งานแสวงหาลูกค้าผู้คาดหวังจะต้องดำเนินงานอย่างมีหลักเกณฑ์ ต้องมีการเก็บข้อมูลที่ถูกต้องและสัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์ที่ขาย และมีการกำหนดแผนงาน รวบรวมรายชื่อลูกค้าผู้คาดหวังอย่างสม่ำเสมอ Show แหล่งที่มาของรายชื่อลูกค้าผู้คาดหวังมักจะมาจากแหล่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้คือ
4. งานนิทรรศการและการแสดง (Exhibitions and Demonstration) เป็นการแสวงหาลูกค้า โดยการหาจากประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการ หรืองานแสดงสนค้าที่จัดขึ้น และได้แสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์นั้นๆ เป็นวิธีที่จะได้ลูกค้าคาดหวังที่มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ง่าย เนื่องจากพวกเขามีความสนใจเป็นพื้นฐานในผลิตภัณฑ์นั้นอยู่แล้ว 5. รายชื่อ (List) พนักงานขายสามารถหารายชื่อลูกค้าผู้คาดหวังด้วยตนเองได้โดยวิธีการค้นหารายชื่อจากแหล่งต่าง ๆ เช่น กลุ่มในโซเซียลมีเดีย เพจ Facebook สมาชิกของสโมสรต่าง ๆ การเก็บข้อมูลอีเมลลูกค้า การศึกษา สมาคมศิษย์เก่า รายชื่อผู้ถือบัตรเครดิตจากสถาบันการเงิน รายงานการประชุมประจำปีของบริษัทต่างๆ เป็นต้น 6. เพื่อนและคนรู้จัก (Friends and Acquaintances) เป็นวิธีที่แสวงหาลูกค้าผู้คาดหวังโดยการขอรายชื่อจากเพื่อนคนคุ้นเคย หรือญาติมิตรของพนักงานขายเอง เป็นแหล่งที่เหมาะสำหรับพนักงานขายที่เพิ่งทำอาชีพการขายใหม่ ที่ยังไม่รู้จักแหล่งอื่นในการหาลูกค้าผู้คาดหวัง ซึ่งมักจะเป็นแหล่งที่ได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดี
ทั้งหมดนี้ก็เป็นอีก 8 เทคนิคที่จะทำให้เราหาลูกค้ารายใหม่ได้ตลอดเวลา ขอเพียงใช้จินตนาการร่วมด้วยว่าคนที่น่าจะสนใจกิจกรรมของกรรมทางการตลาดของเรา และสนใจสินค้าของเราคือใคร การมีรายชื่อผู้มุ่งหวังอยู่ตลอดเวลาก็เปรียบเหมือนทรัพย์สิน รายชื่อลูกค้าใหม่คือทรัพย์สินที่เราสามารถนำรายชื่อเหล่านั้นมาต่อยอดในการทำการตลาดต่อไปในอนาคต 1) PROSPECTING สามารถอธิบายได้ดังนี้ 1. P-personal คือใช้วิธีการสังเกตเป็นการส่วนตัวว่าคนไหนควรเป็นลูกค้าในอนาคตเราได้โดยประเมินลูกค้าว่าเหมาะสมที่จะเป็นลูกค้าได้หรือไม่ และจะสร้าง Need หรือความต้องการได้อย่างไร 2. R-referred คนที่ลูกค้าเห็นความสำคัญหรือคุณประโยชน์ แล้วเป็นผู้แนะนำไปพบคนรู้จัก เพื่อน ญาติๆ ของลูกค้านั่นเอง 3. O-office คือรายชื่อที่ได้จากที่ทำงาน ไม่ว่าจะได้มาจากพนักงานในองค์กรระดับต่าง ๆ หัวหน้า ผู้จัดการ หรือจากโทรทัศน์ที่มีลูกค้าติดต่อเข้ามา รายชื่อที่ได้มาจากออฟฟิศอาจจะได้จากออฟฟิตหรือที่ทำงานอื่นก็ก็ได้ 