แผนการสอนโครงงานวิทยาศาสตร์ สสวท

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่แสวงหากำไรได้จัดทำเว็บไซต์คลังความรู้ SciMath เพื่อส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีทุกระดับการศึกษาโดยเน้นการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหลักหากท่านพบว่ามีข้อมูลหรือเนื้อหาใดที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

The Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology (IPST), Ministry of Education, a non-profit organization under the Thai government, developed SciMath as a website that provides educational resources in Science, Mathematics and Technology. IPST invites visitors to use its online resources for personal, educational and other non-commercial purpose. If there are any problems, please contact us immediately.

Copyright © 2018 SCIMATH :: คลังความรู้ SciMath. Terms and Conditions. Privacy. , All Rights Reserved. 
อีเมล: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. (ให้บริการในวันและเวลาราชการเท่านั้น)&lt;/p&gt;&lt;/div&gt; &lt;div&gt;&lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;script type="text/javascript"&gt; var _paq = window._paq || []; /* tracker methods like "setCustomDimension" should be called before "trackPageView" */ _paq.push(['trackPageView']); _paq.push(['enableLinkTracking']); (function() { var u="//report.scimath.org/matomo/"; _paq.push(['setTrackerUrl', u+'matomo.php']); _paq.push(['setSiteId', '1']); var d=document, g=d.createElement('script'), s=d.getElementsByTagName('script')[0]; g.type='text/javascript'; g.async=true; g.defer=true; g.src=u+'matomo.js'; s.parentNode.insertBefore(g,s); })(); </p></div></div></div></div></div></div></div></div></div></body> </html>

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่แสวงหากำไรได้จัดทำเว็บไซต์คลังความรู้ SciMath เพื่อส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีทุกระดับการศึกษาโดยเน้นการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหลักหากท่านพบว่ามีข้อมูลหรือเนื้อหาใดที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

The Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology (IPST), Ministry of Education, a non-profit organization under the Thai government, developed SciMath as a website that provides educational resources in Science, Mathematics and Technology. IPST invites visitors to use its online resources for personal, educational and other non-commercial purpose. If there are any problems, please contact us immediately.

Copyright © 2018 SCIMATH :: คลังความรู้ SciMath. Terms and Conditions. Privacy. , All Rights Reserved. 
อีเมล: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. (ให้บริการในวันและเวลาราชการเท่านั้น)&lt;/p&gt;&lt;/div&gt; &lt;div&gt;&lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;/div&gt; &lt;script type="text/javascript"&gt; var _paq = window._paq || []; /* tracker methods like "setCustomDimension" should be called before "trackPageView" */ _paq.push(['trackPageView']); _paq.push(['enableLinkTracking']); (function() { var u="//report.scimath.org/matomo/"; _paq.push(['setTrackerUrl', u+'matomo.php']); _paq.push(['setSiteId', '1']); var d=document, g=d.createElement('script'), s=d.getElementsByTagName('script')[0]; g.type='text/javascript'; g.async=true; g.defer=true; g.src=u+'matomo.js'; s.parentNode.insertBefore(g,s); })(); </p></div></div></div></div></div></div></div></div></div></body> </html>

แผนการจัดการเรียนรู้
วิชาโครงงานวทิ ยาศาสตร์

โรงเรียนเชตวันวทิ ยา
ในโครงการตามพระราชดาริ สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจ้า
กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 เวลา 2 ชว่ั โมง
เรื่อง การกาหนดปัญหา/ประเด็นที่สนใจ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5
วชิ าโครงงานวิทยาศาสตร์ ปีการศกึ ษา 2563
ภาคเรยี นที่ 2

สอนโดย นางสาวเจนจริ า นา้ หล่าย

1. สาระสาคญั
การท่ีจะเลอื กเรอื่ งหรอื หวั ขอ้ ทจี่ ะทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์น้นั จาเป็นตอ้ งมีการสารวจ ศึกษาและ

วิเคราะห์สภาพปญั หาต่าง ๆ ทงั้ ในโรงเรียน ในท้องถน่ิ ตามความสนใจและระดบั ความรู้ของนักเรียน โดยมีการ
รว่ มมือกนั ทางานอยา่ งมีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบและใจกวา้ งยอมรับฟังความคดิ เห็นของผู้อื่น

2. ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวัง
นักเรยี นสามารถวเิ คราะห์การกาหนดปญั หา/ประเดน็ ทสี่ นใจ และเขียนเค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์

ได้

3. สาระการเรียนรู้
การวิเคราะหส์ ภาพปัญหา หรอื สงิ่ ท่ีสนใจศึกษาภายในโรงเรยี น ในทอ้ งถน่ิ จนสามารถเลอื กเร่ืองท่ีจะ

ทาโครงงาน

4. กจิ กรรมการเรียนรู้
4.1 ขนั้ นา
1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน โดยการถาม-ตอบเกี่ยวกับความหมายโครงงาน ประเภท

โครงงาน และขนั้ ตอนในการทาโครงงาน
2. ยกตัวอยา่ งเคา้ โครงโครงงานวทิ ยาศาสตรอ์ ภปิ รายถงึ ปัญหาของนักเรยี นในการเลอื กเร่อื งหรือ

หัวขอ้ ในการทาโครงงาน ดังน้ันเพอื่ ให้นกั เรียนสามารถท่ีจะเลอื กเรื่องหรือหัวข้อในการทาโครงงาน เราจึงตอ้ ง
มารว่ มกันวเิ คราะห์ถึงสภาพปัญหา หรือสิ่งทีเ่ ราสนใจศึกษาก่อน โดยเราจะวเิ คราะห์จากในโรงเรยี น ในทอ้ งถ่ิน
หรือสิ่งทเ่ี ราสนใจท่จี ะศึกษา

4.2 ขัน้ สอน
1. ใหน้ กั เรยี นแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 3 คน
2. ครูเขียนหวั ข้อ (theme) เร่อื งปัญหาในโรงเรยี นเชตวันวทิ ยาเพื่อให้นกั เรยี นรว่ มกันวเิ คราะหป์ ัญหา

ท่ีนกั เรียนสังเกตเหน็ ในโรงเรียน
3. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์หาปัญหาในโรงเรยี น แล้วส่งตัวแทนออกมาเขยี นเปน็ ผังมโน

ทศั น์หน้าชั้นเรยี น
4. ครกู ลา่ วชมเชยนักเรยี น ที่ใหค้ วามรว่ มมือในการทากจิ กรรม นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปราย

เกย่ี วกบั ปัญหาทน่ี ักเรียนชว่ ยกันออกมาเขียนผังมโนทัศน์ โดยครูใช้คาถามนาดงั นี้
- จากปญั หาต่าง ๆท่เี กดิ ขึ้นในโรงเรยี นนักเรียนสนใจท่ีจะศกึ ษาปัญหาในเรื่องใด ?

