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. เฉง นิลบุหงา. (2561). ระบบประสาทและการทำงาน. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร
: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. มีชัย ศรีใส. (2554). ประสาทกายวิภาคศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานคร : เยียร์บุ๊คพับลิชเชอร์. โรงพยาบาลชัยภูมิ. (2563). ข้อมูลสถิติงานอุบัติเหตุฉุกเฉิน โรงพยาบาลชัยภูมิ. ชัยภูมิ : ศุนย์ข้อมูลและสถิติโรงพยาบาลชัยภูมิ. กรมการแพทย์. (2558). แนวทางการพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง สำหรับพยาบาลทั่วไป (ฉบับสมบูรณ์ 2558). กรุงเทพฯ : สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์.
เพราะทุกนาทีคือชีวิตและเราเข้าใจว่าทุกช่วงชีวิตมีค่าสำหรับคุณเราจึงพัฒนาโปรแกรมการดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบอุดตันเฉียบพลัน “Acute Ischemic Stroke Program” ที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานระดับสากล โดย JCI Clinical Care Program Certification Standard (CCPC) ให้สามารถดูแลผู้ป่วยด้วยความรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพียงแค่โทร 1728 เราพร้อมให้การดูแลเริ่มตั้งแต่การรับผู้ป่วยจากบ้านโดยระบบรถพยาบาลฉุกเฉิน (EMS ) ไปจนผู้ป่วยหายดีและสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ "โรคหลอดเลือดสมอง" เป็นภาวะที่มีความผิดปกติของระบบประสาทและหลอดเลือด อาจเกิดจากหลอดเลือดตีบอุดตันหรือแตก ทำให้สมองบางส่วนทำงานผิดปกติ สมองเป็นอวัยวะที่ทนต่อการขาดเลือดได้ในเวลาที่จำกัด ดังนั้น การรักษาผู้ป่วยที่สมองขาดเลือด“เวลา” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เลือดกลับไปเลี้ยงสมองส่วนที่ขาดเลือดให้เร็วที่สุดการรักษาที่เร็วจะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็ว วิธีการรักษาที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบันวิธีหนึ่ง ได้แก่ การรักษาด้วยยาฉีดละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ เป็นการรักษาที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับได้ผลค่อนข้างดี แต่มีข้อจำกัดด้านเวลาที่ต้องวินิจฉัยโรคและเริ่มให้ยาภายใน 4.5 ชั่วโมงหลังจากเกิดอาการ และต้องอยู่ในสถานพยาบาลที่มีความพร้อมที่จะให้การดูแลรักษา มีเครื่องมือสำหรับตรวจวินิจฉัยมีทีมแพทย์ ทีมบุคลากร ที่พร้อมให้การดูแล โรงพยาบาลศิครินทร์มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบอุดตันเฉียบพลัน ด้วยการให้ยาละลายลิ่มเลือดภายใน 4.5 ชั่วโมงหรือทำการใส่สายสวนเอาก้อนเลือดที่อุดตันออกจากเส้นเลือดสมอง (Endovascular) ภายใน 6 ชั่วโมง ตามสภาวะอาการของผู้ป่วย ด้วยระบบ Fast Track โดยเริ่มตั้งแต่การรับผู้ป่วยจากบ้าน การนำผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกห้องฉุกเฉิน หอผู้ป่วยหนัก จนกระทั่งฟื้นฟูสภาพร่างกายและเตรียมความพร้อมก่อนกลับบ้าน เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีหลังการเจ็บป่วยซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่วงชีวิตที่เราเห็นคุณค่า
แนวทางการดูแลผู้ป่วยของ “Stroke Fast Track” 1. พบผู้ป่วยมีอาการอ่อนแรงหน้าเบี้ยวพูดลำบาก ชาครึ่งซีก เดินเซ แขนขาอ่อนแรง เวียนศีรษะปวดศีรษะเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน 2. ประเมินอาการโดยใช้ FAST Stroke assessment F=Faceปากเบี้ยว A = Arms แขนขาอ่อนแรง S = Speech ลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด พูดลำบาก T = Time ระยะเวลาเกิดอาการ ถ้าพบว่ามีอาการผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งให้รีบนำเข้า “Stroke Fast Track” 3. มีอาการภายใน 6 ชม.