บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) สร้างสถิติในด้านทรัพยากรบุคคลและการบริหารองค์กรอีกครั้ง เนื่องจากปีนี้เป็นที่ 3 ติดต่อกันที่บริษัทได้รับรางวัล HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2021 (Thailand Edition) และเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่ได้รับรางวัล We Care : HR Asia Most Caring Companies Award 2021 รวมถึงไทยเบฟยังเป็น บริษัท 50 อันดับแรกในไทยที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด จัดอันดับโดย Work venture ความสำเร็จของไทยเบฟมาจากการบริหารองค์กรในหลากมิติที่พัฒนาจนทำให้บุคลากรระดับ “ทาเลนต์” และ “คนรุ่นใหม่” ต้องการร่วมงานกับองค์กรในระยะยาว จนบริษัทมีค่าเฉลี่ยอัตราการลาออกของพนักงาน (Turnover rate) ที่ต่ำกว่าบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน เบื้องหลังความสำเร็จนี้คืออะไร ต้องฟังจาก “ดร.เอกพล ณ สงขลา” รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุดกลุ่มทรัพยากรบุคคล บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้วางนโยบายด้านทรัพยากรบุคคลร่วมขับเคลื่อนไทยเบฟไปสู่เป้าหมาย PASSION 2025 ซึ่งต้องการให้องค์กรปรับตัวเข้ากับความเร็วของการเปลี่ยนแปลง เป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรในอาเซียนอย่างมั่นคงและยั่งยืน B-T-P กลยุทธ์แกนกลางความสำเร็จ ด้านแรกคือด้าน Business หมายถึงธุรกิจของไทยเบฟนั้นตั้งอยู่ในโลกแห่งการแข่งขัน และเป็นธุรกิจระดับภูมิภาค ทำให้การพัฒนาคนของไทยเบฟจะต้องมี mindset ในการเป็น “ความภูมิใจของอาเซียน” และต้องมีทักษะการวิเคราะห์-แก้ไขปัญหาได้ (Problem Solving) เพื่อตามให้ทันการแข่งขันทางธุรกิจที่เร็วขึ้น
สำหรับปีนี้ ไทยเบฟมีการส่งเสริมให้พนักงานทุกคนใช้ระบบดิจิทัลในการทำงานแล้ว โดยมีอัตรา digital adoption นำอุปกรณ์ดิจิทัลมาใช้ทำงานแล้ว 98% วัดจากพนักงานทุกช่วงอายุ โดยไทยเบฟจะมีการวางระบบพัฒนาคนให้ใช้เทคโนโลยีอย่างเต็มที่ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป
ดร.เอกพลยกตัวอย่างการประเมินผลงานในสมัยก่อน จะใช้ดัชนีชี้วัด KPI ของงานตามตำแหน่งของพนักงาน แต่วันนี้การวัดผลของพนักงานเปลี่ยนไป เฉพาะการทำงานตามตำแหน่งได้อย่างยอดเยี่ยมยังไม่เพียงพอ เพราะบริษัทเริ่มทำงานในลักษณะ project-based มากขึ้น ทำให้ต้องการพนักงานที่มี ‘contribution’ อาสาเข้ามามีส่วนร่วมในงานโปรเจ็กต์ของบริษัทที่นอกเหนือจากงานตามหน้าที่ ซึ่งวิธีบริหารแบบนี้จะเกิดผลดีกับพนักงานได้มีโอกาสทำงานอย่างอื่นเพิ่มขึ้น มีทักษะพร้อมพัฒนาตนเองสูงขึ้นด้วย Limitless Opportunity นโยบายดึง “คนรุ่นใหม่” โตไปกับไทยเบฟ จากการวางรูปแบบทำงานแบบ project-based มากขึ้น เป็นโอกาสให้คนรุ่นใหม่มีพื้นที่แสดงฝีมือและได้พัฒนา ตามนโยบาย ‘Limitless Opportunity’ เกิดโอกาสที่ไร้ขีดจำกัดในการเติบโตไปกับไทยเบฟ “Limitless Opportunity ของเราคือ ไม่ว่าจะเด็กรุ่นใหม่หรือไม่ใหม่ก็มี fair game ในการเติบโตกับองค์กร” ดร.เอกพลกล่าว เพื่อเสริมโอกาสไร้ขีดจำกัดของพนักงาน ไทยเบฟมีแพลตฟอร์มที่ทำให้บุคลากรเห็นเส้นทางการเติบโตของตนเองได้กว้างขึ้น ภายใต้แพลตฟอร์ม ‘My Career’ พนักงานสามารถสำรวจการเติบโตของสายงานกับไทยเบฟได้ โดยไม่จำกัดอยู่เฉพาะสายงานที่ตนเองทำอยู่ และเห็นว่าหากต้องการเติบโตในสายงานอื่น ตนเองจะต้องพัฒนาทักษะใดเพิ่มบ้าง นอกจากการเปิดโอกาสกว้างขึ้นในองค์กร ดร.เอกพลยังกล่าวถึงการดึงคนรุ่นใหม่ว่า ต้องปรับวัฒนธรรมองค์กรด้วย โดยการทำงานจะต้อง ‘สนุก’ มากขึ้น สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน ผูกพันกันกับเพื่อนพี่น้อง สร้างการรับรู้ภายในองค์กรว่าเขาเป็นบุคลากรที่มีคุณค่า (recognition) รวมถึงองค์กรต้องสะท้อนเทรนด์ที่คนรุ่นใหม่ใส่ใจด้วย เช่น ความยั่งยืนและใส่ใจสิ่งแวดล้อม จากนโยบายเหล่านี้ ทำให้ปัจจุบันผู้บริหารระดับผู้จัดการในบริษัทมีอายุเด็กลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอายุคนในองค์กรก็เด็กลงเพราะสามารถดึงดูดคนรุ่นใหม่ได้ดีขึ้น ขณะนี้ไทยเบฟมีคนเจนวายและเจนซีรวมกันแตะ 61% รองลงมาคือเจนเอ็กซ์ 31% และเบบี้บูมเมอร์ 7% We Care… ดูแลทั้งสุขภาพและทักษะ
ไทยเบฟเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานกว่า 62,000 คนทั่วโลก (เฉพาะในประเทศไทยมีพนักงานกว่า 46,000 คน) การวางนโยบายด้านทรัพยากรบุคคลที่ชัดเจนและสามารถปฏิบัติได้จริง ส่งผลให้เกิดความสำเร็จและได้รับรางวัลที่น่าภาคภูมิใจมาสู่องค์กรอย่างต่อเนื่อง “ไทยเบฟเราเน้นหลักการ Inclusiveness กล่าวคือการส่งเสริมให้ทุกคน ทุกกลุ่ม เติบโตกับองค์กรได้ทั้งหมด และเราปรับตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ดึงดูดคนรุ่นใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นองค์กร The Pride of ASEAN ในอนาคต” ดร.เอกพลกล่าวทิ้งท้าย |