- นักเรยี นคดิ วา่ ปัญหาทนี่ ักเรยี นสนใจศกึ ษาน้ีมสี าเหตุมาจากอะไร ? เก่ียวข้องกับวชิ าวิทยาศาสตร์
อย่างไร (ใหน้ กั เรียนรว่ มกันตอบแสดงความคิดเหน็ ซึ่งอาจมีคาตอบที่หลากหลาย ครจู ับข้ึนมาเปน็ ประเดน็
แล้วถามต่อ)

- จากปัญหาดงั กลา่ วนักเรยี นมีแนวความคดิ ในการแก้ปญั หาอยา่ งไร ?
- จากปัญหาที่นักเรียนเลือกนักเรียนจะตงั้ จุดประสงคว์ ่าอยา่ งไร ?
- จากปัญหาทีน่ ักเรียนเลอื กนกั เรยี นจะเก็บขอ้ มูลอย่างไรถงึ จะได้มาซ่ึงข้อสรุป ?
- นักเรียนจะวางแผนการดาเนนิ งานอย่างไร จงึ จะไดม้ าซ่ึงขอ้ มลู มแี หล่งคน้ คว้าเพม่ิ เติมหรอื ไม่ ?
5. ครูอธิบายให้นักเรียนทราบว่าจากการตอบคาถามข้างต้นนี้เป็นการให้นักเรียนเห็นแนวทาง หรือ
เปน็ การกาหนดกรอบในการศึกษาหรือทาโครงงานเบ้ืองตน้
6. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันคิดและอภิปรายถึงเร่ืองหรือหัวข้อที่จะทาโครงงานจากปัญหา
สาเหตุของปัญหา และแนวทางในการแก้ไขปัญหา แล้วให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมาเขียนช่ือโครงงานที่ได้ของ
แตล่ ะกลุ่มหนา้ ช้ันเรยี น
7. นักเรียนและครรู ่วมกันอภปิ รายช่ือเรอ่ื งทแี่ ตล่ ะกล่มุ ออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน และสรุปลักษณะ
ของเร่อื งที่เหมาะสมในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์
8. นกั เรยี นเลือกหัวขอ้ แลว้ รว่ มกนั วิเคราะห์ปญั หาตา่ งๆ ในหัวขอ้ ทกี่ ลุ่มมมี ตติ กลงเลือก แล้วบันทึกลง
ในใบงานท่ี 1 : แบบสารวจปญั หา (ผังมโนทศั น)์
9. นักเรียนแต่ละกลุ่มรับใบงานท่ี 2 : แบบวิเคราะห์ปัญหา แล้วเลือกปัญหาหรือสิ่งท่ีสนใจศึกษา มา
วิเคราะห์ถึงปัญหา สาเหตุของปัญหา แนวทาง/แนวความคิดในการศึกษาหรือแก้ปัญหา ให้ร่วมกันอภิปราย
แลว้ บนั ทกึ ลงในใบงานท่ี 2
4.3 ขั้นสรปุ
1. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลงาน จากการสารวจและวิเคราะห์ปัญหาในหัวข้อท่ีนักเรียน
สนใจที่จะศกึ ษา โดยนาเสนอหน้าช้ันเรียนและเปิดโอกาสให้มีการซักถาม โดยมีครูคอยสังเกตและประเมิน ให้
คาแนะนาเพมิ่ เติมหากกลุ่มใดยงั วเิ คราะห์ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์
2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาข้อมูลท่ีร่วมกันวิเคราะห์จากใบงานท่ี 1 และที่ 2 ไปใช้ในการตัดสินใจ
เลือกหัวข้อ/เร่ืองท่ีจะจัดทาโครงงาน วิทยาศาสตร์ มา 1 หัวข้อ โดยบันทึกการปฏิบัติลงในใบงานท่ี 3 : แบบ
กาหนดเรอ่ื งในการทาโครงงาน

5. สอ่ื อปุ กรณ์และแหล่งเรยี นรู้
5.1 ใบงานท่ี 1 : แบบสารวจปญั หา
5.2 ใบงานท่ี 2 : แบบวิเคราะห์ปญั หา
5.3 ใบงานที่ 3 : แบบกาหนดเรอื่ งในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์
5.4 หอ้ งสบื คน้ อนิ เตอร์เน็ต
5.5 ห้องสมุด

6. การวัดผลประเมินผล วิธกี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน
รายการวัดและประเมินผล
- สังเกตจากการ - ใบงานที่ 1 ระดับคุณภาพ
1. การปฏิบตั ิกิจกรรมการเรียนรู้ ตอบคาถาม - ใบงานท่ี 2 ดี :- วิเคราะห์ได้ชดั เจน
-สังเกตจากการร่วม - ใบงานท่ี 3 ครอบคลุม
กจิ กรรม ปานกลาง :- วิเคราะห์ได้
- ตรวจใบงาน บางสว่ น ไมค่ รอบคลุม
พอใช้ :- วเิ คราะห์ได้ไม่
ชดั เจนไม่ครอบคลุม

7. บันทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้
7.1 ผลการสอน / ผลการเรยี นรู้

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………

7.2 ปัญหา อปุ สรรค และขอ้ ค้นพบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

7.3 ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………
…………………………………………..…………………………………………………………………………………………………..………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ ……………………………………. ครผู ้สู อน
(นางสาวเจนจริ า นา้ หล่าย)
ตาแหนง่ ครูผ้สู อน

วนั ที่ ……… เดือน ………………….. พ.ศ. …………….

(ลงชื่อ).....................................................
(พระครโู สภณปัญญาธร)

ตาแหนง่ ผูอ้ านวยการโรงเรยี นเชตวันวิทยา
วนั ท่ี.........เดอื น.......................พ.ศ. ..............

ใบงานที่ 1
แบบสารวจปัญหา

คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นสารวจปญั หา หรอื ส่ิงทีต่ ้องการศึกษา จากหัวข้อดา้ นต่าง ๆ ทนี่ กั เรียนสนใจ ต่อไปน้ี
จานวน 1 เรอื่ ง แลว้ วเิ คราะห์ลงในผังมโนทศั น์

- ดา้ นคุณภาพของแหลง่ น้า ดนิ หรือทรพั ยากรธรรมชาติในท้องถ่นิ ทถี่ ูกทาลาย
- ดา้ นเกษตรกรรม หรือผลผลติ ทางการเกษตร
- ด้านขยะมูลฝอย ในท้องถน่ิ
- สภาพภายในโรงเรียนเชตวนั วทิ ยา ด้านต่าง ๆ
1. รายชื่อสมาชกิ กลุ่ม 1. ……………………………………………………………………

2. . …………………………………………………………………
3. . …………………………………………………………………
2. ผงั มโนทัศน์เรื่องท่ีนักเรียนเลือกในการวิเคราะห์ คือ

ดา้ น…...............................................................
..........................................................................
..........................................................................

ใบงานท่ี 2
แบบวิเคราะหป์ ัญหา

คาช้แี จง : ใหน้ กั เรียนเลอื กปัญหา หรือเรือ่ งที่สนใจศึกษา จากการวิเคราะห์ในผังมโนทัศนท์ ่ีนกั เรียน
วเิ คราะห์แล้ว 1 เร่อื ง มาวิเคราะห์ถึงปญั หา (ส่งิ ทีต่ ้องการศกึ ษา) , สาเหตขุ องปญั หา (มีจุดประสงค์อยา่ งไร
ในการศึกษาเร่ืองน้ันๆ) , แนวความคดิ ในการแก้ปัญหา (จะทาอย่างไรทจ่ี ะไดม้ าซ่ึงข้อมูล หรือส่ิงทต่ี อ้ งการ
ศกึ ษา )

1. รายช่ือสมาชิกกลุม่ 1. ……………………………………………………………………
2. . …………………………………………………………………
3. . …………………………………………………………………

2. ปญั หา หรอื เรอ่ื งท่สี นใจศึกษาเลอื กในการวเิ คราะห์ คือ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2.1ปญั หา (สงิ่ ทต่ี ้องการศึกษา)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

2.2 สาเหตขุ องปัญหา(มีจดุ ประสงค์อยา่ งไรในการศกึ ษาเรื่องนน้ั ๆ)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.3 แนวความคิดในการแก้ปัญหา(จะทาอยา่ งไรท่ีจะได้มาซงึ่ ข้อมูล หรือส่งิ ท่ีต้องการศึกษา )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงานที่ 3
แบบกาหนดเร่อื งในการทาโครงงาน

คณติ ศาสตร์

คาชี้แจง : จากสภาพปัญหาหรือหัวข้อทนี่ ักเรยี นร่วมกนั วเิ คราะห์ ให้นกั เรียนตกลงกนั ในหอ้ งเรียน เพ่ือ
กาหนดเรอ่ื งทจ่ี ะทาโครงงาน วิทยาศาสตร์ โดยเขียนชอ่ื เรื่องให้ชัดเจน และเตรยี มการวางแผนเพ่ือดาเนินการ
จัดทาโครงงานได้เหมาะสม

1. ช่อื โครงงาน(ตัดสนิ ใจเลอื กทา)
……………………………………………………………………………………………………………….