4. S-spouse รายชื่อที่ได้จากแฟน ภรรยา หรือแม่บ้าน หรือคู่สมรส ซึ่งนักขายจะต้องขายสินค้าขายความเชื่อถือความศรัทธาให้คู่สมรสเห็นได้ หรือสอดคล้องตามสินค้าในองค์กร 5. P-public คือรายชื่อที่ได้มาจากงานนิทรรศการหรืองานแสดงสินค้า 6. E-endless คือการให้วิธีการต่อลูกค้าแบบห่วงโซ่ที่ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ว่าบุคคลที่ไปพบเพื่อเสนอขายแล้วขายได้หรือไม่ก็ตาม โดยใช้วิธีการให้เขาแนะนำบุคคลที่รู้จัก 3 ราย ทุกครั้งที่เข้าพบ 7. C-cold คือ การออกพบลูกแบบปูพรม หมายถึงไปพบลูกค้าในเขตนั้น ๆ ทั่วทุกหัวระแ 8. T-through คือการให้หุ้นส่วนของเราเป็นผู้มุ่งหวังในการขายหรือขยายตลาด 2) PROSPECT สามารถอธิบายได้ดังนี้ 1. P-record คือการจัดแจงหารายชื่อผู้ที่อาจจะเป็นลูกค้าให้ได้มาด้วยตัวเราเอง โดยเราอาจจะกระทำได้โดยใช้วิธีต่าง ๆ 2. R-record จากรายชื่อที่สรรหามาได้ในข้อที่ 1 นั้น เพื่อนนักขายมืออาชีพควรจัดบันทึกผู้ที่อาจจะเป็นลูกค้าต่อไปในอนาคตเป็นประจำทุกวัน โดยจัดทำสมุดบันทึกไว้บันทึก 2 ด้าน ด้านนึง ตั้งใช้บันทึกผู้ที่เป็นผู้มุ่งหวัง อีกด้านใช้บันทึกผู้ที่เป็นลูกค้าหมายถึงได้ทำการซื้อแล้ว 3. O-organize รายชื่อที่ได้มา ให้จัดเป็นกลุ่มให้เป็นระเบียบคือ รายชื่อกลุ่มใดเป็นรายชื่อที่มีคุณภาพควรที่จะไปพบก่อนหลังตามลำดับ 4. S-subject ประเมินลูกค้าอย่างง่ายๆ เพื่อดูว่าเขามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นลูกค้า โดยดูจาก (1) ความสามารถในการซื้อ (2) ความตองการหรือความจำเป็น (3) อำนาจในการซื้อ (4) เข้าหาได้อย่างไร (5) คุณสมบัติโดยรวม 5. P-plan วางแผนในการขายกับลูกค้าในแต่ละรายที่จะพบ ดังนี้ (1) หาข้อมูลของลูกค้าไว้เสมอ เพื่อวางทิศทางการขาย (2) เตรียมคำถามที่จะสอบถามลูกค้า (3) เตรียมคำสั่งชุดเพื่อเสนอขาย (4) เตรียมบันทึกรายละเอียดเพื่อการนัดหมายครั้งต่อไป 6. E-exercise จินตนาการโดยสร้างภาพจำลองแห่งความสำเร็จในการขาย บรรยากาศ การขายไว้ล่วงหน้า ยิ้มแย้มแจ่มใส สร้างภาพแห่งความสำเร็จในจิตใจ โดยมองเห็นตนเองตดต่อเสนอขาย กับลูกค้าด้วยความกระตือรือร้นจริงใจ และลูกค้าก็ให้การค้อนรับเอาใจใส่ พร้อมที่จะดัดสินใจเป็นเข้าของ สินค้าหรือบิการด้วยความเต็มใจ 7. C-collect คือ การเป็นนักขายมืออาชีพที่สะสมรวบรวมผู้มุ่งหวังลูกค้าไว้ตลอดเวลา ไม่ว่า จะได้รายขอมาจากวีธีใด ๆ ดังกล่าวข้างค้น เพราะรายชื่อผู้มุ่งหวังหรือลูกค้าเปรียบเสมือนกับมีสต๊อกสินค้า สำรองไว้ขายเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสด 8. T-train คือ การฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอในกระบวนการหรือขั้นตอนต่าง