1. องค์ความรู้การแพทย์แผนไทย ได้แก่ ตำราการแพทย์แผนไทย คัมภีร์การแพทย์แผนไทย ตำรับยาแผนไทย และทฤษฎีการแพทย์แผนไทย
1.1 ตำราการแพทย์แผนไทย ความรู้ที่ได้จากตำราการแพทย์แผนไทย คือ องค์ความรู้และ ประสบการณ์ของการแพทย์แผนไทยที่มีการบันทึกลงในสมุดไทย สมุดข่อย ใบลาน หรือวัสดุอื่นใดที่มีการถ่ายทอดและคัดลอกสืบต่อกันมา โดยมากตำรามักจะประกอบด้วยหลายๆ คัมภีร์แพทย์ ตำราการแพทย์แผนไทยที่เป็นตำราหลักหรือตำรามาตรฐานที่ใช้ในการเรียนการสอนแพทย์แผนไทย โดยตำราที่กระทรวงสาธารณสุขรับรอง ประกอบด้วย
และในส่วนของกลุ่มงานคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย สังกัดสถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้แต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อทำการศึกษา วิเคราะห์ และพิจารณาตำรับยาแผนไทยของชาติ ตำรับยาแผนไทยทั่วไปตำราการแพทย์แผนไทยของชาติ และตำราการแพทย์แผนไทยทั่วไป และได้สรุปบัญชีรายชื่อตำราการแพทย์แผนไทยของชาติ และตำราการแพทย์แผนไทยทั่วไป จากการประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดทำตำรายาแผนไทย/ ตำราการแพทย์แผนไทยของชาติ/ ทั่วไป ครั้งที่ 1 ดังนี้ ตำราการแพทย์แผนไทยของชาติ มีดังนี้
ตำราการแพทย์ทั่วไป มีดังนี้
และมีตำราอีก 1 เล่ม ที่ไม่สามารถจัดเข้าเกณฑ์เป็นตำราการแพทย์แผนไทยของชาติ หรือตำราการแพทย์ทั่วไป ได้แก่ อายุรเวทศึกษาของขุนนิเทสสุขกิจ แต่ภายหลังจากการประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดทำตำรายาแผนไทย/ ตำราการแพทย์แผนไทยของชาติ/ ทั่วไป ครั้งที่ 3 ได้ประกาศตำราการแพทย์ของชาติ ประกอบด้วย 4 เล่ม ดังนี้
นอกจากตำราดังกล่าว ยังมีตำราที่ใช้ในการอ้างอิง และถือว่าเป็นตำราที่มีคุณค่าควรแก่การศึกษาและการอนุรักษ์ ได้แก่
ตำราที่กล่าวมาเป็นเพียงสังเขป ยังมีตำราการแพทย์แผนไทยอีกหลายเล่มที่ควรมีไว้ใช้ในการศึกษา สำหรับการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย 1.2 คัมภีร์แพทย์แผนไทย คัมภีร์แผนไทยมีหลายคัมภีร์ ซึ่งมักจะรวบรวมอยู่ในตำราต่าง ๆ คัมภีร์ที่ควรศึกษาเป็นพื้นฐาน ได้แก่
1.3 ตำรับยาแผนไทย ประกอบด้วย ชื่อตำรับยา ตัวยาในตำรับ วิธีการทำและสรรพคุณในการรักษา ตำรับยาแผนไทยที่กลุ่มงานคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยได้มีการพิจารณาโดยคณะทำงานพิจารณาตำรับยาแผนไทยทั่วไป และตำรับยาแผนไทยของชาติ ได้แก่ 1) ตำรับยาในตำราพระโอสถพระนารายณ์ เป็นตำราที่หมอหลวงได้ประกอบถวายสมเด็จพระนารายณ์ โดยในตำรับยาประกอบด้วย ชื่อหมอ วันคืนที่ตั้งพระโอสถ และสรรพคุณในการรักษา ตำรับยาดังกล่าวจะมีหมอปรุงยา ประกอบหมอหลวง 4 คน หมอพื้นบ้าน(หมอราษฎ์) 1 คน หมอจีน 1 คน หมออินเดีย 1 คน และหมอฝรั่ง 2 คน 2) ตำรับยาในตำรายาจารึกวัดราชโอรสจารึกในสมัยรัชกาลที่ 2 โดยให้จารึกตำรายาไทยไว้ในแผ่นศิลา ประดิษฐานที่วัดราชโอรส (วัดจอมทอง) ผู้ควบคุม คือ พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ซึ่งตำรับยาดังกล่าวไม่ปรากฏผู้เป็นเจ้าของตำรา ซึ่งน่าจะเป็นฉบับหลวงที่ผ่านการชำระและตรวจสอบเป็นอย่างดีแล้ว 3) ยาสามัญประจำบ้าน ประกาศโดยกระทรวงสาธารณสุข ประกอบด้วยยาสามัญประจำบ้าน 27 ขนาน ได้แก่