2. ความสาคญั /เหตผุ ลในการเลือกทาเรอ่ื งน้ี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………….………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………

3. จุดม่งุ หมาย/จดุ ประสงค์ในการทา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………

4. ขอ้ มลู ทีจ่ าเปน็ ต้องศึกษาค้นควา้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………

5. วิธีการดาเนินงาน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………

6. ประโยชน์/ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ บั จากการทาโครงงานน้ี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2

เรอ่ื ง การรวบรวมขอ้ มูลทีเ่ กีย่ วข้อง เวลา 2 ชว่ั โมง

วชิ าโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 5

ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563

สอนโดย นางสาวเจนจิรา น้าหล่าย

1. สาระสา้ คัญ
ในการจัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ให้สามารถดาเนินงานวางแผนและมีคุณภาพนั้น ย่อมข้ึนอยู่กับ

การเลอื กเอกสารที่เกีย่ วขอ้ งในการศึกษา ค้นคว้า จะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่จะกาหนดขอบข่ายของเรื่องท่ี
จะศกึ ษาคน้ ควา้ ใหเ้ ฉพาะเจาะจงมากขึ้น และได้ความรู้ในเร่ืองที่จะทาการศึกษาเพิ่มเติมมากขึ้น จนสามารถ
ออกแบบและวางแผนดาเนนิ การจัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์ไดอ้ ย่างเหมาะสม

2. ผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวัง
นักเรยี นสามารถศึกษาเอกสาร และแหล่งข้อมลู อ่นื ๆท่ีเก่ยี วข้องกับการจดั ทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์

ในเร่ืองทน่ี ักเรยี นสนใจเลอื กทาได้

3. สาระการเรียนรู้
การเลือกเอกสารที่เกี่ยวข้องในการศึกษา ค้นคว้า จะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่จะกาหนดขอบข่าย

ของเรือ่ งทีจ่ ะศึกษาคน้ ควา้ ใหเ้ ฉพาะเจาะจงมากขึ้น และได้ความรู้ในเร่ืองที่จะทาการศึกษาเพ่ิมเติมมากข้ึนจน
สามารถนามาใช้ในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ แหลง่ ข้อมลู ในการศึกษาค้นคว้า

4. กจิ กรรมการเรียนรู้
4.1 ขั้นนา้
1. ครทู บทวนความรู้เดิมของนักเรียน โดยการถาม-ตอบเก่ียวกับความหมายโครงงาน วิทยาศาสตร์

ประเภทโครงงาน และขั้นตอนในการทาโครงงาน
2. ยกตวั อย่างเค้าโครงโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ทนี่ ักเรยี นเลือกเรื่องทจี่ ะทาโครงงานจากชั่วโมงที่ผ่านมา

เป็นหัวข้อในการอภิปรายถึงปัญหาของนักเรียนในการเลือกเรื่องหรือหัวข้อในการทาโครงงาน ดังนั้นเพ่ือให้
นักเรียนสามารถทจ่ี ะทาโครงงาน เราจงึ ตอ้ งมีแหล่งทจี่ ะศึกษาคน้ คว้าซ่ึงเราสามารถศึกษาได้จากเอกสาร และ
แหล่งข้อมูลต่าง ๆ

4.2 ขน้ั สอน
1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มศึกษาสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต และหนังสือในห้องสมุดเพ่ือเป็นเอกสาร

ประกอบในการทาโครงงาน
2. ครแู จกใบความรูท้ ่ี 1 เรือ่ งแหล่งข้อมูลและใบงานที่ 4 เรื่อง แบบบนั ทึกรายละเอยี ดที่คน้ คว้า

จากแหล่งข้อมลู พรอ้ มอธบิ ายเพ่มิ เติม
3. นกั เรยี นร่วมกันปฏิบัติตามแบบกิจกรรม โดยร่วมกันศึกษาเพิ่มเติมจากเอกสารและอภิปรายแสดง

ความคิดเหน็
4. ครกู ล่าวชมเชยนกั เรยี น ทใ่ี หค้ วามร่วมมือในการทากิจกรรม นกั เรียนและครูร่วมกนั อภปิ ราย

เกีย่ วกับการเลือกศึกษาเอกสาร และแหล่งข้อมูลอื่นๆทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การจัดทาโครงงาน

4.3 ขน้ั สรปุ
1. ใหต้ ัวแทนนกั เรียนออกมานาเสนอผลงาน โดยนาเสนอหน้าช้นั เรยี นและเปิดโอกาสใหม้ ีการซักถาม
โดยมคี รคู อยสงั เกตและประเมนิ ให้คาแนะนาเพิม่ เตมิ หากนกั เรียนยังเขยี นไม่ครบถ้วนและยงั ไม่ถูกต้อง
2. นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรปุ และจดบันทึกลงในสมดุ บันทึก

5. สื่ออุปกรณแ์ ละแหล่งเรียนรู้
5.1 ใบความร้ทู ี่ 1 : แหล่งขอ้ มูล
5.2 ใบงานท่ี 4 : แบบบันทึกรายละเอียดท่ีค้นควา้ จากแหล่งข้อมลู
5.3 หอ้ งสมดุ
5.4 หอ้ งสืบคน้ อนิ เตอร์เนต็

6. การวัดผลประเมนิ ผล

รายการวัดและประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน
1. การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการเรียนรู้ -ใบกิจกรรมที่ 4
- สงั เกตจากการ ระดบั คุณภาพ
ตอบคาถาม ดี :- เขยี นได้ชัดเจน
-สงั เกตจากการรว่ ม ครอบคลุม
กจิ กรรม ปานกลาง :- เขยี นได้
- ตรวจใบงาน บางส่วน ไม่ครอบคลุม
พอใช้ :- เขยี นได้ไมช่ ัดเจน
ไมค่ รอบคลุม

7. บนั ทกึ หลังการจัดการเรียนรู้
7.1 ผลการสอน / ผลการเรยี นรู้

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

7.2 ปญั หา อปุ สรรค และข้อค้นพบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

7.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………
…………………………………………..…………………………………………………………………………………………………..………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ ……………………………………. ครผู ้สู อน
(นางสาวเจนจริ า น้าหลา่ ย)
ตาแหน่ง ครูผ้สู อน

วันท่ี ……… เดือน ………………….. พ.ศ. …………….

(ลงชอ่ื ).....................................................
(พระครโู สภณปญั ญาธร)

ตาแหน่ง ผอู้ านวยการโรงเรียนเชตวันวทิ ยา
วันท.่ี ........เดือน.......................พ.ศ. ..............

