คนเป็นโรคกระเพาะ ห้ามกินอะไร? หลายๆ คนคงเจอปัญหานี้อยู่ กินอะไรนิดหน่อยก็เกิดอาการปวดท้อง แสบท้อง กินอะไรแทบจะไม่ได้ คนเป็นโรคกระเพาะ ห้ามกินอะไร? หลายๆ คนคงเจอปัญหานี้อยู่ กินอะไรนิดหน่อยก็เกิดอาการปวดท้อง แสบท้อง กินอะไรแทบจะไม่ได้ หน่วยสารสนเทศมะเร็ง โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ "โรคกระเพาะ" หรือชื่อเรียกเป็นทางการว่า "โรคแผลในกระเพาะอาหาร" ไว้ว่า "โรคกระเพาะ" เป็นอาการปวดแสบ ปวดตื้อ ปวดเสียดหรือจุกแน่น ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ อาการปวดเหล่านี้เป็นได้ทั้งเวลาก่อนกินอาหารหรือหลังกินอาหารใหม่ๆ และเวลาท้องว่าง อาการปวดท้องที่เกิดขึ้นนั้น มาจากภาวะมีกรดในกระเพาะอาหารมาก กรดนี้ไประคายเคืองกระเพาะ จนทำให้เกิดแผลที่ผนังของกระเพาะอาหารหรือที่ลำไส้เล็กตอนบน บางคนอาจเป็นๆ หายๆ เวลาเป็นมักจะปวดนานครั้งละ 15 - 30 นาที วันละหลายครั้งตามมื้ออาหาร คนที่เป็นโรคกระเพาะถ้าไม่ได้รับการรักษาและดูแลตนเองให้ถูกต้อง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ เช่น เลือดออกในกระเพาะอาหาร (มีอาการอาเจียนเป็นเลือด และถ่ายอุจจาระดำ) กระเพาะลำไส้เป็นแผลทะลุ (มีอาการปวดท้องรุนแรง หน้าท้องแข็ง กดเจ็บ) กระเพาะลำไส้ตีบตัน (มีอาการปวดท้องรุนแรงและอาเจียนทุกครั้งหลังกินอาหาร) ดังนั้น การกินอาหารให้ถูกต้อง เลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการหลั่งของกรดมากเกินไป ก็ทำให้ช่วยบรรเทาอาการของโรคได้
ภาพจาก jcomp on Freepik โรคกระเพาะ ห้ามกินอะไร?1) เลี่ยงการดื่มนมบ่อยๆ นอกจากนี้ผู้ที่มีปัญหาการย่อยน้ำตาลในนม (แลคโตส) อาจเกิดอาการท้องอืด มีแก๊ส ปวดท้อง ท้องเสียดได้เพราะระบบย่อยขาดเอนไซม์แลคเตสซึ่งใช้ย่อยน้ำตาลนม 2) ไม่ควรกินอาหารรสจัด หรือใช้เครื่องเทศรสเผ็ด เช่น พริกต่างๆ กินเท่าที่ระบบย่อยของตัวเองจะรับได้โดยไม่เกิดอาการ 3) ไม่ควรดื่มชา กาแฟ เนื่องจากกาแฟมีคาเฟอีนมีส่วนกระตุ้นการหลั่งกรดและอาจทำให้อาหารไม่ย่อย ส่วนชาอาจจะพอรับได้สำหรับผู้ป่วยบางคน แต่ก็ยังมีส่วนกระตุ้นการหลั่งกรดอยู่ดี แม้จะน้อยกว่ากาแฟก็ตาม 4) ไม่ควรดื่มน้ำส้ม น้ำมะนาว เนื่องจากกรดไหลย้อนกลับทางทำให้เกิดอาหารแสบร้อนในลิ้นปี่ 5) ไม่ควรกินอาหารไขมันสูง ของทอด 6) เลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ร้อนจัด ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอาการ ทำให้ไม่สบายท้องได้ 7) ไม่ควรเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์และไวน์ เพราะจะทำให้กระเพาะหลั่งกรดได้มากขึ้น 8) เนื้อสัตว์สุกๆ ดิบๆ อย่างเนื้อหมู เนื้อวัว เป็นอาหารที่ย่อยยากอยู่แล้ว และหากกินเนื้อสัตว์แบบสุกไม่พอ กินแบบสุก ๆ ดิบ ๆ กระเพาะอาหารก็จะย่อยเนื้อสัตว์เหล่านี้ได้ยากขึ้น น้ำย่อยก็จะหลั่งออกมาย่อยอาหารเหล่านี้มากกว่าปกติ และใช้เวลาย่อยอาหารประเภทนี้นาน เสี่ยงทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้เช่นกัน 9) ไม่ควรดื่มน้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เพราะมีคาเฟอีนผสมอยู่ และยังมีแก๊สที่ส่งผลให้เกิดอาการแน่นท้อง ต้นเหตุของอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยเฉพาะคนที่ดื่มน้ำอัดลมขณะท้องว่าง จะทำให้เกิดอาการแสบท้อง แน่นท้อง 10) ไม่ควรกินถั่วและผลิตภัณฑ์จากถั่วอย่างน้ำเต้าหู้ เต้าหู้ นมถั่วเหลือง เพราะเป็นอาหารที่ก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะได้ด้วย ขอบคุณข้อมูลจาก หน่วยสารสนเทศมะเร็ง โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภาพปกโดย KamranAydinov on Freepik อาการแสบท้องหรือแสบในกระเพาะอาหารหรือที่เรียกว่าโรคกระเพาะอาหารนั้น จะให้ความรู้สึกแสบท้องทั้งในตอนที่หิวและกินอิ่ม ซึ่งอาการแสบจะสร้างความทรมานต่อร่างกายอย่างมาก ดังนั้นจึงควรหาวิธีบรรเทาอาการแสบท้องที่สามารถทำได้และเห็นผลเร็วกันค่ะ วันนี้เราจึงรวบรวมเอาผลไม้ 7 ชนิดที่แนะนำให้กินเพื่อช่วยแก้อาการแสบท้องมาแบ่งปันให้ได้ทราบกัน 1.มะละกอ 2.กล้วย 3.แคนตาลูป 4.แอปเปิล 5.มะขามป้อม 6.ฝรั่ง 7.ลูกยอ นอกจากสาวๆ จะได้ทราบถึงชนิดของผลไม้ที่ช่วยแก้อาการแสบท้องแล้วนั้น ยังมีผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับคนเป็นโรคกระเพาะอาหารที่ควรรู้อีกด้วย ซึ่งใครที่เป็นโรคกระเพาะอาหารจำเป็นที่จะต้องงดกินผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว มะขาม มะยม รวมทั้งผลไม้ที่มีกรดเยอะอย่างสับปะรดจะดีที่สุด |