ๆ ในการแสวงหาเพิ่มชุดยอดขายหรือการขยายตลาด โดยการพัฒนาปรับปรุงเพื่อเสริมสร้างดักยภาพ1ในการแสวงหารายชื่อ ที่มีคุณภาพสูงสุด การพิจารณาเลือกวิธีการแสวงหาผู้มุ่งหวัง จะเห็นได้ว่าวิธีการที่จะให้ได้ผู้มุ่งหวังมีอยู่หลายวิธี แต่พนักงานขายก็ไม่สามารถใช้ทุกวิธี หรือยึดเอาวิธีใดวิธีหนึ่งตลอดไปไค้ ดังนั้น จึงต้องมีการพิจารผ่านทุกวิธีก่อนนำไปใช้ปฏิบัติจริง มีข้อควรพิจารณา 1. พิจารณาตัวพนักงานขายเอง โดยให้เลือกวิธีที่ตัวเองสามารถปฏิบัติได้ง่ายที่สุด อย่าหวัง พึ่งพาคนอื่น งานขายเป็นงานที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง 2. พิจารณาตัวสินคา/บริการ เลือกวิธีการให้เหมาะกับตัวสินค้า ทุกวิธีจะได้กับสินค้าทุกตัวไม่ได้ เช่นขายประกันชีวิตควรแสวงหาลูกค้าด้วยระบบลูกโซ่ 3. พิจารณานโยบายของกิจการ จะใช้วิธีใดต้องดูนโยบายของกิจการ 4. พิจารณาถึงคู่แข่งขัน การแข่งขันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการการตลาดยุคปัจจุบัน ดังนั้น เสนอขายอย่างไร การวิเคราะห์ผู้มุ่งหวังเมื่อใด้ผู้มุ่งหวังมาแล้วพนักงาน’ขายต้องมาทำการวิเคราะห์แบ่งกลุ่ม แบ่งประเภท เพื่อจะได้ง่ายและสะดวกในการปฏิบัติตามทระบวนการขาย เพราะผู้มุ่งหวังแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ด้านความต่อการได้ วัตถุประสงค์การชื้อ หรือสภาพแวดล้อมของผู้มุ่งหวังเอง ดังนั้น พอจะแบ่งผู้มุ่งหวังแบ่งออกเป็น 3 ประเภท 1) ผู้มุ่งหวังประเภทผู้นำ (Lead) หรีอผู้มุ่งหวังที่ดี (Prospects) กลุ่มนี้เป็นผู้มุ่งหวังที่นีโอกาศ ซื้อมากที่สุด เพราะมีคุณลักษณะครบถ้วนทุกประการ ควรเป็นพวกแรกที่จะเข้าไปพบเพื่อทำการเสนอขาย เพราะกลุ่มนี้พร้อมที่จะตัดสนใจชื้อ 2) ผู้มุ่งหวังที่อยู่ในข่ายสงสัย (Suspects) กลุ่มนี้จะมีคุณลักษณะไม่ครบเหมือนกลุ่มแรก แต่ก็สามารถเปลี่ยนให้ชื้อสินค้า/บริการได้ ให้ติดตามเยี่ยมเยียนสม่ำเสมอ ลามารถเป็นลูกค้าที่ดีได้ เช่นกัน 3) ผู้มุ่งหวังที่ไม่สามารถเป็นลูกค้าที่ดีได้ (Dead Word) ผู้มุ่งหวังประเภทนี้ไม่มีคุณลักษณะ ข้อใดเลยมักจะมีข้อจำกัดในตัวเองมากมาย พนักงานขายไม่ควรนำมาเป็นผู้มุ่งหวัง เพราะจะทำให้ เสียเวลาในการเตรียมงานโดยเปล่าประโยชน์ และไม่ลามารถเปลี่ยนให้เป็นลูกค้าได้แน่นอน จึงควรตัด ออกไปได้เลย 1. ผู้ซื้อที่ตัดสินใจเร็ว (Impulsion Buyer) ช่วงนี้จะเป็นคนใจร้อนต้องการทุกอย่างให้เสร็จเร็วพนักงานขายควรพูดเฉพาะจุด 2. ผู้ที่ตัดสินใจช้า (Deliberate Buyer) กลุ่มซื้อกลุ่มนี้ค่อนข้างจะสุขุมรอบคอบบางครั้งค่อนข้างจะจุกจิกถามแล้วถามอีกคิดทบทวนนาน ๆ พนักงานจึงควรใจเย็นและช่วยเหลือในการตัดสินใจ
|