1.4 ทฤษฎีการแพทย์แผนไทย ในส่วนทฤษฎีการแพทย์พื้นฐาน อัน ได้แก่ ธาตุสมุฏฐาน อุตุสมุฏฐาน อายุสมุฏฐาน และกาลสมุฏฐาน บางคัมภีร์รวมถึงประเทศสมุฏฐานด้วย คัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง เรื่องสมุฏฐานที่ตั้งแต่แรกเกิดของโรคนั้น ได้แก่ คัมภีร์เวชศึกษา คัมภีร์สมุฏฐานวินิจฉัย คัมภีร์โรคนิทาน คัมภีร์ธาตุภังค์ และคัมภีร์ธาตุวิวรณ์ ซึ่งในที่นี้ขอกล่าวเฉพาะคัมภีร์เวชศึกษา ดังนี้
2. การถ่ายทอดของระบบการแพทย์แผนไทย ประกอบด้วย 2.1 การถ่ายทอดในระบบสถาบันการศึกษา ความรู้ที่ได้จากสถาบันการศึกษา เป็นความรู้ที่ได้จากการศึกษาจากสถานศึกษาที่คณะกรรมการรับรอง กล่าวคือ ต้องเป็นการศึกษาจากสถาบันการศึกษาที่ผ่านการรับรองว่ามีหลักสูตรได้มาตรฐาน จากคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทย และการแพทย์แผนไทยประยุกต์ กองการประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุข อนึ่งการถ่ายทอดในระบบสถาบันการศึกษาจะมีโครงสร้างหลักสูตรชัดเจน และมีคณาจารย์ในหลักสูตรเป็นไปตามเกณฑ์ของสกว.ด้วย สถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับแพทย์แผนไทย สามารถแบ่งได้เป็น สถาบันการศึกษาแพทย์แผนไทย และสถาบันการศึกษาแพทย์แผนไทยประยุกต์ ระดับต่ำกว่าปริญญาตรี และระดับปริญญาตรี 2.2 การถ่ายทอดความรู้เพื่อการสอบขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ โดยแพทย์แผนไทยที่มีใบประกอบโรคศิลปะ มีการมอบตัวศิษย์ การขอขึ้นทะเบียนและการสอบขึ้นทะเบียนเป็นผู้ที่มีใบประกอบโรคศิลปะตามสาขาที่ตนเล่าเรียนมา ความรู้ที่ได้จากครูรับมอบตัวศิษย์ เป็นความรู้ที่ได้จากการถ่ายทอดการเรียนสืบต่อกันมาโดยครูแพทย์แผนไทย ถือว่าเป็นการถ่ายทอดแบบปัจเจกชน สามารถแบ่งครูแพทย์ไทยได้ตามประเภทของการแพทย์แผนไทย ได้เป็น ครูเวชกรรมไทย ครูเภสัชกรรมไทย ครูผดุงครรภ์ไทย และครูนวดไทย การกำหนดการรับมอบตัวศิษย์ต้องตรงตามประเภทของการแพทย์แผนไทย และตรงตามระยะเวลาที่กำหนด ดังนี้ 1) ประเภทเวชกรรมไทย ได้รับการมอบตัวศิษย์เป็นเวลาสืบเนื่องกันไม่น้อยกว่าสามปี จากครูผู้ประกอบโรคศิลปะแพทย์แผนไทย ประเภทเวชกรรมไทย องค์ความรู้เวชกรรมไทย คือ กิจ 4 ประการ ได้แก่
2) ประเภทเภสัชกรรมไทย ได้รับการมอบตัวศิษย์เป็นเวลาสืบเนื่องกันไม่น้อยกว่าสองปี จากครูผู้ประกอบโรคศิลปะแพทย์แผนไทย ประเภทเภสัชกรรมไทย องค์ความรู้เภสัชกรรมไทย ประกอบด้วยหลักเภสัช 4 คือ
ดังนั้น ตามหลักการของเภสัชกกรมไทย จะต้องมีความรู้หลักเภสัช 4 ดังกล่าวข้างต้น จึงจะสามารถเตรียมยา ผลิตยา เลือกสรรยา ปรุงยาและจ่ายยาได้ ตามการประกอบโรคศิลปะหรือประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมไทย 3) ประเภทการผดุงครรภ์ไทย ได้รับการมอบตัวศิษย์เป็นเวลาสืบเนื่องกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปี จากครูผู้ประกอบโรคศิลปะแพทย์แผนไทย ประเภทการผดุงครรภ์ไทย ผู้ที่จะเป็นผดุงครรภ์จะต้องมีความรู้และความสามารถวินิจฉัยจำแนกสภาวะของหญิงมีครรภ์และหญิงหลังคลอดได้ เพื่อให้การดูแลที่ถูกต้องและเหมาะสม องค์ความรู้การผดุงครรภ์ ได้แก่
