มีหลายสาเหตุที่อาจส่งผลให้ปัญหานี้เกิดขึ้น คุณสามารถวินิจฉัยว่าเป็นปัญหาจากฮาร์ดแวร์หรือไม่โดยการไปที่ หรือเปิด การสนับสนุน แตะที่ การตรวจสอบ แล้วเลือกเพื่อทดสอบ หูฟัง และ ลำโพง หากตัวรับสัญญาณหรือลำโพงมีข้อบกพร่อง ให้สำรองข้อมูลของคุณและนำอุปกรณ์และหลักฐานการซื้อไปยังศูนย์บริการลูกค้า Huawei ที่ได้รับอนุญาตเพื่อขอรับการวินิจฉัย หากไม่พบข้อผิดพลาด ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้: Show
1 ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกอยู่หรือไม่ เช่น หูฟังบลูทูธยกเลิกการเชื่อมต่ออุปกรณ์จากอุปกรณ์ภายนอก จากนั้นลองอีกครั้ง 2 ตรวจสอบว่าเครื่องเล่นวิดีโอทำงานอย่างเหมาะสมหรือไม่เล่นวิดีโออื่นเพื่อตรวจสอบว่าปัญหาเกิดขึ้นกับเครื่องเล่นวิดีโอหรือไม่ หากปัญหายังคงอยู่ ให้ติดตั้งเครื่องเล่นวิดีโออีกครั้งหนึ่ง และลองอีกครั้ง 3 ตรวจสอบรูปแบบไฟล์วิดีโอวิดีโออาจถูกปิดเสียงหากเครื่องเล่นวิดีโอไม่รองรับรูปแบบวิดีโอ ลองเล่นวิดีโอในเครื่องเล่นเสียงอื่น 4 ตรวจสอบว่าไฟล์วิดีโอเสียหายหรือไม่ลองเล่นวิดีโอบนอุปกรณ์อื่น หากเล่นวิดีโอบนอุปกรณ์นั้นไม่ได้ แสดงว่าไฟล์วิดีโออาจได้รับความเสียหาย 5 รีสตาร์ทอุปกรณ์รีสตาร์ทอุปกรณ์ของคุณเพื่อปิดแอปที่ทำงานอย่างไม่ถูกต้อง จากนั้นลองเล่นวิดีโออีกครั้ง 6 หากปัญหายังคงอยู่หากปัญหายังคงอยู่ ให้สำรองข้อมูลของคุณและนำอุปกรณ์ รวมทั้งหลักฐานการซื้อไปยัง ศูนย์บริการลูกค้า Huawei ที่ได้รับอนุญาตเพื่อขอรับความช่วยเหลือ หากเสียงจากหูฟังไร้สายของคุณหายไปหรือมีเสียงเพี้ยนหากเสียงจากหูฟังบลูทูธของคุณ ซึ่งรวมถึง AirPods และหูฟัง Beats แบบไร้สาย ติดๆ ดับๆ หรือมีเสียงเพี้ยน ให้ดูสิ่งที่ควรทำ ปรับปรุงการเชื่อมต่อบลูทูธของคุณหูฟังของคุณจะสื่อสารโดยใช้บลูทูธ และสัญญาณบลูทูธสามารถถูกรบกวนหรือทำให้สัญญาณอ่อนลงได้ในบางสถานการณ์ หูฟังของคุณอาจสูญเสียการเชื่อมต่อบ่อยกว่าเมื่อสตรีมเสียงหากเทียบกับการสตรีมคอนเทนต์ที่จัดเก็บอยู่ในอุปกรณ์ของคุณ* เมื่ออุปกรณ์ของคุณอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ฟุต ให้ลองฟังเพลงหรือคอนเทนต์เสียงอื่นๆ ที่จัดเก็บอยู่ในอุปกรณ์ของคุณและไม่ได้สตรีมด้วยหูฟังของคุณ บนอุปกรณ์ iOS หรือ Android ของคุณ ให้เปิดแอปเพลง บน Mac ที่มี macOS Catalina ให้เปิดแอปเพลง บนเครื่อง Mac ที่มี macOS Mojave หรือก่อนหน้าหรือบน PC ให้เปิด iTunes จากนั้นเล่นเพลงที่ไม่มีปุ่มดาวน์โหลด ที่อยู่ติดกัน หรือแตะปุ่มดาวน์โหลด เพื่อดาวน์โหลดเพลงดังกล่าวหากหูฟังของคุณยังคงมีการเชื่อมต่อโดยเสียงไม่ผิดเพี้ยนในระหว่างการทดสอบ ต่อไปนี้คือบางสิ่งที่สามารถช่วยได้ในสถานการณ์อื่นๆ