ใบความรทู้ ่ี 1
เรื่อง แหล่งข้อมูล

คา้ ช้ีแจง : ใหน้ กั เรยี นศึกษาทาความเข้าใจในเอกสารใบความรแู้ ลว้ รว่ มกนั อภปิ รายภายในกลมุ่

แหล่งข้อมูล
เพ่ือให้นกั เรยี นไดค้ ้นพบส่งิ ทีต่ นเองสนใจไดอ้ ย่างกวา้ งขวาง นอกเหนือจากการเรียนในชนั้ เรยี น และ
การอา่ นหนงั สือแบบเรียนแล้ว นกั เรยี นควรจะได้ศึกษาหาความรจู้ ากแหลง่ ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ
เพ่ิมเติมอีกดงั ตอ่ ไปนี้
1. การอ่านหนังสือตา่ ง ๆ เช่น ตารา หนังสอื พิมพ์ วารสาร เป็นต้น
2. การไปเยย่ี มชมสถานทีต่ ่าง ๆ เชน่ โรงงานอตุ สาหกรรม หน่วยงานวิจยั เปน็ ต้น
3. การฟังบรรยายทางวชิ าการ การฟังและชมรายการทางวทิ ยุ โทรทศั น์
4. จากกจิ กรรมการเรียนการสอนในโรงเรยี น
5. งานอดเิ รกของนกั เรยี นเอง
6. การเข้าชมนิทรรศการ หรอื งานประกวดโครงงานต่าง ๆ
7. การศึกษาโครงงานต่างๆ ที่ผู้อื่นทาไวแ้ ล้ว
8. การสนทนากับครอู าจารย์ เพอ่ื น ๆ หรือบุคคลอืน่ ๆ
9. การสังเกตปรากฏการณต์ ่าง ๆ รอบ ๆ ตวั ด้านสง่ิ แวดล้อม ด้านสังคมและวัฒนธรรมท้งั
ทเ่ี ป็นปญั หาและความต้องการ
10. จากสอ่ื เทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์
และสิง่ ที่สาคัญที่ควรจดบนั ทึกทกุ ครัง้ เมื่อได้ขอ้ มูลทตี่ ้องการแล้วคอื ที่มาของข้อมูลอนั ประกอบด้วย ชอื่
เรอ่ื ง ชื่อผู้เขียนหรือผูแ้ ต่ง ชื่อหนงั สอื วนั เดือน ปที ่พี ิมพ์ และสานักพมิ พ์
11. จากหนงั สอื งานวจิ ัยยอ้ นหลังทไี่ ม่เกิน 10 ปี

ใบงานท่ี 4
แบบบันทึกรายละเอียดท่ีค้นควา้ จากแหล่งข้อมลู

คณติ ศาสตร์

ค้าช้ีแจง : ให้นักเรยี นไปช่วยกนั คน้ คว้าหาหัวข้อหรอื เร่ืองราวที่นกั เรยี นสนใจศึกษาสารวจจากแหล่งข้อมลู จริง
แล้วเขียนรายละเอยี ดที่คน้ คว้าได้ลงในใบกิจกรรมตามหัวข้อตอ่ ไปน้ี

หวั ขอ้ หรอื เรือ่ งราวทีส่ นใจศึกษาสารวจทาโครงงาน
เรื่องท่ี 1………………………………………………………………………………………………
ชอื่ ผูเ้ ขยี น……………………………………………………………………………………………
จากแหลง่ ข้อมูล(ชอ่ื สถานท่ี และชือ่ หนงั สือ หรือวารสารฯ)
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ฉบับที่………วันท่ี……..เดือน………………..ปี……………สานักพิมพ์…………………………
เรอ่ื งท่ี 2………………………………………………………………………………………………
ชอ่ื ผเู้ ขยี น……………………………………………………………………………………………
จากแหล่งข้อมลู (ชือ่ สถานที่ และชอื่ หนังสอื หรือวารสารฯ)
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ฉบับท่ี………วนั ท่ี……..เดอื น………………..ป…ี …………สานกั พิมพ์…………………………
เรื่องที่ 3………………………………………………………………………………………………
ช่ือผู้เขียน……………………………………………………………………………………………
จากแหล่งข้อมลู (ชอ่ื สถานที่ และชื่อหนังสอื หรือวารสารฯ)
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ฉบับท่ี………วันท่ี……..เดือน………………..ป…ี …………สานักพิมพ์…………………………
เรอ่ื งที่ 4………………………………………………………………………………………………
ช่ือผู้เขียน……………………………………………………………………………………………

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3

เร่อื ง การออกแบบและดาเนินกจิ กรรมโครงงาน เวลา 1 ช่ัวโมง

วิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5

ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563

สอนโดย นางสาวเจนจริ า นา้ หลา่ ย

1. สาระสาคญั
ในการจดั ทาโครงงานใหเ้ กิดประโยชนแ์ ละมีคณุ ภาพน้ัน ย่อมขน้ึ อยู่กบั การวางแผน และออกแบบ

การดาเนินงาน ซง่ึ หลกั การดังกลา่ วเกดิ จากการเขียนเค้าโครงของโครงงาน หากมกี ารออกแบบวางแผน
ดาเนินงานทีด่ ี ยอ่ มทาให้การดาเนนิ งานโครงงานสาเร็จได้และมคี ุณภาพ

2. ผลการเรียนร้ทู ค่ี าดหวงั
นกั เรียนสามารถวางแผนและดาเนินงานเขียนเค้าโครงของโครงงานในเรื่องทนี่ ักเรียนสนใจเลือกทาได้

3. สาระการเรียนรู้
หลกั การเขยี นเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์

4. กจิ กรรมการเรียนรู้
4.1 ข้นั นา
1. นักเรียนและครูร่วมอภิปรายถึงการศึกษาค้นคว้า และแหล่งข้อมูลในการศึกษาค้นคว้าเก่ียวกับ

โครงงานวทิ ยาศาสตร์ และข้ันตอนในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์
2. ครูอธิบายให้นักเรียนเห็นความสาคัญของการเขียนเค้าโครงของโครงงานว่ามีความสาคัญอย่างไร

ให้นกั เรียนทราบวา่ เค้าโครงของโครงงานนน้ั เปรยี บเสมือนการวางแผนการทางานอยา่ งคร่าวๆ และจะเป็นตัวที่
ทาใหโ้ ครงงานวิทยาศาสตร์ของนกั เรียนบรรลถุ ึงเปา้ หมายในการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ได้

4.2 ขัน้ สอน
1. ครแู จกใบความรูท้ ี่ 2 เร่ือง การเขียนเค้าโครงของโครงงาน และใบกิจกรรมท่ี 5 แบบฟอร์มการ

จดั ทาเค้าโครงของโครงงาน พร้อมอธบิ ายเพ่มิ เติม
2. นักเรียนร่วมกันปฏิบัติตามแบบกิจกรรม โดยสามารถกาหนดได้ตามแนวคิดของตนเองจาก

การศกึ ษามาในช่วงเวลาวา่ ง รว่ มกันศึกษาเพม่ิ เตมิ จากเอกสารและอภิปรายแสดงความคิดเหน็
3. ครูกล่าวชมเชยนักเรียน ท่ีให้ความร่วมมือในการทากิจกรรม นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย

เกย่ี วกับการเขียนเค้าโครงของโครงงาน
4.3 ขัน้ สรปุ
1. ตัวแทนนักเรียนออกมานาเสนอผลงาน โดยนาเสนอหน้าช้ันเรียนและเปิดโอกาสให้มีการซักถาม

โดยมีครคู อยสงั เกตและประเมนิ ให้คาแนะนาเพม่ิ เตมิ หากกลุ่มใดยังเขยี นไมค่ รบถว้ นและยงั ไมถ่ ูกต้อง

5. สอ่ื อุปกรณ์และแหลง่ เรยี นรู้
5.1 ใบความรูท้ ี่ 2 : เรื่อง การเขียนเค้าโครงของโครงงาน
5.2 ใบงานที่ 5 : แบบฟอร์มการจัดทาเค้าโครงของโครงงาน
5.3 หอ้ งสืบคน้ ข้อมลู ทางอินเตอรเ์ นต็