4) ประเภทการนวดไทย ได้รับการมอบตัวศิษย์เป็นเวลาสืบเนื่องกันไม่น้อยกว่าสองปีจากครูผู้ประกอบโรคศิลปะแพทย์แผนไทย ประเภทการนวดไทย องค์ความรู้การนวดไทย ได้แก่
2.3 การถ่ายทอดความรู้ตามแบบพื้นบ้าน การแพทย์พื้นบ้านเป็นวิธีการรักษาโรคของชุมชน ที่ได้สั่งสมสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ มีความหลากหลายแตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกันกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของแต่ละชุมชนหรือท้องถิ่นนั้น ๆ เป็นระบบการแพทย์ที่มีบทบาทในการดูแลรักษาสุขภาพแบบองค์รวม การถ่ายทอดความรู้หรือภูมิปัญญาหมอพื้นบ้าน เป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยความพยายาม ความอดทน ความพากเพียร การเรียนรู้และฝึกฝนด้วยตนเองที่จะจดจำคำสอน และต้องหั่นคอยสังเกตติดตามไถ่ถามจากครูบาอาจารย์ ครูหมอพื้นบ้านจึงจำเป็นต้องมีการคัดเลือกถึงความเหมาะสมและคุณสมบัติของลูกศิษย์ เช่น จะต้องดูนิสัยใจคอ ว่าจะต้องเป็นผู้มีเมตตา ความซื่อสัตย์ ความกตัญญู และความอดทน กล่าวโดยสรุป คือ ต้องเป็นคนที่มีคุณธรรม เพราะนอกจากความรู้ความชำนาญในศาสตร์การแพทย์พื้นบ้านแล้ว คุณธรรมและจริยธรรมก็มีส่วนสำคัญ เพราะชีวิตผู้ป่วยอยู่ในกำมือของหมอนั้นเอง การสืบทอดภูมิปัญญาหมอพื้นบ้านมี 2 วิธีการ คือ การสืบทอดจากบรรพบุรุษ และการสืบทอดจากครูหมอพื้นบ้าน ดังนี้
สำหรับวิธีการถ่ายทอดภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านนั้น มีวิธีการและขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1) ขั้นตอนการสมัครเป็นศิษย์ จะต้องมีพิธีกรรมการขึ้นครูหรือยกครู การสมัครเข้าเป็นศิษย์ ส่วนมากจะต้องเตรียมขันธ์ 5 และเงินค่ายกครู 2) ขั้นตอนการศึกษา เมื่อรับเป็นศิษย์แล้วครูหมอพื้นบ้านจะแนะนำข้อปฏิบัติของหมอพื้นบ้าน สอนการบริกรรมคาถา สอนภาษาโบราณ เช่น ภาษาขอม ภาษาบาลี เป็นต้น ส่วนเรื่องตำราที่ใช้ของครูหมอนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคัมภีร์ใบลาน และให้ฝึกปฏิบัติจากของจริง เช่น การศึกษาต้นไม้ วิธีการเก็บยา การปรุงยา และการตั้งยา เป็นต้น ถือว่าเป็นการเรียนรู้แบบประสบการณ์ ต้องหมั่นสังเกตและจดจำเรียนรู้ในสิ่งที่ครูหมอถ่ายทอด และสั่งสอนการเป็นหมอพื้นบ้านให้ 3) ขั้นตอนการประกอบวิชาชีพหมอพื้นบ้าน เมื่อศึกษาในส่วนของสมุนไพรและยาเป็นที่ชำนาญแล้ว ครูหมอก็จะสอนให้เรียนรู้การตรวจวินิจฉัยโรคและการบำบัดรักษาโรคของคนไข้ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของครูหมอพื้นบ้าน การฝึกปฏิบัติเริ่มต้นต้องคอยเป็นลูกมือก่อน เมื่อได้ปฏิบัติฝึกฝน เรียนรู้จนเกิดความชำนาญและสามารถรักษาคนไข้ได้เองโดยลำพังแล้ว ก็นับได้ว่าสำเร็จการศึกษา แต่ก็ไม่ควรหยุดการศึกษาหาความรู้และหมั่นเพิ่มพูนประสบการณ์การประกอบวิชาชีพการเป็นหมอพื้นบ้าน ……………………………….. บรรณานุกรม กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข.
(2546).พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542. กรุงเทพมหานคร: สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี. |