หากการเชื่อมต่อหูฟังของคุณยกเลิกการเชื่อมต่ออยู่เรื่อยๆหากคุณทดสอบหูฟังตามวิธีการที่อธิบายไว้ในส่วนก่อนหน้าแล้ว แต่เสียงของอุปกรณ์ยังขาดการเชื่อมต่อหรือติดๆ ดับๆ อยู่เรื่อยๆ ให้ยกเลิกการจับคู่หูฟังแล้วจับคู่อีกครั้ง ยกเลิกการจับคู่หูฟังของคุณยกเลิกการจับคู่จาก iPhone:
ยกเลิกการจับคู่จากอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ของ Apple:
จับคู่หูฟังของคุณอีกครั้ง* แหล่งสัญญาณเสียงของคุณ เช่น iPhone, Mac หรือคอมพิวเตอร์ Windows หรือโทรศัพท์มือถือ Android วันที่เผยแพร่: 17 พฤษภาคม 2565 เชื่อว่า ผู้ใช้ iPhone จำนวนไม่น้อย เคยเจอปัญหา iPhone เสียงหาย เสียงเรียกเข้าไม่ดัง ทำให้พลาดการติดต่อไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งถ้าใครเจอปัญหานี้ อย่าเพิ่งตกใจและคิดว่า iPhone พัง ให้ลองตรวจสอบก่อนว่า ได้เผลอไปเปิดเป็น Silent Mode หรือลืมเปิดเสียงหรือไม่ แต่บางครั้ง iPhone เสียงหาย อาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นที่ผู้ใช้อาจจะคาดไม่ถึง มาดูกันว่า วิธีแก้ไข iPhone เสียงหายในเบื้องต้น มีอะไรบ้าง 1. ตรวจสอบว่า ได้เปิด Silent Mode หรือไม่ วิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด เมื่อพบว่า iPhone ไม่มีเสียง หรือเสียงหาย ให้ดูที่ปุ่มด้านข้างตัวเครื่องว่า มีการสลับเป็น Silent Mode (ขวา) หรือไม่ เพราะบางทีอาจจะเผลอเปิดโหมดดังกล่าวโดยไม่ตั้งใจ อย่างเช่น ตอนแกะเคสออกมา เป็นต้น 2. ตรวจสอบระดับเสียงที่ Control Center ตรวจสอบระดับเสียงด้วยการเพิ่มเสียง ด้วยการกดที่ปุ่มปรับระดับเสียงที่ด้านข้างตัวเครื่อง หรือเปิด Control Center เพิ่มระดับเสียงดูว่า เสียงจากตัวเครื่องดังออกมาปกติหรือไม่ 3. โหมด Do Not Disturb ต้องปิดใช้งาน iPhone เสียงหาย อาจจะเป็นปัญหาจาก user error เอง ซึ่งบางคนอาจจะเผลอเปิดโหมด Do Not Disturb โดยไม่ตั้งใจ ส่วนวิธีการตรวจสอบว่า ได้เปิดโหมดดังกล่าวหรือไม่ ให้เข้าไปที่ Control Center แล้วดูไอคอนที่เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ตรงนี้คือ ฟีเจอร์ Do Not Disturb นั่นเอง ถ้าหากพระจันทร์เป็นสีม่วง นั่นหมายความว่า ได้ทำการเปิดโหมด Do Not Disturb ให้แตะ 1 ครั้งเพื่อปิด (พระจันทร์เปลี่ยนเป็นสีขาว) โดยโหมดดังกล่าว จะเป็นการปิดเสียงและการแจ้งเตือนทุกอย่าง เพื่อไม่ให้รบกวนเวลานอน หรืออยู่ในระหว่างการประชุม 4. ทดสอบลำโพงเสียงว่าดังปกติหรือไม่ ถ้าหากลองแก้ปัญหาด้วย 3 วิธีข้างต้นแล้ว เสียงก็ยังไม่ดัง ให้ทดสอบลำโพงเสียง iPhone ดูว่า ปกติหรือไม่ ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Sounds & Haptics แล้วเลื่อนแถบสไลด์ไปด้านขวาจนสุด ถ้าหากเสียงริงโทนดังปกติ นั่นหมายความว่า ลำโพงเสียงไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ถ้าหากทำแล้วเสียงก็ยังไม่มี มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดจากฮาร์ดแวร์ ไม่ใช่ที่ซอฟท์แวร์ แบบนี้ต้องส่งซ่อมอย่างเดียว 5. เสียงไม่ดัง อาจจะเป็นที่ตัวแอปฯ เอง ในกรณีที่เปิดใช้งานแอปฯ จากผู้พัฒนารายอื่น แล้วเสียงไม่ดัง บางทีอาจจะเป็นที่ตัวแอปฯ เอง ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ด้วยการเปิดแอปฯ อื่น หรือเปิด YouTube ดูคลิปว่าเสียงดังปกติหรือไม่ ถ้าหากเสียงดังปกติ ให้ปิดแอปฯ ที่ปัญหาแบบ Force Quit แล้วเปิดขึ้นมาใหม่ 6. เปิดเสียงแจ้งเตือนไว้หรือเปล่า การแจ้งเตือนบนระบบ iOS สามารถเลือกเปิด-ปิดตามแอปฯ ได้ ถ้าหากแอปฯ ที่ใช้งานอยู่ ไม่มีเสียงแจ้งเตือนดังออกมา ให้ไปตรวจสอบที่แอปฯ นั้นว่า ได้เปิดแจ้งเตือนพร้อมเสียงหรือไม่ ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Notifications > เลือกแอปฯ ที่มีปัญหา > ตรงหัวข้อ Sound จะต้องเป็นสีเขียว 7. ทำความสะอาดลำโพงเสียง บางครั้ง ปัญหา iPhone เสียงไม่ดัง อาจจะเกิดจากลำโพงเสียงสกปรก มีฝุ่นเกาะอุดตัน ให้ทำความสะอาดลำโพงเสียงด้วยการใช้แปรงขนนุ่มค่อย ๆ ปัดจนสะอาด อย่าใช้เข็มหรือของมีคมปลายแหลมเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ลำโพงเสียหายได้ 8. iPhone เชื่อมต่อกับหูฟังอยู่ ถ้าหาก iPhone มีการเชื่อมต่อกับหูฟัง ไม่ว่าจะเป็นหูฟังแบบมีสาย หรือไร้สาย เสียงจะไม่ดังออกมาที่ลำโพง แต่จะดังที่หูฟังแทน ตรวจสอบให้มั่นใจว่า ไม่ได้มีการเชื่อมต่อ iPhone กับหูฟัง หรือถ้าหากไม่ได้ทำการเชื่อมต่อแล้ว แต่เสียงยังไม่ดังออกมา ให้ปิด Bluetooth แล้วเปิดใหม่อีกครั้ง 9. อัปเดต iOS ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด การอัปเดต iOS ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด จะช่วยแก้ปัญหาหลาย ๆ อย่างได้ รวมถึงการอัปเดตแอปฯ ที่ใช้งานอยู่ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ก็ควรทำด้วยเช่นกัน 10. รีสตาร์ท iPhone วิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด ไม่ว่า iPhone จะมีปัญหาอะไรก็ตาม โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากซอฟท์แวร์ ให้รีสตาร์ท iPhone แล้วเปิดเครื่องใหม่ 11. Reset All Settings นอกจากการรีสตาร์ท iPhone แล้ว อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ถ้าหากเกิดจากซอฟท์แวร์ ก็คือ Reset All Settings ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการรีเซ็ตการเชื่อมต่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Wi-Fi, Bluetooth, VPN, Keyboard และอื่น ๆ เข้าไปที่ Settings > General > Reset > เลือก Reset All Settings ------------------------------------- Update : 10/05/2022 iPhone How to |