6. การวดั ผลประเมินผล

รายการวัดและประเมินผล วธิ กี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน
1. การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการเรยี นรู้
- สังเกตจากการ -ใบงานที่ 5 ระดบั คณุ ภาพ
ตอบคาถาม -ใบความรทู้ ี่ 2 ดี :- เขียนไดช้ ดั เจน
-สังเกตจากการรว่ ม ครอบคลุม
กิจกรรม ปานกลาง :- เขยี นได้
- ตรวจใบงาน บางส่วน ไม่ครอบคลมุ
พอใช้ :- เขียนได้ไม่ชัดเจน
ไมค่ รอบคลุม

7. บนั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู้
7.1 ผลการสอน / ผลการเรยี นรู้

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………

7.2 ปญั หา อปุ สรรค และข้อค้นพบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………

7.3 ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………
…………………………………………..…………………………………………………………………………………………………..………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ……………………………………. ครูผ้สู อน
(นางสาวเจนจิรา นา้ หลา่ ย)
ตาแหนง่ ครผู สู้ อน

วนั ที่ ……… เดือน ………………….. พ.ศ. …………….

(ลงชือ่ ).....................................................
(พระครโู สภณปญั ญาธร)

ตาแหนง่ ผู้อานวยการโรงเรยี นเชตวันวทิ ยา
วนั ท.ี่ ........เดอื น.......................พ.ศ. ..............

ใบความร้ทู ี่ 2
เร่ือง การเขียนเคา้ โครงของโครงงาน

คณิตศาสตร์

คาชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นศึกษาทาความเข้าใจในเอกสารใบความรู้แล้วร่วมกันอภิปรายภายในกล่มุ

หลักการเขียนเค้าโครงโครงงานประกอบด้วย
1. ชือ่ โครงงานช่อื โครงงานท่ีดคี วรมีลักษณะ ดงั นี้
a. เปน็ ข้อความทมี่ ีความกะทดั รัด ชดั เจน
b. ชือ่ ของโครงงานเมื่ออา่ นแล้ว ควรมองเห็นภาพพจนข์ องโครงงานน้นั วา่ มลี กั ษณะเปน็ อย่างไร
c. ชอ่ื โครงงานควรเป็นหัวข้อที่เปน็ ปญั หา และนา่ สนใจต่อผ้พู บเหน็ และสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้
2. ชอ่ื ผ้ทู าโครงงานต้องมีการระบุช่ือผ้ทู าโครงงาน โดยมีการระบุ

ชอื่ ..........................................นามสกุล................................เลขที่...............ช้ัน......................
โรงเรยี น..............................................................................

3. ชอ่ื ท่ีปรึกษาโครงงานทีป่ รึกษาโครงงานควรมีลกั ษณะ ดงั นี้
a. เป็นผเู้ ช่ยี วชาญในเน้อื หาของโครงงานนั้นๆ
b. เปน็ ผทู้ ่มี เี วลาในการให้คาแนะนาปรกึ ษา เม่อื มปี ญั หาในการดาเนินงานโครงงาน
c. เปน็ ผทู้ ่พี บปะได้งา่ ย และสะดวกต่อผทู้ าโครงงาน
d. เป็นผู้ที่เต็มใจ และพอใจในการใหค้ าแนะนาปรกึ ษา ในการดาเนนิ โครงงาน
e. เป็นผู้ที่มีความเขา้ ใจท่ีดีกบั ผ้ดู าเนนิ โครงงาน
4. ที่มาและความสาคญั ของโครงงานควรมีลกั ษณะ ดังน้ี
a. มีการบ่งบอกรากฐานความเป็นมาของโครงงาน ว่ามที ี่มาอย่างไร
b. มีแนวความคิดเป็นพนื้ ฐานที่มาของโครงงานนน้ั ๆ อย่างไร
c. ควรให้ผ้อู า่ น หรอื ผใู้ ช้โครงงานอยา่ งน้อยให้มีความเข้าใจ และทราบถึงพืน้ ฐานความเป็นมาแนวคิดของโครงงาน
นั้น
d. ต้องมีการเขยี นแสดงถึงความสาคัญของโครงงาน จากประเด็นต่างๆในโครงงานนั้น
e. มกี ารระบุความเร่งดว่ นของโครงงาน ตลอดจนความสมั พนั ธ์ ความผูกพันระหวา่ งโครงงานนน้ั ๆ กับโครงงาน
หรอื ความรตู้ ่างๆ ท้งั ในอดตี ปัจจุบนั และอนาคต
5. จุดมงุ่ หมายของการศกึ ษาค้นคว้าตอ้ งมลี ักษณะดงั น้ี
5.1 เขยี นเป็นประโยคคาถาม หรอื เปน็ ประโยคธรรมดาก็ได้ หรือจะเขียนผสมกนั ระหว่างประโยคท้งั สองที่กล่าวมาแล้ว
กไ็ ด้

- ควรใช้ภาษาท่ี แจม่ ชดั เข้าใจงา่ ย ไม่กวน
- สามารถตั้งสมมติฐานได้
- สามารถทาการทดสอบได้
- ควรแยกแยะให้เห็นสิ่งทตี่ ้องการศกึ ษาเป็นรายยอ่ ย ไม่ควรเขียนคลมุ ๆกนั ไวท้ าให้ขาดความเป็นปรนยั

6. สมมตุ ิฐานของการศกึ ษาคา้ ควา้ (ถ้ามี)
สมมติฐานของการศกึ ษาค้นคว้า หมายถึง ขอ้ ความทีผ่ ้ดู าเนินงานเสนอหรือคาดคะเนวา่ เป็นคาตอบของการศึกษาคน้ ควา้
มกั เขียนในรูปข้อสรปุ หรือปัญหาท่ีรอการพสิ ูจน์

7. วธิ ีดาเนินงานวิธดี าเนินงานนจ้ี ะเป็นสว่ นระบุถึงแนวทาง กลยทุ ธ์ และวธิ ที จี่ ะทาโครงงานน้นั ๆ โดยละเอยี ด
ในการระบวุ ธิ ดี าเนนิ งานน้ี จะตอ้ งช้แี จงรายละเอยี ดวา่ ทาอย่างไร เพยี งใด จงึ จะบรรลุตามเป้าหมายทีก่ าหนดตาม
โครงงาน มีการระบุถงึ

a. วัสดุอปุ กรณ์ที่ใช้ ใหร้ ะบถุ ึงวัสดุอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการดาเนนิ โครงงานโดยละเอยี ดเป็นรายข้อ

b. แนวการศึกษาค้นคว้า ระบกุ ารจดั ทาและดาเนนิ โครงงานว่าได้แนวคิดจากแหล่งใด โดยใครและนามา
ประยุกต์ใช้ในโครงงานน้ีอย่างไร