ประกาศ Code Stroke 3.1 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียม CT/MRI ,เตรียมยา,เตรียม ICU,เตรียมห้องผ่าตัด 3.2 ส่งผู้ป่วยไปห้องฉุกเฉิน 4. แพทย์ฉุกเฉินตรวจผู้ป่วยใน 5นาที และแพทย์อายุรกรรมระบบประสาทวางแผนการรักษาภายใน 15 นาที 5. แจ้งทางเลือกการรักษา ข้อบ่งชี้ ประโยชน์ ผลเสีย ความเสี่ยงให้ผู้ป่วยและญาติ เพื่อยืนยันและเลือกแนวทางการ 6. ทำการรักษาทันทีตามข้อบ่งชี้ 1) ให้ยาละลายลิ่มเลือดภายใน 4.5 ชั่วโมงหลังจากมีอาการ 2) ใส่สายสวนเพื่อเอาลิ่มเลือดออกภายใน 6 ชั่วโมง เมื่อมีข้อบ่งชี้และไม่มีข้อห้าม 3) ให้ยารักษาความดัน ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด 4) ผ่าตัดเพื่อลดความดันในสมอง เมื่อมีข้อบ่งชี้ “Stroke Fast Track” จึงเป็นแนวทางที่ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน รวดเร็ว ให้ทันกับเวลาที่มีจำกัดของผู้ป่วยที่จะสามารถให้การรักษาด้วยยาได้ ก่อนที่สมองจะเสียหายจากการขาดเลือด จึงนับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โปรแกรมการดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบอุดตันเฉียบพลัน (Acute Ischemic Stroke Program) ไม่ได้สิ้นสุดแค่ในกระบวนการ Stroke Fast Track แต่ยังมีสิ่งสำคัญที่เราคำนึงถึงคือการป้องกันไม่ให้เกิด Stroke ซ้ำ ระยะฟื้นฟู คือ การเตรียมความพร้อมที่จะให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน และระยะการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ดังนั้น ผู้ป่วยจะต้องใช้เวลาอยู่ในโปรแกรมเป็นระยะเวลา 90 วัน หลังจากพ้นภาวะวิกฤติแล้วผู้ป่วยแต่ละคนจะมีความพิการหลงเหลือที่มากน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของสมองและความรุนแรงของสมองที่เสียหาย ผู้ป่วยบางรายหลังรักษาอาจจะพูดไม่ชัด บางรายร่างกายแขนขาอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาตไปข้างใดข้างหนึ่ง บางครั้งอาจจะมีปัญหาการกลืนการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กในการหยิบจับสิ่งของ ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการดำรงชีวิตของผู้ป่วยทั้งสิ้น ความสำคัญจึงอยู่ที่การดูแลผู้ป่วยด้วยทีมสหสาขาวิชาชีพ ที่ประกอบไปด้วย
ด้วยเหตุที่ว่าผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองส่วนมากมักมีโรคประจำตัวอื่นๆ ร่วมด้วย รวมทั้งการใช้ยาสำหรับรักษาโรคหลอดเลือดสมองเองก็มีจำนวนไม่น้อย นอกจากนั้นยังมี "พยาบาลผู้ประสานงาน" ที่เราจะเรียกกันว่า “Nurse Coordinator” ที่จะคอยประเมินความต้องการการช่วยเหลือ ประสานงานกับทีมผู้ดูแล ค้นหาปัญหาอุปสรรคต่อการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย คอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา รวมทั้งเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยและครอบครัว โดยมีเป้าหมายให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ต่อเนื่อง มีช่วงชีวิตที่มีคุณภาพหลังความเจ็บป่วยให้ได้มากที่สุด การปรับพฤติกรรมการดำรงชีวิตจึงเป็นอีกกระบวนการสำคัญที่จะต้องช่วยเหลือผู้ป่วย มิฉะนั้นแล้วก็อาจจะกลับมาเป็นซ้ำได้อีกโดยง่าย ปัจจัยสำคัญของพฤติกรรมที่ผู้ป่วยต้องปรับเปลี่ยน ได้แก่ การปรับพฤติกรรมการบริโภค ลดอาหารหวานเค็มมัน ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ควบคุมความดันและระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องการ ออกกำลังกาย และรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ งดการสูบบุหรี่ และได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วย
6 ข้อ คำแนะนำสำหรับโรคหลอดเลือดสมอง1. ประเมินอาการที่เป็นสัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง F=Face ปากเบี้ยว A = Arms แขนขาอ่อนแรง S = Speech ลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด พูดลำบาก T = Time ระยะเวลาเกิดอาการ 2. เรียกรถพยาบาลหรือรีบนำส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลที่มีบริการ Stroke Fast Track 3. บอกประวัติอาการและเวลาสุดท้ายที่เห็นว่าผู้ป่วยยังเป็นปกติ ให้แม่นยำ บอกแพทย์ทันที่เมื่อถึงโรงพยาบาล 4. รับทราบข้อมูล ร่วมตัดสินใจ พิจารณาข้อดีข้อเสีย และรับการรักษาอย่างเร่งด่วน 5. ป้องกันภาวะแทรกซ้อน โดยการปฏิบัติตัวและใช้ยาตามคำแนะนำ 6. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดอาหารหวานมันเค็ม ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกาย ไม่เครียดงดสูบบุหรี่ โปรแกรมตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศูนย์หลอดเลือดสมองและระบบประสาท คลิก |