8. แผนปฏบิ ัตงิ านเขียนแผนปฏบิ ัติงานในการจดั ทาและดาเนินงานโครงงานโดยละเอียด เป็นข้ันตอนระบุ
ระยะเวลาในการดาเนินกจิ กรรม ผูร้ ับผดิ ชอบ และงบประมาณ (ในรูปตาราง เพื่อความสะดวกในการนาเสนอ)
แผนปฏิบัตงิ านแบ่งออกเป็นขั้นๆ โดยสรปุ ดงั น้ี

a. ข้ันตอนการดาเนนิ งาน
เปน็ ข้ันตอนท่ีผูร้ บั ผิดชอบโครงงานต้องเตรียมการก่อนดาเนินงาน เชน่ ศกึ ษาค้นควา้ เอกสารอา้ งอิง ประชุม
ผรู้ บั ผิดชอบโครงงาน เลอื กหัวขอ้ ในการทาโครงงาน จดั เตรยี มวสั ดุอุปกรณ์ และแบ่งหน้าทีต่ ามความรบั ผิดชอบภายใน
กลุม่

b. ขั้นดาเนนิ งาน
ระบุรายละเอียดต้งั แตเ่ ริ่มดาเนินการ จนโครงงานสาเร็จเป็นขั้นตอนในแตล่ ะช่วงเวลา

c. ขั้นวัดผลและประเมินผล
ระบเุ ครื่องมือที่ใช้ในการวดั และประเมินผลวา่ ใช้เครื่องมือชนดิ ใดบา้ ง เชน่ การสงั เกต การซักถาม หรือ
แบบสอบถาม เปน็ ต้น

9. ผลท่คี าดว่าจะไดร้ บั
ผลท่ีคาดว่าจะไดร้ บั จะเปน็ การระบุถงึ ประโยชน์หรอื ผลท่ีพีงจะได้รับหลงั จากสนิ้ สุดการทาโครงงานน้นั ๆ แล้วเปน็ การ
แสดงผลกระทบทดี่ ี ทัง้ ทางตรงและทางอ้อม และระบุว่าใครจะได้รบั ประโยชน์ และผลกระทบ หรือมกี ารเปล่ียนแปลง
ในเร่อื งอะไร และอย่างไร ทงั้ เชงิ คุณภาพและปรมิ าณ

10. เอกสารอ้างองิ จะเปน็ สิง่ ท่ีทาใหผ้ ูด้ าเนินโครงงานมองเห็นแนวทางในการดาเนินงานและแก้ปญั หาของตนได้
ดขี ้นึ

ใบงานที่ 5
แบบฟอร์มการจดั ทาเค้าโครงของโครงงาน

คาชแ้ี จง : ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั เขียนเคา้ โครงของโครงงานตามแบบฟอร์มที่กาหนดให้
1. ชื่อโครงงาน …………………………………………………………………………………...
2. ชอ่ื ผู้ทาโครงงาน ……………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………....................................…………………………………
………………………………………………....................................
3. ชือ่ ท่ีปรกึ ษาโครงงาน…………………………………………………………………………………
4. ทมี่ าและความสาคัญของโครงงาน ……………………………………………………………….
………………………………………………………………………………......................................…………………………………
………………………………………………....................................……………………………………………………………………
……………........................................................................................................................ ................................
5. จุดม่งุ หมายของการศึกษาค้นคว้า
……………………………………………………………………………………………………………………………………………….......
.........................................................................................................…………………………………………………… …
………………………............................................................................................................................................
6. สมมุตฐิ านของการศกึ ษาค้าควา้ (ถ้ามี) ………………………………………………………………
………………………………………………………………………………............................................……………………………
…………………………………………………..............................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................
7. วิธีดาเนินงาน
- วัสดอุ ุปกรณ์ทีต่ ้องใช้ ……………………………………………………………………………...
………………………………………………………………………......................................................
- แนวการศกึ ษาค้นควา้ ……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………….......................................................
8. แผนปฏิบตั งิ าน ……………………………………………………………………….......................
………………………………………………………………………………............................................
………………………………………………………………………………..............................................................................
............................................................................................................................. ..........................................
9. ผลทคี่ าดวา่ จะได้รบั …………………………………………………………………………………….
.………………………………………………………………………………............................................……………………………
………………………………………………….............................................................................
10. เอกสารอ้างอิง
.……………………………………………………………………………………….…………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 4

เรอ่ื ง การออกแบบและดาเนนิ กจิ กรรมโครงงาน เวลา 1 ชัว่ โมง

วชิ าโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5

ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563

สอนโดย นางสาวเจนจิรา น้าหลา่ ย

1. สาระสาคญั
เพ่อื ให้การจดั ทาโครงงานของผู้เรียนประสบความสาเร็จและเป็นไปตามขน้ั ตอน และวตั ถปุ ระสงค์ที่ได้

วางแผนไว้

2. ผลการเรียนรูท้ ค่ี าดหวงั
นักเรียนสามารถดาเนินงานตามข้นั ตอนโครงงานที่วางแผนไว้

3. สาระการเรียนรู้
การดาเนนิ งานตามขัน้ ตอนการทาโครงงานวิทยาศาสตร์

4. กจิ กรรมการเรยี นรู้
4.1 ขั้นนา
1. ครูสนทนาซักถามนักเรียนถึงโครงงานท่ีนักเรยี นไดเ้ ลือกเพื่อดาเนินงานตามขัน้ ตอน และเค้าโครงท่ีได้
ดาเนนิ การผา่ นมาแล้ว วันนี้นกั เรยี นจะไดป้ ระดิษฐด์ าเนนิ งาน ครูตรวจเชค็ วสั ดุอปุ กรณ์ของแต่ละ
กล่มุ
4.2 ขัน้ สอน
2. ให้นกั เรียนจะทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์
3. นกั เรียนจัดเตรียมอุปกรณ์และชว่ ยกันวางแผนดาเนนิ งานตามขั้นตอน
3. ให้นักเรียนเขา้ กลุ่ม ตามกลุ่มท่นี กั เรยี นจะทาโครงงาน ช่วยกนั วิเคราะห์ปัญหาท่ีพบและดาเนินการ

ตอ่ เน่ืองจากที่วางแผนไว้จนงานแลว้ เสร็จ
4. ครูใหค้ าปรกึ ษาและคอยดูแลการดาเนินงานของนักเรียนครูกล่าวชมเชยนักเรียนที่ให้ความร่วมมือ

ในการทากิจกรรม
5.3 ขัน้ สรุป
5. ให้นักเรียนนาเสนอผลงาน ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปราย และแนะนาในส่วนทเ่ี ป็นจุดเด่นและ

จุดที่ควรแก้ไขเพม่ิ เติม พรอ้ มนัดหมายให้นักเรียนไดห้ าเวลาทานอกเวลาเรียนดว้ ยและเพิม่ เติมให้ชว่ ยกันใน
กลุ่ม

5. ส่ืออปุ กรณแ์ ละแหล่งเรยี นรู้
5.1 วสั ดอุ ุปกรณ์ในการประดษิ ฐช์ นิ้ งาน
5.2 หอ้ งสืบคน้ ทางอนิ เตอรเ์ น็ต

6. การวัดผลประเมินผล

รายการวดั และประเมนิ ผล วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมิน
1. การปฏิบตั ิกิจกรรมการเรียนรู้
- สังเกตจากการ -แบบประเมินผล ระดับคุณภาพ
ตอบคาถาม งาน ดี :- ใชว้ สั ดตุ ามทว่ี างแผน
-สงั เกตจากการรว่ ม ไว้ ทาได้ตามขน้ั ตอน
กจิ กรรม ทันเวลา
ปานกลาง :- ใช้วสั ดตุ ามท่ี
วางแผนไว้ ตามข้นั ตอนแต่
ไม่ทนั เวลา
พอใช้ :- ใชว้ ัสดุที่วางแผน
ไว้ ไมท่ าตามข้ันตอน ไม่
ทันเวลา

7. บันทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้
7.1 ผลการสอน / ผลการเรียนรู้

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

7.2 ปัญหา อปุ สรรค และขอ้ ค้นพบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

7.3 ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………
…………………………………………..…………………………………………………………………………………………………..………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ ……………………………………. ครูผ้สู อน
(นางสาวเจนจิรา นา้ หล่าย)
ตาแหนง่ ครผู ู้สอน

วนั ที่ ……… เดอื น ………………….. พ.ศ. …………….

(ลงช่อื ).....................................................
(พระครูโสภณปัญญาธร)

ตาแหน่ง ผอู้ านวยการโรงเรียนเชตวันวทิ ยา
วันท.ี่ ........เดือน.......................พ.ศ. ..............

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 5

เรือ่ ง การรวบรวม สรปุ และอภปิ รายผลโครงงาน เวลา 2 ช่ัวโมง

วิชาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5

ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563

สอนโดย นางสาวเจนจิรา น้าหลา่ ย

1. สาระสา้ คัญ

ในการรวบรวม สรุป และอภิปรายผลโครงงาน เป็นการ สรุปผลการทางานของกลุ่มว่าผลการ
ดาเนินงานตามโครงงานท่ีเตรียมไว้ ผลที่ได้รับเป็นอย่างไร การสรุปผลก็จะสรุปประเด็นตามวัตถุประสงค์ของ
โครงงานโดยพิจารณาว่าการดาเนินโครงงานน้ีบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่คิดหวังไว้หรือไม่อย่างไร ถ้าไม่บรรลุ
เป้าหมายเป็นเพราะสาเหตุใด ประโยชน์ที่ได้รับจากการทาโครงงานมีอะไรบ้าง มีอุปสรรคใดในการดาเนิน
โครงงานและสดุ ทา้ ยเป็นขอ้ เสนอแนะในการแก้ปญั หาทเี่ ปน็ อปุ สรรค

2. ผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวัง
นกั เรียนสามารถเขยี นรวบรวม สรปุ และอภิปรายผลโครงงาน

3. สาระการเรยี นรู้
หลกั การเขียนรายงานบทที่ 5 สรปุ และอภิปรายผลโครงงาน

4. กจิ กรรมการเรยี นรู้
4.1 ขนั้ นา้
1. ครูรว่ มอภปิ รายถึงความสาคัญของการเขียนรายงานบทท่ี 5 สรปุ และอภปิ รายผลโครงงาน

ว่ามคี วามสาคัญอย่างไร ในการทาโครงงานวา่ ไดด้ าเนินการเป็นอยา่ งไร
4.2 ข้ันสอน
1. ครถู ามกบั นักเรียนวา่ “นักเรียนทราบหรือไม่ว่าในการเขียนรายงานบทที่ 5 สรุป และอภิปรายผล

โครงงาน น้ันต้องประกอบด้วยอะไร และมีวิธีการเขียนอย่างไร ? ” ครูอภิปรายร่วมกับนักเรียนให้นักเรียน
ทราบว่า การเขยี นรายงานบทที่ 5 สรุป และอภิปรายผลโครงงาน การเขียนรายงานในบทนี้ของโครงงานควร
เขียน เพื่อให้ทราบผู้อ่านได้ทราบถึง การสรุปผลการทางานของนักเรียนว่าผลการดาเนินงานตามโครงงานที่
เตรียมไว้ ผลท่ีได้รับเป็นอย่างไร การสรุปผลก็จะสรุปประเด็นตามวัตถุประสงค์ของโครงงานโดยพิจารณาว่า
การดาเนินโครงงานน้ีบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่คิดหวังไว้หรือไม่อย่างไร ถ้าไม่บรรลุเป้าหมายเป็นเพราะสาเหตุ
ใด ประโยชน์ท่ีได้รับจากการทาโครงงานมีอะไรบ้าง มีอุปสรรคใดในการดาเนินโครงงานและสุดท้ายเป็น
ข้อเสนอแนะในการแกป้ ญั หาทเี่ ป็นอปุ สรรค

2. ครแู จกใบงานท่ี 6 พรอ้ มอธบิ ายเพมิ่ เติม และให้นกั เรียนร่วมปรกึ ษากันและร่วมกนั เขยี นสรปุ ผล
การดาเนินโครงงานของนักเรียน

3. นักเรียนร่วมกันปฏิบัติตามแบบกิจกรรม โดยสามารถเขียนสรุปผลการดาเนินโครงงานของ
นักเรียนได้

4.3 ขัน้ สรุป
1. นักเรียนออกมานาเสนอผลงาน โดยนาเสนอหนา้ ชนั้ เรยี นและเปดิ โอกาสใหม้ ีการซักถาม
2. นกั เรียนและครูร่วมกันอภปิ รายสรปุ รว่ มกันว่ารายงานบทท่ี 5 สรปุ และอภิปรายผลโครงงาน ควร

ประกอบด้วย
- การสรปุ ว่าการดาเนนิ โครงงานสามารถบรรลุวัตถปุ ระสงค์มากน้อยเพยี งใด
- ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะได้รบั เปน็ อย่างไร กลา่ วคือได้รับผลประโยชน์อะไรบา้ ง
- ประโยชนท์ ี่ชมุ ชนหรือส่วนรวม หรือกลุ่มเป้าหมายได้รบั อะไรจากการทาโครงงานในครั้งนี้
- ปญั หาและอปุ สรรคในการดาเนนิ โครงงาน
- ขอ้ เสนอแนะแนวทางในการแก้ปญั หาและอุปสรรคในการดาเนินโครงงาน
3. ครมู อบหมายใหเ้ ขียนรายงานบทท่ี 5 ให้ครบถว้ นสมบรู ณ์ตามหวั ข้อทีน่ ักเรียนรว่ มกนั กาหนดไว้

แลว้
4. นดั หมายการเรียนในชว่ั โมงตอ่ ไปจะมีการเรยี นเรื่อง การจดั นิทรรศการและการนาเสนอโครงงาน

5. สอื่ อุปกรณแ์ ละแหลง่ เรยี นรู้
5.1 ใบงานท่ี 6: การเขียนรายงานบทท่ี 5 สรปุ และอภิปรายผลโครงงาน
5.2 ห้องสบื ค้นทางอินเตอรเ์ นต็
5.3 หอ้ งสมดุ

6. การวัดผลประเมนิ ผล

รายการวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ
1. การปฏิบัติกจิ กรรมการเรยี นรู้ -ใบงานที่ 6
- สงั เกตจากการ ระดับคุณภาพ
ตอบคาถาม ดี :- เขียนได้ชัดเจน
-สงั เกตจากการร่วม ครอบคลุม
กจิ กรรม ปานกลาง :- เขียนได้
- ตรวจใบงาน บางสว่ น ไม่ครอบคลมุ
พอใช้ :- เขยี นได้ไมช่ ดั เจน
ไมค่ รอบคลมุ

7. บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู้
7.1 ผลการสอน / ผลการเรยี นรู้

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

7.2 ปัญหา อปุ สรรค และขอ้ ค้นพบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

7.3 ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………
…………………………………………..…………………………………………………………………………………………………..………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่อื ……………………………………. ครผู ูส้ อน
(นางสาวเจนจิรา นา้ หล่าย)
ตาแหน่ง ครผู สู้ อน

วันที่ ……… เดือน ………………….. พ.ศ. …………….

(ลงชื่อ).....................................................
(พระครูโสภณปญั ญาธร)

ตาแหนง่ ผู้อานวยการโรงเรียนเชตวันวิทยา
วันท.่ี ........เดอื น.......................พ.ศ. ..............

ใบงานที่ 6
แบบฟอร์มการเขยี นรายงานบทที่ 5 สรุป และอภปิ รายผลโครงงาน

ช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันใหน้ กั เรยี นช่วยกันเขียนสรปุ และอภิปรายผลโครงงานจากการ
ดาเนินโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
1. สรุปผลการศึกษา

............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................ ..

2. ประโยชน์ทีไ่ ด้รับ
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................................. .
..........................................................................................................................................................

3. ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................................................. .................................................
....................................................................................................................................................................... .......
............................................................................................................................ ..................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................. ..

เรอื่ ง การนาเสนอโครงงาน แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 6
วชิ าโครงงานวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่วั โมง
ภาคเรียนที่ 2 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5
ปีการศกึ ษา 2563

สอนโดย นางสาวเจนจริ า นา้ หล่าย

1. สาระสาคญั
การแสดงผลงานเปน็ งานขั้นสดุ ทา้ ยและสาคัญอกี ประการหนง่ึ ของการทาโครงงาน เป็นการเสนอ

ผลงานที่ไดศ้ ึกษาค้นควา้ ให้คนอ่นื ได้รับรแู้ ละเข้าใจถงึ ผลงาน การวางแผนออกแบบเพ่ือจดั แสดงผลงานนัน้ มี
ความสาคัญเท่าๆกบั การทาโครงงาน การแสดงผลงานน้ันอาจทาไดใ้ นรปู แบบต่างๆ กัน เช่น การแสดงในรูป
นทิ รรศการ ซึ่งมีท้ังการจัดแสดงและการอธิบายด้วยคาพูดหรือในรปู ของการจดั แสดง โดยไม่มีการอธบิ าย
ประกอบ หรือในรูปของการรายงานแบบปากเปล่า ไม่ว่าการแสดงผลจะอยู่ในรปู แบบใดควรจดั ใหค้ รอบคลุม
ประเดน็ ตา่ งๆ

2. ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวัง
นกั เรียนสามารถดาเนินการจัดนิทรรศการและนาเสนอผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์ในเรื่องท่ี

นกั เรียนสนใจเลือกทาได้

3. สาระการเรียนรู้
การดาเนินการจัดนทิ รรศการและหลกั การนาเสนอผลงานโครงงานวทิ ยาศาสตร์ตามแผนทีว่ างไว้

4. กิจกรรมการเรยี นรู้
4.1 ข้ันนา
1. ครูสอบถามนักเรยี นถึงการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ว่าได้ดาเนนิ การเปน็ อยา่ งไรแลว้ นกั เรียนทราบ

ถึงหลกั การจัดแสดงและนาเสนอผลงานหรอื ไม่ว่ามหี ลักการอย่างไรบ้าง?
4.2 ข้นั สอน
1. ครูให้นักเรยี นบอกหลักการในการนาเสนอโครงงานว่านักเรียนคิดวา่ มีหลกั การนาเสนออย่างไร?
2. ครนู าเสนอ Power Point ประกอบการสอน เร่ือง การนาเสนอโครงงาน
4.3 ข้ันสรปุ
นกั เรียนและครูร่วมกนั อภปิ รายสรปุ หลกั การนาเสนอโครงงาน และการจัดนิทรรศการ เพ่ือเตรยี ม

ความพร้อมในการนาเสนอในวนั จัดแสดงผลงานนทิ รรศการโครงงานของโรงเรียน

5. ส่อื อปุ กรณแ์ ละแหล่งเรียนรู้
5.1 Power Point ประกอบการสอน เรื่อง การนาเสนอโครงงาน
5.2 ใบความรทู้ ่ี 3 : เรื่อง การนาเสนอโครงงานวทิ ยาศาสตร์

6. การวดั ผลประเมนิ ผล

รายการวดั และประเมินผล วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
1. การปฏิบตั ิกิจกรรมการเรยี นรู้
- สังเกตจากการ -แบบสังเกต -นักเรียนร้อยละ 80 ได้
ตอบคาถาม พฤติกรรมการเรียน คะแนนระดับคุณภาพดีขน้ึ
-สงั เกตจากการร่วม ไป
กิจกรรม

7. บนั ทกึ หลังการจัดการเรียนรู้
7.1 ผลการสอน / ผลการเรียนรู้

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

7.2 ปญั หา อุปสรรค และขอ้ ค้นพบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

7.3 ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………
…………………………………………..…………………………………………………………………………………………………..………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ ……………………………………. ครผู ู้สอน
(นางสาวเจนจริ า นา้ หลา่ ย)
ตาแหนง่ ครผู ูส้ อน

วนั ท่ี ……… เดือน ………………….. พ.ศ. …………….

(ลงช่อื ).....................................................
(พระครโู สภณปัญญาธร)

ตาแหน่ง ผอู้ านวยการโรงเรยี นเชตวนั วิทยา
วนั ท.่ี ........เดอื น.......................พ.ศ. ..............

ใบความรูท้ ี่ 3
เรอื่ งการนาเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์

คณิตศาสตร์
คาชแ้ี จง : ให้นักเรียนศึกษาทาความเข้าใจในเอกสารใบความร้แู ล้วร่วมกันอภปิ รายภายโครงงาน

หลกั การนาเสนอโครงงาน
ในการนาเสนอผลงานต้องอธิบายหรอื รายงานปากเปลา่ หรือตอบคาถามตา่ งๆ ต่อผชู้ มหรือกรรมการตัดสนิ โครงงาน
การอธิบาย ตอบคาถามหรือรายงานปากเปล่านั้นควรคานึงถงึ ส่งิ ต่าง ๆ ต่อไปน้ี
1. ตอ้ งทาความเข้าใจกับเรื่องที่จะอธิบายเปน็ อย่างดี
2. คานึงถึงความเหมาะสมของภาษาที่ใชก้ ับระดับผู้ฟัง ควรให้ชัดเจน และเขา้ ใจงา่ ย
3. ควรรายงานอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม
4. พยายามหลกี เลย่ี งการอา่ นรายงาน แตอ่ าจจดหัวข้อสาคญั ๆได้ เพื่อชว่ ยใหก้ ารรายงานเปน็ ไปตามขัน้ ตอน
5. อยา่ ท่องจารายงาน เพราะทาให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ
6. ขณะรายงานควรมองตรงไปยังผู้ฟงั
7. เตรียมตัวสาหรับการตอบคาถามทเี่ กีย่ วกับเรอื่ งนนั้ ๆ
8. ตอบคาถามอยา่ งตรงไปตรงมา ไม่จาเปน็ ต้องกล่าวถึงส่งิ ทไ่ี มไ่ ด้ถาม
9. หากตดิ ขดั ในการอธบิ ายควรยอมรับโดยดี อย่ากลบเกล่อื นหรือหาทางเลี่ยงเป็นอย่างอ่นื
10. ควรรายงานให้เสร็จในเวลาที่กาหนด
11. หากเปน็ ไปไดค้ วรใช้สอื่ ประเภทโสตทศั นูปกรณ์ประกอบการรายงานดว้ ย

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ศัพท์ทางทหาร military words แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 พจนานุกรมศัพท์ทหาร ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง ไทยแปลอังกฤษ ประโยค lmyour แปลภาษา การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ประปาไม่ไหล วันนี้ ฝยก. ย่อมาจาก หยน ห่อหมกฮวก แปลว่า เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษาจีน ่้แปลภาษา onet ม3 การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ตตตตลก บบบย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ เขียน อาหรับ แปลไทย เนื้อเพลง ห่อหมกฮวก แปลไทย asus zenfone 2e กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การประปานครหลวง ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบภาษาอังกฤษ ม.ปลาย พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ชขภใ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน นยน. ย่อมาจาก ทหาร บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ฝสธ. ย่อมาจาก มัดหัวใจเจ้าชายเย็นชา 2 ซับไทย มัดหัวใจเจ้าชายเย็นชา 2 เต็มเรื่อง ยศทหารบก เรียงลําดับ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 รัชกาลที่ 10 ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด